หน้าหลัก / รักโบราณ / เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว / 12. เจียวซินกับวิธีสร้างชื่อเสียง (1)

แชร์

12. เจียวซินกับวิธีสร้างชื่อเสียง (1)

ผู้เขียน: หมอนบนโซฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-24 23:07:45

เจียวซินที่กำลังจดจ่ออยู่กับการเลือกตำรา ก็เดินไปเรื่อยๆ อย่างแรก นางต้องรู้ก่อนว่าโลกที่นางอยู่ตอนนี้เป็นอย่างไร ต้องหาหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์หรือสังคม

“กฎหมาย การรบ จารีต … แล้วประวัติศาสตร์อยู่ไหนกันล่ะ” เจียวซินเดินหาเท่าไหร่ก็มิเจอ หรือนางควรไปถามท่านอ๋องดี แต่ก็กลัวโดนท่านอ๋องตำหนิ อีกอย่างนางรู้สึกหมั่นไส้ เบื่อหน่าย รำคาญท่านอ๋องอย่างไรก็ไม่รู้

เอ่อ ยอมรับก็ได้ว่างอน จริงๆ ก็ไม่ถึงกับงอนแต่แค่รู้สึกผิดหวัง รู้สึกเสียใจนิดๆ โมโหหน่อยๆ ก็เท่านั้น

“ชิ หาเองดีกว่า ไม่ง้อหรอก”

“เจ้าหาตำราใดอยู่งั้นหรือ” เฟยเทียนที่เข้ามาเงียบๆ เอ่ยถามขึ้น

“เห้ย!! ท่านทำข้าตกใจ” เจียวซินยกมือขึ้นลูบหน้าอกตนเองเบา

“ตกใจอันใดของเจ้า แล้วเจ้าหาตำราอันใดอยู่…ข้าจะช่วยหา” ประโยคสุดท้ายเฟยเทียนพูดเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน อีกทั้งยังแสดงอาการเก้งๆ กังๆ เหมือนมิค่อยแน่ใจในสิ่งที่ทำอยู่

ด้านเจียวซินที่อยูใกล้ได้เห็นท่าทีและได้ยินทุกคำพูดของท่านอ๋อง จึงแอบลอบยิ้มทันที

หึ มาง้อข้าสินะ จะยอมพูดด้วยสักหน่อยก็ได้

“จะช่วยหม่อมฉันหาหรือเพคะ”

“หืม…ใช่ บอกมาว่าอยากได้ตำราอันใด” เฟยเทียนที่เริ่มขัดเขินกับการกระทำของตนเอง จึงกระแอมและกล่าวเสียงเข้มขึ้นมา

“หม่อมฉันอยากได้ตำราประวัติศาสตร์ของแผ่นดินที่เราอยู่เพคะ”

“เจ้าหมายถึง-”

“หม่อมฉันหมายถึงความเป็นมาของแผ่นดินนี้เพคะ” ไม่รอให้ท่านอ๋อง คาดเดา เจียวซินก็ตอบกลับไปทันที

“อ่อ ตำรานั้นอยู่ในห้องทำงานข้า หากอยากอ่านก็ตามเข้ามา” กล่าวจบเฟยเทียนก็หันหลังเดินไปทันที เจียวซินที่เดินตามไปติดๆ แหวกม่านลูกปัดเข้าไป สายตาสอดส่องไปทั่ว หลังม่านนี้มีชั้นตำราเรียงอยู่รอบห้อง ภายในห้องมีโต๊ะทำงานสองตัวอยู่คนละฟากของห้อง ใกล้โต๊ะทำงานใหญ่มีตั่งไม้ยาว คงใช้สำหรับเอนกายพักผ่อนของท่านอ๋อง

“เจ้านั่งรอตรงนี้ก่อน ข้าจะไปหยิบตำรามาให้” ท่านอ๋องชี้ลงบนตั่งไม้ เจียวซินจึงเดินไปนั่งรอบนตั่งไม้ ไม่นานท่านอ๋องก็หยิบตำราเล่มหนามาให้นางหลายเล่ม

“นั่งอ่านอยู่ตรงนี้ อยากได้อันใดก็บอกห่าวซวน”

“ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง” เจียวชินกล่าวตอบรับ แล้วจึงเริ่มอ่านตำรา โดยเลือกเฉพาะเรื่องที่สนใจเท่านั้น เจียวซินใช้เวลาอ่านไปกว่าสองชั่วยาม (2 ชั่วโมง) ได้ข้อสรุปว่าที่นางอยู่ตอนนี้เป็นแคว้นเฉินที่ปกครองโดยองค์จักรพรรดินามว่า เฉินเฟยหลง หรือก็คือพระบิดาของท่านอ๋องนั่นเอง ฮ่องเต้เฟยหลงมีพระราชโอรส 5 พระองค์ พระราชธิดา 3 พระองค์ ประสูติจากฮองเฮาหลี่หนิงเฟิง 3 พระองค์ได้แก่ องค์รัชทายาท เฉินเฟยฉี ท่านอ๋องสาม เฉินเฟยเทียน และองค์หญิงเจ็ด เฉินเฟยเฟิ่งประสูติจากสนมอันผิง (สนมขั้นหวงกุ้ยเฟย) 2 พระองค์ได้แก่ท่านอ๋องสอง เฉินลู่เหวิน และองค์หญิงสี่ เฉินลี่มี่ ประสูติจากสนมเหว่ยชิงเยว่ (สนมขั้นกุ้ยเฟย) 2 พระองค์ ได้แก่ องค์ชายห้า เฉินเลี่ยงหรง และองค์หญิงหก เฉินลี่ฮวา เป็นฝาแฝดกัน ส่วนองค์ชายแปด เฉินหนิงหลง ผู้มีอายุเพียงสามหนาวประสูติจากสนมขั้นผินลิ่วเหรินผู้หนึ่งที่มาจากต่างแดน ประสูติองค์ชายแปดได้ไม่นานพระสนมก็สิ้นชีพลง ฮองเฮาจึงเป็นผู้เสียงดูองค์ชายแปดมาแต่เล็กแต่น้อย

อ่า~ ศึกชิงบัลลังก์ต้องมาแน่ ผู้ท้าชิงก็อาจจะเป็น องค์รัชทายาท ท่านอ๋องสอง ท่านอ๋องสาม และองค์ชายห้า

เจียวซินคิดไปเรื่อยเปื่อยอย่างคนช่างจินตนาการ พออ่านจบเจียวซินก็พับตำราเก็บไว้ พรางคิดถึงการจะเปิดสำนักศึกษา จึงหยิบตำราด้านสังคมของแคว้นมาอ่าน ได้ความว่าสำนักศึกษามีน้อยมาก และส่วนใหญ่มักจะเป็นลูกขุนนางและเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่ได้เล่าเรียน

“ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาสินะ” เจียวซินเอ่ยพึมพำกับตนเอง แต่ก็ยังไม่ลอดพ้นหูของเฟยเทียน

“เจ้าว่าอย่างไรนะ”

“เพคะ? อ่อ หม่อมฉันหมายถึงการที่ลูกขุนนางและเชื้อพระวงศ์ได้เล่าเรียน แต่ชาวบ้านกลับไม่ได้มีโอกาสเล่าเรียนมันไม่เท่าเทียมเพคะ ทุกคนควรได้เล่าเรียนทั้งหมด”

“เพ้อเจ้ออันใดของเจ้า ชาวบ้านจะเอาเงินทองที่ใดมาเป็นค่าเล่าเรียน เพียงจะใช้ชีวิตอยู่ในแต่ละวันยังยาก”

“หม่อมฉันถึงบอกว่ามันไม่เท่าเทียมอย่างไรล่ะเพคะ คนมีเงินทองได้เรียน คนไม่มีเงินทองไม่ได้เรียน ทั้งที่คนไม่มีเงินทองอาจจะเรียนได้ดีกว่าก็ได้ เช่นนี้แคว้นของเราจะไม่สูญเสียคนเก่งไปโดยเปล่าประโยชน์หรือเพคะ” เจียวซินโต้กลับทันที

“…” เฟยเทียนนั่งฟังสิ่งที่เจียวซินกล่าว ก็เป็นจริงดังที่นางว่า เฟยเทียน ที่กำลังจะกล่าวต่อกลับโดนขัดขึ้น

“ท่านอ๋อง หากจะเป็นอาจารย์ต้องทำอย่างไรบ้างหรือเพคะ”

“อาจารย์ เจ้าหมายถึงเจ้าจะไปเป็นอาจารย์หรือ ฮ่าๆ เจ้านี่คิดเพ้อเจ้อเสียจริง ฮ่าๆ” เฟยเทียนหัวเราะดังลั่น นางช่างเพ้อเจ้อเสียจริงคราวก่อนก็คิดว่าเขาจะให้นางมาเป็นนางบำเรอ มาคราวนี้อยากเป็นอาจารย์

“หม่อมฉันพูดจริงเพคะ ท่านอ๋องเพียงตอบมาว่าต้องทำอย่างไร” เจียวซินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“อะแฮ่ม ได้ๆ อย่างแรกเจ้าถนัดสิ่งใดเล่า เป็นอาจารย์จะต้องเชี่ยวชาญ ด้านใดด้านหนึ่ง เชี่ยวชาญจนสามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้”

“เรื่องนั้นหม่อมฉันทราบเพคะ และหม่อมฉันก็ถนัดด้านคณิต- เอ่อ การคำนวณเพคะ อ่อแล้วอีกอย่างคือภาษาอังกฤษ ภาษาของชาวตะวันตกน่ะเพคะ” เจียวซินพูดอย่างภาคภูมิใจ พร้อมยืดอก เชิดหน้าขึ้น

“เจ้า เจ้าถนัดการคำนวณ กับ ภาษาของชาวตะวันตกหรือ อึก หึๆ” เฟยเทียนพยายามกลั้นขำสุดขีด นางเยินยอตนเองเกินไปแล้ว

“ขออภัยที่กระหม่อมต้องเอ่ยแทรกพ่ะย่ะค่ะ หากพระชายาทรงเชี่ยวชาญภาษาของชาวตะวันตก ท่านอ๋องคงมิต้องกังวลเรื่องล่ามที่จะมาช่วยแปลสารจากคณะราชทูตที่จะเดินทางมาถึงในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า” ห่าวซวนเอ่ยบอกต่อ เฟยเทียน เมื่อเจียวซินได้ยินดังนั้นถึงกับใจเต้น นี่เป็นหนทางในการสร้างชื่อเสียงของนาง และอีกอย่างนางอาจจะได้รางวัลกลับมาด้วย คิดได้ดังนั้นนางจึงกล่าวบอกท่านอ๋องทันใด

“หม่อมฉันเชี่ยวชาญภาษาของชาวตะวันตกมากเพคะ ท่านไว้ใจหม่อมฉันได้หรือท่านอยากจะทดสอบหม่อมฉันก็ได้นะเพคะ”

“อืม เช่นนั้นออกไปตลาดเทียบท่าทางเหนือ” เฟยเทียนคุ้นคิดอยู่ชั่วครู่ก็ตัดสินใจ

“ไปเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ห่าวซวนลุกขึ้นเอ่ยถามผู้เป็นนาย

“อืม ไปเตรียมรถม้า” กล่าวเสร็จเฟยเทียนจึงลุกออกจากโต๊ะทำงาน เจียวซินเห็นดังนั้นจึงรีบตามไปทันที แต่ยังไม่ทันที่เฟยเทียนและเจียวซินจะเดินพ้นตำหนัก ก็พบเข้ากับขบวนของชายารองและอนุถัง ที่กำลังนำชาและของว่างมาให้ท่านอ๋อง

“ท่านอ๋องและพระชายาจะเสด็จไปที่ใดหรือเพคะ หม่อมฉันกำลังจะนำชาจากนอกด่านมาให้ท่านอ๋องลองชิม” เป็นอันอ้ายฉิงที่กล่าวขึ้น

“เอาไว้ก่อนเถิด ข้ากับพระชายากำลังจะออกไปด้านนอก พวกเจ้ากลับไปก่อน ส่วนซูเหวิน ข้าจะไปพบเจ้าภายหลัง” เฟยเทียนกล่าวและเดินตรงไปยังรถม้าทันที เจียวซินเหลือบไปเห็นสายตาริษยาจากชายารองอันถึงกับขนลุกเกรียว จึงรีบสาวเท้าตามท่านอ๋องไป ชายารองและอนุถังจึงทำได้เพียงแยกย้ายกันกลับตำหนัก

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว   14. เจียวซินกับวิธีสร้างชื่อเสียง (3)

    “เรียกข้างั้นหรือ…”“จะ..เจ้าค่ะ ช่วยข้าเลือกกลิ่นเครื่องหอมได้หรือไม่เจ้าคะ” เฟยเทียนเดินเข้าใกล้เจียวซิน แล้วฉวยเอาข้อมือของเจียวซินขึ้นมา“ตรงนี้ใช่หรือไม่”“เจ้าค่ะ” สิ้นเสียงของเจียวซิน เฟยเทียนก้มหน้าลงจนปลายจมูกโด่งแตะลงบนข้อมือของเจียวซิน“อ๊ะ…” เหตุใด!! เหตุใดท่านอ๋องต้องเองจมูกแตะลงไปเช่นนั้นด้วยเล่า เจียวซินใจเต้นกับการกระทำนี้ไม่น้อย ตั้งแต่ที่นางมาอยู่โลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านอ๋องแสดงท่าทีใกล้ชิดกับนางเฉกเช่นสามีภรรยาคู่อื่น เมื่อนึกถึงจุดนี้ก็ทำเอาเจียวซินหน้าขึ้นสีระเรื่อ“อีกกลิ่นเล่า อยู่ตรงที่ใด” เฟยเทียนเอ่ยถาม มิใช่ว่าเขาไม่เห็นท่าทีขัดเขิน แต่เลือกที่จะปล่อยผ่าน มิอยากทำให้นางต้องอึดอัด เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาแตะเนื้อต้องตัวนางตั้งแต่ที่นางแต่งเข้ามา แต่ครั้งนี้…เขาแค่อยากรู้ อยากรู้ว่ากลิ่นเหล่านั้นจะหอมเพียงใด เมื่ออยู่บนตัวนาง“อยู่หลังมือ ข้างนี้เจ้าค่ะ” เจียวซินยื่นมืออีกข้างให้ท่านอ๋องลองดมกลิ่น เฟยเทียนแตะจมูกลงไปบนหลังมือเจียวซินอีกครั้งหอม หอมมากทั้งสองกลิ่น ไม่ว่ากลิ่นใดก็หอม“เอากลิ่นใดดีเจ้าคะ” เจียวซินเอ่ยถามออกไป แม้จะขัดเขินต่อการกระทำที่ไม่

  • เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว   13. เจียวซินกับวิธีสร้างชื่อเสียง (2)

    ..“ท่านอ๋องและพระชายาจะออกไปนอกจวน เจ้ารีบนำความไปบอกท่านพ่อเสีย อย่าให้ถูกจับได้” หญิงสาวรับคำสั่งจากผู้เป็นนายแล้วจึงเร่งรีบออกไปส่งข่าว..ด้านเฟยเทียนและเจียวซินที่กำลังนั่งรถม้าไปยังตลาดเทียบท่า ระยะทางค่อนข้างไกลต้องใช้เวลาเดินทางเกือบครึ่งชั่วยาม เจียวซินที่ได้ออกนอกจวนครั้งแรกถึงกับยิ้มไม่หุบ เปิดม่านดูบรรยากาศรายทาง ปากก็เอ่ยถามสิ่งที่แปลกตากับท่านอ๋อง จนลืมไปเสียสนิทว่าตนเองต้องอย่าล้ำเส้นท่านอ๋อง ส่วนเฟยเทียนก็ทำหน้าที่ตอบคำถามของชายาตน ภายในหัวก็คุ้นคิดว่าเจียวซินนั้นจะแกล้งเป็น จำมิได้หรือไม่ แต่คำตอบที่เขาได้คือ ดูอย่างไรนางก็ไม่มีท่าทีแกล้งหรือหลอกลวงใดๆ เขาเชื่อไปแปดในสิบส่วนแล้วว่านางจำสิ่งใดมิได้เลย“ท่านอ๋องคิดว่าหม่อมฉันจะเปิดสำนักศึกษาสำหรับชาวบ้านดีหรือไม่” เจียวซินเอ่ยถามขณะมองชาวบ้านตามท้องถนน“หากจะทำต้องมีเงินทองมากพอ เพราะชาวบ้านคงมิมีเงินทองสำหรับมา ใช้จ่ายค่าเล่าเรียน”“จริงของท่าน เช่นนั้นหม่อมฉันจะสอนลูกขุนนางและเชื้อพระวงศ์ไปด้วย สอนชาวบ้านไปด้วยดีหรือไม่เพคะ”“เหตุใดต้องไปสอนลูกขุนนางด้วยเล่า” เฟยเทียนเอ่ยถามเสียงนุ่ม เมื่อไหร่มิรู้ที่เขาหลงไหลไปกับ

  • เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว   12. เจียวซินกับวิธีสร้างชื่อเสียง (1)

    เจียวซินที่กำลังจดจ่ออยู่กับการเลือกตำรา ก็เดินไปเรื่อยๆ อย่างแรก นางต้องรู้ก่อนว่าโลกที่นางอยู่ตอนนี้เป็นอย่างไร ต้องหาหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์หรือสังคม“กฎหมาย การรบ จารีต … แล้วประวัติศาสตร์อยู่ไหนกันล่ะ” เจียวซินเดินหาเท่าไหร่ก็มิเจอ หรือนางควรไปถามท่านอ๋องดี แต่ก็กลัวโดนท่านอ๋องตำหนิ อีกอย่างนางรู้สึกหมั่นไส้ เบื่อหน่าย รำคาญท่านอ๋องอย่างไรก็ไม่รู้เอ่อ ยอมรับก็ได้ว่างอน จริงๆ ก็ไม่ถึงกับงอนแต่แค่รู้สึกผิดหวัง รู้สึกเสียใจนิดๆ โมโหหน่อยๆ ก็เท่านั้น“ชิ หาเองดีกว่า ไม่ง้อหรอก”“เจ้าหาตำราใดอยู่งั้นหรือ” เฟยเทียนที่เข้ามาเงียบๆ เอ่ยถามขึ้น“เห้ย!! ท่านทำข้าตกใจ” เจียวซินยกมือขึ้นลูบหน้าอกตนเองเบา“ตกใจอันใดของเจ้า แล้วเจ้าหาตำราอันใดอยู่…ข้าจะช่วยหา” ประโยคสุดท้ายเฟยเทียนพูดเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน อีกทั้งยังแสดงอาการเก้งๆ กังๆ เหมือนมิค่อยแน่ใจในสิ่งที่ทำอยู่ด้านเจียวซินที่อยูใกล้ได้เห็นท่าทีและได้ยินทุกคำพูดของท่านอ๋อง จึงแอบลอบยิ้มทันทีหึ มาง้อข้าสินะ จะยอมพูดด้วยสักหน่อยก็ได้“จะช่วยหม่อมฉันหาหรือเพคะ”“หืม…ใช่ บอกมาว่าอยากได้ตำราอันใด” เฟยเทียนที่เริ่มขัดเขินกับการกระทำของตน

  • เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว   11. เจียวซินกับมิมีผู้ใดดีต่อกัน (3)

    “ท่านเป็นเด็กหรือไร ถึงได้เขี่ยผักทิ้งเช่นนั้น” เจียวซินเอ่ยขึ้นเมื่อสังเกตเห็นเฟยเทียนเขี่ยผักที่ติดอาหารออก ทั้งยังคีบเมนูผักให้เฟยเทียนอีกด้วย“นี่เจ้ากล้า-” เฟยเทียนกัดฟันกรอด กล้าดีอย่างไรมาว่าให้เขาเป็นเด็ก แม้แต่องค์ฮ่องเต้ยังเอ่ยชมเขาอยู่หลายหนว่ามีความคิดเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่เขาอายุเพียงสิบห้าหนาว แต่นี่เขาอายุได้ยี่สิบห้าหนาวแล้ว นางยังกล้ากล่าวว่าเขาเป็นเด็ก ช่างกล้า ช่างกล้านัก!“ทานเสีย ผักมีประโยชน์ท่านมิรู้หรือ ถึงไม่ชอบก็ต้องทานนะเพคะ” เจียวซินวางผักที่คีบลงบนข้าวของท่านอ๋องด้วยความหวังดี“เจ้ามิต้องมาสอดเรื่องของข้า ทานของเจ้าไป!!” ด้วยกลัวจะเสียหน้าต่อหน้าขันทีและนางกำนัลที่เฝ้าอยู่ในห้อง เฟยเทียนจึงเขี่ยอาหารที่เจียวซินคีบให้ทิ้งและกล่าวตำหนิเจียวซินด้วยเสียงดุจนเจียวซินชะงักนางเพียงหวังดีเหตุใดจึงว่ากล่าวกันด้วยถ้อยคำเช่นนี้ หากไม่กินก็เพียงแค่บอกกล่าวกันเท่านั้น มันยากนักหรือ“เพคะ! หม่อมฉันจะมิสอดเรื่องของท่านอีก” เจียวซินไม่เข้าใจท่านอ๋อง แม้แต่น้อย แต่ก็ทำสิ่งใดไม่ได้ ความรู้สึกในตอนนี้เหมือนนางอยู่ในห้องประชุมของโรงเรียนในโลกเก่า ไม่พอใจ ไม่เข้าใจ แต่ก็ทำอันใดไม

  • เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว   10. เจียวซินกับมิมีผู้ใดดีต่อกัน (2)

    “งั้นเราไปเตรียมเครื่องเสวยเถิด วันนี้ข้าจะไปรับสำรับเช้ากับท่านอ๋อง” ว่าแล้วเจียวซินก็เดินตรงไปที่โรงครัวทันทีด้านเฟยเทียนกำลังนั่งฟังรายงานขององค์รักษ์เงาที่ส่งไปติดตาม เจียวซิน“พระชายามิได้ออกไปที่ใด ไม่ได้พบเจอผู้ใดเลยพ่ะย่ะค่ะ ส่วนมากจะนั่งเล่นที่ศาลาริมสระหรือไม่ก็ศาลาในสวนพ่ะย่ะค่ะ”“แล้วท่าทีของนางเป็นอย่างไร”“พระชายาดูเหมือนมิรู้สิ่งใดจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ พระชายามักสอบถามเรื่องต่างๆ จากหนิงเออร์ แม้แต่เรื่องการปฏิบัติตนยังถูกหนิงเออร์กล่าวเตือนอยู่หลายครั้ง พ่ะย่ะค่ะ”“อืม ติดตามดูต่อไป หากมีอันใดเร่งด่วนมาแจ้งข้าได้ทันที แล้วตอนนี้ใครดูแลนางอยู่”“เป็นหงฮวาและไป่ฮวาพ่ะย่ะค่ะ” องค์รักษ์เงากล่าวชื่อลับของเพื่อนทั้งสองด้วยความขัดเขิน“อ่าาา งั้นเจ้าคงเป็นหวงฮวาสินะ ฮึๆ” เฟยเทียนนึกไปถึงยามที่เขานำองค์รักษ์เงาทั้งสามคนไปพบเจียวซิน“พวกท่านมีชื่อหรือไม่”“พวกกระหม่อมถูกเรียกขานว่า อี เอ้อ และซาน พ่ะย่ะค่ะ”“อีกแล้วหรือ องค์รักษ์เงาของคนอื่นๆ ก็ถูกเรียกว่า อี เอ้อ ซาน มันซ้ำกับผู้อื่น หม่อมฉันขอเปลี่ยนชื่อพวกเขาใหม่ได้หรือไม่เพคะท่านอ๋อง” เจียวซินอยากเปลี่ยนชื่อองค์รักษ์เงาของ (สวาม

  • เกิดใหม่อีกที เป็นพระชายาก็ไม่เลว   9. เจียวซินกับมิมีผู้ใดดีต่อกัน (1)

    “หนิงเออร์ เหตุใดพวกนางต้องมาคารวะข้าแต่เช้าเช่นนี้ด้วย” เช้าวันนี้ เจียวซินถูกปลุกขึ้นมาแต่งกาย ผัดหน้าแต่เช้า เพื่อมานั่งรอบรรดาเมียๆ ของสวามี ตั้งแต่นางเข้ามาอยู่ในโลกนี้เกือบสิบวัน วันนี้เป็นวันที่เขาหงุดหงิดเป็นที่สุด สิบวันที่ผ่านมานางไม่ได้ทำอะไรเลย จะหยิบจับอันใดก็มีคนทำให้ทุกอย่างจน น่าเบื่อหน่าย ท่านอ๋องที่เคยบอกว่าจะพาไปค่ายทหารก็ผัดผ่อนมาเรื่อยๆ มีเพียงนำองค์รักษ์เงาสามคนที่จะให้ติดตามนางมาแนะนำให้รู้จักเท่านั้น นอกนั้นก็แทบจะมิได้เจอหน้ากัน แล้ววันนี้ยังจะต้องตื่นเช้ามารอรับการคำนับจากชายารองและอนุของสวามีอีก น่าเบื่อหน่ายเกินไปแล้ว คิดถึงเด็กนักเรียนของนางเสียจริง ตอนทำงานเป็นครู มิมีวันใดเลยที่ไม่ตื่นเต้นเพราะในแต่ละวันก็จะเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันแตกต่างกันไป“เป็นเวลานี้ปกติอยู่แล้วเพคะ ก่อนหน้านี้พระชายาประชวรจึงละเว้นการคำนับไปในช่วงนั้นเพคะ”“เอาเถิดๆ แล้วเมื่อไหร่พวกนางจะมา” พูดได้ไม่ทันขาดคำ เสียงของนางกำนัลหน้าห้องก็ดังขึ้น“ทูลพระชายา พระชายารองและอนุทั้งสามขอเข้าเฝ้าเพคะ”“ให้พวกนางเข้ามา”“คำนับพระชายาเอกเพคะ” ทั้งสี่คนกล่าวพร้อมกัน“อย่าได้มากพิธี พวกเจ้านั่ง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status