 LOGIN
LOGINตอนที่ 3
ไช่ลี่เฉินผู้ไร้น้ำใจ
ยามที่จอมมารหลานต้าตัวระเบิดไปต่อหน้าต่อตา มี่มี่มีอายุเพียงเก้าขวบเท่านั้น หลังจากนางที่เป็นลูกคนโตขึ้นครองตำแหน่งจอมมารของโลกปีศาจนางก็ได้พลังงานของบิดาหลังจากร่างระเบิดมาครอบครองทันที หรืออาจเรียกว่าเป็นการสืบทอดจากพ่อไปสู่ลูกก็ว่าได้
มี่มี่เลี้ยงดูพวกเด็กๆ ของนางมาเป็นเวลาสี่ปีได้ ยามนี้พวกนางอายุสิบสามปี ยกเว้นเพียงแต่โจวเฉินที่สมองอาจตามหลังมาช้าหนึ่งปี ถึงแม้ว่าทั้งสี่จะเข้าไปอยู่ในเปลือกหอยพร้อมกัน แต่นิสัยของน้องชายคนเล็กนางก็ราวกับเด็กน้อยมาจนถึงทุกวันนี้อยู่ดี
วันหนึ่งมี่มี่ตั้งใจจะเดินทางออกไปส่องดูลาดเลาของโลกภายนอก นางพาลูกสมุนปีศาจไปด้วยแค่สองตัวกับสัตว์เลี้ยงที่ตัวเล็กเท่าฝ่ามือ แต่พลังกลับมหาศาลติดตามไปด้วย
สัตว์เลี้ยง ของมี่มี่สร้างมาจากเลือดของนางเอง และเวลามันหลับจะชอบอาศัยเลือดที่ไหลเวียนในร่างกายของมี่มี่เป็นที่พักพิง หรือพูดอีกอย่างก็คือมันคือส่วนหนึ่งในเลือดของนางนั่นเอง
“เอาล่ะ อากัว ง่วงก็ไปพักก่อนเถอะ ถึงแล้วข้าจะเรียกเจ้าออกมาดูโลกมนุษย์เอง” มี่มี่ยกสองมือขึ้นมาใกล้ๆ ใบหน้าตนเอง แล้วกล่าวเสียงเล็กเสียงน้อยกับบางอย่างอยู่
หลานกัว ได้ยินคำสั่งจากผู้เป็นนายก็รีบสลายตัวเข้าไปในผิวหนังของมี่มี่ทันที ตอนเข้าไปแรกๆ มันจะดิ้นพล่านในร่างกายนางอยู่พักใหญ่ หลังจากนั้นมันก็จะนิ่งสงบในที่สุด
มี่มี่ออกเดินทางเป็นเวลาสามวันกว่าจะหลุดออกมาจากโลกปีศาจได้ นางตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมากกับภาพผู้คนที่เดินเบียดเสียดกันไปมาตามท้องถนน
“อากัว ถึงแล้วล่ะ”
นางกล่าวเสร็จ ก็รู้สึกร้อนผ่าวทั่วร่าง ก่อนที่หลานกัวจะทะลุออกมาจากผิวหนังแล้วพรางตัวมันนั่งพาดบ่ามี่มี่ราวกับมนุษย์ผิวแดงตัวจิ๋ว
หลานกัวเป็นสัตว์ที่มาจากเลือดของมี่มี่ บิดาของนางคือจอมปีศาจส่วนมารดานั้นเป็นมนุษย์ ดังนั้นลักษณะของหลานกัวจึงแปลงสภาพเป็นได้ทั้งสัตว์ปีศาจสี่ขาและสองขาแบบมนุษย์ตามเลือดในกายของผู้เป็นนาย
จอมมารหญิงหลานเฟยพาลูกสมุนเดินเล่นไปทั่วเมืองมนุษย์ จนในที่สุดนางก็ขยับเข้าใกล้สำนักสิงซู่ของพรรคธรรมะมากขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนออกมาจากดินแดนเว่ยต้า เพื่อความปลอดภัยของพวกนาง มี่มี่จึงให้ผู้เฒ่าของพรรคอธรรมซึ่งเป็นปีศาจเต่านั้นปิดกลิ่นอายปีศาจบนร่างให้นางและลูกสมุน
สำนักสิงซู่ยามนี้กำลังรับศิษย์ใหม่เข้ามาจำนวนมาก ไม่แบ่งแยกชนชั้น ว่าผู้ใดจะมาจากไหน หรือเป็นใครมาก่อน ขอแค่ประพฤติตัวให้มีคุณธรรมตามความต้องการอันดับแรกของสำนัก และศิษย์ที่เข้ามาใหม่นั้นก็รวมไปถึง ไช่ลี่เฉิน ที่เป็นบุตรชายคนเดียวของหัวหน้าพรรคธรรมะด้วย
ตระกูลไช่เป็นตระกูลเก่าแก่ที่สืบทอดพรรคธรรมะมาเป็นเวลาหลายร้อยปี หัวหน้าตระกูลหรือหัวหน้าพรรคมีหน้าที่เป็นแม่ทัพหน่วยประจิม คอยรับใช้บ้านเมืองและอยู่ใต้อาณัติของฮ่องเต้สืบเนื่องกันมาเป็นทอดๆ
ยามไช่ลี่เฉินเดินทางออกจากจวนตระกูลไช่ เขาอายุเพียงสิบห้าปีเท่านั้น ก่อนออกไปยังกราบไว้บรรพบุรุษตระกูลเพื่อรับปากว่าจะเข้าเป็นศิษย์ของสำนักสิงซู่ให้ได้
หนุ่มน้อยแวะทานอาหารเช้าที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ก่อนจะขึ้นเขาเพื่อเข้าเป็นศิษย์ในสำนักธรรมะเขาก็ต้องเตรียมความพร้อมสำหรับการคัดเลือกเสียก่อน
ทันทีที่ตักโจ๊กธัญพืชเข้าปากได้ไม่เท่าไหร่ หัวคิ้วเขาก็ขมวดเป็นปมขึ้นมาทันที ยังไม่ทันจะได้กล่าวคำใดออกมา ก็ได้ยินเสียงเล็กดังแทรกมาแทน
“โจ๊กของพวกท่านอร่อยเป็นบ้าเลย!”
ไช่ลี่เฉินยังไม่ได้รีบหันไปทันที แต่หางตาก็แอบชำเลืองมองนิดๆ ก่อนจะเห็นเด็กหญิงตัวน้อยผิวพรรณขาวผ่องนั่งอยู่ด้านหลังเขาด้วยระยะห่างกันแค่โต๊ะเดียว
จู่ๆ หญิงวัยกลางคนก็พุ่งออกมาจากโรงครัว ใบหน้าอมยิ้มไม่ขาดไปสักนิด “แม่หนู เจ้าพูดจริงหรือ”
มี่มี่พยักหน้ารัวๆ อมยิ้มจนแก้มที่เริ่มมีน้ำมีนวลนูนขึ้นมาราวกับก้อนแป้ง ประดับไปด้วยสีชมพูอ่อนๆ ปรากฏขึ้น ครานี้ไช่ลี่เฉินหันไปมองได้เต็มตาแล้ว เขาเพิ่งรู้ว่า ถูกมนต์สะกดตราตรึง เป็นอย่างไรก็วันนี้นี่เอง
“จริงเจ้าค่ะ เป็นฝีมือเถ้าแก่เนี้ยหรือเจ้าคะ”
เถ้าแก่เนี้ย ที่วิ่งออกมาจากในครัวก็พยักหน้าตอบอย่างดีใจ “แม่หนู นอกจากจะปากหวานแล้วยังตาถึงอีก มาเถิด มื้อนี้ข้าไม่คิดเงินเจ้าสักอีแปะ!”
มี่มี่ยิ้มอย่างอ่อนหวาน ทว่าในใจกลับหัวเราะเจ้าเล่ห์มิบอกใครเชียว ไม่เสียแรงที่เคยอ่านนิยายมา จึงรู้ว่าพอไช่ลี่เฉินกล่าวหาว่าโจ๊กธัญพืชถ้วยนี้ไม่อร่อยด้วยถ้อยคำที่ร้ายแรง เถ้าแก่เนี้ยของโรงเตี๊ยมก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟจนโวยวายกลายเป็นเรื่องใหญ่โต
ทันใดนั้นพระเอกคู่หลักก็จะผ่านมาและต่อว่าไช่ลี่เฉินว่าไร้น้ำใจ ไม่มองเรื่องราวให้ดีเสียก่อนว่าเถ้าแก่เนี้ยเพิ่งหัดทำเป็นครั้งแรกก็ไปกล่าวหานางด้วยคำพูดที่ไร้น้ำใจเสียแล้ว เขาผิดหวังที่ไช่ลี่เฉินจะไปกราบไหว้เป็นศิษย์ในสำนักสิงซู่อยู่แล้ว แต่ทำไมถึงยังคิดไม่ได้
สุดท้ายก็ต้องเป็นแม่ทัพไช่ออกโรงช่วยโน้มน้าวให้เจ้าสำนักรับเขาเป็นศิษย์
แต่มี่มี่ไม่ได้คิดอยากจะช่วยเขาสักนิด นางเพียงช่วยเลี้ยงปากท้องของนางกับลูกสมุนและสัตว์เลี้ยงเท่านั้น แม้ครั้งนี้นางช่วยหยุดสถานการณ์ไร้น้ำใจของเขาไว้ได้ แต่ครั้งหน้าเขาก็ยังคงมีเรื่องผิดพลาดอีกแน่นอน จนกว่าคู่หมั้นของเขาจะเข้าบท เขาถึงกลายเป็นผู้เป็นคนขึ้นมา!

บทส่งท้ายเสียงหัวเราะสดใสของเด็กทารกดังก้องในอุทยานหลวง ดอกเหมยผลิบานกลางฤดูหนาวอีกครา ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายเบา ๆ สะท้อนแสงสีทองอ่อนในยามสายท่ามกลางสายลมเย็นนั้น นางมารหลานเฟยผู้ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้าที่ชอบสวมใส่ชุดอาภรณ์สีแดงดำ บัดนี้เปลี่ยนเป็นชุดแพรไหมสีชมพูอ่อน สะท้อนแสงอ่อนละมุน ทอดสายตามองบุตรชายตัวน้อยที่คลานเล่นอยู่บนเสื่อผ้าไหมข้างหมาป่าหิมะสีขาวลี่ต้า นามรอง เหยาเกอ คือผลพวงแห่งความรัก ระหว่างปีศาจกับมนุษย์เฉิงต้วนบัดนี้มิใช่เพียงรัชทายาทผู้มากบารมี แต่เป็นฮ่องเต้ปกครองแผ่นดินที่ผู้คนเกรงขาม เขาค่อย ๆ เดินเข้ามาโอบเอวภรรยาแน่นขึ้น แล้วโน้มหน้าไปจูบหน้าผากของนางเบา ๆ“มี่มี่เหนื่อยหรือไม่?” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยอย่างอ่อนโยนมี่มี่มองหน้าสามี ยิ้มบาง ๆ “ไม่เหนื่อย ข้าแค่เห็นเกอเกอกับท่านก็มีความสุขแล้ว”“หากวันนั้น ข้าไม่บุกเข้าดินแดนเว่ยต้า มี่มี่ก็คงไม่กลับมาใช่หรือไม่?” เขาถามพลางลูบข้างแก้มของนางอย่างรักใคร่นางยิ้ม แต่ยังไม่ตอบสิ่งใด ดวงตาของนางหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบกลับเบาๆ“หากท่านไม่บุกมา ข้าคงได้แต่คิดถึงท่านไปจนตาย...”ที่นางบอกเขาล้วนคือความจริง...ย
ตอนที่ 33หุบเขาผากระดูกประตูเชื่อมแดนปีศาจและโลกมนุษย์ ความจริงแล้วยามนี้อยู่ด้านหลังสำนักสิงซู่หญิงสาวในชุดสีดำแดงเดินช้า ๆ บนสะพานไม้ ดาบแดงดำคู่กายแนบแน่นอยู่บนแผ่นหลัง ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นหลวมๆ ใบหน้างามเยือกเย็นแลดูสงบนิ่ง ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความเงียบเหงาหลานกัว โผล่พ้นแขนนางขึ้นมากระซิบ ‘มี่มี่ คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง’“ข้ารู้” นางตอบเสียงแผ่วเบา ดวงตายังจับจ้องแสงจันทร์ที่สะท้อนผิวน้ำ‘เขาคงกำลังมองหาเรา’นางพยักหน้าเบาๆ “แต่ยิ่งเขาหาไม่เจอ ยิ่งดี”“ท่านจอมมาร ท่านหมอมารอแล้วเจ้าค่ะ” ปีศาจแมวซึ่งกลายร่างเป็นหญิงสาวสะคราญก้าวเข้ามาเบา ๆ“เดี๋ยวข้าไป” นางยิ้มจาง ๆ ใบหน้าเศร้าสร้อยในห้องบรรทมของรัชทายาทที่วังหลวง เฉิงต้วนโยนม้วนผนึกทิ้งลงบนโต๊ะ เสียงน้ำชาสาดลงในถ้วยดังกังวาน เขานั่งพิงพนักพิง มองออกไปยังสวนหินที่เคยมีนางเดินผ่าน“เจ้าจะไม่กลับมาเลยหรือ มี่มี่” เขาพึมพำทันใดนั้นเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้น องครักษ์หลี่เฟิงประจำพระองค์ยื่นของบางอย่างมาให้ เป็นดอกไม้หน้าตาประหลาด แต่เฉิงต้วนกลับคุ้นเคยเป็นอย่างดี ดอกไม้ในดินแดนเว่ยต้า!“ใต้ต้นหลิวหลังสำนักสิงซู่ คาดว่ามีประ
ตอนที่ 32พลิกฟ้า คว่ำแผ่นดิน แหวกมหาสมุทรในตำหนักบูรพา หลังจากเฉิงต้วนกอดเฟยมี่มี่เข้านอนตามปกติ แต่แล้วนางก็ลุกขึ้นมา ดีดนิ้วหนึ่งทีในอ้อมแขนของเขาก็กลับกลายเป็นฟูกนอนขนาดเท่าตัวคนแทนนางยืนมองบุรุษที่หลับใหลอยู่เบื้องหน้า ผู้เป็นทั้งคนรักและเป็นทั้งคนในครอบครัว ช่วงนี้ราชกิจเขาค่อนข้างเยอะจึงเหนื่อยทั้งวัน หัวถึงหมอนก็กอดนางนอนหลับเลยทันที“ยามนี้ท่านไม่ต้องหลบหนี ไม่ต้องต่อสู้ ไม่ต้องอยู่ผู้เดียวเหมือนสิบปีก่อนอีกแล้ว ข้าพอใจแล้วที่ท่านได้กลับสู่บ้านของท่าน มีบิดาที่รักท่าน มีปวงประชาที่เคารพท่านและท่านต้องดูแลพวกเขาให้ดีนะ อาต้วน”นางโน้มกายลงช้า ๆ วางริมฝีปากบนหน้าผากเขา มันเบาเสียจนไม่อาจรู้สึก แต่เต็มไปด้วยคำร่ำลาทั้งหมดของนางนางรู้ดีว่านางและเขาไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ เขามีประชาชนของเขา นางเองก็มีประชาชนของนาง มีน้องชายน้องสาวที่ต้องดูแล“แม้ไม่มีข้า ก็ต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้”ที่เส้นแบ่งแดนระหว่างโลกมนุษย์และปีศาจ เฟยมี่มี่ยืนตรงหน้าปรมาจารย์เหอตี้ ที่เป็นหนึ่งในศัตรูเก่าแต่ยามนี้คือพันธมิตร ปรมาจารย์ในชุดขาวสะอาดยืนหลังตรง ดวงตานิ่งสนิท ด้านข้างมีหวางย่าอีน้ำตาตลอ“ท่านปรมาจ
ตอนที่ 31หวนคืนสู่บ้านท้องฟ้ายามรุ่งสางปกคลุมด้วยหมอกขาว ข่าวที่พบรัชทายาทผู้หายสาบสูญมานานนับสิบปีดังทั่วเมืองหลวง สาเหตุการหายสาบสูญนี้มาจากพระอนุชาองค์ฮ่องเต้ทำการลอบทำร้ายและมอบยาพิษให้รัชทายาทจนกลายเป็นเด็กวัยเจ็ดขวบเขาร่อนเร่อยู่ด้านนอกนานนับหลายปี แต่เนื่องจากถูกนางมารหลานเฟยจอมมารหญิงแห่งดินแดนเว่ยต้าช่วยเหลือไว้ ทำให้ฮ่องเต้พระราชทานรางวัลมากมาย ทั้งยังยอมรับการสานสัมพันธ์พรรคธรรมะกับพรรคอธรรมที่บิดามารดานางตั้งใจไว้ก่อนตายให้สำเร็จผล ไม่ให้ฝ่ายใดทำร้ายกันอีกเป็นมิตรที่ดีอยู่ร่วมกันได้ปกติบัดนี้สามารถจับกุมคนร้ายไว้ได้หมดแล้ว เฉิงต้วนก้าวเข้าสู่เส้นทางอำนาจอีกครั้งด้วยสายตาแน่วแน่ ทว่าท่ามกลางเสียงสรรเสริญและความยำเกรงของผู้คน หัวใจของเขากลับโหยหาเพียงหนึ่งเดียวสตรีในดวงใจที่ยามนี้อยู่ในคฤหาสน์พระราชทานกลางเมืองหลวง เขารอรับพิธีมอบตำแหน่งเสร็จสมบูรณ์แล้วเขาก็จะรีบไปหานางทันทีนางที่เขาจับมือเคียงข้างมาตลอดเส้นทาง แม้อดีตคนทั้งแผ่นดินจะชิงชังนาง แต่นางคือแสงสว่างเดียวที่ทำให้เขาทนอยู่ได้เมื่อพิธีเสร็จสิ้นเฉิงต้วนก็รีบก้าวเข้าสู่ประตูคฤหาสน์ไปหานางมารหลานเฟยทันทีทันใดมี่
ตอนที่ 30ทำเพื่อตัวนางเองสำนักสิงซู่สามคมอึ้งตะลึง ปรมาจารย์เหอตี้ถอยหลังด้วยความตกใจเมื่อเห็นพลังมืดล้อมร่างฝ่ายตรงข้าม อาคมต้องห้ามที่สูญหายไปนับร้อยปีกลับปรากฏอีกครั้ง!“เมื่อเดือนก่อนข้าส่งคนไปจัดการศิษย์เอกของเจ้าแต่มันรอดมาได้อีก ตัวมันเองก็ไม่ได้บอกเจ้าเลยล่ะสิ” เต๋ออี๋แสยะยิ้มชอบใจก่อนจะหันไปทางมี่มี่ “และที่สำคัญบิดามารดาเจ้าพวกข้าเองที่ลอบทำร้ายพวกมัน!”เหอตี้ใบหน้าซีดเผือด มองไปยังพลังมืดโดยรอบผู้คนทุกคนของสำนักอสูรดำ มี่มี่เองไอแค้นก็เริ่มปะทุ“ท่าน…พวกท่านกล้าก้าวสู่เส้นทางมารทั้งสำนักงั้นหรือ!”แววตาเต๋ออี๋แข็งกร้าว“เพื่อให้โลกเห็นว่า สำนักข้ามิด้อยไปกว่าสำนักสิงซู่! วันนี้จะไม่มีใครในสิงซู่เหลือรอด! ฆ่าพวกเจ้าก่อนแล้วข้าจะไปล้างผลาญให้สิ้น!”ทันใดนั้น เขาฟาดฝ่ามือออก พลังดำกลืนกินท้องฟ้า เกิดเสียงดังสนั่นราวฟ้าผ่า เสียงโลหะปะทะดังระงม ทั้งสองสำนักเปิดศึกอย่างดุเดือดเฟยมี่มี่ใช้พลังเวทวิเศษล้อมรอบนางและนางเอกทั้งสองของนิยายไว้ทันที เพื่อป้องกันโดนลูกหลงดาบเหอตี้เปล่งประกายปะทะกับคมดาบมืด เสียงร้องคำรามดังปนเสียงเจ็บปวดรอบทิศ เลือดสาดกระเซ็น ลานคฤหาสน์ที่เคยเงียบสงบ
ตอนที่ 29สำนักอสูรดำปรมาจารย์เหอตี้ขมวดคิ้ว“ข้าไม่ได้ขอให้สำนักไหนลงมือ! นางมารหลานเฟยข้าจะจัดการเอง หัวหน้าพรรคมอบหมายให้ข้าแล้ว”“แต่ข้าไม่จำเป็นต้องรอฟังคำสั่งใคร!” ชุนตี๋หลานชายของผู้เฒ่าชุนยามนี้เขาเป็นบุตรชายของเจ้าสำนักอสูรดำวางมาดเข้มในชุดคลุมหน้ากากทองก่อนจะกระโจนลงจากกิ่งไม้ทันใดนั้น คนของสำนักอสูรดำที่เสริมทัพมาเพิ่มทั้งหมดต่างชักอาวุธขึ้นมา มีหนึ่งในนั้นร่ายเวทอาคมดำ! รูปแบบมันสลับซับซ้อน วงเวทขนาดใหญ่คลี่คลุมทั้งคฤหาสน์ปรมาจารย์เหอตี้และลูกศิษย์ถูกกักในมิติพลังส่วนกลางวงเวทมีขนาดใหญ่ ขณะที่นางมารหลานเฟยกับหลานกัว ถูกจับแยกไปอีกด้านของวงเวทแผ่นดินสั่นสะเทือน อาคมสีดำกระจายตัวทะลุใต้พื้นดินขึ้นมา มี่มี่ยังคงยืนนิ่ง มือกำดาบแน่น นางกล่าวอย่างเย็นชา“คิดว่าแยกข้าออกมาแล้วจะสู้ข้าได้เช่นนั้นหรือ”หลานกัวตัวน้อยกลายร่างในพริบตา กลายเป็นร่างเสือโลหิต นัยน์ตาแดงสว่างเรืองรอง ก่อนจะแยกร่างเป็นแส้เลือดยื่นออกไปทางมี่มี่การต่อสู้จึงเริ่มขึ้นอีกครา โลหิตพุ่งจากปลายแส้ของมี่มี่ คมดาบดำแดงของนางมารหลานเฟยสะบั้นอาคมทีละชั้นร่างหนึ่งกระโจนเข้ามาจากด้านข้าง หมายจะใช้มีดสั้นอาบพิษม








