หน้าหลัก / แฟนตาซี / เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี / เจ้าจันทร์เมียยักษ์ บทที่ ๑ เจ้าจันทร์คือสนมเอกของกรุงยักษา (๒)

แชร์

เจ้าจันทร์เมียยักษ์ บทที่ ๑ เจ้าจันทร์คือสนมเอกของกรุงยักษา (๒)

ผู้เขียน: Madam Hangover
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-31 00:41:12

มธุรสถูกจับอาบน้ำ ตบแต่งอย่างสวยงาม หากแต่สาวเจ้ากลับห่อเหี่ยวและเต็มไปด้วยความขลาดกลัว

หลังจากแอบลอบๆ เคียงๆ ถามสาวรับใช้ร่างยักษ์ จึงได้ความเป็นเรื่องราวที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงที่สุด ที่ว่าชายที่ชื่อสุวรรณราพณ์นั้นเป็นราชายักษ์ที่ปกครองกรุงยักษาแห่งนี้ และแน่นอนว่าพวกสาวรับใช้ก็คือเผ่าพันธุ์ยักษ์ที่เป็นข้ารับใช้ของเขามาตั้งแต่โบราณนั่นเอง

สุวรรณราพณ์เป็นยักษ์หนุ่มที่เกิดมาในตระกูลยักษ์ตั้งแต่กาลก่อน ที่วิวัฒนาการตามมนุษย์และสร้างเมืองยักษ์ขึ้นมา โดยรวบรวมเผ่าพันธุ์ยักษ์ตั้งแต่เด็กยันวัยชราให้มาอยู่ร่วมกันราวกับครอบครัวขนาดใหญ่ เท่าที่ฟังมาก็ไม่ได้ต่างอะไรกับวิวัฒนาการของมนุษย์ในสมัยสงครามนัก หากแต่ยักษ์จะมีร่างกายที่ใหญ่โต และสามารถท่องคาถายืดหดขนาดตัวได้อย่างใจนึก

นี่มันโดราเอม่อนชัดๆ มธุรสนึกทึ่งในใจ

หากแต่สุวรรณราพณ์นั้นมีนิสัยชื่นชอบสาวมนุษย์ที่งดงามมาก พอขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน ก็กำเริบเสิบสานในอำนาจที่มีอยู่จนถึงขั้นไปรุกรานเมืองกรุงของมนุษย์และบังคับให้กษัตริย์ของเมืองที่ถูกตีจนราบเป็นหน้ากลองยกลูกสาวให้เป็นสนมในวัง

เรียกได้ว่าเป็นบุรุษที่บ้าในการทำสงคราม พอๆ กับบ้าผู้หญิงเลย

ส่วนเรื่องโล้สำเภา (ร่วมรัก) กับสาวๆ นั้นก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะทางสาวรับใช้เองก็ไม่รู้เช่นกัน ตกดึกสุวรรณราพณ์จะมีเรือนใหญ่เป็นของตัวเอง ที่จะพาสาวงามเข้าเรือนใหญ่นั้นโดยไม่ให้ใครเข้าไปยุ่มย่ามใกล้ๆ เรือน (หรือเรียกในภาษาบ้านๆ ว่าห้องเชือดนี่เอง)

ได้ความคร่าวๆ ว่าคืนนี้เจ้าจันทร์ที่เธออยู่ในร่าง จะต้องถูกส่งตัวเข้าเรือนใหญ่นั่นกับสุวรรณราพณ์ตามลำพังสองต่อสอง

นี่มันโคตรจะน่ากลัวเลยไม่ใช่หรือคะ!

มธุรสเหงื่อตก บัดนี้เธอนั่งอยู่ในเรือนใหญ่ที่ว่านั่นอยู่เพียงลำพัง ตะเกียงส่องสว่างเป็นแสงไฟอีโรติคแบบเย้ายวนใจ พร้อมๆ กับเทียนหอมที่ส่งกลิ่นทำให้เธอรู้สึกเหมือนจะหลับได้ตลอดเวลา

การตกแต่งเป็นสไตล์จีนโบราณ ที่ดูเหมือนว่าสุวรรณราพณ์จะเรียนรู้วัฒนธรรมของมนุษย์ได้ดีทีเดียว มันสวยแต่ในคราเดียวก็ก็ดูออกไม่ยากว่านี่คือห้องเชือดดีๆ นี่เอง เอาเป็นว่าคืนนี้ถ้าไม่รีบหลับแล้วตื่นขึ้นมาจากฝัน เธอคงได้เสร็จสมบุรุษอสุราผู้นั้นเป็นแน่

แต่... มธุรสกลับนอนไม่หลับซะนี่!

โอ้พระพุทธเจ้าช่วยด้วย นอนไม่หลับแบบไม่หลับจริงๆ แถมตอนนี้ก็เริ่มเข้าช่วงหัวค่ำแล้วด้วย เรียกว่าตาแข็งตั้งแต่ช่วงสายจนมืดค่ำเลยทีเดียว ไม่รู้จะเดินไปที่ไหนเพราะเกร็งไปหมดแม้ว่ามันจะเป็นแค่ความฝันก็ตาม เลยทำได้แค่นั่งๆ นอนๆ อยู่ในเรือนนี้

นั่งกระสับกระส่ายอยู่เป็นหลายนาที อยู่ๆ เสียงดังกระหึ่มเหมือนฝีเท้าใหญ่ดังมาแต่ไกล ดูท่าจะเป็นหน้าวังตรงนู้น มธุรสสะดุ้งโหยงสุดตัว คิดว่าสุวรรณราพณ์คงกลับมาจากทำสงคราม (หรือการไปตีเมืองเขาเพื่อล่อหญิง) เรียบร้อยแล้ว ใช้ช่วงเวลาเฮือกสุดท้ายในการล้มตัวลงนอนบนเตียงขนาดใหญ่เกินพอดี หลับตาลงเพื่อสดับตัวเองให้หลับสนิท

จนรู้สึกเหมือนเคลิ้มๆ จะหลับแหล่มิหลับแหล่ ก็สัมผัสได้ถึงฝ่ามือขนาดใหญ่อุ่นวาบสัมผัสที่ลาดไหล่ ไล่มาจนถึงสะโพกผายที่ตะแคงข้างอยู่

“เฮือก!” สาวเจ้าตกใจจนต้องลืมตาตื่น เหลียวไปเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลาหากแต่ดุดันอยู่ใกล้ชิด เขานั่งอยู่ริมเตียง และใช้มือใหญ่ลูบไล้ร่างกายของเธออย่างอุกอาจ

เธอขยับตัวหนีทันที ด้นกระถดตัวถอยไปจนชิดหัวเตียง

“ตื่นแล้วหรือ” คนตัวใหญ่โตชักมือกลับ กระตุกรอยยิ้มที่แฝงเลศนัยบางอย่างออกมา “สาวรับใช้ตบแต่งเจ้าได้งดงามยิ่ง จนข้าแทบจะอดรนทนไม่ไหว”

“เอ่อ คือกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ” เพราะไม่รู้จะใช้ภาษาอะไรดี เลยเลือกที่จะใช้ภาษาไทยปัจจุบันใส่ซะเลย เธอคิดว่าถ้าเปลี่ยนไปยังเรื่องอื่นอาจจะพอมีความหวังที่อีกฝ่ายไม่จับตนกินทั้งตัวได้

“เมื่อสักครู่นี้ ข้าบริกรรมคาถาเพื่อมาสำแดงตัวที่นี่ให้ไวเชียว” เขาคงหมายถึงท่องคาถาวาร์ปมาสินะ แต่ยักษ์หนุ่มไม่พูดเปล่า เขาขยับตัวมาชิดเข่าเล็กๆ ของเธอที่ชันขึ้นหวังปกปิดสะโพกไม่ให้เขาลวนลามได้ หากไม่เป็นปัญหากับสุวรรณราพณ์มือปลาไหลเลยสักนิด “เจ้างดงามจริงๆ งดงามยิ่งกว่าตองนวลที่ควรจะงามที่สุดในบรรดาสนมของข้า”

“... ขอบคุณ” เอ่ยคำขอบคุณทั้งที่ไม่รู้จะขอบคุณไปทำไม เพราะอีกฝ่ายกำลังตะล่อมเธอหวังจะรวบหัวรวบหางเชียวนะ

“เปลี่ยนจากคำขอบคุณของเจ้า เป็นเสพสังวาสร่วมกันกับข้าได้หรือไม่” ฝ่ายนี้ก็ไม่ยอมแพ้ พอเห็นว่าสาวเจ้าไม่เล่นไปตามน้ำของตน เลยชิงกล่าวคำขอมีเซ็กซ์กับเธอแบบโต้งๆ เสียเลย “ไหนๆ พระบิดาของเจ้าก็ยกเจ้าให้ข้าเสียแล้ว”

พูดแกมบังคับแล้วก็ขยับใบหน้าหล่อเหลาชิดพวงแก้มนวล ชิงหอมฟอดใหญ่อย่างหลงใหล

“อะ!” มธุรสหน้าแดงก่ำ เธอเสียความบริสุทธิ์ทางแก้มให้ยักษ์โหดหื่นตรงหน้าไปแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่โดนหอมแก้มจากผู้ชายหน้าตาดีตั้งแต่ชาติที่แล้วยันชาตินี้เลยเชียวนะ!

“หอมเหลือแสน” เขากล่าวชม ฉีกยิ้มอย่างพึงใจกับปฏิกิริยาที่แสนน่ารักจากสาวเจ้า

“...”

“อยากรู้เหลือเกิน ว่าเวลาที่เจ้าอยู่ใต้ร่างของข้า จักงดงามสักเพียงใด”

พระพุทธเจ้าคะ หนูกำลังถูกยักษ์ลวนลามเจ้าค่ะ!

ปฏิกิริยาช่างน่าดูชมเสียจริง ตื่นกลัวตัวสั่นเหมือนกวางป่าที่กำลังจะถูกพรานไล่ล่า

รอยยิ้มกำกวมปรากฏบนใบหน้าของสุวรรณราพณ์อย่างพอใจ เขาชื่นชอบนางมากทีเดียว

เพราะเจ้าจันทร์คือหญิงสาวผู้ที่เข้ามาชุบชีวิตเขาในวัยเด็กเมื่อร้อยปีก่อน

ถ้าให้เล่าขี้คร้านว่าคงจะยาวเป็นแน่แท้ เขารอเธอมาเป็นร้อยปี เข้าใกล้สตอล์กเกอร์เธอด้วยการแปลงกายเป็นทหารในวังก็หลายครา บางทีก็แปลงกายเป็นสนมของพระบิดาของเธอ บางครั้งก็เป็นสาวรับใช้สักนางที่คอยปรนนิบัติรับใช้เวลาที่เธอชำระเรือนกาย

ในเพลานั้นแทบจะหักห้ามใจไม่ไหว ร่างกายเล็กๆ แต่ทรวงช่างใหญ่โตเป็นลูกแพร์สวยงามเหลือล้น ผิวขาวนวลเนียนผ่อง กลิ่นกายหอมราวกับดอกไม้แรกแย้ม ทรวดทรงที่โค้งมนสมกับสตรีเพศสูงศักดิ์

กระหายเหลือเกิน อยากได้เป็นเมียเอกจนแทบทนมิไหว

หลังจากที่ได้ยินข่าวคราวว่าเจ้าจันทร์ล้มป่วยด้วยพิษไข้ประหลาด สุวรรณราพณ์ทรงกริ้วยิ่งนักที่บิดาบังเกิดเกล้าไม่สามารถช่วยอะไรลูกสาวได้เลย ทั้งที่เป็นกษัตริย์ครองเมืองแต่ช่างโง่เขลาเบาปัญญา เลยคิดก่อการรุกราน ฆ่าคนเป็นบาปเป็นเบือเพื่อชิงนางมารักษาที่เมืองยักษ์

แต่ทว่าเจ้าจันทร์กลับฟื้นจากพิษไข้ประหลาด เธอจ้องมองเขาเหมือนคนแปลกหน้าเสียอย่างนั้น

ก็ว่าจะยืดเวลากินอาหารรสหวานมื้อนี้ไปก่อนเสียหรอก แต่เห็นจะมิได้ เพราะสาวเจ้ากำลังลืมเลือนเขาผู้เป็นเนื้อคู่แต่ชาติปางก่อนของเธอจากพิษไข้ประหลาดเสียแล้ว

สุวรรณราพณ์รอเธอมาร้อยกว่าปีจนเธอมาเกิดใหม่ รอจนเธอโตเป็นสาวแตกเนื้ออ่อนสุกงอมพร้อมกินถึงได้ช่วงชิงไปจากเมืองเกิด

จะไม่รีรอคอยท่าให้เสียเพลาท่าเยอะอีกแล้ว

ว่ากันว่าธุลีในน้ำ (หรืออสุจิ) ของยักษ์นั้นมีพิษพอที่จะช่วยให้ร่างกายนั้นซาบซ่าน ชาเปรี้ยะไปทั้งตัว ในขณะเดียวกันก็เป็นพิษชนิดพิเศษที่สามารถรักษาโรคหายากที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ในร่างกายมนุษย์

ถ้าปลดปล่อยมันในตัวเจ้าจันทร์ เธอคงจะหายดีในเร็ววัน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี   ภาค ๒ เจ้าจันทร์เมียยักษ์ ๒๓ จำต้องปล่อยมือจากเจ้า (๕) จบบริบูรณ์

    หลังจากที่จันทร์ดาได้พบกับแม่ที่แท้จริงของตนเอง แถมกรรณิกาอัปสรกับพระสุวรรณราพณ์ก็คิดจะจับมือกันเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ต่อลูกอีก ต้องยอมรับว่าเธอมีความสุขมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากทีเดียว “จันทร์ดา เจ้านี่ฝีมือดีจริงหนา” หญิงสาวยิ้มเขินเมื่อมารดาของตนยกผ้าทอมือที่ถูกปักจากขนของครุฑขึ้นมาเชยชม แค่สอนการเย็บปักถักร้อยไม่กี่เดือน นับว่าลูกสาวของเธอหัวไวมากทีเดียว ถึงกับเย็บชุดสไบทรงเครื่องมาให้เลย แถมยังงามจับตาเสียด้วย “เจ้านี่มีพรสวรรค์น่าดู ข้าละภาคภูมิใจเสียจริงๆ” “เป็นเพราะท่านแม่สอนสั่งข้าเป็นอย่างดีเจ้าค่ะ” ฝ่ายจันทร์ดาเองก็ถ่อมตัวและยกย่องความดีความชอบไปให้แม่ของตนเองแทน กรรณิกาอัปสรที่นั่งอยู่ร่วมกันที่ศาลาริมบึงบัวอดไม่ได้ที่จักแย้มยิ้มปิติยินดี เพราะตอนนี้แม่ลูกได้เข้าใจกันโดยสมบูรณ์ แถมยังสนิทสนมกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยอีกด้วย ดูเหมือนจันทร์ดาเองก็ค่อยๆ เปิดใจให้เธอแล้วเช่นเดียวกัน บางคราหญิงสาวก็มองมาราวกับจะสื่อความขอบคุณ ตั้งแต่วันนั้น พระสุวรรณราพณ์ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในทุกกิจกรรมของลูกโดยที่เธอไม่จำเป็นต้องบอก ในตอนนี้เหลือเพียงแค่จันทร์ดาที่ยังคงรักษาเอาไว้ได้ เขาจึงพยายามเข้าหาล

  • เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี   ภาค ๒ เจ้าจันทร์เมียยักษ์ ๒๓ จำต้องปล่อยมือจากเจ้า (๔)

    กว่าจักรู้สึกตัวก็โน้มดวงหน้าลงไป คุกเข่าลงเพื่อให้ร่างใหญ่ได้พอดีกับร่างกายเล็กๆ ของนาง ริมฝีปากของหญิงชายใกล้กันจนเอื้อมถึง แต่น้องคนดีกลับเบี่ยงหน้าหนีในทันใด“ข้าบอกพี่แล้วนะ ว่าข้ามีสามีแล้ว” นางยังคงใจแข็งแม้นดวงใจจักเต้นรัวราวกับกลองทับ ดวงหน้าคมคายจึงผละออกไป พระสุวรรณราพณ์ไม่คิดบังคับใจหล่อน หากพร้อมกลับมาคืนใจเมื่อใด เขาจักรออยู่ที่นี่เสมอ “ข้าอยากมาพูดคุยเรื่องอินทร์มุก... ข้ารู้มาว่าบุตรชายของเจ้าพี่หายตัวไป”“ข้าเองก็จนปัญญาที่จักอบรมบ่มสันดานไอ้ลูกชายคนนี้แล้ว ในคุกหลวงก็เหมือนกับว่าจักลักพาพระสนมเนตรเกล้าไปด้วย มันอาจหลงรักนางเข้าจริงๆ” กรรณิกาอัปสรนึกครุ่นคิดถึงชื่อหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในบทสนทนา เนตรเกล้า... คงเป็นผู้หญิงปากเสียที่จักเข้ามาทำร้ายเธอในตอนนั้น ไม่น่าเชื่อว่าลูกชายเราหลงรักผู้หญิงร้ายกาจตนนั้น “นางถูกคุมขังเพราะเล่นชู้กับพระโอรส พี่กลัดกลุ้มใจเหลือเกิน”อัปสรสาวนึกตกใจ ไม่คิดว่าลูกชายที่เคยตัวเล็กน่ารักเพียงครึ่งข้อขาคนนั้นจักเติบโตมาเกเรอาจหาญเล่นชู้กับผู้หญิงได้ แถมยังเป็นพระสนมของพ่อตนเอง ดูท่าว่าการเอาใจใส่ของเขานั้นจักมีปัญหา ลูกจึงเสียนิสัยไปได้ไกลเช่นน

  • เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี   ภาค ๒ เจ้าจันทร์เมียยักษ์ ๒๓ จำต้องปล่อยมือจากเจ้า (๓)

    หากแต่เด็กหนุ่มที่มองจ้องมาทางหล่อนนั้น ชวนให้รู้สึกแปลกๆ ราวกับเขาจ้องมองมาด้วยความใคร่อยากจักรู้ตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย แลไม่ได้ไว้ใจในตัวของหญิงสาวชาวมนุษย์นักไกรสรไม่ได้รับรู้เรื่องราวได้ชัดเจนสักเท่าไร เนื่องจากเจอแม่อีกทีก็ตอนที่พระสุวรรณราพณ์เล่าเรื่องราวทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว รู้แค่เพียงว่ามารดาพานางมาเพื่อต้องการชดเชยความผิดจากอดีตที่ทำต่ออีกฝ่าย เขาไม่ได้มาในตอนที่กรรณิกาเสกดวงตาที่ชิงมากลับไปให้เจ้าจันทร์ หรือแม้แต่เห็นตอนที่อีกฝ่ายอยู่ในฐานะที่น่าอดสู จึงยังคงมีความคลางแคลงในตัวของเจ้าจันทร์อยู่พอสมควรเมื่อนึกถึงอดีต... ภาพของจันทร์ดาก็หวนคืนกลับมา ชวนให้เขารู้สึกเศร้าใจอยู่เล็กน้อย ที่ถึงแม้มารดาของตนจักเป็นฝ่ายเจรจาให้เอง แต่ชายผู้นั้นคือบิดาของจันทร์ดา เขาคงไม่มีวันให้อภัยอสุราตนนั้นที่เคยทำร้ายแม่ เหมือนที่แม่ให้อภัยเขาได้หรอกไกรสรคงไม่กล้าอาจหาญครองรักกับจันทร์ดา ในขณะที่มองดูแม่ที่เคยผิดหวังจากความรักต่ออสุราผู้นั้นได้ หากมีแม่กับผู้หญิงที่สมควรจะรัก เขาคงเลือกแม่ตนเองอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะแม่คือทุกอย่างของเขา แม่ผู้ให้กำเนิด แม่ที่ทำให้เขาเติบใหญ่มาอย่างดีที่สุ

  • เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี   ภาค ๒ เจ้าจันทร์เมียยักษ์ ๒๓ จำต้องปล่อยมือจากเจ้า (๒)

    ณ เมืองจันทร์ในเวลานั้น“เจ้าหญิงงั้นรึ! ที่พระราชวังมิมีองค์หญิงอีกต่อไปแล้ว นางโดนราชายักษ์จับกินจนมิเหลือแม้แต่กระดูก แลเจ้าเองก็มิใช่องค์หญิง เจ้าตาบอด นำนังคนบ้านี่ออกไปนอกอาณาเขตราชวัง นี่เป็นรับสั่งจากกษัตริย์!”กว่าจักใช้ปีกน้อยๆ นั้นบินฝ่าเมฆหมอกมาสู่เมืองที่เคยจากมา จำต้องใช้สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดสูง เจ้าจันทร์ในร่างนกการเวกตาบอดโผบินแลกลายเป็นร่างหญิงสาวในชุดไทยวิจิตร หากแต่ดวงตาที่บอดสนิททั้งสองข้างนั้น พร้อมทั้งท่าทางที่ราวกับคนไม่สมประกอบ ทำให้ชาวบ้านที่หลงเหลืออยู่ต่างพากันเข้าใจว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นคนบ้าใบ้สติไม่ดี เจ้าจันทร์นั้นเดินโซเซด้วยตีนเปล่ามาจนถึงหน้าประตูวังตามกลิ่นลมรอบตัว แต่กลับถูกนายทหารไล่ตะเพิดออกมาดูเหมือนว่าเมืองจักถูกซ่อมแซม เกณฑ์ประชาชนที่ยังมีชีวิตรอดมาสร้างเมืองใหม่ แม้จักทุลักทุเลแต่ก็กลับมาแทบจะเหมือนเก่า เพราะกษัตริย์ยักษ์ตนนั้นมิได้คิดจักทำลายไปทั้งเมือง คงต้องขอบใจในวาสนาของลูกสาวที่เป็นตัวตายตัวแทน แลนางคงไม่มีวันกลับมา ว่ากันว่ายักษ์นั้นดุร้าย ป่านนี้คงไม่เหลือแม้แต่ซากเป็นแน่เอาเถอะ ขอแค่เมืองแลพระราชารอดพ้นวิกฤตนี้ไปก็พอใช่ เสด็จพ่อที่ดู

  • เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี   ภาค ๒ เจ้าจันทร์เมียยักษ์ ๒๓ จำต้องปล่อยมือจากเจ้า (๑)

    “มธุรสวดี งั้นเจ้ายินดีจักกลับไปอยู่กับพี่ใช่หรือไม่ เจ้ารู้ความในใจของพี่แล้ว แลพี่เองก็มิรู้ว่าจักชดเชยความรู้สึกที่เสียไปของเจ้าเช่นไร พี่โป้ปดเจ้า พี่ทำให้เจ้าช้ำอุรา พี่รู้ดี...”“พี่สุวรรณราพณ์ ข้าเคยมีความรักอันดีต่อพี่ ข้ามอบใจให้พี่ แลตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง” ท้าวไกรสิงห์สยายปีกสีชาดด้วยสีหน้าขุ่นหมองราวกับไม่อยากรับฟังสิ่งใดต่อจากนั้นอีกต่อไปแล้ว เขารู้ดีว่านางยังคงมอบดวงใจเฝ้ารักไอ้อสุราตนนั้น แลไม่มีเหตุผลที่จักไม่กลับไป ตลอดมาเขาทำได้เพียงรักแลถนอมนางให้ดีที่สุด“...”“แต่ข้าคงมิอาจตอบตกลงเพื่อกลับไปหาพี่ได้ ข้าค้นพบสถานที่ที่ข้าต้องอยู่แล้ว”“...”“แม้นจักไม่เทียบเท่าที่เคยมอบให้พี่ แต่ข้าไว้เนื้อเชื่อใจที่จักมอบชีวิตให้พี่ไกรสิงห์ แลข้าเอง... ก็มีลูกชายที่ต้องดูแลในฐานะมารดาต่อจากนี้”“...!!”“หากพี่เข้าใจแลกลับไปแต่โดยดี ข้าอาจจักขอมากไป แต่ข้าขอฝากอินทร์มุกแลจันทร์ดาไว้กับพี่ด้วย ข้าอยากให้พี่ดูแล มอบความรักให้พวกเขาราวกับเป็นลูกแท้ๆ ของเรา... ถึงแม้ว่าข้าจักมิได้ตั้งท้องพวกเขามาก็ตาม”“...”“แต่ถ้าหากพี่ยังดึงดันจักฆ่าพี่ไกรสิงห์ ก็เอาชีวิตของข้าไปแท

  • เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี   ภาค ๒ เจ้าจันทร์เมียยักษ์ ๒๒ ทวงคืนเจ้า (๔) จบตอน

    ความมืดที่กลืนกินสุวรรณราพณ์นั้นทำให้เมื่อครบวันตามกำหนด เขาจึงเคลื่อนทัพด้วยตัวคนเดียว ฝ่ามือกุมดาบทมิฬไว้แน่น ดวงตาวาวโรจน์ ร่างกายถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดจนเห็นเป็นเพียงเรือนกายสีทมิฬ เขาเหาะเหินเดินอากาศไปตามนภา ขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์พร้อมความพยาบาท บีบเค้นอัปสรบนท้องฟ้าเพียงถามหาทางไปวิมานฉิมพลี ด้วยความกลัวเพราะพญายักษ์นั้นเสียสติไปแล้ว เหล่าอัปสรชี้ไปทางเมฆที่เกาะกลุ่มแน่นหนาที่สุด เพียงขว้างศาสตราวุธไปทางกลุ่มเมฆเหล่านั้น ก็เกิดอัสนีบาตรจนกลุ่มเมฆเผยเส้นทางภายในที่เต็มไปด้วยแผ่นดินลอยฟ้า ปกคลุมไปด้วยต้นงิ้วออกดอกสีแดงฉานห้อยระย้าดูงดงามตระการตา แต่บัดนั้นสีแดงจักเป็นสีของโลหิตเหล่าประชาชนเมืองครุฑให้สาสมใจเขาเคลื่อนตัวออกจากเมืองยักษาโดยมิได้แจ้งจักษ์แก่ผู้ใดในเมือง มิว่าจักเป็นราชครูผู้สนิท หรือแม้แต่เหล่าอำมาตย์ผู้ภักดี เมื่อใช้เพลาจนสังวรีราพณ์สามารถกัดกินจิตใจได้เกินครึ่ง เขาจึงใช้แรงอสุรกายทมิฬขับเคลื่อนท่องคาถาเหาะเหินเดินอากาศหวังเพียงได้ฆ่าเผ่าพันธุ์ครุฑให้เหี้ยนแลพาอัปสรสุดที่รักกลับมาแลถ้าหากนางมิกลับมาที่นี่ เขาจักยอมดับดิ้นไปพร้อมกับคำสัตย์สาบานที่ว่ามิว่าชาติไหน ก็จ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status