ตะวันทอแสงอบอุ่นลอดผ่านผ้าม่านสีขาวขลิบทองบาง ๆ เฉียวเวยเวยถูกแม่นมฝูปลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้า
“แม่นมฝู วันนี้มีงานหรือไร” ขณะพูดใบหน้าของเฉียวเวยเวยยังไม่ตื่นดวงตายังปรือๆ ปากยังหาวไม่หยุด
“ฮูหยินน้อย...วันนี้วันที่หนึ่งท่านต้องไปคารวะฮูหยินแม่เฒ่าเจ้าค่ะ”
แม่นมหยิบผ้าซุบน้ำเช็ดใบหน้าหญิงสาวแผ่วเบาพร้อมบ่าวรับใช้ที่กำลังพยุงร่างกายของนางที่เอนเอียงพร้อมจะลงไปนอนใหม่
บ่าวไพร่ล้วนมือคล่องแคล่วว่องไว ถึงแม้เฉียวเวยเวยจะไม่ให้ความร่วมมือ ทว่าไม่นานนางก็กลายเป็นหญิงสาวงดงามหยาดเยิ้ม นั่งแช่มชื่นอยู่หน้ากระจก
“ฮูหยินน้อย...ไม่อาจจะให้ท่านเสนาบดีรอได้” แม่นมฝูพูดพลางสังเกตคุณหนูยามปกติวันนี้คุณหนูจะตื่นขึ้นมาแต่งกายอย่างกระตือรือร้นเพื่อเอาใจนายท่าน นางพินิจดูหญิงสาวอีกครั้งอย่างลอบถอนใจ ผู้ใดบ้างจะไม่เบื่อหน่ายเอาใจผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เมื่อไม่ได้รับความเอ็นดู ย่อมไม่แปลกที่คุณหนูจะถอดใจละความพยายาม
เฉียวเวยเวยแทบจะตะโกนบอกว่าตนไม่ไป แต่กลัวว่าจะผิดแผกเกินไป ตอนนี้นางกำลังข่มใจให้เรื่องราวเป็นไปตามเหตุตามผลให้มากที่สุดปั้นใบหน้าแช่มชื่นขึ้น
“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”
เสนาบดีหลีเซียวหยวน นั่งจิบชารอนางอยู่เรือนพักด้านหน้า แสงตะวันทอดตามร่างสูงโปรงใบหน้าหมดจดหล่อเหลาอย่างวิญญูชน ภายในความทรงจำจะมีใบหน้าของหลีเซียวหยวนทว่าเมื่อได้มาเห็นตัวจริงก็ทำให้หญิงสาวตกตะลึงไม่ได้ ดวงหน้าล่อลวงจนนางแอบกลื้นน้ำลายตนเอง หญิงสาวตกอยู่ในภวังค์ลอบถามถามใจตนหรือนางจะไม่หย่าดี
เสียงฝีเท้าทำให้ชายหนุ่มหันมา เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดเขาก็ส่งยิ้มบางๆ อย่างผู้มีมารยาทให้เฉียวเวยเวย
ทว่ารอยยิ้มนั่นช่างแห้งแล้งไร้ชีวิตชีวา ทำให้ความหวั่นไหวของเฉียวเวยเวยเมื่อสักครู่สลายไปจนหมดสิ้น นางก้มศรีษะลงบ่นพึมพำในใจ
แม้รูปลักษณ์จะหล่อเหลา แต่ก็เป็นเพียงบุรุษไร้ความรับผิดชอบ รับเงินของข้าไปตั้งมากมายแค่รอยยิ้มที่จริงใจก็ให้ไม่ได้
หลีเซียวหยวนไม่เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเฉียวเวยเวย เขาลุกขึ้นแล้วพูด
“ไปกันเถอะ”
ชายหนุ่มเดินนำหน้าหญิงสาวออกไป เมื่อไปใกล้จะถึงเรือนใหญ่บ่าวหน้าห้องก็เข้าไปรายงานคนข้างใน ครั้งคนทั้งสองไปถึงก็ถูกเชิญเข้าไปในเรือนทัน
“เวยเอ๋อร์ข้าได้ข่าวว่าเจ้าไม่สบาย เป็นอย่างไรบ้าง”
ในตระกูลหลีนอกจากสามีของนางผู้อื่นก็ล้วนดีหมด ในความทรงจำมารดาของสามีดีกับหญิงสาวไม่น้อย นางจึงตอบด้วยน้ำเสียงจริงใจหลายส่วน
“เจ็บป่วยเล็กน้อย หายดีแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านแม่ที่เป็นห่วง”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว...เซียวหยวน วันนี้หากมีเวลา ...เจ้าก็อยู่เป็นเพื่อนเวยเอ๋อร์เสียหน่อย”
“ขอรับท่านแม่” หลีเซียวหยวนเอ่ยตอบรับ
เมื่อสั่งความเสร็จเอ่ยถามไถ่อีกไม่กี่ประโยค ฮูหยินผู้เฒ่าก็ปล่อยคนทั้งสองออกมา หวังอยากจะให้บุตรชายและสะใภ้มีเวลาอยู่ด้วยให้มาก ทว่าเมื่อทั้งสองเดินมาถึงเรือน หลีเซียวหยวนก็หันกายกลับมากล่าว
“ข้ามีธุระเล็กน้อย แล้วตอนเย็นจะกลับมาทานมื้อเย็นกับเจ้า”
ทุกครั้งหลีเซียวหยวนจะมีข้ออ้างเพื่อปลีกตัวออกจากเฉียวเวยเวยเสมอ ทั้งที่เป็นวันเวลาที่ตกลงกันไว้ชายหนุ่มก็ไม่เคยรักษาสัญญา
หญิงสาวไม่แปลกใจรับคำสั่งง่าย ๆ
“เจ้าค่ะ”
แล้วก็เดินจากไป น้ำเสียงที่เย็นชาท่าทีที่เหินห่าง ทำให้หลีเซียวหยวนกระพริบตา ภายในใจกระพรืบไหวขึ้นมา เขามองตามร่างระหงที่กำลังเดินห่างออกไปหญิงสาวในวันนี้ให้ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม
แม่นมฝูเห็นเฉียวเวยเวยเดินกลับเรือนมาคนเดียวก็ไม่แปลกใจ หันไปสั่งให้บ่าวไพร่เตรียมสำรับมื้อเช้า
หญิงสาวนั่งทานอาหารพร้อมรับการปรนนิบัติรับใช้ของบ่าวไพร่พร้อมทบทวนคิดถึงอดีตของเจ้าของร่างคนนี้ ในยามปกตินางก็เตรียมตัวเตรียมกายเพื่อหวังว่าในค่ำคืนนี้จะทำให้หลีเซียวหยวนพึงพอใจ
เฉียวเวยเวย ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายชีวิตช่างอนาจโดยแท้ ทว่าเมื่อนึกถึงรูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มก็ทำให้นางยิ้มกรุ้มกริ่ม ท่าทางซึนๆ เช่นนั้น ยามอยู่บนเตียงเร่าร้อนไม่น้อย
อย่างไรก็ถือว่าเป็นสามีภรรยากัน
ก่อนโบกมือลา
คืนนี้นางก็จะขอลิ้มลองทดลองด้วยตนเองสักครั้ง
ตอนพิเศษ ทุกอย่างราบรื่น เมิ่งซูซูพร้อมบ่าวเดินไปตามทางหินขนาดใหญ่ลอดผ่านซุ้มดอกเหมย จนกระทั่งมาถึงลานกว้าง นางเหม่อมองไปยังเรือนไผ่หยกเบื้องหน้า วันนี้นางตั้งใจมาปรึกษานายหญิงเวย เรื่องการขอให้สามีรับอนุ นางเคยพูดเรื่องนี้หลายครั้ง ทว่าก็โดนสามีและแม่สามีระงับมาโดยตลอด บอกว่าทายาทไม่ต้องรีบร้อน คราวแรกนางคิดว่าทั้งสองคงไม่อยากจะทำร้ายจิตใจนาง จึงกล่าวถนอมน้ำใจกัน ทว่าอยู่มาหลายปีนางจึงเชื่อสนิทว่าพวกเขาหาได้สนใจเรื่องนี้ ตอนนี้ทายาทรุ่นที่สองของตระกูลเวยมีเพียงสอง ซึ่งเป็นบุตรของนางคนเท่านั้น นับได้ว่ามีจำนวนน้อยเกินไปจนน่าใจหาย นางรับรู้ว่ามีเพียงนางที่ร้อนรนอยู่ฝ่ายเดียว บ่าวที่อยู่ตรงหน้ามองเห็นนางก็รีบเดินเข้ามาหาคารวะกล่าวทักทายอย่างยินดี “นายหญิงน้อย ท่านมาขอพบนายหญิงหรือเจ้าคะ” หญิงสาวพยักหน้าพร้อมเอ่ยถาม“ท่านแม่อยู่ในเรือนหรือไม่” “อยู่เจ้าค่ะ นายหญิงกำลังทานของว่างพร้อมคุณชายใหญ่กับคุณหนูรองเจ้าค่ะ” “เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่นี่เสียเล่า”เมิ่งซูซูเอ่ยถาม พลางเดินไปยังหน้าเรือน เมื่อไปถึงก็หันไปสาวใช้ “ข้าจะเข้าไปเรียนนายหญ
ตอนที่ 42 ความรักที่รออยู่เฉียวเวยเวยวางหนังสือนิยายลง แล้วบิดร่างกายไปมาพลางหยิบของว่างขึ้นมากิน แล้วพูดขึ้น“นายน้อยคงอยู่ที่เรือนข้าจะไปหาเขาสักหน่อย”“นายน้อยน่าจะอยู่ที่เรือนโอสถ ที่นั้นค่อนข้างไกล นายหญิงให้ข้าเตรียมเสลี่ยงหามดีหรือไม่เจ้าค่ะ” ม่านม่านเอ่ยแนะนำเฉียวเวยเวยส่ายหน้า“ไม่ต้องข้าอยากจะเดินออกกำลังด้วย” หญิงสาวก้าวเดินออกมาไปตามทางคดเคี้ยวเลียบสระบัวที่สร้างขึ้นมาใหม่ สระกว้างคลื่นลมสงบนิ่ง เมื่อนางทอดสายตามองไปก็เห็นแผ่นฟ้ากว้างไกลสุดตา ทำให้นางรู้สึกปลอดโปร่ง ทว่าเมื่อมองเห็นหลังคาเรือนโอสถอยู่ไกล ๆทำให้ความคิดหยุดชะงัก“ไกลจริง ๆ” นางพึมพำขึ้นมาชิงชิงจึงพูด“นายหญิงเช่นนั้นข้าให้คนหามเสลี่ยงตามมาดีกว่าเจ้าค่ะ หากนายหญิงเหนื่อยจะได้ปรับเปลี่ยนได้”เฉียวเวยเวยเห็นด้วยจึงพยักหน้าตอบรับ นางก้าวเดินออกไปไม่รีบเร่ง สายลมโบกพัดดอกเหมยต่างก็ร่วงลงพื้นเกลื่อน กลิ่นหอมโชยมาระลอก ระลอก ไม่นานนางก็มาหยุดอยู่หน้าเรือนโอสถเมื่อเดินเข้าไปข้างใน เฉียวเวยเวยก็เห็นร่างสูงโปร่งของเวยซา นางหยุดพินิจอีกฝ่าย จากเด็กหนุ่มที่มีความกระตื้อรือร้นและสับสนกับในยุคสมัยใ
ตอนที่ 41 ยังไม่ต้องกลับจวน หลังแต่งงานเมื่อครบสามวันตามธรรมเนียมคู่แต่งงาน ฝ่ายหญิงต้องกลับไปเยี่ยมบ้านสกุลเดิม เพื่อให้ญาติฝ่ายหญิงได้รับรู้ว่าหญิงสาวแต่งออกไปแล้วเป็นอย่างไร ทว่าเมิ่งซูซูกลับยืนยันว่านางจะกลับสกุลเมิ่งเพียงลำพัง เวยซาก้มมองเมิ่งซูซูที่กำลังช่วยชายหนุ่มแต่งกายอย่างตั้งใจ ใบหน้างามเรียวน่ารักแดงระเรื่อน้อย ๆ หลังจากผ่านพ้นเรื่องเมื่อคืนก็ทำให้เขารู้สึกสนิทชิดเชื้อกับหญิงสาวมากกว่าเดิม มีความผูกพันธ์ซับซ้อนถักทอดก่อขึ้นมา เมื่อหญิงสาวบอกว่าจะกลับบ้านคนเดียวความรู้สึกอึดอัดที่มากกว่าปกติ ทำให้เวยซาเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง“ซูซู เจ้าต้องการที่จะกลับเยี่ยมบ้านคนเดียวหรือ”เมิ่งซูซูเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่ม ยิ้มตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน“เจ้าค่ะ..หากสกุลเมิ่งเห็นว่าข้าไร้ประโยชน์จึงจะปลดปล่อยข้า”เวยซากุมมือของหญิงสาวขึ้นมา ได้กลิ่นกายของหญิงสาวหอมละมุนโชยมาแตะปลายจมูกภาพแนบชิดผุดขึ้นมา ชายหนุ่มอดกลั้นกลืนน้ำลายแล้วพูดขึ้น“ไม่ใช่ว่า เจ้ารังเกียจตระกูลเวย รังเกียจข้าและโกรธที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้” น้ำเสียงของเวยซาแฝงความน้อยใจ เมิ่งซูซูรีบคุกเข่าลง ใบหน
ตอนที่ 40 ลองดูสักครั้ง วันเวลาพ้นผ่านจนกระทั่งมาถึงวันแต่งงานของเวยซา แขกเหรือผู้คนมากหน้าหลายตา ตรงจัดงานพิธีเป็นเรือนของเวยซาที่แยกออกมาทำให้หลายคนที่อยากจะชมจวนของเฉียวเวยเวยและเรือนไผ่หยกต่างก็ผิดหวังไปตาม ๆ กัน กระนั้นแม้จะไม่ได้เห็นตัวเรือนเต็มทว่าเมื่อลอบมองเข้าไปเห็นหลังคาใหญ่ตระการก็ทำให้อดตื่นเต้นไม่ได้ “ยินดีด้วยนะนายหญิงเวย”เสียงผู้คนกล่าวแสดงยินดีดั่งกึกก้อง กลิ่นอายมงคลล้วนทำให้ใบหน้าของคนในตระกูลเวยระบายเต็มไปด้วยความอิ่มเอิบ เฉียวเวยเวยพร้อมเจียฟางมารดาของเวยซายืนรับแขกอยู่ด้านหน้า เผยลู่แอบมองใบหน้าเฉียวเวยเวยที่เต็มไปด้วยความปิติตื่นเต้นยินดี ได้เห็นนางคลี่ยิ้มอย่างงดงามทำให้เขารู้สึกอบอุ่น ผุดรอยยิ้มที่มุมปากดวงตาเป็นประกาย แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง โค้งคำนับแล้วพูดขึ้น “นายหญิง ฮูหยินเจีย เชิญพวกท่านเข้าไปนั่งข้างในเถิดตรงนี้ข้าจะรับผิดชอบเอง” เฉียวเวยเวยหันมายิ้มให้เผยลู่ ความจริงนางตอนนี้ก็เหนื่อยแล้วเมื่อสักครู่ในใจก็ครุ่นคิดอยู่ตลอด ผู้ใดเชิญแขกมากมายขนาดนี้จึงรีบตอบรับ “เช่
ตอนที่ 39 ต้อนรับแขกพิเศษ อากาศยามเช้าเริ่มเหน็บหนาวขึ้นกว่าทุกวัน แม้ภายในห้องจะอบอุ่นดั่งวสันตฤดู เฉียวเวยเวยก็รู้สึกเกียจคร้านนางซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มอุ่นนอนแช่ตัวในเตียงนอน สูดดมกลิ่นอายความหนาวนับได้ว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ทว่าเสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียกข้างนอกทำให้นางเผยหน้าออกมา “เวยเวย ข้ามารอทานข้าวต้มร้อนกับเจ้าอยู่นะ” “เล่อเล่อหรือเข้ามาสิ” คุนเล่อเปิดประตูเข้ามาพร้อมบ่าวไพร่ ชายหนุ่มเดินเข้าไปนั่งข้างเตียงหยิบผ้าอุ่นซับเช็ดหน้าหญิงสาว เฉียวเวยเวยเอนกายกอดเอวอีกฝ่ายพูดเสียงอ้อน “เล่อเล่อ เจ้าไปไหนมาเหตุใดไม่ยอมกลับเรือน” คุนเล่อพลางซับใบหน้าหญิงสาวด้วยมืออันอ่อนโยน “นายหญิงเวย ท่านไม่อายผู้อื่นหรือ ตอนนี้นับว่าท่านมารดาผู้อื่นแล้วนะ” “เช่นนั้น คุนเล่อเจ้าเป็นท่านพ่อบุญธรรมด้วยดีหรือไม่” “ตามใจเจ้าสิ” คุนเล่อกล่าวอย่างไม่ขัดข้อง ทว่ากลับเป็นเฉียวเวยเวยที่คิดขัดแย้งขึ้นมา “ไม่ได้สิ หากเจ้าแต่งเป็นนายท่านของบ้าน ถ้าเจ้ามีคนที่ชื่นชอบจะยุ่งยากเกินไป”
ตอนที่ 38 เฝ้ารอวัน กลุ่มเหล่าฮูหยินจากขุนนางชั้นรองลงมาจะนั่งอยู่เรือนที่ห่างออกไป เมิ่งฮูหยินวันนี้ก็พาเมิ่งซูซูมาร่วมงานด้วย หวังจะได้มีโอกาสได้พูดคุยกับเฉียวเวยเวย ทว่าด้วยฐานะที่แตกต่างกันทำให้พวกนางไม่มีแม้โอกาสจะกล่าวทักทายอีกฝ่าย ดูเหล่าฮูหยินสูงศักดิ์ดูครื้นเครงเสียงหัวเราะผสมกลิ่นน้ำหอมโชยอบอวลอ้อยอิ่งมา หลายคนสบตากันใคร่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฮูหยินรองนายอำเภอคนหนึ่งก็พูดขึ้น “เมื่อสักครู่ข้าแอบถามนางกำนัล ถึงได้รู้ว่านายหญิงเวยนำน้ำหอมใหม่ของร้านเวยเฟยมาให้เหล่าฮูหยินสูงศักดิ์ได้ทดลองใช้ ครั้งนี้ข้าอาจจะต้องขออาศัยวาสนาเมิ่งฮูหยินแล้ว เมื่อสักครู่ท่านยังกล่าวว่าสนิทกับนายหญิงเวยไม่น้อย” ฮูหยินที่นั่งข้างเอามือปิดปากคล้ายกลั้นหัวเราะแล้วพูดขึ้น “หรูฮูหยิน ข้าว่าที่สนิทกล่าวเองเสียมากกว่า งานหมั้นหมายที่เกิดขึ้นใครบ้างจะไม่รู้ว่าเหตุเกิดจากอะไร” เหล่าฮูหยินต่างพาเอามือปิดปากหัวเราะ เมิ่งฮูหยินพยายามเก็บสีหน้า นางเชิดหน้าขึ้นแล้วถลึงตาขวางใส่เมิ่งซูซู กระซิบเก็บเสียงผ่านช่องฟัน “