เฉียวเวยเวย นั่งแช่กายอยู่ในอ่างน้ำขนาดใหญ่กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธ์ฟุ่งกระจายอบอวลไปทั่วบริเวณ นางหลับตาปริ้มเคลิ้มกับการนวดและปรนนิบัติจากสาวใช้ ในใจก็พลางหวังว่าค่ำคืนนี้นางคงจะสุขปานได้ขึ้นสวรรค์
จวบจนตะวันเริ่มคล้อยต่ำ หลีเซียวหยวนก็มาถึงเรือนใบหน้าของชายหนุ่มยังคงประดับด้วยร้อยยิ้มสุภาพ
“ตั้งสำรับเถิด”
รสชาติของอาหารที่นี่เฉียวเวยเวยเริ่มคุ้นชินอยู่บ้าง แม้จะไม่สะดวกสบายเฉกเช่นเดิมก็ยังพอปรับตัวได้
หลังจากทานอาหารเสร็จชายหนุ่มก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอย่าง ตั้งหน้าตั้งตา ส่วนเฉียวเวยเวยก็ไม่สนใจอีกฝ่ายนางก็หยิบนิยายเล่มล่าสุดที่ให้บ่าวไพร่ไปซื้อมาขึ้นมาอย่างอย่างตั้งหน้าตั้งตาเช่นเดียวกัน
หลีเซียวหยวนชำเลืองดูใบหน้าของเฉียวเวยเวยก็รู้สึกว่า วันนี้หญิงสาวไม่ปรีดาอย่างทุกคราวที่เจอหน้าเขา ไม่กระตื้นรือร้นเอาอกเอาใจอย่างเช่นเคย
ท่าทีของชายหนุ่มอยู่ในสายตาของเฉียวเวยเวย นางแอบเบ้ปากเล็กน้อย บุรุษก็เป็นเช่นนี้เมื่อได้รับจนเคยชินก็ไม่เห็นคุณค่า เมื่อครั้งกำลังจะสูญเสียก็เกิดความรู้สึกอยากจะได้ อยากจะครอบครอง
ตั้งแต่หัวค่ำเฉียวเวยเวยไม่ปริปากพูดฉอเลาะสักคำ
“ข้าจะอาบน้ำก่อน”
หลีเซียวหยวนเอ่ยพูดขึ้นอย่างอดใจไม่ไหว เขาวางหนังสือในมือลง แล้วเดินไปยังหลังฉากกั้น
เฉียวเวยเวยพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
จะถึงตอนนั้นแล้ว
นางเรียกให้บ่าวไพร่ยกน้ำมาให้นางล้างปาก คิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดต่อจากนี้หัวใจของนางก็เริ่มเต้นแรงขึ้น นางถอดเสื้อตัวด้านนอกออกเหลือเพียงชุดบางเบาแล้วค่อย ๆ กรีดกรายขึ้นไปนั่งรออยู่บนเตียงรอทำหน้าที่ภรรยาอย่างเต็มที่
หลีเซียวหยวน หลังจากอาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาจากฉากกั้น บนกายยังคงมีหยดน้ำติดอยู่ เขาหยิบผ้าซุบน้ำเช็ดตัวเบา ๆ เฉียวเวยเวยชำเลืองมองดู
หลังจากเช็ดกายจนแห้งสนิทแล้ว หลีเซียวหยวนไม่ได้สวมเสื้อผ้า เขาเดินตรงมายังเตียงนอน ในขณะนั้นก็สบตากับเฉียวเวยเวย แววตาและสายตาของนางเต็มไปด้วยความเย้ายวนมีเสน่ห์อย่างมาก ทำให้ช่วงล่างของเขาแข็งขืนขึ้นมาทันที
“ท่านพี่”
เฉียวเวยเวยไม่สงวนท่าทีแม้แต่น้อย นางเอี้ยวตัวมาเว้าวอน หวังจะได้รับการบำเรอ หลีเซียวหยวนเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาเอื้อมมือเข้าไปในสาบเสื้อของหญิงสาวในขณะอีกมือก็ปลดปมเสื้อ ผลักหญิงสาวนอนลงเตียงกดให้นางอยู่ใต้ร่างอย่างกระหาย
มือของหญิงสาวลูบไล่ไปทั่วร่างกายกำยำอันหนาแน่นของสามี นางหลับตาพริ้มหวังว่าจะได้รับความสุขจากเล้าโลม ทว่ายังไม่ทันได้เคลิบเคลิ้ม ขาทั้งสองของนางก็กางอ้าออกแล้วชายหนุ่มก็แทรกตนเองเขามาทันที
ความคับแน่นทำให้ความรู้สึกทั้งเจ็บทั้งเสียวซ่านกระแทกเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว ชายหนุ่มเหมือนคนบ้าระห่ำเขากระแทกรั่วอย่างหื่นกระหาย ความเสียวซ่านไต่ระดับขึ้นมาเรื่อย ๆ เฉียวเวยเวยร้องกระเส่าครวญครางเหมือนตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน
ความสัมพันธ์กับบุรุษครั้งสุดท้ายของนางคืออายุ 52 ทว่าครั้งนี้นางอายุเพียง 18 ความสดใหม่ของร่างกายการทำให้นางรู้สึกล่องลอยตัวเบาหวิวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
นางยกสะโพกรับการกระแทกอย่างช่ำชอง การกระทำเช่นนั้นทำยิ่งสร้างเสียวกระสันแล่นไปทั่วร่างกายหลีเซียวหยวน เขาปล่อยเสียงคำรามต่ำ สักพักอารมณ์ก็พุ่งถึงขีดสุดชายหนุ่มก็กระตุกกายเอนกายนอนลง
เฉียวเวยเวยเหมือนถูกกระชากให้ตกลงมาจากที่สูง นางรับรู้ถึงความน้ำอุ่นร้อนและฉ่ำแฉะพุ่งเข้ามากาย
จบแล้วหรือ
เสร็จแล้ว!!
เสร็จกิจ
หลีเซียวหยวนก็แต่งกายออกไป บอกว่ามีงานค้างต้องสะสาง
ทิ้งให้ เฉียวเวยเวยอารมณ์ค้างอยู่ในห้องเพียงลำพัง
หญิงสาวนั่งเหมอในห้องเพียงลำพัง แม้หลีเซียวหยวนจะหล่อเหลา ส่วนนั้นก็ยิ่งใหญ่ รูปร่างก็กำยำ นางมีความสุขไม่น้อยในขณะนั้น
ทว่า...นั่นล่ะ...อย่างไรก็ไม่ใช่อย่างที่นางต้องการ อย่างน้อยต้องมีความจริงใจหลายส่วน สามีไม่ใส่ใจภรรยาที่ร่วมรักแม้แต่น้อย หากให้นางอยู่ในสภาพนี้ต่อไป อารมณ์ค้างทุกครั้ง สักวันจะต้องแห้งเหี่ยวตายอย่างแน่นอน
เมื่อคิดเช่นนี้ พรุ่งนี้เช้า
เฉียวเวยเวยจึงตั้งใจจะไปขอใบหย่าจากหลีเซียวหยวน
ยามอิ๋น
เฉียวเวยเวยก็แต่งกายออกไปหาที่หลีเซียวหยวนที่เรือนของเขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้าวัง ในขณะเดินไปนางก็บ่นพึมพำ
เรือนก็ไม่พักอยู่ร่วมกัน จะเรียกว่าสามีภรรยาได้อย่างไร
บ่าวรับใช้หน้าห้องเมื่อเห็นเฉียวเวยเวย กำลังเดินตรงมาก็ตกใจรีบเข้าไปรายงานคนข้างในที่กำลังแต่งกาย
ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
“ให้นางเข้ามา”
เมื่อหญิงสาวเข้าไปในห้องก็เห็นว่าบ่าวไพร 2-3 คนกำลังจัดเตรียมของและแต่งกายให้ชายหนุ่ม
“เจ้ามีสิ่งใด”
เฉียวเวยเวยปรายสายตาไปยังบ่าวไพร
“พูดมาได้เถอะ”
หลีเซียวหยวนไม่คิดว่านางจะมีธุระสิ่งใดที่จำเป็นต้องปิดปังและคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนของเขา นางคงแค่มาขออนุญาตบางอย่างเขาก็แค่อนุญาตพูดแค่ ฮืม เท่านั้น
“ข้ามาขอหนังสือหย่าจากท่าน”
การเคลื่อนไหวทุกอย่างหยุดชะงัก หลีเซียวหยวนชำเลืองใบหน้ามาช้า ๆ แล้วก็พูดขึ้น
“เจ้าพูดสิ่งใด ข้าได้ยินไม่ชัด”
เฉียวเวยเวยพินิจดูใบหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง ขณะใบหน้าตึงก็ยังคง คมคายไร้ที่ติ ภายในใจก็ถอนหายอย่างเสียดาย
“อย่างไรเราก็ไม่รักใคร่กัน ท่านมอบใบหย่าให้ข้าเถอะ”
หลีเซียวหยวนควบคุมสีหน้าไม่ได้ ใบหน้าเริ่มเข้มขึ้นเรื่อย ๆ
“ส่งฮูหยินกลับไปสงบจิตใจที่เรือน”
เฉียวเวยเวย ตวัดแขนบ่าวที่กำลังเข้ามาประครองออกอย่างฉุดเฉียว ชายหนุ่มไม่เพียงถามไถ่ แต่ใช้อำนาจควบคุม นางพูดออกไปด้วยน้ำเสียงดุดันแววตาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
“ในเมื่อท่านไม่นึกอยากจะสนใจ อยากจะใส่ใจ ก็ให้มันสิ้นสุดเสีย ไม่มีความหมายก็ไม่ควรยื้อกันอีกต่อไป ข้าเหนื่อยแล้ว สิ้นสุดเสียที”
หลีเซียวหยวนเห็นว่าไม่ควรปะทะ
เขาปรับสีหน้า เอ่ยพูดอย่างนุ่มนวล
“ข้ายังต้องเข้าวังหลวง ตอนเย็นค่อยพูดคุยกัน”
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มอ่อนลง
อาจจะมีเงื่อนไขที่ต้องเจรจา เฉียวเวยเวยก็ถอยให้อีกฝ่ายเหมือนกัน
“ได้ ข้าจะรอท่าน”
ทว่า เย็นนั้นหลีเซียวหยวนกลับไม่กลับจวน เขาเพียงให้บ่าวมาส่งข่าวมีงานต้องสะสางในวัง
เฉียวเวยเวย กำหมัดแน่นอย่างโมโห
รุ่งเช้าในวันถัดมานางก็ออกไปเที่ยวหอชิวเหอ
หอชิงเหอ เป็นหอที่ให้บริการสตรี ลูกค้าส่วนใหญ่ของที่นี่จะเป็นหญิงม่ายหรือสตรีที่ไม่ได้ออกเรือนจนมีอายุมาก ทว่าก็มีหญิงสาววัยกำหนัดหลายคนหลบออกมาเที่ยวเล่นอยู่บ้าง
ตอนพิเศษ ทุกอย่างราบรื่น เมิ่งซูซูพร้อมบ่าวเดินไปตามทางหินขนาดใหญ่ลอดผ่านซุ้มดอกเหมย จนกระทั่งมาถึงลานกว้าง นางเหม่อมองไปยังเรือนไผ่หยกเบื้องหน้า วันนี้นางตั้งใจมาปรึกษานายหญิงเวย เรื่องการขอให้สามีรับอนุ นางเคยพูดเรื่องนี้หลายครั้ง ทว่าก็โดนสามีและแม่สามีระงับมาโดยตลอด บอกว่าทายาทไม่ต้องรีบร้อน คราวแรกนางคิดว่าทั้งสองคงไม่อยากจะทำร้ายจิตใจนาง จึงกล่าวถนอมน้ำใจกัน ทว่าอยู่มาหลายปีนางจึงเชื่อสนิทว่าพวกเขาหาได้สนใจเรื่องนี้ ตอนนี้ทายาทรุ่นที่สองของตระกูลเวยมีเพียงสอง ซึ่งเป็นบุตรของนางคนเท่านั้น นับได้ว่ามีจำนวนน้อยเกินไปจนน่าใจหาย นางรับรู้ว่ามีเพียงนางที่ร้อนรนอยู่ฝ่ายเดียว บ่าวที่อยู่ตรงหน้ามองเห็นนางก็รีบเดินเข้ามาหาคารวะกล่าวทักทายอย่างยินดี “นายหญิงน้อย ท่านมาขอพบนายหญิงหรือเจ้าคะ” หญิงสาวพยักหน้าพร้อมเอ่ยถาม“ท่านแม่อยู่ในเรือนหรือไม่” “อยู่เจ้าค่ะ นายหญิงกำลังทานของว่างพร้อมคุณชายใหญ่กับคุณหนูรองเจ้าค่ะ” “เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่นี่เสียเล่า”เมิ่งซูซูเอ่ยถาม พลางเดินไปยังหน้าเรือน เมื่อไปถึงก็หันไปสาวใช้ “ข้าจะเข้าไปเรียนนายหญ
ตอนที่ 42 ความรักที่รออยู่เฉียวเวยเวยวางหนังสือนิยายลง แล้วบิดร่างกายไปมาพลางหยิบของว่างขึ้นมากิน แล้วพูดขึ้น“นายน้อยคงอยู่ที่เรือนข้าจะไปหาเขาสักหน่อย”“นายน้อยน่าจะอยู่ที่เรือนโอสถ ที่นั้นค่อนข้างไกล นายหญิงให้ข้าเตรียมเสลี่ยงหามดีหรือไม่เจ้าค่ะ” ม่านม่านเอ่ยแนะนำเฉียวเวยเวยส่ายหน้า“ไม่ต้องข้าอยากจะเดินออกกำลังด้วย” หญิงสาวก้าวเดินออกมาไปตามทางคดเคี้ยวเลียบสระบัวที่สร้างขึ้นมาใหม่ สระกว้างคลื่นลมสงบนิ่ง เมื่อนางทอดสายตามองไปก็เห็นแผ่นฟ้ากว้างไกลสุดตา ทำให้นางรู้สึกปลอดโปร่ง ทว่าเมื่อมองเห็นหลังคาเรือนโอสถอยู่ไกล ๆทำให้ความคิดหยุดชะงัก“ไกลจริง ๆ” นางพึมพำขึ้นมาชิงชิงจึงพูด“นายหญิงเช่นนั้นข้าให้คนหามเสลี่ยงตามมาดีกว่าเจ้าค่ะ หากนายหญิงเหนื่อยจะได้ปรับเปลี่ยนได้”เฉียวเวยเวยเห็นด้วยจึงพยักหน้าตอบรับ นางก้าวเดินออกไปไม่รีบเร่ง สายลมโบกพัดดอกเหมยต่างก็ร่วงลงพื้นเกลื่อน กลิ่นหอมโชยมาระลอก ระลอก ไม่นานนางก็มาหยุดอยู่หน้าเรือนโอสถเมื่อเดินเข้าไปข้างใน เฉียวเวยเวยก็เห็นร่างสูงโปร่งของเวยซา นางหยุดพินิจอีกฝ่าย จากเด็กหนุ่มที่มีความกระตื้อรือร้นและสับสนกับในยุคสมัยใ
ตอนที่ 41 ยังไม่ต้องกลับจวน หลังแต่งงานเมื่อครบสามวันตามธรรมเนียมคู่แต่งงาน ฝ่ายหญิงต้องกลับไปเยี่ยมบ้านสกุลเดิม เพื่อให้ญาติฝ่ายหญิงได้รับรู้ว่าหญิงสาวแต่งออกไปแล้วเป็นอย่างไร ทว่าเมิ่งซูซูกลับยืนยันว่านางจะกลับสกุลเมิ่งเพียงลำพัง เวยซาก้มมองเมิ่งซูซูที่กำลังช่วยชายหนุ่มแต่งกายอย่างตั้งใจ ใบหน้างามเรียวน่ารักแดงระเรื่อน้อย ๆ หลังจากผ่านพ้นเรื่องเมื่อคืนก็ทำให้เขารู้สึกสนิทชิดเชื้อกับหญิงสาวมากกว่าเดิม มีความผูกพันธ์ซับซ้อนถักทอดก่อขึ้นมา เมื่อหญิงสาวบอกว่าจะกลับบ้านคนเดียวความรู้สึกอึดอัดที่มากกว่าปกติ ทำให้เวยซาเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง“ซูซู เจ้าต้องการที่จะกลับเยี่ยมบ้านคนเดียวหรือ”เมิ่งซูซูเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่ม ยิ้มตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน“เจ้าค่ะ..หากสกุลเมิ่งเห็นว่าข้าไร้ประโยชน์จึงจะปลดปล่อยข้า”เวยซากุมมือของหญิงสาวขึ้นมา ได้กลิ่นกายของหญิงสาวหอมละมุนโชยมาแตะปลายจมูกภาพแนบชิดผุดขึ้นมา ชายหนุ่มอดกลั้นกลืนน้ำลายแล้วพูดขึ้น“ไม่ใช่ว่า เจ้ารังเกียจตระกูลเวย รังเกียจข้าและโกรธที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้” น้ำเสียงของเวยซาแฝงความน้อยใจ เมิ่งซูซูรีบคุกเข่าลง ใบหน
ตอนที่ 40 ลองดูสักครั้ง วันเวลาพ้นผ่านจนกระทั่งมาถึงวันแต่งงานของเวยซา แขกเหรือผู้คนมากหน้าหลายตา ตรงจัดงานพิธีเป็นเรือนของเวยซาที่แยกออกมาทำให้หลายคนที่อยากจะชมจวนของเฉียวเวยเวยและเรือนไผ่หยกต่างก็ผิดหวังไปตาม ๆ กัน กระนั้นแม้จะไม่ได้เห็นตัวเรือนเต็มทว่าเมื่อลอบมองเข้าไปเห็นหลังคาใหญ่ตระการก็ทำให้อดตื่นเต้นไม่ได้ “ยินดีด้วยนะนายหญิงเวย”เสียงผู้คนกล่าวแสดงยินดีดั่งกึกก้อง กลิ่นอายมงคลล้วนทำให้ใบหน้าของคนในตระกูลเวยระบายเต็มไปด้วยความอิ่มเอิบ เฉียวเวยเวยพร้อมเจียฟางมารดาของเวยซายืนรับแขกอยู่ด้านหน้า เผยลู่แอบมองใบหน้าเฉียวเวยเวยที่เต็มไปด้วยความปิติตื่นเต้นยินดี ได้เห็นนางคลี่ยิ้มอย่างงดงามทำให้เขารู้สึกอบอุ่น ผุดรอยยิ้มที่มุมปากดวงตาเป็นประกาย แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง โค้งคำนับแล้วพูดขึ้น “นายหญิง ฮูหยินเจีย เชิญพวกท่านเข้าไปนั่งข้างในเถิดตรงนี้ข้าจะรับผิดชอบเอง” เฉียวเวยเวยหันมายิ้มให้เผยลู่ ความจริงนางตอนนี้ก็เหนื่อยแล้วเมื่อสักครู่ในใจก็ครุ่นคิดอยู่ตลอด ผู้ใดเชิญแขกมากมายขนาดนี้จึงรีบตอบรับ “เช่
ตอนที่ 39 ต้อนรับแขกพิเศษ อากาศยามเช้าเริ่มเหน็บหนาวขึ้นกว่าทุกวัน แม้ภายในห้องจะอบอุ่นดั่งวสันตฤดู เฉียวเวยเวยก็รู้สึกเกียจคร้านนางซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มอุ่นนอนแช่ตัวในเตียงนอน สูดดมกลิ่นอายความหนาวนับได้ว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ทว่าเสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียกข้างนอกทำให้นางเผยหน้าออกมา “เวยเวย ข้ามารอทานข้าวต้มร้อนกับเจ้าอยู่นะ” “เล่อเล่อหรือเข้ามาสิ” คุนเล่อเปิดประตูเข้ามาพร้อมบ่าวไพร่ ชายหนุ่มเดินเข้าไปนั่งข้างเตียงหยิบผ้าอุ่นซับเช็ดหน้าหญิงสาว เฉียวเวยเวยเอนกายกอดเอวอีกฝ่ายพูดเสียงอ้อน “เล่อเล่อ เจ้าไปไหนมาเหตุใดไม่ยอมกลับเรือน” คุนเล่อพลางซับใบหน้าหญิงสาวด้วยมืออันอ่อนโยน “นายหญิงเวย ท่านไม่อายผู้อื่นหรือ ตอนนี้นับว่าท่านมารดาผู้อื่นแล้วนะ” “เช่นนั้น คุนเล่อเจ้าเป็นท่านพ่อบุญธรรมด้วยดีหรือไม่” “ตามใจเจ้าสิ” คุนเล่อกล่าวอย่างไม่ขัดข้อง ทว่ากลับเป็นเฉียวเวยเวยที่คิดขัดแย้งขึ้นมา “ไม่ได้สิ หากเจ้าแต่งเป็นนายท่านของบ้าน ถ้าเจ้ามีคนที่ชื่นชอบจะยุ่งยากเกินไป”
ตอนที่ 38 เฝ้ารอวัน กลุ่มเหล่าฮูหยินจากขุนนางชั้นรองลงมาจะนั่งอยู่เรือนที่ห่างออกไป เมิ่งฮูหยินวันนี้ก็พาเมิ่งซูซูมาร่วมงานด้วย หวังจะได้มีโอกาสได้พูดคุยกับเฉียวเวยเวย ทว่าด้วยฐานะที่แตกต่างกันทำให้พวกนางไม่มีแม้โอกาสจะกล่าวทักทายอีกฝ่าย ดูเหล่าฮูหยินสูงศักดิ์ดูครื้นเครงเสียงหัวเราะผสมกลิ่นน้ำหอมโชยอบอวลอ้อยอิ่งมา หลายคนสบตากันใคร่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฮูหยินรองนายอำเภอคนหนึ่งก็พูดขึ้น “เมื่อสักครู่ข้าแอบถามนางกำนัล ถึงได้รู้ว่านายหญิงเวยนำน้ำหอมใหม่ของร้านเวยเฟยมาให้เหล่าฮูหยินสูงศักดิ์ได้ทดลองใช้ ครั้งนี้ข้าอาจจะต้องขออาศัยวาสนาเมิ่งฮูหยินแล้ว เมื่อสักครู่ท่านยังกล่าวว่าสนิทกับนายหญิงเวยไม่น้อย” ฮูหยินที่นั่งข้างเอามือปิดปากคล้ายกลั้นหัวเราะแล้วพูดขึ้น “หรูฮูหยิน ข้าว่าที่สนิทกล่าวเองเสียมากกว่า งานหมั้นหมายที่เกิดขึ้นใครบ้างจะไม่รู้ว่าเหตุเกิดจากอะไร” เหล่าฮูหยินต่างพาเอามือปิดปากหัวเราะ เมิ่งฮูหยินพยายามเก็บสีหน้า นางเชิดหน้าขึ้นแล้วถลึงตาขวางใส่เมิ่งซูซู กระซิบเก็บเสียงผ่านช่องฟัน “