LOGINทิวเอื้อมมือขึ้นประคองปลายคางของฟ้าด้วยท่าทีอ่อนโยนแต่มั่นคง ดวงตาของเขาจับจ้องใบหน้าของเธออย่างแน่วแน่ "คราวนี้พี่รู้หรือยัง... ว่าใครที่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับพี่?"
ลมหายใจของทั้งคู่ปะปนกันในอากาศที่ร้อนระอุ ทิวยังคงย้ำคำถามด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและเต็มไปด้วยอำนาจ "ผมบอกแล้วไง... ว่าผมจะไม่ให้ใครทำแบบนี้กับพี่ คนที่จะทำกับพี่ได้แบบนี้... มีแค่ผมคนเดียว"
เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้เธออีกครั้ง ใบหน้าของเขาห่างจากเธอเพียงไม่กี่นิ้ว จนฟ้าสามารถสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจของเขาที่รินรดอยู่บนริมฝีปากของเธอ
"พูดสิ..."
ทิวไม่รอให้ฟ้าตอบ ริมฝีปากของเขาทาบทับลงมาบนริมฝีปากของเธออย่างช้า ๆ แต่หนักแน่น จูบแรกเป็นเพียงการสำรวจที่อ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกต้องการที่ร้อนแรง เขายังคงกดดันให้เธอตอบรับด้วยความอดทน ทว่าภายในกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่พร้อมจะระเบิดออกมา
จูบที่เหนือความคาดหมาย
ทิวถอนจูบออกเพียงครู่เดียวเพื่อมองปฏิกิริยาของเธอ ดวงตาของเขาดูเหมือนจะท้าทายให้เธอตอบรับอย่างจริงจัง เขาอยากจะสอนให้เธอรู้ว่าจูบที่มีประสบการณ์นั้นเป็นอย่างไร จึงตัดสินใจยกระดับความเร่าร้อนขึ้นไปอีกขั้น
ริมฝีปากของเขากลับมาประกบกันอีกครั้ง รอบนี้เขาจงใจสอดแทรกลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธออย่างนุ่มนวล แต่ทว่าเป็นการรุกคืบที่เปี่ยมด้วยความเชี่ยวชาญราวกับนักล่าที่กำลังจู่โจมเหยื่อ ฟ้าตกใจกับจูบที่ร้อนแรงและลึกซึ้งนี้ เธอสะดุ้งเล็กน้อยและพยายามจะหดตัวหนี แต่ทิวกลับรวบเอวเธอเข้ามาแนบชิดยิ่งขึ้น พร้อมกับใช้มืออีกข้างประคองกดหัวหญิงสาวไว้ ทำให้เธอไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้
"ไหนบอกว่าประสบการณ์โชกโชน..." ทิวเอ่ยเสียงแหบพร่าเมื่อถอนจูบออกมาเพียงชั่วครู่ ดวงตาของเขาวาววับด้วยความพึงพอใจ "แค่นี้ก็กลัวเหรอ?"
ริมฝีปากของเขายังคงชิดติดกับริมฝีปากของเธออย่างไม่ยอมห่าง "ไหนบอกว่าผ่านมาแล้ว เคยทำมาหมด..."
เขาไม่ได้พูดจบประโยค แต่กลับใช้นิ้วโป้งไล้ไปตามแนวแก้มของเธออย่างอ่อนโยนก่อนจะยิ้มมุมปากอย่างมีชัยชนะ ทิวกลับมาช่วงชิงจูบอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ต่างไปจากเดิม จูบของเขาเต็มไปด้วยความหลงใหลและปรารถนาที่ไม่ถูกยับยั้ง เขาใช้ริมฝีปากและลิ้นสำรวจทุกซอกมุมของเธออย่างไม่เร่งรีบ ทิวต้องการให้เธอรับรู้ถึงความร้อนแรงที่แผดเผาอยู่ในตัวเขา และให้เธอรู้ว่าเขานี่แหละคือคนที่เธอควรจะยอมจำนนด้วย
ฟ้าที่เคยแข็งกร้าวในตอนแรก เริ่มอ่อนระทวยไปกับจูบที่รุกเร้านั้น เธอปล่อยให้ตัวเองไหลไปตามกระแสความร้อนแรงที่เขาสร้างขึ้น ก่อนที่เธอจะค่อยๆ คล้อยตามและตอบรับจูบของเขาอย่างเต็มใจในที่สุด ราวกับยอมรับอย่างแท้จริงว่าเขาคือเจ้าของของเธอ...เพียงคนเดียว
เมื่อริมฝีปากของทิวผละออก ใบหน้าของฟ้ายังคงแดงระเรื่อ เธอสัมผัสได้ถึงความร้อนจากจูบที่ยังคงติดตรึงอยู่บนผิว เธอรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจนั้นไม่ใช่แค่ความหวั่นไหว แต่เป็นความรู้สึกดี ๆ ที่เธอมีให้ทิวมาตลอด ทว่าในวินาทีนั้นเอง ความคิดทั้งหมดก็แล่นเข้ามาในหัวของเธอ ความกลัวว่าเรื่องราวจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ทำให้ฟ้าใช้มือดันแผงอกของทิวออกเบา ๆ เพื่อให้มีระยะห่างระหว่างกัน
"พอแล้ว... รู้แล้ว ยอมรับแล้ว" เสียงของเธอแผ่วเบาราวกับกระซิบ
ทิวยิ้มมุมปากอย่างมีชัยชนะ ดวงตาของเขาทอประกายแห่งความสุข "ตกลง... เราคบกันแล้วใช่ไหม?"
"อืม..."ฟ้าหลบสายตาไปทางอื่น หัวใจเต้นรัวจนแทบจะทะลุออกมาจากอก "อะไรนะ... ไม่ได้ยิน... พูดดัง ๆ หน่อยสิ"
"อืม..." ฟ้าตอบเสียงเบาลงกว่าเดิม ทิวจงใจยื่นหูเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น "ไม่ได้ยินเลย... พูดดัง ๆ หน่อยได้ไหม ผมไม่ได้ยิน"
ความลับที่สวยงาม
ฟ้าตัดสินใจรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อเผชิญหน้ากับความรู้สึกของตัวเอง "เรา...คบกัน!" เธอพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย
ทิวหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะตะโกนเสียงดังลั่น "เย้! ในที่สุดพี่ฟ้าก็ยอมเป็นแฟนผมแล้ว!" เขากระโจนเข้าสวมกอดฟ้าแน่นราวกับกลัวว่าเธอจะหายไปไหน แล้วหอมแก้มเธอไปสองสามครั้งอย่างเต็มที่ด้วยความดีใจ
แต่ก่อนที่ทิวจะดีใจไปมากกว่านี้ ฟ้าก็ยื่นข้อตกลงที่สำคัญที่สุด "ขอร้องอย่างหนึ่งได้ไหม..."
"อะไรก็ได้เลยครับ" ทิวตอบกลับทันที "ว่ามาเลย"
"ยังไม่อยากให้ที่บ้านของพวกเรารู้เรื่องนี้... ขอให้มันเป็นความลับไปก่อนได้ไหม" น้ำเสียงของฟ้าจริงจังขึ้น "นายก็ยังเรียนไม่จบ...อย่าพึ่งบอกเรื่องนี้กับใคร"
ทิวมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ เขาสัมผัสได้ถึงความกังวลและความตั้งใจของเธอ "ได้สิครับ... ถ้าเป็นความลับที่เราสองคนจะรู้กัน ก็ได้เลย"
ค่ำคืนที่แสนเรียบง่ายในคืนนั้น... ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปมากกว่าการกอดกัน ทิวนอนบนที่นอนเล็ก ๆ ที่เขาปูไว้บนพื้นข้างโซฟา ในขณะที่ฟ้านอนหลับอยู่บนโซฟาจนถึงรุ่งเช้า ทิวตื่นขึ้นมาก่อนและเตรียมตัวกลับบ้าน
ฟ้าค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย
ฟ้าโทรศัพท์หาป้านิ่มเพื่อบอกว่าเขาจะกลับบ้านแล้ว "ป้าคะ ฟ้าจะกลับแล้วนะคะ"
"จะกลับแล้วเหรอลูก... งั้นเดี๋ยวฟ้ากลับบ้านเลยก็ได้เดี๋ยวป้าก็กลับแล้วไม่เป็นไร เอากุญแจไว้ที่เดิมแหละ" ขอบใจนะลูกที่อยู่เฝ้าบ้านให้ป้า
ฝันหวานกลางคณะ
แดดบ่ายคล้อยสาดส่องลงบนโต๊ะหินอ่อนหน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร ทิว หรือ ทิวา ในหมู่เพื่อนสนิท นั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางอมยิ้มกริ่มอยู่คนเดียว สายตาเหม่อมองไปยังพื้นที่ว่างเปล่าตรงหน้า แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยภาพของผู้หญิงคนหนึ่ง ภาพของ ฟ้า ที่เพิ่งจะเจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อน ทุกบทสนทนา ทุกรอยยิ้ม และความรู้สึกอบอุ่นที่ได้รับจากเธอ มันหวนกลับมาให้หัวใจของทิวพองโตได้ไม่รู้จบ
"เฮ้! ไอ้ทิวา!"
เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้ทิวสะดุ้งเล็กน้อย เขาหันไปมองต้นเสียงก็เจอ ฝน เพื่อนสาวคนสนิทที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม กำลังทำหน้าขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย
"ว่าไงแก บ่ายนี้ไม่มีเรียนแล้ว ไปเดินห้างใกล้ๆ มอ. หาอะไรกินกันไหม พวกฉันว่าจะไปกัน" ฝนเอ่ยชวน พลางมองหน้าทิวอย่างพิจารณา
ทิวส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม "ไม่ดีกว่าว่ะ พวกแกไปกันเลย วันนี้ฉันว่าจะกลับบ้านเร็วหน่อย"
"เป็นอะไรวะทิวา" เสียงของฝนเบาลงเล็กน้อย "เห็นยิ้มอยู่คนเดียวทั้งวัน อย่าบอกนะว่าแกไปสารภาพรักกับพี่สาวคนนั้นของแกมาแล้ว"
คำถามของฝนทำให้รอยยิ้มของทิวเจือจางลง เขาเลือกที่จะเงียบไปชั่วขณะ ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ตอบรับอะไร ใบหน้าที่เคยสดใสพลันมีแววแห่งความกังวลเล็กน้อย แต่ฝนก็สัมผัสได้ว่าในความเงียบนั้น มันมีความสุขซ่อนอยู่ลึกๆ และนั่นทำให้หัวใจของเธอรู้สึกวูบโหวงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ฝนรู้ดีว่าตัวเองรู้สึกพิเศษกับทิวกว่าเพื่อนคนอื่น แต่ในฐานะเพื่อนสนิท เธอก็ทำได้แค่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจ ไม่อยากให้อะไรๆ ต้องเปลี่ยนไปจนเสียความเป็นเพื่อนไปทั้งหมด
"เออๆ งั้นพวกฉันไปก่อนนะเว้ย เจอกันพรุ่งนี้" เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นยืน
ฝนลุกขึ้นช้าๆ แต่สายตายังคงมองทิวอยู่ เขาหันมายิ้มให้เธอเล็กน้อย และนั่นทำให้ฝนต้องเบือนหน้าหนีความรู้สึกที่พุ่งขึ้นมาเต็มอก
"เฮ้ย ไอ้ฝน ไปยังวะ เร็วๆ ดิ!" เสียง ซัน เพื่อนในกลุ่มอีกคนตะโกนเรียกจากทางด้านหน้า
"โอเคๆ ไปแล้วน่า!" ฝนตอบรับ ก่อนจะเดินตามเพื่อนไป ทิ้งให้ทิวนั่งอยู่คนเดียวกับความคิดถึงที่ลอยละล่องอยู่ในอากาศอีกครั้ง
มื้อเที่ยงที่แสนวุ่นวาย
เสียงพิมพ์แป้นพิมพ์ดังระงมไปทั่วทั้งออฟฟิศ ก่อนจะเงียบลงเมื่อนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงตรง เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาพักกลางวันแล้ว
พี่มีนา รุ่นพี่ที่ทำงานผู้มากด้วยประสบการณ์เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม "วันนี้กินอะไรกันดีจ๊ะน้องๆ ใครอยากออกไปกินข้าวข้างนอกกับพี่ไหม พอดีมีร้านอาหารเปิดใหม่แถวนี้เลย"
พี่บี พนักงานอาวุโสอีกคนเสริมขึ้น "ใช่ๆ จะได้ถือโอกาสคุยเรื่องสัมมนาประจำปีไปด้วยเลย ว่าปีนี้เราจะไปทะเลหรือน้ำตกดี"
เสียงเห็นด้วยดังระงม ทุกคนเริ่มเก็บของ เตรียมตัวออกไปทานมื้อเที่ยงพร้อมๆ กัน วิน เพื่อนร่วมงานคนสนิทของ ฟ้า ซึ่งแอบชอบเธอมานานแล้ว เดินเข้ามาหาเธอด้วยท่าทีสบายๆ
"ฟ้าอยากไปกินข้าวข้างนอกไหม ถ้าไม่อยากไป วินกินข้าวในตึกเป็นเพื่อนนะ" วินเอ่ยถามอย่างใส่ใจ
ฟ้าหันมายิ้มให้เขาอย่างสดใส "ไม่เป็นไรหรอก ไปด้วยกันหมดนี่แหละ สนุกดี" พูดจบเธอก็เก็บของตามเพื่อนคนอื่นๆ ไปทันที
ทุกคนเดินออกจากออฟฟิศไปยังร้านอาหารแห่งใหม่ที่อยู่ไม่ไกลนัก เสียงพูดคุยและหัวเราะดังขึ้นตลอดทาง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน และเมื่อนั่งประจำที่เรียบร้อย พี่มีนาก็เริ่มชวนคุยเรื่องสัมมนาตามที่ตั้งใจไว้
"มาๆ โหวตกันหน่อยว่าปีนี้เราจะไปเที่ยวทะเลหรือน้ำตกดี" พี่มีนาพูดเสียงดัง "เดี๋ยวเรื่องรายละเอียดเราค่อยคุยกันในออฟฟิศอีกทีนะ แต่วันนี้ขอความเห็นคร่าวๆ ก่อน"
ขณะที่ทุกคนกำลังโต้เถียงกันอย่างออกรส เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของฟ้าก็ดังขึ้น
'ติ๊งหน่อง'
ฟ้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หน้าจอแสดงข้อความจาก ทิว
'ทานข้าวหรือยังครับ? วันนี้เลิกงานกี่โมงครับ ไปดูหนังกันไหม?'
ฟ้าอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไป
'กำลังจะกิน วันนี้คงกลับช้าหน่อย มีงานต้องเคลียร์'
ทันทีที่ข้อความส่งออกไป ไม่นานนักข้อความตอบกลับก็เด้งขึ้นมาอีกครั้ง
'โอเคครับ งั้นไว้เจอกันหลังพี่เลิกงานนะครับ'
'ติ๊งหน่อง'
เสียงสุดท้ายที่เข้ามาจากทิวคือสติ๊กเกอร์ยิ้มหวานๆ ที่ทำให้ฟ้าเผลอยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัว วินที่นั่งอยู่ข้างๆ สังเกตเห็นท่าทีของฟ้าก็อดไม่ได้ที่จะถาม
"คุยกับใครอยู่เหรอฟ้า ดูอารมณ์ดีจังเลย" วินถามพลางมองไปที่โทรศัพท์ในมือของเธอ
"เปล่า ไม่มีอะไร" ฟ้าตอบ แต่รอยยิ้มยังไม่จางหายไปไหน "คุยกับน้องบ้านตรงข้าม"
"อ๋อ น้องคนที่ไปเป็นเพื่อนที่บ้านป้าวันนั้นน่ะเหรอ" วินทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกออก "นึกว่าจะคุยกับหนุ่มที่ไหน ที่แท้ก็น้องบ้านใกล้เรือนเคียงนี่เอง"
เมื่อรู้ว่าไม่ใช่คนอื่นคนไกล วินก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เขายังมีความหวังลึกๆ ว่าเขาก็ยังมีโอกาสที่จะพิชิตใจเธอได้สักวันหนึ่ง
อ้าววว!... ทิวน้อย มีคนเกาะแกะพี่ฟ้าน่ะ ไม่ได้ๆ เอาใจช่วยทิวด้วยนะคะ ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยค่ะ
เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานดังกระหึ่มไปทั่วรีสอร์ทที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นลานปาร์ตี้กลางแจ้ง เพื่อนๆ ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างสนุกสนานอย่างเต็มที่ ก่อนที่เสียงของซันจะดังขึ้นพร้อมกับแก้วไวน์ในมือ“ทุกคน! ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล!” เขาขึ้นไปยืนบนเวทีเล็กๆ ด้วยท่าทางที่เมาได้ที่แล้ว “ผมในฐานะเพื่อนรักเจ้าบ่าว วันนี้ขอเป็นตัวแทนกลุ่มเพื่อนๆ อวยพรและร่วมยินดีไปกับ ‘คุณทิวา’ หรือที่พวกเราเรียกว่าไอ้ทิวา และ ‘ทิวจ๋า’ ของเจ้าสาวของเรา ขอให้รักกันไปนานๆ ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง!”เสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือดังสนั่น “เอาทุกคน! วันนี้ไม่เมาเราไม่เลิก!” ซันชูแก้วขึ้นสูง ก่อนจะหันไปทางทิวกับฟ้าที่ยิ้มให้ด้วยความอบอุ่นอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันท่ามกลางความสนุกสนาน ฝนที่ดื่มไปไม่กี่แก้วก็เริ่มรู้สึกมึนงงเพราะเธอไม่ใช่คนคอแข็ง เธอจึงเดินโซซัดโซเซเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ ดวงตาที่ปรือและหัวที่กำลังหมุนไปมาทำให้เธอไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง เสียงเพลงที่ดังจนกลบทุกอย่างยิ่งทำให้เธอไม่ได้ยินเสียงใดๆเธอก้าวเข้าไปในห้องน้ำที่ดูว่างเปล่าและตรงไปที่ชักโครกอย่างเร่งรีบ ทันใดนั้นก็มีร่างผู้ชายย
งานแต่งงานที่เรียบง่าย ท่ามกลางอ้อมกอดของธรรมชาติเพียงหนึ่งเดือนต่อมา ทิวก็จัดงานแต่งงานอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ณ รีสอร์ทส่วนตัวในเขาใหญ่ ท่ามกลางขุนเขาและลำธารใสที่ไหลผ่าน เสียงหัวเราะและบทสนทนาของแขกที่มาร่วมงานดังก้องไปทั่ว“เฮ้ย! กูตกใจหมดเลย!” เสียงของซันดังลั่นท่ามกลางกลุ่มเพื่อนสนิท “กูก็นึกว่าที่บ้านมันแค่เลี้ยงวัวทำสวนมาตลอด! ชิบหาย! คบกันมาจนเรียนจบ เพิ่งรู้ว่่่าที่บ้านมันเป็นเจ้าของรีสอร์ท!”“มันก็ไม่ได้โกหกหรือหลอกพวกเรานี่หว่า” เพื่อนอีกคนในกลุ่มเอ่ยขึ้น “ตอนที่เราถามกันตอนปีหนึ่ง มันก็บอกว่าเลี้ยงวัวกับทำสวน ซึ่งก็จริง ที่บ้านมันเป็นเจ้าของฟาร์มวัวนมก็เลี้ยงวัว ส่วนไร่องุ่นกับผักออร์แกนิกของมันก็นับเป็นทำสวนสิ พวกเรานั่นแหละที่มโนไปเอง”“ใครจะไปคิดว่าจะมีเพื่อนเป็นทายาทรีสอร์ทวะ” เพื่อนคนหนึ่งว่า “ดูมันทำตัวสิ มันก็ไม่ได้ทำตัวว่ามันรวยสักหน่อย”“แต่มันก็ไม่ได้ทำตัวจนนะ” ซันเสริมพลางหัวเราะ “อยากใช้อะไรมันก็ใช้ชีวิตแบบสบายๆ พวกเราต่างหากที่จินตนาการเกินจริงไปเอง”ซันมองไปรอบๆ งานอย่างทึ่งๆ “มึงรู้ไหมตอนที่เจอมันเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่งในหัวกูจินตนาการว่ามัน
เสียงของนวลดังขึ้นในความเงียบยามเช้า ขณะที่ฟ้ากำลังง่วนอยู่กับการจัดของ“ฟ้า… แม่ขอถามอะไรหนูหน่อยได้ไหม”ฟ้าหันกลับมามองด้วยความสงสัย สายตาของนวลดูเป็นกังวลมากกว่าปกติ“รอบเดือนหนู… มันไม่ได้มาใช่ไหม”ฟ้าชะงักไปเล็กน้อย เธอพยายามนึกย้อนดูความทรงจำ แต่ความสับสนเข้ามาแทนที่ “ไม่แน่ใจค่ะแม่ ฟ้าก็ลืมนับ… มีอะไรหรือเปล่าคะ”“ตอนนี้หนูรู้สึกยังไงบ้าง เพลียไหม เหนื่อยง่ายหรือเปล่า” นวลถามย้ำ น้ำเสียงของเธอเจือไปด้วยความห่วงใย“ก็เพลียค่ะ เหนื่อยง่ายด้วย” ฟ้ายอมรับอย่างไม่เต็มใจนัก “แต่ก็แค่เหนื่อยธรรมดา พักผ่อนเดี๋ยวก็หาย”“แม่ว่าฟ้าควรไปหาหมอนะ ไปให้หมอตรวจร่างกายให้ดีกว่า” นวลเสนอ “มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ให้ทิวเขาพาไปเถอะ”“อะไรกันแม่ ฟ้าไม่ได้เป็นอะไรนี่นา” ฟ้าเริ่มหงุดหงิด “ทำไมฟ้าต้องไปหาหมอด้วย”คำพูดของนวลทำให้เธอรู้สึกร้อนรนอย่างไม่ทราบสาเหตุ “แน่ใจเหรอว่าแค่อาการเหนื่อย ฟ้าไม่รู้สึกผิดปกติกับร่างกายตัวเองเลยหรือไง”นวลไม่รอให้เธอตอบ แต่หันไปทางฝนที่กำลังคุยอยู่กับทิวที่หน้าบ้าน “งั้นเดี๋ยวให้ฝนไปเป็นเพื่อนแล้วกัน แม่จะไปบอกน้อง”“ฝน ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนพี่ฟ้าหน่อยนะลูก แม่บอกว่าจะให้ท
ความเปลี่ยนแปลงของฟ้าเช้าวันทำงาน ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติแต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้น ทุกคนต่างเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้นขณะที่ฟ้ากำลังทำงานอยู่ ก็มีเสียงเพื่อนร่วมงานดังขึ้น"อ้าวฟ้า หยุดยาวนี้ไปเที่ยวไหนมาเหรอ" พี่มีนาถาม"ไปเขาใหญ่ค่ะ" ฟ้าตอบ"บรรยากาศน่าจะดีนะ อยากไปบ้างจังมีที่แนะนำไหม""ก็มีอยู่หลายที่นะคะ" ฟ้าตอบเลี่ยง ๆ"แล้วฟ้าไปรีสอร์ทไหนอ่ะ เผื่อพี่อยากไปบ้าง"ฟ้าเงียบไป ไม่พูดต่อ "ต้องถามน้องสาวค่ะ ต้องถามฝน เพราะว่าฝนเป็นคนจอง""ฟ้าไม่สบายไหม ทำไมหน้าตาดูซีด ๆ ช่วงนี้ทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า มีเรื่องให้เครียดหรือเปล่า""น่าจะเป็นเพราะทางไกลมั้งคะ นั่งรถเหนื่อยมั้ง" ฟ้าตอบ"ไปเขาใหญ่ก็ไม่ไกลนะ ไม่น่าจะเหนื่อยขนาดนั้นนะ เอ๊ะ หรือว่าไปทำอะไรมาหรือเปล่า ร่างกายอ่อนเพลีย" มีนาพูดและรอยยิ้มที่กรุ้มกริ่มขณะที่ฟ้ากำลังถ่ายเอกสาร กระดาษติดอยู่ในเครื่อง ฟ้าพยายามดึงออกมาแต่ทำไม่ได้ เธอกทรุดตัวลงนั่งร้องไห้โดยไม่มีเหตุผลเพื่อนร่วมงานเห็นจึงเข้ามาถามว่าฟ้าเป็นอะไร แต่ฟ้าก็เอาแต่ส่ายหน้าและร้องไห้ วินเพื่อนร่วมงานจึงแนะนำให้เธอกลับไปพักผ่อนที่บ้านในวันนั้น ฟ้าจึงทำงานได้แค่ครึ่งวันก็
บรรยากาศอึมครึมรถยนต์ที่กำลังมุ่งหน้ากลับบ้านเต็มไปด้วยบรรยากาศที่หนักอึ้งและน่าอึดอัด ฝนที่นั่งอยู่เบาะหลังสังเกตเห็นความตึงเครียดของทั้งคู่ จึงเอ่ยปากขึ้น"พี่ฟ้า เดี๋ยวจอดให้ฝนลงก่อนนะ ฝนไม่อยากเข้าบ้าน พี่กับทิวาไปเคลียร์กันเองที่บ้าน" ฝนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ยังไม่อยากเจอหน้าแม่ตอนนี้ด้วย รู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด""ให้ฝนลงตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวฝนกลับเอง""จะไม่ไปหาแม่เหรอ?" ฟ้าเอ่ยถาม"ไม่ ฝนจะกลับหอพักเลย""พี่ฟ้าคิดด้วยจะบอกพ่อยังไง หรือจะให้ฝนเป็นคนพูดให้ จะเอายังไงก็บอกฝนมาแล้วกัน เพราะยังไงเรื่องนี้พ่อก็ต้องรู้อยู่แล้ว""โอเค พี่ขอเวลาหน่อยนะ" ฟ้าพูด" อื้ม...พี่ฟ้าฝนยืมมือถือจดเบอร์พ่อแป๊ป มือถือแบตหมด " ทิวขับรถไปจอดเทียบฟุตบาทส่งฝนลง ทำให้ในรถเหลือเพียงทิวและฟ้าแค่สองคน บรรยากาศภายในรถยิ่งเงียบงันลงไปอีก ทิวเห็นสีหน้ากังวลของฟ้าจึงเอื้อมมือไปกุมมือเธอไว้แน่น"เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันนะ อย่าคิดมาก" ทิวปลอบใจ "เรื่องนี้ทิวจะสารภาพกับป้านวลเอง"ฟ้าพยักหน้าด้วยความเหนื่อยล้า"เหนื่อยเหรอ?""อืม เหนื่อยมาก" ฟ้าพยักหน้าพร้อมกับตอบเสียงแผ่วเบา"งั้นนอนพักก
ในช่วงสายของวัน ณ จุดบริการนักท่องเที่ยวของรีสอร์ท ราตรี ผู้เป็นแม่ของ ทิว และ ทับทิม ผู้เป็นย่า เดินทางกลับจากปฏิบัติธรรมก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถคนนึงจอดอยู่ผิดที่ราตรี: "อ้าว! นี่รถใครมาจอดอยู่ตรงนี้เนี่ย ทำไมพนักงานถึงไม่บอกให้ไปจอดที่สำหรับลูกค้า"ย่าทับทิม: "รถคันนี้ใช่รถที่ตาทิวซื้อใหม่หรือเปล่า ช่วยแม่ดูหน่อย"เมื่อสอบถามพนักงานก็ได้ความจริงที่ราตรี: "รถคันนี้...ใช้รถของคุณทิวไหม?"พนักงาน: "ใช่ค่ะคุณผู้หญิง"ราตรี: "จะกลับทำไมไม่เห็นบอกแม่เลยนะ!"พนักงาน: "คุณผู้หญิงคะ...คุณทิวพาผู้หญิงมาด้วยนะคะ"ราตรี: "มาตั้งแต่วันไหน"พนักงาน: "มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ"ทั้งคู่หันมองหน้ากันด้วยความไม่พอใจผสมความสงสัยราตรี: "แล้วตอนนี้คุณทิวอยู่ไหนล่ะ"พนักงาน: "อยู่โซนฝั่งน้ำตกค่ะ เดี๋ยวให้หนูพาไปไหมคะ"ราตรี: "ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปเองก็ได้"ย่าทับทิม: "ไปดูกัน! ตาทิวพาใครมาอยากเห็นหน้าเหมือนกันแหละ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นพาผู้หญิงเข้าบ้าน"ทั้งสองมุ่งหน้าเดินไปหาทิวทันที ระหว่างทางมีเด็กสาวสองคนเดินสวนมา คนหนึ่งกำลังคุยโทรศัพท์ฝน: "ฮัลโหลพี่ฟ้า ฝนกำลังจะเข้าไปนะคะ ตอนนี







