Home / รักโบราณ / เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่ / ตอนที่ 5 ความสัมพันธุ์ที่แปลก

Share

ตอนที่ 5 ความสัมพันธุ์ที่แปลก

last update Last Updated: 2025-08-08 16:59:58

ขณะที่เริ่นเหว่ยหยางบังคับเกวียนลามุ่งหน้ากลับหมู่บ้าน เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีตั้งแต่ยังไม่พ้นเขตเมือง สัมผัสแปลก ๆ เหมือนมีสายตาคอยจับจ้องอยู่เบื้องหลังตั้งแต่ตอนที่เขาขายกวางตัวนั้น

มือเล็ก ๆ กำแน่นตรงหน้าอก ที่ซ่อนเงินทั้งหมดไว้ในเสื้อผ้าชั้นใน ความกังวลเกาะกินหัวใจ เขาได้แต่ภาวนาว่า ขอให้ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในคืนที่ดึกดื่นเช่นนี้

เมื่อเดินทางมาได้ครึ่งทาง ชายผู้หนึ่งก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้กระโจนเข้าขวางเกวียนของเขา ชายคนนั้นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าขาดวิ่น ร่างผอมโซจนแทบเห็นกระดูก เหว่ยหยางรีบหยุดเกวียนด้วยความตกใจ

เขาจับจ้องชายเบื้องหน้าด้วยสายตาแข็งกร้าว ก่อนเอ่ยเสียงนิ่ง

“เจ้าคือใคร? มาขวางทางข้าทำไม?”

ขณะนั้น ดวงตาของเขากวาดไปสองข้างทาง สำรวจว่าอาจมีใครซ่อนตัวอยู่อีก

ชายขอทานหัวเราะในลำคอ พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เจ้าหนูน้อย ข้ารู้นะว่าเจ้าเพิ่งขายของมีค่า ได้เงินมาไม่น้อย เอามาแบ่งข้าบ้างสิ แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ”

ได้ยินเช่นนั้น เหว่ยหยางกลับแสยะยิ้มเย็น มองชายตรงหน้าขึ้นลงราวกับประเมินศัตรู

“เจ้าก็มีมือมีเท้าครบ เหตุใดไม่ไปหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง ต้องมาดักปล้นเด็กเช่นข้า เจ้านึกว่าข้าจะยอมงั้นหรือ?” เขาตอบเสียงเรียบ ไม่แฝงความหวาดกลัวแม้แต่น้อย

ขอทานหัวเราะเหี้ยม “ปากดีนักนะเด็กน้อย ถ้าไม่อยากตาย ก็ส่งเงินและของทั้งหมดมา! รวมถึงของในรถเกวียนด้วย!”

เขากำไม้ในมือแน่น ดวงตาแวววาวเมื่อเห็นถุงข้าวและกลิ่นเนื้อที่โชยออกจากท้ายเกวียน ท้องไส้ของเขาร้องโครกด้วยความหิวโหย

เหว่ยหยางกำลูกธนูในมือแน่น สายตาเยียบเย็น

“ถ้าอยากได้… ก็เข้ามาเอาเอง แต่อย่าลืมว่าเจ้าต้องแลกด้วยชีวิต ในเมื่อชีวิตของเจ้ามันไร้ค่า ตายเสียยังจะดีกว่า”

คำท้าทายนั้นจุดชนวนให้ชายขอทานพุ่งเข้าใส่ทันทีด้วยความโกรธจัด ร่างผอมโซของเขาวิ่งเข้ามาด้วยไม้ในมือ เตรียมจะฟาดลงบนเด็กชายเบื้องหน้าอย่างสุดแรง

แต่เหว่ยหยางไม่ได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย เขารอจังหวะเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะยกลูกธนูขึ้นแล้วฟาดด้วยปลายลูกธนูที่แหลมคมเข้าใส่ศัตรูอย่างแม่นยำ

ขอทานที่คิดว่าเด็กชายจะอ่อนแอ กลับต้องชะงักเมื่อเจอแรงสวนกลับ ท่ามกลางความตกใจ เขาเหวี่ยงไม้ไปอย่างสะเปะสะปะ ทว่าไม่มีชิ้นไหนแตะต้องร่างของเด็กชายได้เลย

เพียงชั่วพริบตา เหว่ยหยางก็กระโจนเข้าใส่ด้วยความว่องไว ลูกธนูในมือพุ่งเสียบเข้าลำคอของชายขอทานอย่างแม่นยำ ร่างนั้นทรุดลงทันที พร้อมเสียงหอบสุดท้าย

เด็กชายมองร่างไร้วิญญาณที่นอนแน่นิ่งอยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า เขาเดินเข้าไป ดึงลูกธนูออกจากลำคออย่างไม่ลังเล แล้วลากร่างของชายขอทานไปทิ้งไว้ข้างพุ่มไม้

มือเล็ก ๆ เช็ดเลือดที่ปลายลูกธนูลงกับเสื้อผ้าขาด ๆ ของร่างนั้น ก่อนจะกลับมานั่งบนเกวียน และบังคับลามุ่งหน้ากลับบ้านอีกครั้ง

ปล่อยให้ร่างไร้วิญญาณนั้นเป็นเพียงซากที่สัตว์ป่าจะจัดการในยามค่ำคืน…

กว่าเหว่ยหยางจะขับเกวียนกลับถึงบ้าน ฟ้ายามค่ำก็ปกคลุมทั่วหมู่บ้าน เขาเปิดประตูเข้าไป พบว่าท่านป้าฟ่างหนิงเดินออกมาต้อนรับ

“เจ้ากลับมาแล้วหรือ แม่ของเจ้าเพิ่งหลับไปเมื่อครู่” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงโล่งใจ ก่อนจะกวาดตามองเขาทั่วร่าง เมื่อเห็นว่าไม่มีบาดแผลใด จึงพยักหน้าเบา ๆ

“ข้าขอบคุณท่านป้ามากขอรับ เดี๋ยวข้าจะไปส่งท่านป้าเอง ตอนนี้มันดึกมากแล้ว ข้ากลัวว่าท่านจะไม่ปลอดภัย”

เหว่ยหยางพูดพลางรีบยกของลงจากเกวียน ท่านป้าก็ช่วยหยิบของด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

“แม่ของเจ้าคงดีใจมากเมื่อได้เห็นของพวกนี้ เจ้าไม่ต้องส่งข้าหรอก ข้าเคยกลับมืดค่ำอยู่บ่อยครั้งแล้ว” นางพูดพลางหัวเราะเบา ๆ ก่อนขึ้นนั่งบนเกวียน

เหว่ยหยางยื่นถุงผ้าเล็ก ๆ ให้แก่ท่านป้า ข้างในมีเนื้อหมู ข้าวขาว และผ้าสีพื้นอย่างดี

“ท่านป้ารับไว้เถอะขอรับ อย่าปฏิเสธเลย ท่านช่วยข้ามามาก ข้าเพียงอยากตอบแทนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

ฟ่านหนิงมองของในมือ สีหน้าแสดงความเกรงใจ

“เจ้ารู้ไหม… ของพวกนี้มากเกินไปแล้ว เจ้าเก็บไว้ให้แม่ของเจ้าดีกว่า”

เริ่นเหว่ยหยางยิ้มบางออกมา “ท่านป้ารับไว้เถอะขอรับ ข้ายังมีของอยู่อีกมาก ส่วนนี้ถือเป็นค่ารถเกวียนลาของท่าน ท่านเก็บไว้เถิด หากท่านปฏิเสธ ข้าคงเสียใจมาก” เขาพูดพลางทำสีหน้าเศร้าเล็กน้อยอย่างตั้งใจ

ฟ่านหนิงมองข้าวของในมือ ทั้งอาหาร และเงินหนึ่งร้อยอีแปะด้วยความลังเล นางเหลือบมองหน้าเหว่ยหยางสลับกับของที่อยู่ในมือ ก่อนถอนหายใจเบา ๆ “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะรับไว้ก็แล้วกัน… เจ้ากลับเข้าไปดูแลแม่ของเจ้าเถอะ ครั้งหน้าไม่ต้องให้ข้ามากขนาดนี้ก็ได้” นางเอ่ยพลางยิ้มเอ็นดู

เหว่ยหยางยิ้มเล็กน้อย เขายืนส่งท่านป้าฟ่านหนิงจนร่างของนางลับสายตา ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน เสียงเรียกอ่อนแรงของมารดาดังขึ้นทันที

“เหว่ยหยาง… ลูกกลับมาแล้วหรือ?” น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความห่วงใย ราวกับเฝ้ารอเขามาตลอดยามที่หลับตา

“ลูกกลับมาแล้วขอรับ ต่อจากนี้บ้านเราจะไม่ลำบากอีกต่อไป ท่านแม่จะได้กินอาหารดี ๆ ทุกวัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเปี่ยมด้วยความหวัง ก่อนจะหยิบตั๋วเงินสิบห้าตำลึงทองออกมายื่นให้มารดา

เริ่นหรงฮวามองเงินจำนวนมากด้วยสายตาตื้นตัน นางไม่ได้จับเงินมากมายเช่นนี้มานานมากแล้ว แววตาเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม ก่อนจะมองลูกชายด้วยสายตาเปี่ยมรัก “ในเมื่อตอนนี้เรามีเงินแล้ว เจ้าก็อย่าเสี่ยงขึ้นเขาบ่อยนัก แม่เป็นห่วง”

“ถึงเรามีเงินแล้วก็จริง แต่ข้ายังต้องซื้อยา และเงินมากดีกว่าไม่มีไว้ใช้ ท่านแม่ต้องหายป่วยเร็ว ๆ นะขอรับ ถ้าท่านหายดีเมื่อไร ข้าจะไม่ขึ้นเขาบ่อยอีกแน่นอน” เขาพูดยิ้ม ๆ พลางหยอกล้อ

“เจ้าช่างปากกล้านัก แม่จะหายเร็ว ๆ เพื่อเจ้าก็แล้วกัน” นางหัวเราะเบา ๆ มองลูกชายด้วยความอ่อนโยน

“ท่านแม่กินข้าวแล้วหรือยังขอรับ?” เขาถามพลางหยิบซาลาเปาที่ซื้อมาจากในเมืองขึ้นมา

“ท่านป้าฟ่านหนิงทำอาหารให้แม่กินแล้ว เจ้าล่ะ กินอะไรมาหรือยัง?”

“ข้ากินซาลาเปามาแล้วในเมือง แต่ยังมีอีกสามลูก ท่านแม่กินอีกสักหน่อยเถอะนะขอรับ” เขาส่งซาลาเปาไปให้นาง

เริ่นหรงฮวามองซาลาเปาด้วยความรู้สึกอิ่มเอม “ได้ แม่จะกินอีกสักครึ่งลูกก็แล้วกัน” นางตอบพลางกัดเบา ๆ ความหอมของมันทำให้นางรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ

เหว่ยหยางมองดูมารดากินด้วยรอยยิ้ม ยามที่นางอิ่ม เขาก็รู้สึกอิ่มไปด้วย…

หลังจากนั้น เมื่อมารดาหลับไป เขาก็นำของที่ซื้อมาเข้าเก็บให้เรียบร้อย ห่มผ้าห่มหนาให้มารดาอย่างทะนุถนอม พร้อมกับปูผืนใหม่ให้นอนด้านล่างเตียง เขาเตรียมไว้หลายผืนพอสำหรับหน้าหนาว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคิดว่า… บ้านหลังนี้ไม่น่าจะต้านลมหนาวได้ เขาคงต้องสร้างบ้านใหม่ในไม่ช้า

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 5 ความสัมพันธุ์ที่แปลก

    ขณะที่เริ่นเหว่ยหยางบังคับเกวียนลามุ่งหน้ากลับหมู่บ้าน เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีตั้งแต่ยังไม่พ้นเขตเมือง สัมผัสแปลก ๆ เหมือนมีสายตาคอยจับจ้องอยู่เบื้องหลังตั้งแต่ตอนที่เขาขายกวางตัวนั้นมือเล็ก ๆ กำแน่นตรงหน้าอก ที่ซ่อนเงินทั้งหมดไว้ในเสื้อผ้าชั้นใน ความกังวลเกาะกินหัวใจ เขาได้แต่ภาวนาว่า ขอให้ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในคืนที่ดึกดื่นเช่นนี้เมื่อเดินทางมาได้ครึ่งทาง ชายผู้หนึ่งก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้กระโจนเข้าขวางเกวียนของเขา ชายคนนั้นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าขาดวิ่น ร่างผอมโซจนแทบเห็นกระดูก เหว่ยหยางรีบหยุดเกวียนด้วยความตกใจเขาจับจ้องชายเบื้องหน้าด้วยสายตาแข็งกร้าว ก่อนเอ่ยเสียงนิ่ง“เจ้าคือใคร? มาขวางทางข้าทำไม?”ขณะนั้น ดวงตาของเขากวาดไปสองข้างทาง สำรวจว่าอาจมีใครซ่อนตัวอยู่อีกชายขอทานหัวเราะในลำคอ พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เจ้าหนูน้อย ข้ารู้นะว่าเจ้าเพิ่งขายของมีค่า ได้เงินมาไม่น้อย เอามาแบ่งข้าบ้างสิ แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ”ได้ยินเช่นนั้น เหว่ยหยางกลับแสยะยิ้มเย็น มองชายตรงหน้าขึ้นลงราวกับประเมินศัตรู“เจ้าก็มีมือมีเท้าครบ เหตุใดไม่ไปหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง ต้องมาดักปล้นเด็กเช่นข้า เจ้านึกว่าข้

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 4 เข้าเมืองขายของ

    เริ่นเหว่ยหยางรีบวิ่งไปยังบ้านของท่านป้าฟ่านหนิงซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากบ้านของเขา แต่ก่อนในยามที่บ้านเขาขาดแคลนอาหาร ท่านป้าฟ่างหนิงก็มักจะนำอาหารมาแบ่งปันให้อย่างไม่ขาดสาย เป็นผู้ใหญ่ใจดีที่เขานับถือเสมอมาเมื่อมาถึงหน้าบ้าน เขาหยุดยืนหอบหายใจอยู่หน้ารั้วดินเหนียวที่ก่อขึ้นอย่างมั่นคง ตัวบ้านดูดีกว่าของเขามากนัก“ท่านป้าฟ่านหนิงขอรับ!” เขาเรียกออกไปด้วยเสียงดังฟังชัดไม่นาน หญิงสูงวัยผู้หนึ่งก็เปิดประตูออกมา นางชะเง้อมองก่อนจะเห็นหน้าเด็กชายผู้คุ้นเคย จึงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน“เหว่ยหยางหรือ? มาหาข้ามีธุระอันใดหรือ?” นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แม้จะเป็นเวลาดึกแล้วเด็กชายรีบยกมือไหว้ และเอ่ยสิ่งที่ตนต้องการอย่างไม่รีรอ“ข้ามีเรื่องรบกวนท่านป้าเพียงเล็กน้อยขอรับ ข้าอยากขอยืมเกวียนลาของท่าน เพื่อจะนำของเข้าเมือง”“เจ้าอยากเข้าเมืองในเวลานี้หรือ?” นางถามอย่างประหลาดใจ“ใช่ขอรับ และข้ายังอยากขอร้องให้ท่านช่วยไปดูแลท่านแม่ให้สักพัก พอดีข้าต้องรีบเอาของไปขายข้างในเมืองให้ทันตลาด” เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ปิดบัง เพราะรู้ว่าท่านป้าฟ่านหนิงเป็นคนใจดีและไว้ใจได้นางพยักหน้าโดยไม่ลังเล “ได้สิ เ

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 3 ความหลัง

    ผ้าแพรเลิกสนใจเหล่าไก่ที่เคยเดินเข้ามารบกวน และหันสายตามองไปยังเด็กชายผู้มีแววตาโตเกินวัย เขานั่งพิงฝาไม้ของเล้าไก่ เศษไม้ไผ่ในมือถูกจับเล่นเบา ๆ พลางทอดสายตามองไปยังที่ว่างเบื้องหน้าเริ่นเหว่ยหยางนั่งนิ่ง ท่ามกลางสายลมอ่อนของยามบ่ายที่พัดผ่านใบหญ้าให้เอนลู่ช้า ๆ ข้างเล้าไก่ทรุดโทรมในหมู่บ้านเล็ก ๆ ห่างไกลผู้คน ดอกหญ้าแห้งเหี่ยวโผล่ขึ้นจากผืนดินแข็งกระด้าง สะท้อนความว่างเปล่าที่ไม่มีใครเหลียวแลแม้จะมีอายุเพียงสิบขวบ แต่แววตาของเขากลับแข็งกร้าวเกินวัยนัก ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่ทอดยาวไร้จุดสิ้นสุด เสียงจิ้งหรีดร้องระงม เสียงไก่ขันดังแทรกอยู่ใกล้ ๆ เขาเงียบงัน ราวกับกำลังกลืนกินความทรงจำบางอย่างที่ฝังแน่นไม่เคยจางเขาคือ “หวังเหว่ยหยาง” บุตรชายของแม่ทัพหวังแห่งเมืองหลวง ผู้เคยเป็นเสาหลักของกองทัพแคว้นชาง แต่ในวันที่อำนาจเริ่มสั่นคลอน ขุนนางผู้ละโมบและจักรพรรดิผู้หวาดระแวงก็ร่วมกันวางแผนโค่นล้มตระกูลหวังจนสิ้นคืนนั้น… ตอนที่เขาอายุเพียงห้าขวบ เปลวไฟลุกท่วมทั่วจวนใหญ่ เสียงดาบฟาดฟันปะทะกันระงม เสียงทหารโห่ร้องดังทั่วฟ้าเหว่ยหยางถูกปลุกขึ้นจากนิทราด้วยมือสั่นเทาของมารดา มือที

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 2 ชีวิตใหม่…ดอกหญ้าก็มีหัวใจ

    ผ้าแพรรู้สึกสับสนอย่างหนัก นางไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ใด และเหตุใดจึงไม่สามารถขยับร่างกายได้ ความทรงจำสุดท้ายที่ยังคงหลงเหลือ คือภาพรถชนเสาไฟฟ้าอย่างแรงจนหมดสติไป หลังจากนั้น…ทุกอย่างก็ดับวูบ‘มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…’ นางครุ่นคิดในความเงียบ และในขณะนั้นเอง เสียงจากบ้านไม้ไผ่หลังเล็กที่อยู่เบื้องหน้าก็ดังขึ้น“ท่านแม่ขอรับ ท่านเป็นเช่นไรบ้าง?”เป็นเสียงของเด็กชายคนหนึ่ง พูดภาษาจีนชัดถ้อยชัดคำ ซึ่งฟังดูไม่เหมือนภาษาที่นางใช้ในชีวิตประจำวันเลยแม้แต่น้อย‘ภาษาจีน?’ นางคิดอย่างประหลาดใจ ทั้งที่ตนเป็นคนไทยแท้ ทำไมถึงเข้าใจถ้อยคำเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายราวกับเป็นภาษาแม่ในไม่ช้า เด็กชายอายุราวสิบขวบเดินออกมาจากตัวบ้าน ในมือหิ้วถังไม้เก่าใบหนึ่งไว้แน่น เขาตรงไปยังเล้าไก่ใกล้ ๆ และเทน้ำให้ไก่ป่าดื่มอย่างคล่องแคล่วเริ่นเหว่ยหยาง เด็กชายผู้นั้น เดินเข้ามาตามกิจวัตร สายตาของเขาเหลือบไปเห็นต้นหญ้าต้นหนึ่งงอกอยู่ข้างเล้า มันมีขนาดเล็กจิ๋ว แต่กลับมีดอกสีม่วงอ่อนบานสะพรั่ง ราวกับของขวัญจากธรรมชาติที่ซุกซ่อนความงามไว้ในความธรรมดาเขาเดินเข้าไปใกล้ เอื้อมมือรดน้ำลงไปที่ลำต้น“เจ้าก็ต้องการน้ำเช่นกันใช

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น

    ณ สถานที่ถ่ายทำละครแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่หลายคนกำลังเตรียมเซ็ตฉากอย่างขะมักเขม้น เสียงจากห้องด้านข้างดังลอดออกมาเบา ๆ ห้องที่นักแสดงนำของเรื่องกำลังนั่งอ่านบทอยู่ไม่ไกลนัก“ผ้าแพร ได้เวลาถ่ายทำต่อแล้ว มัวทำอะไรอยู่!” ผู้จัดการส่งเสียงเรียกดาราสาวดาวรุ่งผู้กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้“ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันตามไป” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นตอบเรียบ ๆเธอคือ “ผ้าแพร” ดาราสาวที่เพิ่งเข้าสู่วงการ แต่กลับได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ทั้งที่เมื่อไม่นานมานี้ยังเป็นเพียงพนักงานในร้านสะดวกซื้อใจกลางเมือง ความสวยที่โดดเด่นสะดุดตานั่นเองที่ทำให้เธอถูกแมวมองชักชวนเข้าสู่วงการบันเทิง หลังจากผลงานเรื่องแรกออกฉาย กระแสตอบรับก็ถาโถมจนชีวิตของเธอเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเธอรีบเก็บบทละครแล้วเดินตามผู้จัดการเข้าไปในกองถ่าย ใช้เวลาอยู่หน้ากล้องตั้งแต่เช้าจรดเย็น จนร่างกายแทบหมดแรงผ้าแพรเดินออกจากกองถ่ายพลางนวดไหล่เบา ๆ ความเหนื่อยล้าถาโถมเข้าใส่จนไม่อยากแวะไปไหนต่อ อยากกลับไปซบเตียงนุ่ม ๆ ที่บ้านมากกว่า เพื่อให้หน้าตาได้พักผ่อน และพร้อมสำหรับการถ่ายทำในวันพรุ่งนี้“ให้พี่ไปส่งที่บ้านไหม?” ผู้จัดการสาวหันมาถามด้วยน้ำเส

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status