공유

ตอนที่ 6 ฝูงนกที่โผบิน

last update 최신 업데이트: 2025-04-24 10:00:00

เช้าวันหนึ่ง

เซี่ยฟานนั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในเรือนทาส เขามองไปด้านบนเพราะได้ยินเสียงจิ๊บ จิ๊บ ดังระงมอยู่พักหนึ่ง

แม่นกคาบอาหารบินโฉบลงมาที่รัง แล้วค่อย ๆ ป้อนลูกนกแต่ละตัวอย่างใจเย็น เซี่ยฟานปีนขึ้นไปดูที่รังของพวกมันด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เขาคอยเฝ้ามองดูนกฝูงนี้ตั้งแต่นั้นมา เห็นความรักที่แม่นกคอยปกป้อง หาอาหาร ให้ความอบอุ่นแก่ลูกนก นับเป็นความสุขเล็ก ๆ ที่ก่อเกิดในใจของเซี่ยฟาน

จนกระทั่งถึงวันที่ลูกนกต้องหัดบิน แม่นกคอยช่วยให้ลูกนกเหล่านั้นขยับปีก สอนให้ลูกนกโผบิน ในที่สุด ลูกนกในรังก็เริ่มสยายปีกบินขึ้นฟ้า

สายตาของเซี่ยฟานมองตามด้วยความตื่นเต้น นกฝูงนี้โผบินอย่างอิสระบนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ใจของเซี่ยฟานเบิกบาน เขาคอยเฝ้ามองหาทางที่เขาจะเป็นดั่งนกพวกนี้

“ท่านลุง ข้าอยากบิน แบบนกพวกนั้น” เซี่ยฟานพูดกับหานโจว พลางชี้ไปบนท้องฟ้า

“เจ้าไม่ใช่นกเสียหน่อย ปีกก็ไม่มี” หานโจวคิดว่าเซี่ยฟานพูดไปเรื่อย นึกไม่ถึงว่าสิ่งที่เซี่ยฟานพยายามบอกคือการเป็นอิสระจากที่แห่งนี้

“สักวันข้าจะบินออกไปไกล ๆ” เสียงของเซี่ยฟานพึมพำ ยิ้มแย้ม มีความหวัง

อาทิตย์ต่อมา

เซี่ยเวยซื้อตัวทาสพี่น้องชายหญิงมาสองคน เพราะฮูหยินอยากได้คนมาช่วยงานเพิ่ม เขาเลือกทั้งสองมาอย่างส่ง ๆ แล้วไม่ได้ใส่ใจมากนัก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฮูหยิน

ส่วนใหญ่แล้วคนเป็นน้องชายก็ได้ทำงานดูแลสวน ความสะอาดบริเวณบ้าน ส่วนคนเป็นพี่ นางก็คอยรับใช้ฮูหยินตามหน้าที่

เดิมทีทั้งสองเป็นลูกชาวบ้านที่ครอบครัวยากจน ไม่มีที่ไปจนถูกจับมาขายในตลาดมืด แต่ทั้งสองเป็นคนที่ใฝ่เรียน แม้จะไม่มีเงินแต่อาศัยครูพักลักจำ สติปัญญาค่อนข้างดีในระดับหนึ่ง

เซี่ยฟานเห็นสองพี่น้องแล้วรู้สึกได้ว่าทั้งคู่คอยดูแล ปกป้องกัน ดูอบอุ่น แม้จะรู้สึกเหงาไปบ้าง แต่ยังมีหานโจวที่พอจะเทียบเคียงได้

เขาไม่ได้สนิทสนมกับทั้งสองคนมากนัก เพราะไม่คุ้นชินกับการเข้าหาผู้คน จึงรับรู้เรื่องราวพวกเขาอยู่ห่าง ๆ

สองพี่น้องนั้นอายุมากกว่าเซี่ยฟานสี่ห้าปี พวกเขารู้ว่าต้องทำเช่นไรถึงจะออกไปจากที่แห่งนี้ได้ ทั้งคู่คอยเก็บอัฐที่ได้จากการทำงาน ไปซ่อนเอาไว้ในมุมหนึ่งของห้อง สักวันจะเอาไว้ใช้ไถ่ถอนตัวเองจากการเป็นทาส

วันเวลาผ่านไปเพียงแค่ปีเดียวคนเป็นพี่สาวที่หน้าตามอมแมมก็กลายเป็นสาวงาม และนั่นก็ทำให้เซี่ยเวยที่กำลังเบื่อ ๆ เริ่มมาวอแวกับนาง

น้องชายของนางที่อายุไล่เลี่ยกัน ไม่ยอมให้ผู้ใดมาแตะต้องตัวพี่สาว จึงคอยมาเป็นก้างขวางเซี่ยเวย แล้วก็จบลงด้วยการดื่มยาแก้ช้ำในพร้อมรักษาบาดแผล

“อาฟาน ไปดูเขาหน่อยเถิด” หานโจวสั่งเขาแล้วยื่นถ้วยยาให้

“ขอรับ” เซี่ยฟานพยักหน้ารับถ้วยยาแล้วเดินตรงไปหาเขา

จากนั้น ค่อย ๆ ป้อนยาให้เขาดื่มทีละนิด ๆ เพราะอาการบาดเจ็บของเขาค่อนข้างมากทีเดียว

“เป็นอย่างไร” เซี่ยฟานถามเขา

“เจ็บ” คำตอบสั้น ๆ และสีหน้ามุ่งมั่นของคนเป็นน้องทำให้เซี่ยฟานนึกสงสัย

แล้ววันหนึ่ง เซี่ยฟานก็ได้เห็นว่าสีหน้าแบบนั้นหมายความว่าอะไร

คนเป็นน้องชายพูดว่าเขาเก็บอัฐได้มากพอที่จะให้พี่สาวได้ไถ่ถอนตัวเองแล้ว

“ท่านพี่ วันพรุ่งนี้ รีบนำอัฐไปเถิด อย่าได้ทนกับความทุกข์ที่นี่เลย” เขาพูดกับพี่สาว

“แต่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้า” นางลูบหัวน้องชายด้วยความเอ็นดู

“ข้าจะรีบตามท่านพี่ไป ไม่ต้องห่วงข้านักหรอก” เขาจับมือของนาง กุมมือทั้งสองข้างเอาไว้ สายตามองเห็นทางที่จะทำให้พี่สาวหลุดพ้นจากเงื้อมมือคนโฉด

รุ่งเช้าวันต่อมา

คนเป็นน้องวิ่งวุ่นไปทั่วเรือน สีหน้าวิตกกังวล ก้มมองหาอะไรบางอย่าง

"ท่านพี่ หายไปแล้ว” เขามองหน้านางสีหน้าสิ้นหวัง “มันหายไปแล้ว”

พี่สาวของเขารับรู้ได้ถึงความเสียใจ กอดปลอบอยู่พักใหญ่

“ค่อย ๆ เก็บอีกสักปีเถิด ข้าทนไหว” นางพยายามเข้มแข็งเพื่อไม่ให้น้องชายต้องเป็นห่วง

แต่คำว่าทนไหวของนางนั้นไม่ทันได้ผ่านพ้นคืนนี้ไปด้วยซ้ำ เซี่ยเวยมาหานางที่เรือน ถือสุรามาด้วยขวดหนึ่ง สายตาดุร้าย อารมณ์พลุ่งพล่าน แต่แล้วก็ต้องมาสะดุดเจอคนเป็นน้องนั่งอยู่ด้านหน้าห้อง

เซี่ยเวยปาไหสุราไปที่เขาโดยไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว เสียงไหสุราตกกระทบพื้นจนคนเป็นพี่ต้องรีบวิ่งออกมาดู จากนั้นทั้งสามคนก็ชุลมุนกันอยู่พักใหญ่

และแล้ว คนเป็นพี่ก็หยิบท่อนไม้ใหญ่ฟาดไปทั่วของเซี่ยเวยทีเผลอจนสลบไปในทันที

“ท่านพี่ อยู่ไม่ได้แล้ว รีบหนีกันดีกว่า” คนเป็นน้องจับข้อมือของนางไว้แน่น แล้วทั้งสองคนก็รีบวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต

ทว่า เซี่ยเวยนั้นตายยาก เขาสะลึมสะลือตะโกนเรียกคนใช้เสียงดังลั่น ให้รีบออกตามหาสองพี่น้องกลับมาให้ได้

หลังจากพากันหนีอยู่ทั้งคืน พวกเขาก็ไปไหนไม่รอด ถูกจับกลับมาที่จวนสกุลเซี่ย แขนขาถูกมัดเอาไว้ นั่งคุกเข่าด้านหน้าเรือน

เซี่ยเวยมองสองพี่น้องอย่างเลือดเย็น นานมากแล้วที่มีคนกล้าทำกับเขาเช่นนี้

“บังอาจนัก เป็นแค่ทาส แต่กล้าทำร้ายเจ้านาย” เซี่ยเวยเดินมาตบที่หน้าของคนทั้งสอง เสียงเพียะดังขึ้นอยู่สามสี่ครั้ง

“อย่าทำร้ายพี่ข้า” เขายังคงปกป้องนาง แม้ว่าสภาพของตัวเองจะไม่แตกต่างเท่าใดนัก

“เฮอะ คิดจะเก็บอัฐไถ่ถอนตัวเองอย่างนั้นรึ ฝันลม ๆ แล้ง ๆ เสียจริง” เขาจ้องหน้าคนเป็นน้อง

“อัฐที่หายไป หรือว่าเจ้า...” เขากำลังจะพูดว่า เจ้าเอาไป แต่เซี่ยเวยบีบปากของเขาเอาไว้ ไม่ให้พูดสิ่งใดออกมา

“ข้าอยากได้อะไรก็ต้องได้ พี่สาวเจ้า ไม่ใช่ข้อยกเว้น” เสียงเยือกเย็นของเขาทำให้ใจทั้งสองสั่นสะท้าน

“ข้าไม่ยอม!” พี่สาวโพล่งออกมา มองหน้าเขา

“คนที่มีสิทธิ์เลือกคือข้า ไม่ใช่เจ้า” เซี่ยเวยพูดจบก็สั่งให้คนใช้เอาน้องชายไปโบยจนกว่าเขาจะสั่งให้หยุด เสร็จแล้วก็ลากคนเป็นพี่สาวเข้าห้องในทันที

เสียงของคนน้องดังเพราะความเจ็บปวดจากการโดนท่อนไม้ทุบด้านนอกเรือน ส่วนด้านในเรือนก็มีเสียงร้องไห้ กรีดร้องของคนเป็นพี่ดังออกมา

ครั้นเซี่ยเวยพอใจมากแล้วก็ออกมาข้างนอกห้องอย่างอารณ์ดี แล้วสั่งให้หยุดโบยคนเป็นน้องชาย

เซี่ยฟานที่เห็นว่าทั้งสองคนไม่สามารถหนีไปไหนได้ ก็เริ่มคิดแล้วว่า เขาก็คงไม่มีทางหนีเช่นกัน ชะรอยอาจจะต้องอยู่ที่จวนแห่งนี้ไปตลอดชีวิต

คืนนั้นพี่สาวที่รวบรวมสติกลับมาได้แล้วก็แอบออกไปดูอาการของน้องชาย นางเห็นสภาพนั้นแล้วทำใจไม่ได้ น้ำตาไหลด้วยความสงสารและเจ็บปวด

“ท่านพี่ รีบหนีไป ไม่ต้องห่วงข้า” เขาพยายามพูดกับนางด้วยความยากลำบาก ราวกับว่าคำพูดนี้เป็นคำสั่งเสียของเขา ไม่ทันที่พี่สาวจะได้ตอบอะไรออกไป ดวงตาของเขาค่อย ๆ ปิดลงหมดลมหายใจต่อหน้าต่อตาของนาง

“ไม่นะ เจ้าอย่าทิ้งข้าไป ลืมตามองพี่เถิด อย่าทิ้งข้าไปเช่นนี้สิ” นางคร่ำครวญกอดร่างเขาอยู่พักหนึ่ง นึกถึงคำพูดของน้องชาย อย่างน้อยก็ต้องทำให้คำสั่งเสียของเขาเป็นจริง แล้วพูดว่า “สักวัน ข้าจะกลับมารับเจ้า รอพี่สักหน่อยเถิดนะ”

จากนั้นนางก็รีบฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนหลับใหลหนีไป

“เซี่ยเวย สักวันข้าจะมาเอาคืนเจ้าอย่าสาสม” นางพูดด้วยความคับแค้นใจ

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 2 เขาคือฟูเหรินของข้า

    หน้าบ้านหลังน้อยของพวกเขามีบุรุษร่างสูงและสตรีบอบบางสวมชุดสีขาวน้ำเงิน ในมือถือกระบี่อันเป็นสัญลักษณ์ของสำนักเซียน“ศิษย์พี่เหลียนเฟิน” ชายผู้นั้นยิ้มกว้างเมื่อเห็นใบหน้าที่ไม่ได้เจอกันมานานกว่าสิบปี “ศิษย์พี่ ท่านบาดเจ็บที่ใดหรือ”เหลียนเฟินเพิ่งนึกได้จึงบอกคนให้ขี่หลังว่า “เสี่ยวหยุน ปล่อยข้าลงก่อนเถิด ถึงบ้านเราแล้ว”“พวกเขาเป็นผู้ใดกันจึงเรียกหาสนิทสนมปานนั้น” น้ำเสียงฮึดฮัดอย่างที่เคยทำบ่อย ๆ เวลาหลี่จิ้นหลิงมาเยี่ยมอาจารย์ของเขาทำให้เหลียนเฟินเผลอยิ้มไม่ได้“มานี่สิ ข้าจะแนะนำให้พวกเจ้ารู้จักกัน” เหลียนเฟินเอ่ยทักทายศิษย์พี่และศิษย์น้องที่เขาไม่ได้เจอมานานด้วยความยินดีเพราะหลังจากขอออกจากสำนักวังธาราเหมันต์ เหลียนเฟินไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับผู้ใดอีกเลยสตรีรูปงามคือศิษย์พี่หญิงหลวนเล่อ ส่วนอีกคนศิษย์น้องซิ่นเฉิง เขาบอกกับทั้งสองว่า “เสี่ยวหยุนเป็นลูกศิษย์ของข้า”ชายหนุ่มหันขวับมองหน้าเหลียนเฟินราวกับจะถามว่าเหตุใดจึงแนะนำว่าเขาเป็นเพียงศิษย์ ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่ตกลงกันแล้วว่าจะเรียกเขาว่าฟูจวินหากแต่เห

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 1 เรียกข้าว่าฟูจวินได้หรือไม่

    สายลมเอื่อยพัดยอดดอกหญ้าสีขาวพลิ้วไหวลู่เอนไปทางซ้าย ดวงตาของเสี่ยวหยุนจ้องมองภาพของใครบางคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขา ยามได้เห็นคนในใจมักจะยิ้มแย้มโดยไม่รู้ตัวหากแต่ครานี้กลับชะงักงันเพราะใบหน้าที่คุ้นเคยเหมือนเยาว์วัยลงไปหลายปี ทั้งสีหน้า แววตาที่เศร้าสร้อยทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดใจเหลือเกิน เสี่ยวหยุนอยากเอื้อมมือเช็ดน้ำตาเปื้อนแก้มอีกฝ่ายใจจะขาดแต่ทำไม่ได้ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างดึงรั้งเอาไว้ไม่ให้แตะต้องร่างเปราะบางที่พร้อมจะแตกสลายในทุกเมื่อ“อย่าร้องเลย” เขาเอ่ยแผ่วเบาพร้อมทำทุกอย่างเพียงเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายมีน้ำตา “เป็นข้าหรือที่ทำผิดต่อท่าน”คนตรงหน้าไม่เอื้อนเอ่ยคำใด สายตาที่มองมาทางเขาว่างเปล่าจนเจ็บแปลบในใจ เสี่ยวหยุนไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไรจึงจะหลุดพ้นจากสถานการณ์เช่นนี้ขณะกำลังตกอยู่ในภวังค์ความฝัน เสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้นมา “เสี่ยวหยุน”“…” เขามั่นใจว่าเสียงนั้นคือเสียงของคนที่เขากำลังมองอยู่ข้างหน้า แต่น้ำเสียงที่เอ่ยเรียกเขาดูสดใส ร่าเริงและเต็มไปด้วยความสุขต่างจากภาพใบหน้าที่เขาเห็นเวลานี้“เสี่ยวหยุน”ชายหนุ่มคิดในใจรู้ตัวแล้วว่าเขาเพียงแค่หลับฝัน หากลืมตาตื่นแล้ว

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   เล่ม 2 ตอนที่ 49 บทส่งท้าย 2/2 สารภาพ (ตอนจบ)

    “ความผิดร้ายแรงมีมากนัก ส่งเขาไปรับโทษในนรกขุมที่สาม” เสียงดุดันทรงอำนาจกล่าวพิพากษา หางตาของหวังเยี่ยนหลงเหลือบเห็นร่างวิญญาณคุ้นเคยกำลังดื่มน้ำแกงยายเมิ่งจึงโพล่งขึ้นมา “เหตุใดเจ้านั่นถึงได้ไปเกิดก่อนข้าเล่า” เขาสงสัยคำตัดสิน “มิใช่ว่าข้าเพิ่งบอกเจ้าหรือว่าความผิดเจ้ามีอันใดบ้าง” เสียงลึกลับโต้ตอบกลับมา ไม่เข้าใจว่าเหตุใดวิญญาณตัวเล็กกระจิดริดถึงได้ต่อปากต่อคำกับเขาเก่งนัก หวังเยี่ย

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   เล่ม 2 ตอนที่ 48 บทส่งท้าย 1/2 หวนคืน

    สิบเอ็ดปีต่อมา สายลมเย็นในฤดูใบไม้ผลิพัดเอื่อย ๆ ท้องฟ้าอากาศแจ่มใส ไร้ก้อนเมฆ เหลียนเฟินกำลังนั่งถือเบ็ดตกปลาอยู่ริมทะเลสาบ สายตาเหม่อมองไปอีกฝั่งที่อยู่แสนไกลนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา หลังจากจัดการกับหวังเยี่ยนหลงแล้ว เขาไม่เหลือความทรงจำเกี่ยวกับคนผู้นั้นอีกเลย เหลียนเฟินเดินทางกลับไปที่วังธาราเหมันต์เพื่อรับโทษและขอออกจากสำนัก นับตั้งแต่นั้นมาจึงใช้ชีวิตร่อนเร่พเนจรอยู่เพียงลำพัง ตัดขาดจากทุกสิ่งทุกอย่างโดยสิ้นเชิง 

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   เล่ม 2 ตอนที่ 47 ปลดปล่อย

    หลังจากผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ หวังเยี่ยนหลงโผล่มาให้เหลียนเฟินเห็นหน้าแต่เช้าตรู่ สีหน้าของเขาดีขึ้นกว่าเดิมมาก อีกทั้งยังแววตาสดใสผิดกับก่อนหน้านี้นัก วันนี้เขายกถาดสำรับอาหารเช้ามาให้ด้วยตัวเองพร้อมยาอีกหลายขนาน “เช้านี้ ข้าขอกินข้าวพร้อมเจ้าได้หรือไม่” เสียงของคนตรงหน้าเอ่ยถาม “ไม่” เหลียนเฟินปฏิเสธโดยที่ไม่ต้องคิด

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   เล่ม 2 ตอนที่ 46 ความเจ็บปวด

    เช้าวันต่อมา หวังเยี่ยนหลงยังคงนั่งอยู่ข้างเตียง รอยื่นถ้วยยาให้เหลียนเฟินดื่มตามเวลา ร่างบางไม่อาจปฏิเสธได้เพราะโอสถนี้หวังซีซวนตั้งใจทำมาให้จึงดื่มแต่โดยดี จากนั้นจึงยกสำรับอาหารเช้ามาวางไว้ที่ข้างหัวเตียง ตั้งใจจะป้อนทีละคำ แต่เหลียนเฟินไม่ยอมแม้แต่จะมองหน้า สายตาเย็นชาเฉไฉมองไปทางอื่น จนเจ้าตัวรู้สึกเจ็บแปลบในใจ “กินข้าวบ้างเถิด ข้าจะออกไปรอข้างนอก” เขาตัดใจยอมหลบหน้าชั่วคราวจนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่งจึงกลับเข้ามาดู เห็นถ้วยชามอาหารยังอยู่ที่เดิมจึงสั่งให้ยกสำรับใหม่เข้ามาแทน&n

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status