Beranda / รักโบราณ / เกิดใหม่เป็นสาวท้วมพร้อมมิติพิเศษ / ตอนที่ 2 ความอยุติธรรมในเรือนสกุลจาง

Share

ตอนที่ 2 ความอยุติธรรมในเรือนสกุลจาง

Penulis: ลัยลา
last update Terakhir Diperbarui: 2025-12-03 15:43:34

จื่อเหยานอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนเตียงขนาดใหญ่พิเศษในห้องนอนของนาง โดยมีฮูหยินใหญ่จาง นายท่านจางหรือจางตงจื่อบิดานาง รวมทั้งรั่วเหรินและฮูหยินรองนามเสิ่นจิงหยูมารดารั่วเหรินคอยเฝ้ารอฟังผลการตรวจของหมอที่เรียกมารักษาอาการของจื่อเหยา

            “ท่านหมอบุตรสาวของข้าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” ฮูหยินใหญ่จางเอ่ยถามท่านหมอที่ตรวจอาการจื่อเหยาเสร็จก็หันกลับมาด้วยสีหน้าท่าทางไม่สู้ดีนัก

            “คุณหนูใหญ่จางอยู่ในสภาพร่างที่แทบจะสิ้นลมหายใจไปแล้ว ยามนี้ทำได้เพียงรอให้สวรรค์เมตตาแล้วล่ะ” ท่านหมอเอ่ยพร้อมส่ายศีรษะน้อยๆ

            “หมายความว่าอย่างไรกันเจ้าคะ” ฮูหยินใหญ่จางเอ่ยถามอย่างร้อนใจ

            “ด้วยน้ำหนักและขนาดตัวของนางล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง แม้นภายนอกดูเหมือนบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ความจริงภายในได้รับผลกระทบเสียหายอีกทั้งศีรษะยังแตกด้วย ข้าคาดว่า..” ท่านหมอเอ่ยค้างเอาไว้ พร้อมทำสีหน้าท่าทางหนักใจ

            “คาดว่าอันใดกันเจ้าคะ”

            “เอาเป็นว่าข้าได้ทำแผลให้แล้ว และจะให้ยาช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต รักษาอาการบาดเจ็บภายในให้นางดื่ม หากนางผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไปได้ก็ถือว่านางรอดพ้นจากอันตรายและความตายมาได้แล้วล่ะ” ท่านหมอเอ่ย จากนั้นก็ก้มหน้าจดเทียบยาที่จะนำมาปรุงให้แก่จื่อเหยา

            “ร้ายแรงถึงเพียงนั้นเลยหรือเจ้าคะ” ฮูหยินใหญ่จางเอ่ยสีหน้าน้ำเสียงเศร้าสร้อย

            “อืม ยามนี้ก็ขึ้นอยู่กับสวรรค์เบื้องบนแล้วล่ะ ข้าขอตัวไปจัดยาให้นางก่อนก็แล้วกัน” ท่านหมอกล่าวพร้อมตั้งท่าลุกออกไป

            “อาเจียว ตามไปช่วยท่านหมอ”

            “เจ้าค่ะฮูหยิน”

            “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดเหยาเอ๋อจึงได้อยู่ในสภาพเช่นนี้เล่า” นายท่านจางเอ่ยถามหลังจากท่านหมอออกจากห้องไปแล้ว

            “พี่จื่อเหยาลื่นล้มเจ้าค่ะ ข้าบังเอิญไปพบเจอเข้าพอดี” รั่วเหรินรีบชิงตอบก่อนใคร

            “ลื่นล้มงั้นเหรอ นั่นสินะ ตัวใหญ่ถึงเพียงนั้นจึงได้อาการสาหัสนัก” นายท่านจางเอ่ยพร้อมส่ายศีรษะไปมา นึกดูถูกดูแคลนบุตรสาวที่มีรูปร่างอวบท้วม หน้าตาก็อัปลักษณ์เต็มไปด้วยสิวฝ้าไม่เหมาะสมที่จะเป็นคุณหนูใหญ่แห่งเรือนสกุลจางเลยแม้นแต่น้อย

            “รั่วเหริน เจ้าแน่ใจงั้นเหรอว่าเหยาเอ๋อลูกข้าลื่นล้มลงไปเองจริงๆ” ฮูหยินใหญ่จางถามย้ำอย่างไม่เชื่อคำกล่าวของรั่วเหริน

            “ฮูหยินใหญ่..เหตุใดจึงถามเช่นนั้นเล่าเจ้าคะ ข้าบอกแล้วยังไงล่ะว่าพี่จื่อเหยาลื่นล้มลงไปเองจริงๆ เหตุใดท่านจึงไม่ยอมเชื่อข้าเล่า ฮึ ฮึก ฮึก” รั่วเหรินตอบพร้อมตีหน้าเศร้า แสร้งทำเป็นเสียใจร้องไห้สะอึกสะอื้นทำตัวน่าสงสารราวกับถูกรังแกขึ้นมาทันที

            “ฮูหยินใหญ่ เหรินเอ๋อบอกแล้วไงเจ้าคะว่าจื่อเหยาล้มลงไปเอง เหตุใดท่านจึงมาซักไซ้บุตรสาวข้าราวกับว่านางเป็นคนทำร้ายจื่อเหยาเช่นนั้นเล่า” ฮูหยินรองจางเข้าไปปลอบโยนบุตรสาวพร้อมโต้ตอบกลับมา

            “นั่นสิเจียอี เหรินเอ๋อก็บอกเจ้าแล้วอย่างไรเล่าว่าเหยาเอ๋อลื่นล้มลงไปเอง น้ำหนักและขนาดตัวนางมากถึงเพียงนั้นไม่ระมัดระวังล้มลงไปบาดเจ็บสาหัสก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดนี่” นายท่านจางเอ่ยสนับสนุนคำกล่าวของฮูหยินรองและบุตรสาวคนเล็กอีกแรง

            “ท่านพี่..นี่ท่านคิดว่าจื่อเหยาไม่ระมัดระวังถึงเพียงนั้นเลยงั้นหรือเจ้าคะ” ฮูหยินใหญ่จางเอ่ยย้อนถามสามีกลับไป

            “มันก็เกิดขึ้นได้มิใช่รึ จื่อเหยาใช่ว่าจะเป็นกุลสตรีมีกิริยามารยาทเรียบร้อย รู้จักระมัดระวังตัวเองเสียหน่อย ยังเคยเดินชนกระถางต้นไม้ของข้าตกแตกไปหลายใบเลยด้วย” นายท่านจางยังคงไม่เข้าข้างความคิดเห็นของภรรยาเอก จนสองแม่ลูกบ้านรองถึงกับหันไปสบตาและลอบยิ้มขำให้กับคำกล่าวของเขากันเลยทีเดียว ฮูหยินใหญ่จางได้แต่กำมือแน่นมองผู้เป็นสามีด้วยความเสียใจที่ตลอดมาเขามักจะเข้าข้างสองแม่ลูกบ้านรองอยู่เสมอ

            ‘เมื่อแรกที่นางซึ่งเป็นถึงบุตรีของเสนาบดีกรมคลังยอมจากเมืองหลวงแต่งให้กับสกุลจางซึ่งเป็นพ่อค้าและพบรักกันยามที่จางตงจื่อเดินทางไปทำการค้าขายที่เมืองหลวง ยามนั้นพวกเขาต่างก็รักใคร่กันดี ตงจื่อเองก็ดูแลเอาอกเอาใจนางอย่างเสมอต้นเสมอปลาย หากแต่เมื่อครั้งเดินทางกลับมายังบ้านเกิดของตงจื่อที่เมืองเสียนโจว เขากลับได้พบเจอเสิ่นจิงหยูบุตรสาวพ่อค้าขายเต้าฮวยในตลาดซึ่งย้ายมาจากต่างเมืองและเกิดชอบพอนางเข้า ทั้งสองลักลอบเป็นชู้กันจนให้กับเนิดรั่วเหรินขึ้นมา หลังจากนั้นตงจื่อจึงรับจิงหยูเข้ามาเป็นฮูหยินรองในเรือน

            นับจากนั้นมาตงจื่อก็เปลี่ยนไป เอาอกเอาใจรักใคร่อยู่กับจิงหยูและบุตรสาวคนรองที่เอ่ยอ้างว่าอายุน้อยกว่าจื่อเหยา ส่วนจื่อเหยาบุตรสาวนางนั้นเมื่อแรกที่ถือกำเนิดขึ้นมาก็ได้รับความรักความเอาใจใส่จากบิดาเหมือนเช่นครอบครัวอื่นทั่วไป แต่เมื่อเด็กทั้งสองเติบโตขึ้นรั่วเหรินรู้จักเอาอกเอาใจออดอ้อนผู้เป็นบิดา ต่างจากจื่อเหยาที่ไม่ชอบออดอ้อนเอาใจผู้ใด ทำให้ตงจื่อรักใคร่เอ็นดูบุตรสาวคนรองมากกว่านาง 

            นับวันจื่อเหยาก็ยิ่งถูกหมางเมิน เนื่องจากนางไม่รู้จักประจบประแจงผู้ใด ออดอ้อนเอาอกเอาใจใครไม่เป็น อีกทั้งยิ่งโตร่างกายก็อ้วนท้วนสมบูรณ์มากขึ้น ทำให้ตงจื่อบิดานางมองว่านางเกียจคร้าน วันๆเอาแต่กินนอนหรือไม่ก็ออกไปเที่ยวเล่นใช้สอยเงินทอง ส่วนหนึ่งก็ฟังตามคำยุแยงของสองแม่ลูกบ้านรอง อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะนางตามอกตามใจจื่อเหยามากเกินไปจนนางเติบโตขึ้นมากลายเป็นคุณหนูที่เอาแต่ใจและไม่เคยยอมให้ใครมาก่อน ทั้งยังดื้อรั้นและมักจะโดนสองแม่ลูกปั่นหัวให้มีเรื่องมีราวกันมาตลอดเป็นที่ขัดอกขัดใจของนายท่านจางยิ่งนัก

            ที่สำคัญทุกครั้งที่มีเรื่องจื่อเหยาก็โดนกล่าวหาว่าเป็นคนผิดอยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งโดยทั่วไปทุกคนก็เห็นเช่นนั้น แต่หารู้ไม่ว่าทุกอย่างเกิดจากการจงใจปั่นหัวยั่วยุให้บุตรสาวนางก่อเรื่องขึ้นมาอย่างโง่งมนั่นเอง’ คิดแล้วฮูหยินใหญ่จางก็ปวดใจที่บุตรสาวเก็บกลั้นอารมณ์ไม่อยู่และถูกปั่นหัวให้กลายเป็นคนร้ายกาจเช่นนั้น

            “ท่านพี่ ท่านไม่เคยมองเหยาเอ๋อในแง่ดีเลยจริงๆ แต่ในเรื่องนี้ข้ามีสิ่งที่จะถามรั่วเหรินบุตรีแสนรักของท่านเสียหน่อย” ฮูหยินใหญ่จางเอ่ยอย่างเจ็บแค้น ก่อนจะหันหน้าไปหารั่วเหริน

            “ฮูหยินใหญ่ ท่านมีอันใดจะเอ่ยกับเหรินเอ๋องั้นหรือเจ้าคะ” ฮูหยินรองถามหยั่งเชิงออกไป

            “เหตุใดรั่วเหรินจึงให้สาวใช้ในเรือนไปแจ้งซูเจียวคนสนิทของเหยาเอ๋อว่านางอยากกินขนมกุ้ยฮวาร้านดังและสั่งให้ไปซื้อมา ปล่อยให้จื่อเหยารออยู่เพียงลำพังในสวนหลังเรือนเล่า” ฮูหยินใหญ่จางเอ่ยถามในสิ่งที่ให้ซูเจียวไปสอบถามมาว่าแท้จริงแล้วคนที่สั่งนางไปซื้อขนมกุ้ยฮวาเป็นผู้ใดกันแน่ และก็ได้คำตอบตามที่คาดเอาไว้ว่าเป็นรั่วเหรินนั่นเอง

            “เอ่อ นั่นก็เพราะข้าได้ยินว่าพี่จื่อเหยาอยากทานขนมกุ้ยฮวาเมื่อวาน วันนี้ข้าจึงให้สาวใช้ไปแจ้งแก่ซูเจียวนะเจ้าค่ะ” รั่วเหรินตอบ

            “เหรินเอ๋อลูกแม่เจ้าช่างเป็นคนดีมีน้ำใจจริงๆ” ฮูหยินรองจางเอ่ยชื่นชมบุตรสาว

            “นั่นสิ เหรินเอ๋อมีน้ำใจเช่นนี้แล้ว เจ้าถามนางเรื่องนี้ไปทำไมงั้นหรือเจียอี” นายท่านจางถามฮูหยินใหญ่กลับไป

            “ที่ข้าถาม เพราะไม่รู้ว่าเหตุใดกำไลหยกเลือดนกที่ท่านพ่อของข้าส่งมาให้จากเมืองหลวงเพื่อส่งต่อให้แก่เหยาเอ๋อเมื่อหลายเดือนก่อน อยู่ดีๆจึงไปสวมอยู่บนข้อมือของรั่วเหรินได้ ก่อนหน้านี้เหยาเอ๋อเก็บใส่กล่องไม้เอาไว้ในห้องนอนไม่ได้นำมาสวมใส่เพราะเกรงว่าจะทำมันเสียหาย หากแต่วันนี้ยามเหยาเอ๋อออกมานั่งเล่นในสวนหลังเรือน ขณะที่ซูเจียวออกไปซื้อขนมกุ้ยฮวาเพราะคิดว่าเหยาเอ๋อสั่ง กำไลหยกเลือดนกกลับมาอยู่บนข้อมือรั่วเหรินแล้ว” ฮูหยินใหญ่จางเอ่ยตามความจริงที่เห็นกันอยู่ เพราะหลักฐานคือกำไลหยกเลือดนกบนข้อมือรั่วเหรินนั่นเอง

‘ก่อนหน้านี้นางพอจะรู้มาบ้างว่ารั่วเหรินลอบขโมยข้าวของเครื่องประดับจากจื่อเหยาบุตรสาวนางไปบ่อยๆ แต่บุตรสาวนางกลับไม่คิดใส่ใจในรายละเอียดอะไรเลย ทำให้นางไม่สามารถช่วยเหลือติดตามเอาคืนมาได้ทั้งหมด จนกระทั่งมาถึงเรื่องกำไลหยกเลือดนกอันล้ำค่านี่แหละ’ ฮูหยินใหญ่จางคิดอย่างอดรู้สึกหงุดหงิดใจในตัวบุตรสาวไม่ได้เช่นกัน

            ‘เหยาเอ๋อบุตรสาวนางเป็นเด็กสาวที่ไม่ระมัดระวังตัวเอง ทั้งยังไม่รู้จักจดจำข้าวของทรัพย์สินส่วนตัวจึงถูกผู้อื่นเอาเปรียบได้โดยง่าย นางผู้เป็นมารดาพยายามช่วยสอดส่องดูแลให้ มีบ้างที่จับได้คาหนังคาเขาแต่รั่วเหรินมักจะอ้างว่าแค่หยิบยืมไปใส่เล่นเท่านั้นเดี๋ยวก็คืน พอจื่อเหยาไม่พอใจโต้ตอบกลับไปก็มักจะใช้อารมณ์รุนแรงเข้าตบตีทำร้ายรั่วเหริน จนนายท่านจางดุด่าบุตรสาวคนโตว่าเป็นคนใจแคบ เจ้าอารมณ์ เครื่องประดับบางชิ้นนางสวมใส่ไม่ได้เนื่องจากอ้วนท้วนเกินไป สมควรยกให้รั่วเหรินจะได้ไม่เสียของ ซึ่งเป็นเหตุผลเข้าข้างกันที่แสนลำเอียง ไร้ยางอายและหน้าด้านหน้าทนยิ่งนัก’ ฮูหยินใหญ่จางคิดถึงเรื่องคับแค้นใจมากมายที่ผ่านมา

            “อะ..เอ่อ กำไลหยกเลือดนกนี้ ข้าเห็นว่ามันสวยดีและพี่จื่อเหยาเองก็คงใส่ไม่ได้ เลยขอยืมมาสวมดูเท่านั้น เดี๋ยวก็คืนให้เจ้าค่ะ” รั่วเหรินใช้เหตุผลเดิมมากล่าวอ้าง

            “เจ้าเรียกว่าการให้คนไปหยิบฉวยเอาของผู้อื่นมาสวมใส่โดยที่เจ้าของเขาไม่รู้เห็นด้วยเป็นการหยิบยืมกันงั้นเหรอ ช่างไร้ยางอายสิ้นดี ข้าว่าที่เหยาเอ๋อล้มลงจนเป็นเช่นนี้เพราะเห็นว่าเจ้าขโมยกำไลหยกของนางไปสวมใส่โดยไม่ได้รับอนุญาต พอนางจะเอาคืนเลยมีเรื่องกันกับเจ้า จากนั้นเจ้าก็ถือโอกาสทำร้ายนางน่ะสิ” ฮูหยินใหญ่จางเอ่ยในความเป็นจริงที่เกิดขึ้นราวกับตาเห็นทำเอารั่วเหรินตกใจไปชั่วขณะ

            “มะ ไม่ใช่นะเจ้าคะ ข้าไม่ได้ทำร้ายพี่จื่อเหยาจริงๆเจ้าค่ะ” รั่วเหรินปฏิเสธเสียงแข็ง

            “นั่นสิเจ้าคะฮูหยินใหญ่ เหรินเอ๋อจะไปทำร้ายจื่อเหยาพี่สาวตนเองได้อย่างไรกัน อีกอย่างเรื่องนี้ก็ไม่มีใครร่วมรู้เห็นด้วย ท่านจะมากล่าวหาเหรินเอ๋อเยี่ยงนี้ได้อย่างไรกัน ใช่ไหมเจ้าคะท่านพี่” ฮูหยินรองจางโต้เถียงแทนบุตรสาว พร้อมหันไปขอเสียงสนับสนุนจากนายท่านจาง

            “นั่นสิเจียอี เจ้ากล่าวหาเหรินเอ๋อโดยไม่มีหลักฐานเช่นนี้ไม่ถูกต้องจริงๆนั่นแหละ” นายท่านจางไม่ทำให้ฮูหยินรองและรั่วเหรินผิดหวังจริงๆ แต่กลับทำให้ฮูหยินใหญ่เจ็บแค้น เศร้าเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนใจนางยามนี้เริ่มจะชาชินเสียแล้ว

            ‘ตงจื่อท่านเปลี่ยนไปมากจริงๆ ใจร้ายใจดำยิ่งนัก หากเหยาเอ๋อฟื้นขึ้นมาได้ ข้าจะไม่ปล่อยให้ลูกต้องทนทุกข์ทรมาน อยู่รับความไม่เป็นธรรมในเรือนสกุลจางเช่นนี้อีกต่อไป’ ฮูหยินใหญ่คิดอย่างเจ็บปวดจับจ้องมองไปที่นายท่านจางที่ไม่รู้สึกรู้สาอันใดทั้งสิ้น ปล่อยให้สองแม่ลูกบ้านรองยิ้มเยาะเย้ยถากถางนาง หัวเราะขบขันกันอย่างสะใจ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เกิดใหม่เป็นสาวท้วมพร้อมมิติพิเศษ   ตอนที่ 5 แผนการแบ่งแยกทรัพย์สิน

    จื่อเหยามองหน้าสองแม่ลูกรวมทั้งนายท่านจางด้วยท่าทางสะใจไม่น้อย ก่อนหน้านี้นางและแม่ของนางไม่เคยคิดใช้อำนาจของท่านตานางมาก่อน จื่อเหยาคนเดิมก็ไม่มีความคิดในเรื่องล้างแค้นเอาคืนเช่นนี้เลยด้วยซ้ำไป พอเกิดเรื่องนางก็มักจะระเบิดอารมณ์ลงไปในตอนนั้นเลย จนทำให้นางกลายเป็นคนไม่ดีในสายตาผู้อื่น ส่วนคนผิดจริงอย่างรั่วเหรินและฮูหยินรองก็ทำตัวเป็นเหยื่อดูน่าสงสารเห็นใจแทน ‘ในส่วนของจื่อเหยาคนเดิมนั้นมีเพียงแต่ใช้อารมณ์กับกำลังเข้าปะทะจนทำให้ตัวเองถูกใส่ร้ายกล่าวหามองดูเป็นคนไม่ดีคิดเรื่องที่ชาญฉลาดมีเหตุมีผลไม่ได้ ส่วนมารดานางนั้นคิดเพียงต้องการรักษาความสัมพันธ์ของครอบครัวเอาไว้ก็เพื่อบุตรีของนางเองจึงไม่ยอมใช้ไม้แข็งหรือต่อต้านอันใดมากนัก มาบัดนี้ถึงเวลาแล้วที่พวกนางจะลุกขึ้นมาจัดการกับสองแม่ลูกและบิดาที่ไม่เป็นธรรมเสียที’ จื่อเหยาคิดเอาคืนทุกอย่างแทนสาวน้อยร่างท้วมที่ตายไปอย่างไม่เป็นธรรม รวมทั้งเพื่อฮูหยินใหญ่จางซึ่งเป็นมารดาของนางนับจากนี้ไปด้วย “เอาเถอะเหรินเอ๋อจิงหยู&nb

  • เกิดใหม่เป็นสาวท้วมพร้อมมิติพิเศษ   ตอนที่ 4 ถึงเวลาเอาคืน

    จื่อเหยากับมารดานางนั่งพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จื่อเหยาจะวกกลับเข้ามาในเรื่องสำคัญเกี่ยวกับบิดานาง “ท่านแม่ ข้าว่าพวกเรารั้งอยู่ในเรือนสกุลจางนี้ต่อไปคงไม่เหมาะ คงต้องคิดหาทางขยับขยายแยกตัวออกมาเสียล่วงหน้านะเจ้าคะ” จื่อเหยาเอ่ยตามหลักความจริงที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ซึ่งดูเหมือนว่าชีวิตคู่ระหว่างบิดามารดานางไม่ราบรื่นนับตั้งแต่มีสองแม่ลูกตัวร้ายเข้ามาแทรก หากรั้งอยู่ด้วยกันต่อไปก็ไม่เป็นผลดีแต่อย่างใด “เหยาเอ๋อ แม่ไม่นึกเลยนะว่าลูกจะคิดใส่ใจในเรื่องนี้ด้วย” ฮูหยินใหญ่จางเอ่ย คาดไม่ถึงว่าจะได้ยินบุตรสาวที่ไม่ค่อยจะใส่ใจเรื่องราวความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ของคนในครอบครัวลึกซึ้งนักเอ่ยเป็นนัยออกมาเช่นนี้ จื่อเหยาชะงักไปเล็กน้อย ในเมื่อนางเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าจื่อเหยาคนเดิมไม่มีทางสนใจหรือเอ่ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้แน่ “หลังลูกผ

  • เกิดใหม่เป็นสาวท้วมพร้อมมิติพิเศษ   ตอนที่ 3 ยอมรับสภาพความเป็นจริง

    ฮูหยินใหญ่จางไม่สามารถโต้แย้งใดๆกลับไปได้อีก เมื่อรู้ดีว่านางไม่มีทั้งหลักฐานและพยาน ทำได้เพียงรอให้จื่อเหยาฟื้นขึ้นมารวมทั้งนำกำไลหยกเลือดนกอันล้ำค่าคืนกลับมาเท่านั้น “ฮูหยินเจ้าคะ คุณหนูดื่มยาลงไปแล้ว เช่นนี้คงไม่เป็นไรแล้วกระมังเจ้าคะ” ซูเจียวเอ่ยกับฮูหยินใหญ่จางขณะนั่งเฝ้าจื่อเหยาที่ยังคงไม่ได้สติอยู่ด้วยกัน “ใช่ เหยาเอ๋อต้องไม่เป็นไร ลูกข้าต้องฟื้นขึ้นมาในไม่ช้านี้แหละ” ฮูหยินใหญ่ทั้งเอ่ยปลอบและให้กำลังใจตนเอง ก่อนจะนั่งเฝ้าจื่อเหยาต่อจนร่างกายเหนื่อยล้าเผลอฟุบหลับไปทั้งนายและบ่าว ขณะเดียวกันจื่อเหยาที่หมดสติไปนานหลายชั่วยาม ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว ‘โอย ปวดหัวปวดตัวไปหมดเลย’ จื่อเหยาโอดครวญในใจ ร่างกายรู้สึกหนักอึ้ง ก่อนที่นางจะพยายามลืมตาขึ้นมาช้าๆ ‘นี่ ที่ไหนกัน เราถูกรถชนไม่ใช่เหรอ’ จื่อเหยากวาดตามองไปโดยรอบซึ่งเป็นสถานที่ไม่คุ้นตา อีกทั้งยังดูแปลกแตกต่างออกไปจากที่ซึ่งเธอเคยอยู่มาก สิ่งสำคัญคือจากเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นกับตนเองนั้น หากเธอไม่ตายก็ควรจะฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ ‘ทำไมที่นี่

  • เกิดใหม่เป็นสาวท้วมพร้อมมิติพิเศษ   ตอนที่ 2 ความอยุติธรรมในเรือนสกุลจาง

    จื่อเหยานอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนเตียงขนาดใหญ่พิเศษในห้องนอนของนาง โดยมีฮูหยินใหญ่จาง นายท่านจางหรือจางตงจื่อบิดานาง รวมทั้งรั่วเหรินและฮูหยินรองนามเสิ่นจิงหยูมารดารั่วเหรินคอยเฝ้ารอฟังผลการตรวจของหมอที่เรียกมารักษาอาการของจื่อเหยา “ท่านหมอบุตรสาวของข้าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” ฮูหยินใหญ่จางเอ่ยถามท่านหมอที่ตรวจอาการจื่อเหยาเสร็จก็หันกลับมาด้วยสีหน้าท่าทางไม่สู้ดีนัก “คุณหนูใหญ่จางอยู่ในสภาพร่างที่แทบจะสิ้นลมหายใจไปแล้ว ยามนี้ทำได้เพียงรอให้สวรรค์เมตตาแล้วล่ะ” ท่านหมอเอ่ยพร้อมส่ายศีรษะน้อยๆ “หมายความว่าอย่างไรกันเจ้าคะ” ฮูหยินใหญ่จางเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “ด้วยน้ำหนักและขนาดตัวของนางล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง แม้นภายนอกดูเหมือนบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ความจริงภายในได้รับผลกระทบเสียหายอีกทั้งศีรษะยังแตกด้วย ข้าคาดว่า..” ท่านหมอเอ่ยค้างเอาไว้ พร้อมทำสีหน้าท่าทางหนักใจ “คาดว่าอันใดกันเจ้าคะ” “เอาเป็นว่าข้าได้ทำแผลให้แล้ว และจะให้ยาช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต รักษาอาการบาดเจ็บภายในให้นางดื่ม หากนางผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไปได้ก็ถือว่านางรอดพ้

  • เกิดใหม่เป็นสาวท้วมพร้อมมิติพิเศษ   ตอนที่ 1 วันเกิดกลายเป็นวันเศร้า

    ในเมืองเซี่ยงไฮ้ที่ผู้คนพลุกพล่านวุ่นวาย จางจื่อเหยาหรือคุณหนูจางแห่งตระกูลเศรษฐีใหญ่อันดับต้นๆของเมืองกำลังเต้นไปมาอย่างสนุกสนานในคลับหรูใจกลางเมือง เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันเกิดอายุครบ 25 ปีของเธอ หลังจากฉลองกับครอบครัวเสร็จเธอก็นัดหมายร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดกับเหล่าบรรดาเพื่อนฝูงทั้งหลายที่ตั้งใจมาอวยพรและร่วมสนุกสนานครื้นเครงด้วยกันอย่างพร้อมหน้า “เหยาเหยา วันนี้ไม่เมาไม่กลับนะ” เฉินลี่หลินเพื่อสนิทของจื่อเหยาเอ่ยบอกกับเพื่อนสาว ขณะถือขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในมือพร้อมกับเต้นไปมาอยู่ท่ามกลางวงล้อมของผู้คนมากมายในคลับ “ได้เลย วันนี้เป็นวันเกิดของฉันเราต้องฉลองกันให้เต็มที่” จื่อเหยาตอบรับพร้อมกระดกเครื่องดื่มในมือขึ้นมาดื่มดับกระหาย จากนั้นก็เต้นไปมาอย่างสนุกสนานกับกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกัน เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมง เข็มนาฬิกาบ่งบอกว่าใกล้จะล่วงเลยเข้าสู่ช่วงเวลาของวันใหม่แล้ว ทันใดนั้นโทรศัพท์ที่เสียบอยู่ในกระเป๋ากางเกงหนังเข้ารูปของจื่อเหยาก็สั่นสะท้านขึ้นมาถี่ๆ “หลินหลิน สงสัยพี่ลี่จิ่นโทรมาตามฉันกลับบ้านแล้วแน่เลย” จื่อเหยาหันไปเอ่ยข้าง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status