ฮั่วหยุนเซียวพลิกดูรูปถ่ายในกระเป๋าเอกสาร คนในภาพถูกจับสวมชุดนักโทษสีขาว หน้าตาของเด็กสาวนั้นสวยสดงดงาม แต่ดวงตาดูน่ากลัวราวกับหมาป่าผู้โดดเดี่ยวทันใดนั้นมือเขาก็หยุดชะงัก เขาคิดเกี่ยวกับเฉินมู่ตอนที่ถูกขังอยู่ในกรงเฉินมู่เองก็เป็นเหมือนหมาป่า อีกฝ่ายทั้งดุร้ายและอันตราย แต่เธอกลับมีออร่าที่ทรงพลังอย่างยิ่งฮั่วหยุนเซียวยัดรูปถ่ายกลับเข้าไปในกระเป๋าเอกสาร ปัดเป่าความคิดของเขาออกไปจากสมองเขาคงจะสงสัยเกินไป อีกาคือฆาตกรของเคโจว พวกเขาต้องใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีเพื่อจับมันมาให้ได้ ส่วนเฉินมู่เป็นแค่เด็กกำพร้าที่ไม่ได้รับการสนับสนุนและดูแลจากตระกูลเฉิน มันจะไปเหมือนกันได้อย่างไร?ฮั่วหยุนเซียวโยนกระเป๋าเอกสารให้โอวจิน และพูดเสียงเข้ม “วันสองวันนี่ฉันไม่ว่าง”โอวจินทำเสียงซุบซิบ “ยุ่งเรื่องอะไร? ยุ่งกับการจับแกะเหรอ?”ฮั่วหยุนเซียวขมวดคิ้ว แต่โอวจินก็ยักไหล่ไม่สนใจ “ก็ไม่ผิดนี่? ถ้าพูดถึงหมาป่าผู้หิวโหยแล้ว เฉินมู่ก็เป็นแค่แกะตัวน้อยเท่านั้น”ทางฝั่งของเฉินมู่ ร่างบางนั่งแท็กซี่ไปที่อพาร์ทเมนท์ของฮั่วหยุนเซียว ใส่รหัสหนึ่งศูนย์สองแปด พลันเสียง “ดิ๊งด่อง” ของประตูก็ดังขึ้นประต
ทุกคำที่พูดออกมาสง่าผ่าเผยราวกับเทพบนท้องฟ้าซู่หรูหลานยืนตัวแข็งทื่อ ประหนึ่งว่าหล่อนมองผ่านเฉินมู่ไป และมองรู้ถึงฝันร้ายของชีวิตเฉินมู่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาครั้งสุดท้ายที่หล่อนเห็นคนลักษณะนี้ บุคลิกที่มีเสน่ห์แบบนี้ นั่นคือแม่ของเฉินมู่!หญิงสาวผู้ภาคภูมิใจที่ยืนอยู่ตรงประตูบ้านของตระกูลเฉิน หล่อนยึดอำนาจของเธอแม้ในยามฝัน!แต่ผู้หญิงคนนั้นเสียชีวิตไปแล้ว ปัจจุบันมีแต่เธอที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์สวยงามแห่งนี้พร้อมกดขี่เด็กกำพร้าผู้โง่เขลานี้ไปทุกวัน ทว่าตอนนี้ ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ในอดีตจะปรากฏขึ้นใหม่อีกครั้งในวันนี้!เฉินมู่เดินขึ้นไปชั้นบนแล้ว แต่ซู่หรูหลานก็ยังมองแผ่นหลังเธอด้วยความหวาดหวั่นไม่หยุดเฉินมู่มีอารมณ์เหมือนกับแม่ของเธอ! เหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ทั้งสูงส่ง เยือกเย็นทว่าเงียบเหงา ทรงพลังและมีเสน่ห์ไม่! หล่อนจะแพ้ไม่ได้! ในชีวิตนี้หล่อนไม่เคยต้องสูญเสียอะไร! หล่อนชนะแม่เฉินมู่มาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วยังจะต้องกลัวอะไรกับเด็กน้อยตัวแค่นี้?เฉินชิงเสวี่ยยังคงนั่งร้องไห้อยู่บนพื้น “ไล่มันออกไป! ไล่มันออกไป!”ซู่หรูหลานตบเฉินชิงเสวี่ยที่ศีรษะอย่างแรงจนเฉินชิงเสวี่ยตกตะ
ฮั่วหยุนเซียวสะบัดผ้าห่มขึ้น ลุกจากเตียงแล้วออกไปพร้อมกับเสื้อคลุม “อยู่ที่ไหน?”ฮานเฉิงเดินตามฮั่วหยุนเซียวไปอย่างเร่งรีบและจริงจัง “ยังอยู่ในเมือง แต่อยู่ในสถานที่เก่า ๆ และดูเหมือนว่ามันจะตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่นั่นด้วย”ฮั่วหยุนเซียวเหลือบมองที่หน้าจอ “ช่างเก่งกล้าจริง ๆ”แฮ็กเกอร์ที่ขโมยเงินของฮั่วหยุนเซียว แถมยังตั้งฐานที่มั่นไว้ใต้จมูกของเขา นี่ถือได้ว่าเป็นการท้าทายอำนาจของฮั่วหยุนเซียวอย่างไม่ต้องสงสัยมีรถรออยู่ที่ทางเข้าโรงพยาบาล ฮั่วหยุนเซียวนั่งเบาะหลังพลันเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการรอคอยแฮ็กเกอร์คนนี้เฉินมู่ขบกัดนิ้วไม่หยุด ม่านรับแสงในตาคมค่อย ๆ หรี่ลง พริตาดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นทว่ายังไม่ทันจะได้มีความสุข หน้าจอก็ดับลง และสัญญาณก็หายไปอีกครั้ง!เฉินมู่รู้สึกเหมือนทำของเล่นหาย เธอหงุดหงิดมาก จากนั้นจึงปิดคอมพิวเตอร์ และเดินลงบันไดไปพร้อมกับกระเป๋าสะพายหลัง การติดตามในวันนี้ไม่มีประโยชน์แล้ว ทุกอย่างต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปรถของฮั่วหยุนเซียวหยุดที่สัญญาณไฟจราจร ฮานเฉิงยื่นแท็บเล็ตให้ฮั่วหยุนเซียวดูด้วยความหงุดหงิดใจ “บอส สัญญาณหาย
จากนั้นก็เคี้ยวมันอย่างระมัดระวังเฉินมู่ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วกระพริบตามองเขา “เป็นยังไงบ้าง อร่อยไหม?”กลิ่นของเนื้อละลายหลอมรวมกันระหว่างริมฝีปากและฟันของเขา รวมไปถึงกลิ่นของแป้ง ทำให้ฮั่วหยุนเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาปรับลิ้นตัวเองให้เข้ากับมัน ก่อนพยักหน้า “ก็ไม่เลวนะ”คำชมของฮั่วหยุนเซียวทำให้เฉินมู่มีความสุขมาก ร่างบางเดินไปพลางกินหมั่นโถวไปพลาง ก่อนเอ่ยถาม “คุณออกจากโรงพยาบาลได้แล้วเหรอ? ดึกขนาดนี้ทำไมคุณถึงมาที่นี่ล่ะ?”ฮั่วหยุนเซียวหยุดเท้าครู่หนึ่ง แล้วพูดตอบกลับ “อืม ผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว ออกมาทำอะไรบางอย่างนะ”ทั้งสองเดินไปที่สี่แยก พลันเห็นฮานเฉิงยืนรออยู่ข้างรถ เฉินมู่ค่อยหัวไปมองที่ฮั่วหยุนเซียว เห็นได้ชัดว่านี่คงเป็นการเดินเล่นมากกว่าการทำงานเสียแล้วฮั่วหยุนเซียวหันศีรษะไปที่เฉินมู่บ้าง “คุณจะกลับบ้านเลยไหม? ผมจะได้ไปส่ง”เฉินมู่พยักหน้า “อืม กลับเลย แต่พรุ่งนี้เช้าฉันจะต้องไปทำขนมที่บ้านคุณ ตอนเช้าคุณอยู่บ้านไหม?”ฮั่วหยุนเซียวอมยิ้ม “อยู่”พอทั้งสองนัดกันเสร็จ เฉินมู่ที่ยืนอยู่ข้างถนนก็รีบทานของกินในมือให้เสร็จเรียบร้อย เพื่อไม่ให้รถเบนท์ลีย์ที่ราคาแพงคันนี้เ
เฉินมู่หยิบคุกกี้ชิ้นเล็ก ๆ ออกมาทีละชิ้นแล้วใส่ลงในกล่อง จากนั้นร่างบางก็ถือกล่องเดินไปที่ห้องนั่งเล่นพลันประตูห้องนอนใหญ่เปิดออก ความดีใจทำให้เฉินมู่เหลือบมองไปทางห้องนอนและทักทายอย่างร่าเริง “คุณฮั่ว สวัส…”ก่อนที่คำว่า “ดี” จะเอ่ย เสียงนั่นหยุดลงกะทันหัน พร้อมกับร่างที่หยุดนิ่ง มือของเธอที่ถือคุกกี้หยุดค้างอยู่กลางอากาศอย่างเชื่องช้า ดวงตาคมจ้องไม่กะพริบพลางชื่นชมชายตรงหน้า...เพิ่งออกจากอ่างอาบน้ำเหรอ?ชายหนุ่มคงจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ มีปอยผมห้อยลงมาเล็กน้อย รวมทั้งหยดน้ำที่ไหลลงมาตามร่างของเขา มันกลิ้งไปมาบนกล้ามเนื้อและหน้าท้องที่แข็งแรง ก่อนจะซึมหายไปในผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวสอบไว้ฮั่วหยุนเซียวถือผ้าเช็ดตัวอีกผืนไว้ในมือข้างหนึ่ง เขาใช้มันเช็ดผมด้านหลังใบหูพลางเอนตัวพิงกรอบประตูอย่างเกียจคร้าน เสียงของเขาแหบแห้ง “คุณเฉิน น้ำลายหกแล้วนะ”เฉินมู่รีบกลืนน้ำลายแล้วหันกลับไปอีกทางทันที “ฉันไม่รู้คุณ...เอ่อ...ฉันมาที่นี่เพื่อทำ...คุกกี้ ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ไม่เห็น มัน…”เหมือนดั่งสวรรค์กลั่นแกล้ง เมื่อวานเธอเพิ่งนึกถึงรูปลักษณ์ของฮั่วหยุนเซียวในใจเงียบ ๆ แต่วันนี้กลับต้องมาน้ำลา
เฉินมู่รู้สึกว่าตัวเองชะงักกลายเป็นหินไปห้าวินาที คำพูดของฮั่วหยุนเซียวยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด คุณชอบไหม ชอบไหมเหรอ?ชอบก็บ้าแล้ว! ที่เธอยอมทุ่มเทความพยายามทั้งหมด ไม่ใช่เพื่อตำราอาหารบ้า ๆ นี่! แถมยังมีลายเซ็นเชฟอีก มันไม่เกี่ยวอะไรกับจุดประสงค์หลักของเธอเลยไม่ใช่เหรอ?ผู้ชายคนนี้ยังจำได้ไหมว่าเขาซื้อบริษัทของเธอไป!!“เฉินมู่?” เสียงของฮั่วหยุนเซียวดึงความคิดของเธอกลับมาเฉินมู่บีบตำราอาหารไร้สาระนี้ในมือแน่น ก่อนจะพูดอย่างนอบน้อม “ชอบ...ชอบมาก ขอบคุณคุณฮั่วนะคะ”พลันร่างบางก็หันหลังเดินจากไปพร้อมความรู้สึกสับสนในใจ วิธีนี้ใช้ไม่ได้แล้ว เธอคงต้องใช้วิธีอื่นเพื่อเอาบริษัทกลับมาให้ได้“เฉินมู่” ฮั่วหยุนเซียวเรียกอีกครั้งขาเรียวหยุดเดิน แต่ยังไม่หันหลังกลับ ถ้าจะให้พูดตามตรง ตอนนี้เธอไม่ต้องการเห็นหน้าฮั่วหยุนเซียวไม่ใช่เพราะโกรธ แต่แค่รู้สึกว่าความพยายามของตัวเองนั้นสูญเปล่า เฉินมู่เหนื่อยมากและต้องการพักผ่อนสมองฮั่วหยุนเซียวมองไปที่แผ่นหลังของหญิงสาว เขารู้สึกว่าอารมณ์ของเฉินมู่เปลี่ยนไป หล่อนดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย แต่กลับปฏิเสธที่จะพูดออกมา“นี่ไม่ใช่ของขวัญที่คุณต
ไม่นานคนรับใช้ก็มาเคาะประตูเรียก “คุณหนูใหญ่ คุณปู่กลับมาแล้ว ท่านให้มาเรียกคุณไปทานอาหารด้วยกันค่ะ!”เฉินมู่ลูบจัดผมยาวยุ่ง ๆ ของตัวเองพักหนึ่ง ที่ผ่านมาคุณปู่ไปพักตากอากาศที่รีสอร์ทบนภูเขา ดังนั้นช่วงที่ครอบครัวกำลังประสบปัญหาท่านจึงไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็นเลย ทว่าวันนี้ท่านกลับมาแล้ว แต่ทำไมถึงเรียกหาเธอด้วยเลยล่ะ?“รู้แล้ว” เฉินมู่เอ่ยพลางรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของคุณปู่ช้า ๆตระกูลเฉินมักจะมารวมตัวกันที่ห้องอาหารของคฤหาสน์เสมอ ส่วนคุณปู่จะทานอาหารในห้องส่วนตัวของตนเป็นครั้งคราว แต่ท้ายที่สุด ทั้งครอบครัวก็ต้องมารวมตัวกันที่ห้องอาหารอยู่ดีเมื่อเฉินมู่เดินเข้าไปก็เห็นว่าครอบครัวของเฉินลี้ซานนั่งอยู่รอบ ๆ ตัวท่าน คุณปู่ต้องมีอะไรจะประกาศแน่ ๆ ถึงได้เรียกหาทุกคนแบบนี้“คุณปู่” เฉินมู่กล่าวทักทาย จากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งลงเฉินลี้ซานเอ่ยขึ้นบ้าง “พ่อ ที่พ่อเรียกหาพวกเราไปทั้งหมด เพราะมีอะไรจะประกาศใช่ไหมครับ?”คุณปู่พยักหน้ายิ้ม ๆ “ในเมื่อทุกคนอยู่ที่นี่กันครบแล้ว ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอก กองทุนเทียนสื่อส่งจดหมายเชิญมาให้ฉัน กองทุนนี้เป็นงานการกุศล
เมื่อถามคำถามออกมา เฉินลี้ซานก็หยุดพูด ส่วนซู่หรูหลานก็มองไปทางอื่นและนิ่งเงียบนี่เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจมาก แต่กลับไม่มีใครตอบในที่สุดคุณปู่ก็ทำลายความเงียบ “เพราะแม่ของหลานยังไงล่ะ ก่อนที่เธอจะตั้งครรภ์ แม่หลานทำหน้าที่เป็นครูในเขตสงครามเป็นเวลาหนึ่งปี และได้รับการยอมรับเป็นพิเศษในฐานะสมาชิกจากกองทุนเทียนสื่อ”เฉินมู่ยิ้มเล็กน้อย “ใช่ กองทุนเทียนสื่อมีไว้เพื่อการบรรเทาทุกข์ ดังนั้นสมาชิกของกองทุนจะต้องมีทรัพยากรทางการเงินที่เข้มแข็ง ความสัมพันธ์ที่กว้างขวาง และการกุศลที่กระตือรือร้น แม่ของหนูเสี่ยงชีวิตเพื่อแลกกับความเคารพเช่นนั้น แล้วทำไมยังจะดึงเฉินชิงเสวี่ยเข้ามาอีกล่ะค่ะ?”ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเฉินมู่กำลังทำให้เธออับอาย!เธอเข้ามาได้ยังน่ะเหรอ? แน่นอนว่าเธอและเฉินลี้ซานก็แอบอ้างใช้สิทธิ์ของผู้หญิงที่ตายแล้วเข้าไปเป็นสมาชิกในกองทุนน่ะสิ!เฉินมู่วางมือลงที่โต๊ะ พลันมองไปทางเฉินชิงเสวี่ยที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างเย็นชา “คุณปู่คะ ถามหนูว่าหนูคิดยังไงเหรอคะ? หนูคิดว่าไม่มีใครสามารถขโมยของของแม่ไปได้ นอกจากหนู!”ซู่หรูหลานเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “เสี่ยวมู่ พูดแบ