LOGIN“นี่นาย! นายอยู่แถวนั้นหรือเปล่า? ช่วยหยิบผ้าเช็ดตัวให้หน่อย พอดีมันมีแค่ผืนเดียว เอาผืนที่นายใช้เมื่อกี้นั่นแหละ” ฟ้าตะโกนออกมาจากห้องน้ำ
“จะดีเหรอครับ? ผืนเล็กนะ...พี่จะใส่ออกมาจริงๆ เหรอ?” ทิวแกล้งแหย่
“ทะลึ่ง! แค่จะเอามาเช็ดผม!”
ทิวเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องน้ำ “จะออกมาเอาเอง หรือจะให้ผมเอาเข้าไปให้ครับ?”
“นายจะบ้าเหรอ! แค่ส่งมาก็พอ!”
ฟ้าเอื้อมมือออกมาเพื่อรอรับผ้าเช็ดตัว “เอามาสิ! อยู่ตรงไหนเนี่ยเร็วๆ!”
“พี่ก็ยื่นแขนออกมาด้วยสิครับ จะให้ผมเข้าไปใกล้ๆ เหรอ?”
“อย่ามัวแต่เล่น! เร็วๆ สิ! แล้วจะดึงไว้ทำไม!” ฟ้าเริ่มหงุดหงิด
“ให้ผมเช็ดให้ไหม?” ทิวยังคงแกล้งเธอ
“นายนี่มันทะลึ่งได้ตลอดเวลาจริงๆ เลยนะ!”
“อ๊ะๆๆๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้”
ก่อนจะปล่อยผ้าเช็ดตัวให้ฟ้า ทิวก็แอบยื่นมือไปแตะมือของฟ้าเบาๆ แล้วเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มอย่างมีความสุข
ในห้องโถงกว้างขวางที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นจากแสงไฟสลัว ทีวีจอใหญ่กำลังฉายภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ทิวเด็กหนุ่มในวัยที่กำลังเติบโตเต็มที่นั่งอยู่บนพื้นห้องข้างๆ โซฟา โดยมีฟ้า รุ่นพี่สาวที่เขารู้จักมานานกำลังนั่งเอนหลังอยู่บนโซฟา ตัวเธอนอนตะแคงมองไปทางทิวอย่างเงียบ ๆ แววตาของฟ้าฉายแววครุ่นคิดเมื่อมองเห็นเค้าโครงหน้าของทิวที่เริ่มคมชัดขึ้นตามกาลเวลา
'เด็กคนนี้มันโตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ...'
จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดห้วงความคิดของฟ้า เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดรับ
บทสนทนา
"ฮัลโหลฟ้า ฟ้าเป็นไงบ้างอ่ะ เมื่อวานวินขอโทษนะที่ไม่ได้โทรหา เป็นไงบ้างถึงบ้านโอเคไหม ไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม" เสียงปลายสายคือ วินเพื่อนสนิทของเธอ
"โอเค ฟ้าก็ขอโทษนะที่ไม่ได้โทรบอก พอดีวันนั้นกลับถึงบ้านก็ดึกเลยลืมโทรบอก วันนี้ก็มานอนเฝ้าบ้านให้ป้า" ฟ้าตอบ
"อ้าว งั้นหยุดเสาร์อาทิตย์นี้ก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนสิ"
"ไม่ พอดีมาดูบ้านให้ป้า พี่สาวลูกของป้าเขาคลอดลูก ฟ้าก็เลยเฝ้าบ้านให้เขา ไม่มีอะไรใช่ไหม พอดีแบตฟ้าจะหมด"
"ไม่ วินแค่เป็นห่วง แล้วก็จะโทรมาขอโทษฟ้าที่ไม่ได้โทรหาเมื่อวาน พอดีวินถึงบ้านก็ดึกแล้ว เมาไม่รู้เรื่องเลย"
"โอเคขอบใจมาก ไม่เป็นไร ถึงบ้านปลอดภัยหายห่วง ไร้รอยขีดข่วน" ทิวพึมพำ
ทันทีที่ฟ้าพูดจบ ทิวที่นั่งฟังอยู่ก็พูดขึ้นมาทันควัน "เสียงใครเหรอฟ้า?" วินถามกลับมาที่ปลายสาย
ฟ้าตกใจรีบใช้มือปิดปากทิวไว้แล้วรีบตอบกลับไปที่โทรศัพท์อย่างลุกลี้ลุกลน "อ๋อ เสียงเด็กแถวบ้านแหละอยู่บ้านตรงข้าม พอดีแม่ให้ขับรถมาให้"
"อ๋อ เสียงเด็ก แล้วไป ตกใจหมด"
"งั้นฟ้าวางสายนะ"
"โอเค ฝันดี"
ทันทีที่วางสาย ทิวก็รีบลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับฟ้าด้วยสีหน้าจริงจัง
ทิว: "เสียงเด็ก...เสียงเด็ก...พูดมาได้ยังไงว่าเสียงเด็ก คนเชื่อก็เชื่อได้ยังไง เสียงเด็กที่ไหนจะเป็นแบบนี้ ทำไม แฟนเหรอโทรมา แฟนใหม่เหรอ แฟนเก่าล่ะ?"
ฟ้า: "แฟนใหม่อะไรแล้วทำไมต้องถามว่าแฟนใหม่ รู้เรื่องเหรอว่าฉันเคยมีแฟนเก่า?"
ทิว: "ทำไมต้องบอกเขาว่าเป็นเด็กแถวบ้าน ผมไม่ชอบ! ต้องให้บอกอีกกี่ครั้ง!"
ฟ้า: "แล้วถ้านายไม่ใช่เด็ก นายจะเป็นพี่ฉันหรือไง?"
ทิว: "ก็ไม่ต้องพูดว่าผมเป็นเด็กก็ได้ เด็กที่ไหนทำแบบนั้นได้?"
ฟ้า: "นี่นายเงียบไปเลยนะ! บอกว่าห้ามพูดเรื่องนั้น"
ทิว: "ผมก็บอกพี่แล้วเหมือนกัน ว่าอย่าเรียกว่าเด็ก"
ฟ้า: "ยังไงนายก็เด็กกว่าฉันอยู่ดี"
ทิว: "เด็กกว่าแล้วยังไง เด็กกว่าแล้วมันไม่มีหัวใจ รักใครไม่เป็นเหรอ? แค่เกิดทีหลังผิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ ผมไม่ชอบให้พี่พูดกับใครว่าผมเป็นเด็ก"
ฟ้า: "ไม่ชอบอะไรนักหนากับคำว่าเด็ก หัดยอมรับความจริงซะบ้าง ถ้านายไม่อยากเป็นเด็กทำไมนายไม่เกิดก่อนฉันล่ะ?"
ทิว: "ทำไม! เกิดทีหลังแล้วมันจะทำไม เกิดทีหลังก็สามารถดูแลคนที่เกิดก่อนได้ พี่เองก็เกิดก่อนแค่ไม่กี่ปี แต่ทำไมชอบทำเหมือนตัวเองแก่กว่าผมหลายปี ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กน้อย"
ฟ้า: "ก็เธอมันเด็กน้อย ตอนที่ฉันเจอเธอ เธอก็แค่เด็กน้อย 10-11 ขวบ"
ทิว: "ตอนที่ผมเจอพี่ พี่ก็แค่ 16-17 ปี มันก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ แล้วตอนนี้ผมก็ไม่ใช่เด็กน้อย ตัวผมก็สูงกว่าพี่ตั้งเยอะ แรงผมก็มีเยอะกว่าพี่ ยังจะมองว่าผมเป็นเด็กน้อยอีกเหรอ?"
ฟ้า: "แต่ถึงยังไงเธอก็ยังเป็นเด็กกว่าฉันอยู่ดี แล้วจะไม่ให้ฉันเรียกนายว่าเด็กน้อยได้ยังไง"
ทิว: "ถ้าพี่พูดคำว่าเด็กน้อยอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ผมจะปิดปากพี่จริง ๆ แล้วนะ แล้วผมก็จะไม่ใช้มือปิดปากเหมือนที่พี่ปิดปากผมเมื่อกี้ด้วย พี่ก็ลองคิดเอาเองว่าผมจะใช้อะไรปิดปากพี่"
ฟ้าเงียบกริบ ใบหน้าแดงก่ำ ไม่กล้าพูดอะไรต่อ ได้แต่เม้มปากแล้วหันไปดูทีวีด้วยความประหม่า
ทิว: (หัวเราะเบา ๆ) "เขินเหรอหน้าแดงอ่ะ"
ฟ้า: "เขินบ้าอะไร!"
ทิว: "ก็เห็นนั่งหน้าแดงนั่งเงียบ เขินเหรอ? คิดถึงเรื่องนั้นเหรอ?"
ฟ้า: "บอกว่าไม่ต้องพูด! เงียบไปเลยห้ามพูด!"
ทิว: "จริง ๆ ผมน่าจะปล่อยให้พี่พูดคำว่าเด็กน้อยนะ ผมจะได้สั่งสอนพี่ไม่ให้พี่พูดอีกด้วยวิธีของผม"
ฟ้า: "นายอย่ามาทำเก่งให้มันมาก ไม่มีใครเขากลัวนายหรอก ฉันแค่ไม่อยากต่อปากต่อคำด้วยเฉย ๆ เรื่องแค่นั้นไม่มีใครเขากลัวหรอก นายเป็นใครฉันเป็นใคร ฉันเกิดก่อนนายตั้งหลายปี นายคิดว่าฉันจะไม่เคยมีประสบการณ์กับเรื่องพวกนั้นหรอก คิดแบบเด็ก ๆ เกินไปแล้วมั้ง"
ทิว: "แต่เท่าที่ผมรู้ตอนนี้ พี่ก็ไม่ได้มีประสบการณ์อะไรเลยนะ"
ฟ้า: "แล้วนายจะมารู้จักฉันดีได้ยังไง?"
ทิว: "วันนั้นเห็นสั่นเป็นลูกเจี๊ยบเปียกฝนเลยนี่"
ฟ้า: "สั่นอะไร! ฉันแค่เมานิดนึง อีแค่จูบใครเขาจะไม่เคยจูบ"
ทิว: "ก็ไม่รู้สิ...เท่าที่รู้ ก็ถือว่าอ่อนประสบการณ์"
ด้วยความสงสัย ฟ้าขยับตัวลงไปนั่งที่พื้นบนที่นอนที่ปูไว้
ฟ้า: "แล้วนายไปมีประสบการณ์มาจากไหนขนาดนั้น เอ๊ะหรือว่า...หรือว่านายเที่ยวไล่จูบคนเขาไปทั่ว ไม่งั้นนายจะรู้เรื่องประสบการณ์ได้ยังไง ใช่ไหมบอกฉันมา"
ฟ้าใช้มือตีที่ไหล่ของทิวและคะยั้นคะยอถาม "ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้! นายจูบมาแล้วกี่คน? แล้วจูบผู้หญิงเด็กกว่าหรือผู้หญิงที่โตกว่า? บอกฉันมาเดี๋ยวนี้"
ทิว: "แล้วพี่จะอยากรู้ไปทำไม"
ฟ้า: "ไม่ต้องถาม! ตอบมา! นายไปจูบเด็กกว่าหรือผู้หญิงที่โตกว่า! ตอบมาเลย! นี่นายอย่าบอกนะว่านายเคยจูบทั้งผู้หญิงที่เด็กกว่าแล้วก็โตกว่า! ทำหน้าแบบนี้! มองหน้าฉันสิ! ตอบมาว่าใช่หรือไม่ใช่!"
ทิว: "แล้วพี่จะอยากรู้ทำไม มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอามาตอบ"
ฟ้า: "ก็ถ้านายมีประสบการณ์จริง ก็ตอบมาสิ"
ทิว: "มันก็มีบ้างตามประสาผู้ชายแหละ"
ฟ้า: "ผู้ชายยังไง! ผู้ชายที่เที่ยวไล่จูบผู้หญิงเขาไปทั่วแบบนี้เนี่ยเหรอ!"
ทิว: "ผมไม่ได้จูบไปทั่ว ก็แค่...อยากลอง"
ฟ้า: "ลองอะไร! อธิบายมา!"
ทิว: "ก็อยากลองกับรุ่นน้องที่เขามาชอบ คือ...คุยกัน ก็ต้องมีบ้าง"
ฟ้า: "มียังไง! นายไล่จูบน้องเขาเหรอ"
ฟ้า: "แล้วได้เป็นแฟนกันไหมล่ะ"
ทิว: "ก็คบอยู่พักนึง แต่มันไม่ใช่ เลยบอกเลิกน้องเขาไป"
ฟ้า: "นี่นายเป็นคนแบบนี้เหรอ! เอาเปรียบผู้หญิงเขาแบบนี้เหรอ!"
ทิว: "ไม่ได้เอาเปรียบ...หมายถึงว่ามันไปต่อไม่ได้"
ฟ้า: "ยังไง! ก็เลิกกับเขา แล้วยังไง! เป้าหมายคือสาว ๆ ที่โตกว่า แบบนี้น่ะเหรอ นี่นาย..."อย่าบอกนะ ว่าคนที่เจอวันนั้น
ทิว: "แล้วพี่จะอยากรู้ไปทำไม"
ฟ้า: "ทำไมจะอยากรู้ไม่ได้! ก็ตอบมาสิ! กับสาวรุ่นพี่ ก็เคยจูบกันใช่ไหม "
ทิว: "แล้วพี่จะให้ผมตอบยังไง"
ฟ้า: "ก็ตอบมาว่าใช่ ไม่ใช่"
ทิว: "มันก็มีบ้าง"
ฟ้า: "ตอบมาว่าใช่หรือไม่ใช่"
ทิว: "ก็ใช่"
ทันทีที่ทิวตอบคำถามของฟ้า หน้าตาของฟ้าก็เริ่มบึ้งตึง มีท่าทางเหมือนจะโกรธ ทิวเห็นดังนั้นก็ยิ้มอย่างพอใจ เอาไหล่ไปกระแซะที่ไหล่ของฟ้า
ทิว: "หึงเหรอ?"
ฟ้าเงียบแล้วหันหน้าหนี ยิ่งทำให้ทิวยิ้มกว้างขึ้นไปอีก
ทิว: "หึงเค้าใช่ไหม?"
ฟ้า: "หึงอะไร! ทำไมต้องหึง!"
ทิว: "ก็ถ้าไม่หึงแล้วคืออะไร โกรธเค้าเหรอ?"
ฟ้า: "ไม่ได้โกรธไม่ได้หึง"
ทิว: "แต่ท่าทางแบบนี้เหมือนคนเป็นแฟนกันหึงกันเลยนะ"
ฟ้า: "ฉันจะหึงทำไมมันเรื่องของนาย นายจะเคยทำอะไรกับใครก็เรื่องของนาย ก็เหมือนฉันนี่แหละ ฉันจะทำอะไรกับใครมันก็เรื่องของฉัน"
ทิว: "พี่อย่าพูดแบบนี้สิ มันไม่เหมือนกัน ผมเป็นผู้ชาย มันก็ต้องมีบ้าง"
ฟ้า: "แล้วนายคิดว่าผู้หญิงจะมีบ้างไม่ได้เหรอ? ฉันอาจจะเหมือนสาว ๆ รุ่นพี่ของนายที่นายเคยไปไล่จูบมาแล้วก็ได้ หรืออาจจะ...โชกโชน ชำนาญกว่านั้น"
ทิว: "โชกโชน ชำนาญอะไร! พี่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรสักอย่าง"
ฟ้า: "นายจะมารู้ดีกว่าฉันได้ยังไง? รู้ได้ยังไงว่าที่ผ่านมาฉันไม่เคยทำอะไร? ฉันอาจจะทำทุกอย่างมาแล้วโดยที่นายไม่รู้ ฉันอายุขนาดนี้แล้วนายคิดว่าฉันจะใส ๆ ซื่อ ๆ เหมือนเด็กสาวแรกรุ่นเหรอ?"
ทิว: "ผมก็ไม่ได้บอกนี่ว่าพี่จะไม่เคยอะไรยังไง เพราะที่ผ่านมาผมก็...ไม่ได้มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น แต่ถ้าเป็นตอนนี้...คงไม่ยอมให้พี่ไปทำแบบนี้กับใคร"
ฟ้า: "แล้วนายมีสิทธิ์อะไรไม่ยอม! นี่มันตัวฉันร่างกายของฉัน ฉันจะไปอะไรกับใครมันก็เรื่องของฉัน ไม่ได้เกี่ยวกับนาย"
ทิว: "พี่เป็นคนถามผมเองนะเรื่องที่ผมเคยอะไรกับใคร แล้วพี่ก็ไม่พอใจผม ผมไม่อยากตอบ พี่ก็คะยั้นคะยอให้ผมตอบ แต่ก็ดีนะที่พี่พูดเรื่องนี้ เพราะตอนนี้ทำให้รู้แล้วว่าพี่รู้สึกยังไงกับผม"
ฟ้า: "รู้สึกอะไร! อย่าเพ้อเจ้อ! รู้สึกอะไร!"
ทิว: "พี่ก็รู้ดี...คนที่ไม่ได้เป็นอะไรไม่ได้รู้สึกอะไร จะไม่มีอาการแบบนี้ พี่ก็รู้ดี"
ฟ้า: "ฉันก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรไม่ได้มีอาการอะไร อย่าเพ้อเจ้อ! นายน่ะยังอ่อนต่อโลก คิดว่าฉันจะไม่เคยทำกับคนอื่นเหมือนกับนายเหรอ น้อยไปน่ะสิ นายไม่รู้เหรอว่าฉันน่ะ...ช่ำชองจะตาย"
ฟ้า: "ฉันจะทำอะไรกับใครก็ได้!"
ทิว: "แต่ตอนนี้ไม่ได้! ผมไม่ให้ทำ"
ฟ้า: "จะทำ! ทำไม! ถ้าฉันอยากทำใครจะทำอะไรฉันได้!"
ทิว: "แต่ผมไม่ให้ทำ!"
ฟ้า: "นายไม่มีสิทธิ์!"
ทิว: "ผมมีสิทธิ์!
ฟ้า: นายไม่มีสิทธิ์นี่มันตัวของฉัน!"
ทิว: "ผมมีสิทธิ์! ผมไม่ให้ใครทำ ถ้าพี่จะต้องทำต้องมีผมคนเดียว"
พูดจบ ทิวใช้มือดึงฟ้าเข้ามาหาตัว...
ดึงมาทำไมก่อน! ดึงมายกมือไหวขอโทษรึเปล่า? อยากรู้ตอนต่อไป ขอกำลังใจ 1ไลค และติดตาม แล้วจะอัปเดทตอนต่อไปให้นะคะ.
เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานดังกระหึ่มไปทั่วรีสอร์ทที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นลานปาร์ตี้กลางแจ้ง เพื่อนๆ ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างสนุกสนานอย่างเต็มที่ ก่อนที่เสียงของซันจะดังขึ้นพร้อมกับแก้วไวน์ในมือ“ทุกคน! ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล!” เขาขึ้นไปยืนบนเวทีเล็กๆ ด้วยท่าทางที่เมาได้ที่แล้ว “ผมในฐานะเพื่อนรักเจ้าบ่าว วันนี้ขอเป็นตัวแทนกลุ่มเพื่อนๆ อวยพรและร่วมยินดีไปกับ ‘คุณทิวา’ หรือที่พวกเราเรียกว่าไอ้ทิวา และ ‘ทิวจ๋า’ ของเจ้าสาวของเรา ขอให้รักกันไปนานๆ ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง!”เสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือดังสนั่น “เอาทุกคน! วันนี้ไม่เมาเราไม่เลิก!” ซันชูแก้วขึ้นสูง ก่อนจะหันไปทางทิวกับฟ้าที่ยิ้มให้ด้วยความอบอุ่นอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันท่ามกลางความสนุกสนาน ฝนที่ดื่มไปไม่กี่แก้วก็เริ่มรู้สึกมึนงงเพราะเธอไม่ใช่คนคอแข็ง เธอจึงเดินโซซัดโซเซเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ ดวงตาที่ปรือและหัวที่กำลังหมุนไปมาทำให้เธอไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง เสียงเพลงที่ดังจนกลบทุกอย่างยิ่งทำให้เธอไม่ได้ยินเสียงใดๆเธอก้าวเข้าไปในห้องน้ำที่ดูว่างเปล่าและตรงไปที่ชักโครกอย่างเร่งรีบ ทันใดนั้นก็มีร่างผู้ชายย
งานแต่งงานที่เรียบง่าย ท่ามกลางอ้อมกอดของธรรมชาติเพียงหนึ่งเดือนต่อมา ทิวก็จัดงานแต่งงานอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ณ รีสอร์ทส่วนตัวในเขาใหญ่ ท่ามกลางขุนเขาและลำธารใสที่ไหลผ่าน เสียงหัวเราะและบทสนทนาของแขกที่มาร่วมงานดังก้องไปทั่ว“เฮ้ย! กูตกใจหมดเลย!” เสียงของซันดังลั่นท่ามกลางกลุ่มเพื่อนสนิท “กูก็นึกว่าที่บ้านมันแค่เลี้ยงวัวทำสวนมาตลอด! ชิบหาย! คบกันมาจนเรียนจบ เพิ่งรู้ว่่่าที่บ้านมันเป็นเจ้าของรีสอร์ท!”“มันก็ไม่ได้โกหกหรือหลอกพวกเรานี่หว่า” เพื่อนอีกคนในกลุ่มเอ่ยขึ้น “ตอนที่เราถามกันตอนปีหนึ่ง มันก็บอกว่าเลี้ยงวัวกับทำสวน ซึ่งก็จริง ที่บ้านมันเป็นเจ้าของฟาร์มวัวนมก็เลี้ยงวัว ส่วนไร่องุ่นกับผักออร์แกนิกของมันก็นับเป็นทำสวนสิ พวกเรานั่นแหละที่มโนไปเอง”“ใครจะไปคิดว่าจะมีเพื่อนเป็นทายาทรีสอร์ทวะ” เพื่อนคนหนึ่งว่า “ดูมันทำตัวสิ มันก็ไม่ได้ทำตัวว่ามันรวยสักหน่อย”“แต่มันก็ไม่ได้ทำตัวจนนะ” ซันเสริมพลางหัวเราะ “อยากใช้อะไรมันก็ใช้ชีวิตแบบสบายๆ พวกเราต่างหากที่จินตนาการเกินจริงไปเอง”ซันมองไปรอบๆ งานอย่างทึ่งๆ “มึงรู้ไหมตอนที่เจอมันเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่งในหัวกูจินตนาการว่ามัน
เสียงของนวลดังขึ้นในความเงียบยามเช้า ขณะที่ฟ้ากำลังง่วนอยู่กับการจัดของ“ฟ้า… แม่ขอถามอะไรหนูหน่อยได้ไหม”ฟ้าหันกลับมามองด้วยความสงสัย สายตาของนวลดูเป็นกังวลมากกว่าปกติ“รอบเดือนหนู… มันไม่ได้มาใช่ไหม”ฟ้าชะงักไปเล็กน้อย เธอพยายามนึกย้อนดูความทรงจำ แต่ความสับสนเข้ามาแทนที่ “ไม่แน่ใจค่ะแม่ ฟ้าก็ลืมนับ… มีอะไรหรือเปล่าคะ”“ตอนนี้หนูรู้สึกยังไงบ้าง เพลียไหม เหนื่อยง่ายหรือเปล่า” นวลถามย้ำ น้ำเสียงของเธอเจือไปด้วยความห่วงใย“ก็เพลียค่ะ เหนื่อยง่ายด้วย” ฟ้ายอมรับอย่างไม่เต็มใจนัก “แต่ก็แค่เหนื่อยธรรมดา พักผ่อนเดี๋ยวก็หาย”“แม่ว่าฟ้าควรไปหาหมอนะ ไปให้หมอตรวจร่างกายให้ดีกว่า” นวลเสนอ “มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ให้ทิวเขาพาไปเถอะ”“อะไรกันแม่ ฟ้าไม่ได้เป็นอะไรนี่นา” ฟ้าเริ่มหงุดหงิด “ทำไมฟ้าต้องไปหาหมอด้วย”คำพูดของนวลทำให้เธอรู้สึกร้อนรนอย่างไม่ทราบสาเหตุ “แน่ใจเหรอว่าแค่อาการเหนื่อย ฟ้าไม่รู้สึกผิดปกติกับร่างกายตัวเองเลยหรือไง”นวลไม่รอให้เธอตอบ แต่หันไปทางฝนที่กำลังคุยอยู่กับทิวที่หน้าบ้าน “งั้นเดี๋ยวให้ฝนไปเป็นเพื่อนแล้วกัน แม่จะไปบอกน้อง”“ฝน ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนพี่ฟ้าหน่อยนะลูก แม่บอกว่าจะให้ท
ความเปลี่ยนแปลงของฟ้าเช้าวันทำงาน ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติแต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้น ทุกคนต่างเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้นขณะที่ฟ้ากำลังทำงานอยู่ ก็มีเสียงเพื่อนร่วมงานดังขึ้น"อ้าวฟ้า หยุดยาวนี้ไปเที่ยวไหนมาเหรอ" พี่มีนาถาม"ไปเขาใหญ่ค่ะ" ฟ้าตอบ"บรรยากาศน่าจะดีนะ อยากไปบ้างจังมีที่แนะนำไหม""ก็มีอยู่หลายที่นะคะ" ฟ้าตอบเลี่ยง ๆ"แล้วฟ้าไปรีสอร์ทไหนอ่ะ เผื่อพี่อยากไปบ้าง"ฟ้าเงียบไป ไม่พูดต่อ "ต้องถามน้องสาวค่ะ ต้องถามฝน เพราะว่าฝนเป็นคนจอง""ฟ้าไม่สบายไหม ทำไมหน้าตาดูซีด ๆ ช่วงนี้ทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า มีเรื่องให้เครียดหรือเปล่า""น่าจะเป็นเพราะทางไกลมั้งคะ นั่งรถเหนื่อยมั้ง" ฟ้าตอบ"ไปเขาใหญ่ก็ไม่ไกลนะ ไม่น่าจะเหนื่อยขนาดนั้นนะ เอ๊ะ หรือว่าไปทำอะไรมาหรือเปล่า ร่างกายอ่อนเพลีย" มีนาพูดและรอยยิ้มที่กรุ้มกริ่มขณะที่ฟ้ากำลังถ่ายเอกสาร กระดาษติดอยู่ในเครื่อง ฟ้าพยายามดึงออกมาแต่ทำไม่ได้ เธอกทรุดตัวลงนั่งร้องไห้โดยไม่มีเหตุผลเพื่อนร่วมงานเห็นจึงเข้ามาถามว่าฟ้าเป็นอะไร แต่ฟ้าก็เอาแต่ส่ายหน้าและร้องไห้ วินเพื่อนร่วมงานจึงแนะนำให้เธอกลับไปพักผ่อนที่บ้านในวันนั้น ฟ้าจึงทำงานได้แค่ครึ่งวันก็
บรรยากาศอึมครึมรถยนต์ที่กำลังมุ่งหน้ากลับบ้านเต็มไปด้วยบรรยากาศที่หนักอึ้งและน่าอึดอัด ฝนที่นั่งอยู่เบาะหลังสังเกตเห็นความตึงเครียดของทั้งคู่ จึงเอ่ยปากขึ้น"พี่ฟ้า เดี๋ยวจอดให้ฝนลงก่อนนะ ฝนไม่อยากเข้าบ้าน พี่กับทิวาไปเคลียร์กันเองที่บ้าน" ฝนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ยังไม่อยากเจอหน้าแม่ตอนนี้ด้วย รู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด""ให้ฝนลงตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวฝนกลับเอง""จะไม่ไปหาแม่เหรอ?" ฟ้าเอ่ยถาม"ไม่ ฝนจะกลับหอพักเลย""พี่ฟ้าคิดด้วยจะบอกพ่อยังไง หรือจะให้ฝนเป็นคนพูดให้ จะเอายังไงก็บอกฝนมาแล้วกัน เพราะยังไงเรื่องนี้พ่อก็ต้องรู้อยู่แล้ว""โอเค พี่ขอเวลาหน่อยนะ" ฟ้าพูด" อื้ม...พี่ฟ้าฝนยืมมือถือจดเบอร์พ่อแป๊ป มือถือแบตหมด " ทิวขับรถไปจอดเทียบฟุตบาทส่งฝนลง ทำให้ในรถเหลือเพียงทิวและฟ้าแค่สองคน บรรยากาศภายในรถยิ่งเงียบงันลงไปอีก ทิวเห็นสีหน้ากังวลของฟ้าจึงเอื้อมมือไปกุมมือเธอไว้แน่น"เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันนะ อย่าคิดมาก" ทิวปลอบใจ "เรื่องนี้ทิวจะสารภาพกับป้านวลเอง"ฟ้าพยักหน้าด้วยความเหนื่อยล้า"เหนื่อยเหรอ?""อืม เหนื่อยมาก" ฟ้าพยักหน้าพร้อมกับตอบเสียงแผ่วเบา"งั้นนอนพักก
ในช่วงสายของวัน ณ จุดบริการนักท่องเที่ยวของรีสอร์ท ราตรี ผู้เป็นแม่ของ ทิว และ ทับทิม ผู้เป็นย่า เดินทางกลับจากปฏิบัติธรรมก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถคนนึงจอดอยู่ผิดที่ราตรี: "อ้าว! นี่รถใครมาจอดอยู่ตรงนี้เนี่ย ทำไมพนักงานถึงไม่บอกให้ไปจอดที่สำหรับลูกค้า"ย่าทับทิม: "รถคันนี้ใช่รถที่ตาทิวซื้อใหม่หรือเปล่า ช่วยแม่ดูหน่อย"เมื่อสอบถามพนักงานก็ได้ความจริงที่ราตรี: "รถคันนี้...ใช้รถของคุณทิวไหม?"พนักงาน: "ใช่ค่ะคุณผู้หญิง"ราตรี: "จะกลับทำไมไม่เห็นบอกแม่เลยนะ!"พนักงาน: "คุณผู้หญิงคะ...คุณทิวพาผู้หญิงมาด้วยนะคะ"ราตรี: "มาตั้งแต่วันไหน"พนักงาน: "มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ"ทั้งคู่หันมองหน้ากันด้วยความไม่พอใจผสมความสงสัยราตรี: "แล้วตอนนี้คุณทิวอยู่ไหนล่ะ"พนักงาน: "อยู่โซนฝั่งน้ำตกค่ะ เดี๋ยวให้หนูพาไปไหมคะ"ราตรี: "ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปเองก็ได้"ย่าทับทิม: "ไปดูกัน! ตาทิวพาใครมาอยากเห็นหน้าเหมือนกันแหละ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นพาผู้หญิงเข้าบ้าน"ทั้งสองมุ่งหน้าเดินไปหาทิวทันที ระหว่างทางมีเด็กสาวสองคนเดินสวนมา คนหนึ่งกำลังคุยโทรศัพท์ฝน: "ฮัลโหลพี่ฟ้า ฝนกำลังจะเข้าไปนะคะ ตอนนี







