Home / รักโบราณ / เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่ / ตอนที่ 12 สร้างพื้นที่ของตนเอง

Share

ตอนที่ 12 สร้างพื้นที่ของตนเอง

last update Last Updated: 2025-08-16 04:35:28

“ถ้าข้าเข้าไปไม่ได้ เจ้าลองเอาสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ อย่างลูกไก่เข้าไปเลี้ยงดูดีไหม? อย่างน้อยเจ้าจะได้มีเพื่อนคลายเหงาในวันที่ไม่อาจออกมาด้านนอกได้”

ดวงตาของฮวาอี้สว่างวาบด้วยความดีใจ “จริงสิ! ข้าทำไมถึงคิดไม่ออกกันนะ ข้ายังไม่เคยลองพาสัตว์เข้าไปเลย หากทำได้ ข้าก็จะไม่ต้องเหงาอีกต่อไป”

นางยิ้มกว้างอย่างมีความหวัง ในเมื่อนางออกไปข้างนอกไม่ได้ ก็คงต้องสร้างโลกของตนเองขึ้นภายในมิติ ตอนนี้นางเลิกหวังที่จะได้กลับไปยังโลกเดิมแล้ว เพราะนับตั้งแต่ทะลุมายังที่แห่งนี้ ก็ไม่มีสัญญาณใดบอกเลยว่าจะได้กลับ คำพูดสุดท้ายที่นางจำได้ก็มีเพียง…

“สิทธิ์พิเศษของผู้โดดเดี่ยว”

‘สิทธิ์บ้าอะไรกัน ข้าไม่ได้โดดเดี่ยวขนาดนั้นเสียหน่อย! ระบบนั่นต้องมีปัญหาแน่…’

ขณะคิดเพลิน เสียงเรียกของเหว่ยหยางก็ดังขึ้นหลายครั้ง แต่นางกลับยังคงเหม่อลอย จนเขาต้องโน้มหน้าเข้าไปใกล้ แล้วตะโกนข้างหู

“ฮวาอี้! เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”

เสียงที่ดังจนใกล้เกินไปทำให้นางสะดุ้งตกใจ หันไปหาต้นเสียงทันที จังหวะนั้นเองที่ใบหน้าของนางเกือบปะทะกับใบหน้าของเหว่ยหยาง

ทั้งสองสะดุ้งเฮือก รีบถอยออกจากกันด้วยความตกใจ

“เจ้า… เรียกข้าทำไมหรือ?” ฮวาอี้พูดออกมาอย่างไม่เต็มเสียง ความร้อนวูบวาบขึ้นมาบนใบหน้า

‘ข้าคิดอะไรอยู่กับเด็กวัยสิบสามกันแน่เนี่ย!’ นางดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว

ด้านเหว่ยหยาง ใบหูทั้งสองแดงจัด เขารู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจที่แรงผิดปกติ ‘นี่ข้าเป็นอะไรไปกันแน่ หรือแค่ตกใจเท่านั้น?’ เขาแอบมองไปทางฮวาอี้ เห็นนางไม่มีท่าทีผิดแปลกอะไร เขาก็รู้สึกโล่งใจ… แต่ก็ปนผิดหวังอยู่เล็กน้อย

“ข้าขอโทษ ข้าเรียกเจ้าหลายครั้งแล้วแต่เจ้าไม่ตอบ…” เขาพูดเสียงเบา ราวกับไม่มั่นใจ

“ข้าเหม่อไปนิดหน่อย… ข้ากำลังคิดเรื่องที่เจ้าพูดอยู่นั่นแหละ ความคิดของเจ้าไม่เลวเลย แล้วเจ้าว่าข้าควรเลี้ยงอะไรดี?” นางเปลี่ยนหัวข้อเพื่อหลีกเลี่ยงความกระอักกระอ่วน

เหว่ยหยางยิ้มบาง

“ข้าว่าเลี้ยงแม่ไก่สักคู่ เอาไว้เก็บไข่มากินก็ดี อีกอย่าง ข้ากำลังคิดจะเข้าเมืองอยู่พอดี ไปซื้อแม่ไก่มาเลี้ยงแทนไก่ป่าที่เรามี”

“ความคิดของเจ้าดีมาก แต่ว่าข้าไม่มีเงินเลยนะ…” นางพูดพลางถอนหายใจเบา ๆ ความจริงข้าไม่มีแม้แต่เหรียญเดียว น่าเศร้ายิ่งนัก

“ข้าจะซื้อให้เอง ถือว่าเป็นของตอบแทนที่เจ้าช่วยเหลือข้า ดีหรือไม่?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฮวาอี้ก็ยิ้มกว้างอีกครั้ง

“อย่างนั้นก็ดีเลย! ถ้าเจ้าจะเข้าเมือง ข้าไปด้วยได้ไหม? ข้าอยากไปเที่ยวกับเจ้าสักครั้ง…”

เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ นางยังไม่เคยออกไปที่อื่นนอกจากบ้านของเหว่ยหยางเลยสักครั้งเดียว

“ข้าจะพาเจ้าไปด้วยก็ได้ แต่เจ้าห้ามพูดในเวลาที่มีคนอยู่ เข้าใจหรือไม่?” เหว่ยหยางเตือนอีกครั้ง น้ำเสียงจริงจัง

“เข้าใจแล้ว ข้าจะไม่พูดแน่นอน เจ้าอย่าลืมนะ เจ้าได้สัญญากับข้าแล้ว”

ทันทีที่ฮวาอี้พูดจบ ร่างของนางก็จางหายไป กลับเข้าไปอยู่ในต้นหญ้าเช่นเดิม

เหว่ยหยางมองภาพที่เห็นอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังไม่อาจชินกับความมหัศจรรย์นั้นได้เสียที

หลังจากแจ้งเรื่องการเข้าเมืองให้มารดารับทราบอีกครั้ง เขาก็ไปยืมรถเกวียนลาจากป้าฟ่านหนิง โดยครั้งนี้เขาไม่ได้มีของไปขายเหมือนเช่นเคย เพียงแค่อยากพาต้นหญ้าน้อยไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาเท่านั้น

เริ่นหรงฮวาเห็นลูกชายอุ้มตะกร้าที่ใส่ต้นหญ้าน้อยติดตัวไปด้วย นางก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือนทั้งสองอีกครั้ง

“เจ้าพานางไปดี ๆ ล่ะ ฮวาอี้ เจ้าห้ามพูดอะไรในที่สาธารณะ เข้าใจหรือไม่?”

“เข้าใจขอรับ”

“เข้าใจเจ้าค่ะ”

เสียงตอบรับของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกัน แล้วพวกเขาก็ออกเดินทางจากบ้าน

หรงฮวามองตามแผ่นหลังของลูกชายที่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า นับตั้งแต่ฮวาอี้เข้ามาในชีวิต นางก็ได้เห็นด้านที่สดใสของลูกชายอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่นางไม่ได้เห็นมานานแสนนาน จึงอดรู้สึกดีใจไม่ได้

ระหว่างเดินทาง เหว่ยหยางเลือกใช้เส้นทางที่ค่อนข้างเปลี่ยว ไม่มีผู้คนสัญจรไปมา เขาเหลียวซ้ายแลขวา เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ จึงหยิบต้นหญ้าน้อยออกจากตะกร้ามานั่งข้างกาย

“เจ้ามองเห็นหรือไม่?” เขาถามขึ้น พลางขับเกวียนช้า ๆ ไปตามทาง

“เห็นชัดเลยล่ะ” ฮวาอี้ตอบ พร้อมหันมองสองข้างทางอย่างสนใจ “แต่เหตุใดหมู่บ้านของเจ้าจึงดูยากจนเช่นนี้?”

คำพูดของนางทำให้เหว่ยหยางถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเล่าเรื่องบางอย่างให้ฟัง

“เมื่อก่อนหมู่บ้านของเราก็ไม่ได้เป็นเช่นนี้… ตั้งแต่ที่มีฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ สภาพบ้านเมืองก็แย่ลงเรื่อย ๆ ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล ข้าวปลาอาหารขาดแคลน มีผู้คนล้มตายกันเป็นจำนวนมาก”

ฮวาอี้ฟังอย่างตั้งใจ พลางรู้สึกสงสารผู้คนในโลกนี้ ‘ฮ่องเต้ของโลกนี้คงจะโหดร้ายไม่น้อย’

“แล้วคนที่ตามฆ่าครอบครัวของเจ้าคือใครหรือ?”

“ข้าเองก็ยังไม่รู้แน่ชัด…” เขาตอบเสียงแผ่ว แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “แต่อาจเป็นคนของผู้มีอำนาจที่ต้องการทำลายครอบครัวของข้า ข้ากำลังพยายามสืบหาความจริงอยู่เหมือนกัน”

“เอาล่ะ ข้าไม่อยากให้เจ้าหม่นหมองมากไปกว่านี้ เปลี่ยนเรื่องดีกว่า!” นางรีบพูดพลางยิ้มบาง “วันนี้เข้าเมือง ข้าอยากซื้อของบางอย่าง เจ้าช่วยซื้อให้ข้าได้ไหม?”

เหว่ยหยางหันมามองใบหน้าเจ้าเล่ห์ของนางแล้วยิ้มเอ็นดู “เจ้าอยากได้อะไร ข้าจะซื้อให้เจ้าทั้งหมดเลย”

“โอ้โห… สายเปย์เชียวนะเจ้าเนี่ย!” ฮวาอี้เผลอหลุดคำศัพท์จากโลกเดิมออกมา

“เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไรนะ? ข้าไม่คุ้นกับคำคำนั้นเลย” เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ไม่มีอะไรหรอก เป็นแค่คำที่ข้าเคยใช้ใน… สถานที่เดิมที่ข้าเคยอยู่” นางรีบแก้ตัวพร้อมตบปากตัวเองเบา ๆ อย่างห้ามไม่อยู่

เหว่ยหยางฟังคำพูดของฮวาอี้อย่างพินิจ น้ำเสียงของนางช่างมีบางสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้

‘ช่างเถอะ… หากนางยังไม่พร้อมบอก ข้าก็จะไม่เร่งรัด’

เขาคิดในใจ ขณะทอดสายตาไปยังถนนเบื้องหน้า ปล่อยให้เสียงของต้นหญ้าน้อยค่อย ๆ กล่อมจิตใจเขาไปตลอดทาง

“ฮวาอี้ ข้างหน้าคือทางเข้าเมืองแล้ว เจ้าห้ามพูดอะไรออกมานะ” เขาเตือนเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ได้ ๆ ข้าจะอยู่เงียบ ๆ ไม่ปริปากเลย” นางตอบกลับอย่างว่าง่าย ก่อนจะเงียบเสียงลงทันที

เหว่ยหยางวางต้นหญ้าน้อยลงในตะกร้าสานใบเล็กโดยจัดให้ยอดของต้นหญ้าโผล่พ้นขอบขึ้นมาเล็กน้อย เขากระซิบใกล้ต้นหญ้าอีกครั้ง

“เจ้ามองเห็นใช่ไหม?”

“เห็นชัดเลย เจ้าไม่ต้องกังวล” ฮวาอี้ตอบกลับอย่างตื่นเต้น สายตาจับจ้องไปยังเมืองที่อยู่เบื้องหน้า

เมื่อมั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เหว่ยหยางจึงนำเกวียนไปจอดยังจุดฝากรถ ก่อนสะพายตะกร้าใบเล็กใบนั้นไว้ด้านหลัง เดินมุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 13 ข้อแลกเปลี่ยน

    วันนี้เขามีเป้าหมายเดียว หาลูกไก่ตัวเล็ก ๆ มาให้นางเลี้ยงไว้ในมิติเขาเดินตรงไปยังตลาดขายสัตว์ซึ่งเต็มไปด้วยเสียงร้องของสัตว์หลายชนิดและกลิ่นที่แรงฉุนลอยตลบอบอวล ขณะกำลังเดินชมสินค้า ชายร่างใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามาชนเขาเต็มแรงจนร่างเหว่ยหยางเซถอยหลังชายคนนั้นมองเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เดินยังไงของเจ้า ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยรึไง ถึงได้ชนข้าเข้า!”เหว่ยหยางรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นฝ่ายผิด แต่เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา เขาจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“ข้าขอโทษขอรับ”ทว่าคำขอโทษนั้นกลับยิ่งจุดไฟให้ชายผู้นั้นเดือดดาล“ขอโทษงั้นหรือ? ฟังดูเหมือนไม่ได้สำนึกอะไรเลย!”เสียงโวยวายทำให้พ่อค้าแม่ค้ารอบข้างหันมามอง บางคนที่เห็นเหตุการณ์เต็มตาก็เอ่ยขึ้น“เด็กมันก็ขอโทษแล้ว เจ้าเองต่างหากที่เป็นคนเดินชนเข้าไปก่อน!”“ใช่ ๆ ข้าเห็นกับตาเลย” อีกเสียงสนับสนุนดังขึ้นตามมาชายร่างใหญ่หันมองรอบตัว เมื่อเห็นว่าผู้คนไม่ได้อยู่ข้างตน เขาก็หน้าแดงด้วยความอับอาย ก่อนจะเดินจากไปอย่างหัวเสียเหว่ยหยางหันไปกล่าวขอบคุณชาวบ้านที่ช่วยพูดให้ ฮวาอี้ที่อยู่ในตะกร้าสังเกตทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น นางรู้สึกไม่พอใจจนต้องจัดการกับอีกฝ่ายด้วยวิ

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 12 สร้างพื้นที่ของตนเอง

    “ถ้าข้าเข้าไปไม่ได้ เจ้าลองเอาสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ อย่างลูกไก่เข้าไปเลี้ยงดูดีไหม? อย่างน้อยเจ้าจะได้มีเพื่อนคลายเหงาในวันที่ไม่อาจออกมาด้านนอกได้”ดวงตาของฮวาอี้สว่างวาบด้วยความดีใจ “จริงสิ! ข้าทำไมถึงคิดไม่ออกกันนะ ข้ายังไม่เคยลองพาสัตว์เข้าไปเลย หากทำได้ ข้าก็จะไม่ต้องเหงาอีกต่อไป”นางยิ้มกว้างอย่างมีความหวัง ในเมื่อนางออกไปข้างนอกไม่ได้ ก็คงต้องสร้างโลกของตนเองขึ้นภายในมิติ ตอนนี้นางเลิกหวังที่จะได้กลับไปยังโลกเดิมแล้ว เพราะนับตั้งแต่ทะลุมายังที่แห่งนี้ ก็ไม่มีสัญญาณใดบอกเลยว่าจะได้กลับ คำพูดสุดท้ายที่นางจำได้ก็มีเพียง…“สิทธิ์พิเศษของผู้โดดเดี่ยว”‘สิทธิ์บ้าอะไรกัน ข้าไม่ได้โดดเดี่ยวขนาดนั้นเสียหน่อย! ระบบนั่นต้องมีปัญหาแน่…’ขณะคิดเพลิน เสียงเรียกของเหว่ยหยางก็ดังขึ้นหลายครั้ง แต่นางกลับยังคงเหม่อลอย จนเขาต้องโน้มหน้าเข้าไปใกล้ แล้วตะโกนข้างหู“ฮวาอี้! เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”เสียงที่ดังจนใกล้เกินไปทำให้นางสะดุ้งตกใจ หันไปหาต้นเสียงทันที จังหวะนั้นเองที่ใบหน้าของนางเกือบปะทะกับใบหน้าของเหว่ยหยางทั้งสองสะดุ้งเฮือก รีบถอยออกจากกันด้วยความตกใจ“เจ้า… เรียกข้าทำไมหรือ?” ฮวาอี้พูดออ

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 11 ท่านแม่กับต้นหญ้าน้อย

    “ต้นหญ้า… เจ้าตื่นหรือยัง?” เหว่ยหยางเอ่ยถามเสียงไม่ดังนักทางด้านฮวาอี้ ต้นหญ้าน้อย นางตื่นขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี ครานี้นางไม่จำเป็นต้องหลับใหลในสภาพต้นไม้เหมือนแต่ก่อนอีก เพราะนางมีมิติส่วนตัวให้เข้าไปพักผ่อน ทั้งยังสามารถสร้างพื้นที่เพาะปลูกของตนเองภายในนั้นได้ด้วย สมุนไพรและพืชหายากล้วนเจริญเติบโตได้ดีขึ้นภายในมิติของนาง…เช้าวันใหม่อากาศสดชื่น ฮวาอี้เพิ่งตื่นขึ้นมาได้ไม่นาน ก็รู้สึกได้ถึงความชื้นบริเวณรอบลำต้นของตนเอง นางเงี่ยหูฟังแล้วรับรู้ทันทีว่ามีใครบางคนกำลังรดน้ำให้นางอยู่ แต่เมื่อมองขึ้นไปกลับพบว่าเป็นมารดาของเหว่ยหยางที่ยืนอยู่ตรงนั้น‘หรือว่า… เหว่ยหยางเล่าเรื่องของข้าให้ท่านฟังแล้ว?’ ฮวาอี้เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ ทันใดนั้น เสียงเรียกจากเหว่ยหยางก็ดังขึ้นข้างต้นหญ้า ทำให้นางสะดุ้งเล็กน้อย“ข้าตื่นแล้ว มีเรื่องอันใด ถึงเรียกเสียงดังเช่นนี้?” นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ“เจ้าตื่นนานหรือยัง? อย่าเพิ่งโกรธข้าเลย ข้ามีเรื่องจะถามความเห็นของเจ้า… พระจันทร์เต็มดวงครั้งหน้า ท่านแม่ของข้าอยากพบเจ้า” เขาพูดพลางจับจ้องรอคำตอบฮวาอี้นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างแผ่ว

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 10 ทำลายหลักฐาน

    “ใครส่งพวกเจ้ามา?” เริ่นหรงฮวาถามเสียงเข้มข้น แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นฮวาอี้ซึ่งอยู่ในกระถางต้นหญ้า มองเห็นสองแม่ลูกที่ยังไม่ลงมือเสียที นางจึงส่งเสียงเตือน“เหว่ยหยาง เจ้าควรรีบจัดการพวกมัน เดี๋ยวฤทธิ์เกสรจะเสื่อมเสียก่อน”เสียงจากต้นหญ้าทำให้เริ่นหรงฮวาหันขวับไปมอง สลับสายตาระหว่างต้นหญ้ากับลูกชาย นางอยากจะเอ่ยถามแต่สถานการณ์ตรงหน้าเร่งด่วนเสียยิ่งกว่า“ข้ารู้ว่าท่านแม่คงมีคำถามมากมาย เอาไว้จัดการพวกมันก่อนเถิด แล้วลูกจะอธิบายให้ฟังทุกอย่าง” เหว่ยหยางรีบพูดพลางส่งสายตาขอความเชื่อมั่นเริ่นหรงฮวาพยักหน้าแน่น พลันกระชับมีดในมือแน่นก่อนจะเดินเข้าไปปาดคอชายคนหนึ่งอย่างเยือกเย็นเหว่ยหยางเบิกตากว้าง นึกไม่ถึงว่ามารดาผู้แสนอ่อนโยนจะสามารถฆ่าคนได้อย่างไม่ลังเล เขาจึงเร่งจัดการกับชายที่เหลือตามด้วยความเด็ดขาดชายชุดดำที่ยังพอรู้สึกได้มองเพื่อนของตนตายไปทีละคนด้วยความหวาดกลัว เขาพลาดไปแล้ว เขาควรระวังตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านหลังนี้เริ่นหรงฮวาหันไปเห็นสายตาหวาดหวั่นของอีกคนที่ยังเหลืออยู่ นางแสยะยิ้ม ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“เจ้ากลัวหรือ? เจ้าคงไม่รู้สินะว่าการฆ่าสามีของข้า ทำ

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 9 บุกรุก

    ลูกน้องทั้งสี่พยักหน้ารับคำ ต่างแยกย้ายปลอมตัวเข้าไปสืบข่าวตามบ้านเรือน เมื่อได้ข้อมูลที่อยู่ของสองแม่ลูกชัดเจนแล้ว ทั้งห้าคนก็กลับมารวมตัวและซุ่มดูอยู่หน้าบ้านเงียบ ๆ อย่างมีพิรุธด้านฮวาอี้ ขณะนั้นนางเริ่มชินกับพลังเวทที่สามารถใช้สอดส่องสิ่งรอบตัวผ่านต้นหญ้าชนิดเดียวกัน เมื่อนางตรวจสอบพื้นที่รอบหมู่บ้าน ก็พบกับชายแปลกหน้าห้าคนที่กำลังแอบซุ่มดูบ้านของเหว่ยหยางอย่างน่าสงสัย กลิ่นอายของพวกมันเต็มไปด้วยเจตนาร้าย นางขมวดคิ้ว รู้ได้ทันทีว่าคนพวกนี้ต้องเป็นศัตรูอย่างแน่นอนความกังวลเริ่มกัดกินใจ ฮวาอี้รู้ว่าเหว่ยหยางคงไม่สามารถต่อกรกับคนทั้งห้าได้ หากพวกมันบุกเข้ามาจริง นางจึงตั้งใจจะเตือนเขาให้เตรียมตัวรับมือ และคิดหาทางช่วยอีกแรงหนึ่งระหว่างที่นางกำลังไตร่ตรองอยู่นั้น เหว่ยหยางก็กลับมาจากการล่าสัตว์บนเขา เขาเดินมาหาต้นหญ้าน้อยเหมือนเช่นทุกวัน เมื่อเห็นว่าต้นหญ้าเหี่ยวเฉาลงเล็กน้อย เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความห่วงใย“เจ้าต้นหญ้าน้อย วันนี้ดูเจ้าจะไม่สดใสเลยนะ”ฮวาอี้ไม่รอช้า นางรีบบอกสิ่งที่พบให้เขารับรู้ทันที “เหว่ยหยาง รอบ ๆ บ้านของเจ้าตอนนี้ ข้าตรวจพบชายแปลกหน้าห้าคน ข้าเชื่อว่า

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 8 พบเจอ

    ผ้าแพรแทบกลั้นยิ้มไม่ได้ นางดีใจยิ่งนักที่จะได้ออกไปจากบริเวณนี้เสียที “เจ้าช่วยขุดข้าไปปลูกที่อื่นได้ไหม ข้าเบื่อเจ้าไก่พวกนี้เต็มที!”เมื่อได้ยินคำขอร้องแรก เหว่ยหยางหลุดหัวเราะเบา ๆ อย่างอดไม่ได้ “ได้สิ ข้าจะย้ายเจ้าไปปลูกในกระถางดี ๆ สักใบ…แต่เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไม่เป็นอะไร?”“เจ้าขุดพร้อมกับดินที่ข้าอยู่ด้วยก็แล้วกัน ข้าอาจจะเงียบไปสักพักหนึ่ง เพราะรู้สึกว่าพลังของข้ากำลังอ่อนลง” เสียงของผ้าแพรเบาลงตามแรงวิญญาณที่ค่อย ๆ ถดถอยเหว่ยหยางไม่รอช้า เขารีบหากระถางพร้อมตักดินโดยรอบต้นหญ้ามาด้วยอย่างระมัดระวัง ในขณะที่มือขุดดินอยู่นั้น เขารู้สึกได้ถึงพลังอบอุ่นบางอย่างจากต้นหญ้า หรือเขาจะคิดไปเอง?เมื่อจัดการย้ายต้นหญ้าเสร็จแล้ว เขานำกระถางไปวางไว้ใต้ชายคา ให้แสงแดดอ่อนส่องถึงอย่างพอดี ขณะนั้นเอง มารดาเดินผ่านมาเห็นเข้าโดยบังเอิญเริ่นหรงฮวาเลิกคิ้ว มองกระถางในมือของลูกชายด้วยความฉงน “เจ้าปลูกต้นหญ้าไปทำไมกัน?”เหว่ยหยางหันมายิ้มบาง ๆ “ต้นหญ้าต้นนี้เป็นเพื่อนของข้าน่ะขอรับ ข้ารู้สึกผูกพันกับมันเหลือเกิน ว่าแต่…ท่านแม่รู้จักชื่อของต้นหญ้านี้หรือไม่?”เริ่นหรงฮวาเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ แล้วพยักหน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status