LOGINปัจจุบัน
“ทันทีที่พิน็อคคิโอพูดจบ จมูกของเขาก็ยืดออกไปนอกกรงอีกสองนิ้ว...”
แกร๊ก~
เสียงอ่านนิทานก่อนนอนของคนเป็นแม่สะดุด เมื่อประตูห้องนอนลูกสาวถูกเปิดออก ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาของสามีที่ไม่ได้เจอกันเกือบหนึ่งสัปดาห์จะโผล่ออกมาทักทายคนในห้อง
“คนสวย~”
“จุนพ่อ~!!”
ไข่หวานในชุดนอนลายลูกเจี๊ยบสีเหลืองวิ่งเข้าไปหาคุณพ่อด้วยความดีใจ เสียงหัวเราะแหลมเล็กดังขึ้นเมื่อถูกสันจมูกและปลายคางของเวกัสหอมแก้มนุ่มนิ่มจนจั๊กจี้
“คิดถึงไก่น้อยของพ่อจังเลยครับ”
“กิ๊ดตึ๋งเหมือนกันค่ะ”
สองมือน้อยโอบใบหน้าคมคายไว้ ก่อนจะจุ๊บแก้มคุณพ่อซ้ายขวาคืนไม่ให้น้อยหน้า พลอยทำให้คนเป็นแม่หัวเราะออกมากับความออดอ้อนของลูกสาว
“คิดถึงคุณพ่อหรือคิดถึงของฝากน้า~”
กล่องเครื่องสำอางเด็กแบรนด์อิตาลีถูกยื่นต่อหน้าลูกสาว เพียงเท่านั้นดวงตาที่โตอยู่แล้วก็ขยายขึ้นยิ่งกว่าเดิมเมื่อบิดาซื้อของถูกใจมาให้
ไข่หวานคว้ามาอุ้มเอาไว้ วิ่งกระโดดโลดเต้นไปนั่งแกะของฝากโดยไม่สนใจคุณพ่อที่ไม่เจอกับนับสัปดาห์อีกเลย
คนถูกลูกเฉดหัวทิ้งมุ่ยหน้าอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะเบนสายตาไปหาภรรยาที่นั่งอยู่บนเตียงลูกสาว
“ปั้น~”
เสียงเรียกจากสามีทำเอาเธอนั่งขนลุกตัวแข็งทื่อ สายตากะลิ้มกะเหลี่ยสื่อความหมายเป็นนัยเข้าใจกันตามประสาผัวเมียทำให้ข้าวปั้นค่อยๆ กระชับเสื้อคลุมสีโอลด์โรสอย่างเดียวกับชุดนอนเดรสสายเดี่ยว จากนั้นจึงขยับตัวลุกจากเตียงช้าๆ ไม่ให้ลูกสาวรู้...
“จุนแม่ไปไหนก๊ะ?”
รู้ตัวแล้ว -_-;
“อะ อ่า...”
“คุณพ่ออยากดื่มโกโก้ฝีมือคุณแม่ครับ”
“โกโก้!!”
“ไม่ได้ครับ สี่ทุ่มแล้ว พรุ่งนี้ไข่หวานต้องไปโรงเรียน”
คำห้ามของคนเป็นพ่อทำเอาเด็กน้อยเบ้ปากคว่ำอย่างไม่พอใจ แก้มกลมๆ ของไข่หวานป่องออกเมื่อถูกบิดาขัดใจรุนแรง
“ไม่นอนเดี๋ยวพรุ่งนี้ตาค้ำ สวยสู้เอมี่ไม่ได้น้า~”
เอมี่ที่ว่าคือเด็กห้องเดียวกันที่กำลังแข่งกันเป็นที่นิยมในหมู่เด็กผู้ชายในห้อง เขารู้จุดอ่อนของลูกสาวเป็นอย่างดีแม้จะค่อยมีเวลาดูแล
“อ๊ะ งะ งั้นไก่หวานไปฉี่ก่อน”
เจ้าของขาสั้นป้อมวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมานอนห่มผ้าบนเตียงด้วยความเรียบร้อย เวกัสเดินเข้ามานั่งข้างเตียงลูกสาวคนเดียวพร้อมกับจูบหน้าผากเล็กแทนการกล่าวฝันดี
═══♡═══
เคาน์เตอร์ครัวสีดำเรียบหรูมีแก้วเซรามิกสีดำกับกระปุกผงโกโก้วางทิ้งไว้ หากแต่ไม่มีใครยืนจัดการชงเครื่องดื่มอยู่ตรงนั้น
ใต้เคาน์เตอร์มีชุดนอนกับเสื้อคลุมสีโอลด์โรสถูกถอดทิ้งอย่างไม่ใยดี ส่วนเจ้าของมันก็กำลังยืนอยู่หน้าตู้เย็นที่เปิดอ้าออกเพื่อบดบังสายตาคนจากด้านนอก
เท้าเรียวข้างหนึ่งของหญิงสาวเหยียบบนช่องข้างประตูตู้เย็น และมือข้างหนึ่งเท้ากับขอบตู้เย็นทรงตัวเองไว้ เพราะกำลังถูกสามีตัวโตป้อนความสุขกระสันจากด้านหลังให้จนไม่เป็นผู้เป็นคน
เสื้อผ้าเขาครบชุดเหมือนตอนที่กลับมาบ้าน ในขณะที่ร่างของเธอถูกจับเปลือยเพื่อรองรับอารมณ์ดิบจากการไม่เจอกันนับสัปดาห์
ปึก! ปึก ! ปึก!
"อ๊ะ อ๊า อ๊า"
ร่างเล็กของข้าวปั้นสะดุ้งทุกครั้งที่ถูกสามีตอกตรึงความรู้สึกใส่จากด้านหลัง สองมือหยาบบีบขย้ำหน้าอกใหญ่จนปริตามง่ามนิ้ว
“ตอดพี่แรงจังเลยครับ ซี๊ดด...” เวกัสครางออกมาอย่างสะใจ ความชุ่มฉ่ำของข้าวปั้นทำเอาเขาอยากปลดปล่อยใส่ข้างในเธอตอนนี้เลย "หนูแฉะมาก..."
“มะ ไม่ อื้อ ยะ อย่าพูด” เธอออกปากห้ามปรามไม่ให้สามีพูดคำหยาบ เพราะข้าวปั้นรู้ดีว่ามันสามารถทำให้สติของเธอกระเจิดกระเจิงได้ขนาดไหน
“คิดถึงปั้นมากเลย น่าเอา...”
ปึก!
“อะ อ๊ายยยย!!”
ความอดทนของเธอสิ้นสุด จะเป็นจะตายทุกครั้งเวลาที่ได้ยินเขาบอกความปรารถนาในตัวเธอให้ฟัง ช่องท้องบางเกร็งกระตุกชาวาบไปทั้งร่างจนทรงตัวไม่อยู่ ยังดีที่แขนแกร่งของเวกัสรั้งเอวเอาไว้
แต่นั้นก็ตามด้วยการถูกกดหน้าท้องรับขนาดใหญ่โตที่ขยับเข้าออกด้านในจนเสียวสะท้าน
“พะ พี่เวย์ ปั้นเพิ่งเสร็จ” เอ่ยขอความเห็นใจจากสามี ตอนนี้ร่างกายเธอแทบแหลกสะบั้นไปกับเรี่ยวแรงที่โถมเข้าหา
“เสร็จพร้อมพี่อีก ซี๊ดด”
เขาไม่ฟังคำขออะไรจากเธอทั้งนั้น ตอนนี้อยากเอาเมียจนหน้ามืดตาลาย ผิวนุ่มนิ่มน่าสัมผัสกับกลิ่นหอมที่ทำให้รู้จึงพึงพอใจทุกครั้งที่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันทำให้การแต่งงานตลอดห้าปียังเหมือนข้าวใหม่ปลามัน
ปึก! ปึก! ปึก!
“อ๊ะ อ๊ะ อื้อ!”
ข้าวปั้นแหลกเหลวไปทั้งร่างเมื่อถึงฝั่งฝันเป็นครั้งที่สอง พร้อมๆ กับความอุ่นที่พวยพุ่งเข้ามาด้านในยิ่งทำให้เสียวสะท้านจนต้องระบายความอัดอั้นเป็นน้ำหวานสีใสที่พุ่งออกมาหลังลำรักของสามีถอนออกจากเนื้อนุ่ม
“อะ อะ อือ...”
นักธุรกิจหนุ่มอุ้มภรรยามานั่งบนเคาน์เตอร์พักเหนื่อย หยิบชุดนอนและเสื้อคลุมสวมให้เสร็จสรรพ ก่อนจะสวมกอดและจูบริมฝีปากนุ่มด้วยความคิดถึง
“อดอยากจากไหนคะ แฮ่ก...” เสียงใสเอ่ยถามสามีด้วยความแง่งอน
เมื่อกี้พอเข้ามาในครัวเขาก็ถามแค่ว่า 'โกโก้ของข้าวปั้นขาดนมข้นหรือเปล่า'
จากนั้นก็จับเธอกินจนเลอะน้ำสีขุ่นไปทั้งตัว...
“เงี่ยxครับ...”
เพียะ!
คำพูดหยาบคายถูกมือเรียวฟาดลงกลางอกไม่แรงนัก โค้ดลับบ้าบอของเขาทำเธอเหนื่อยจนแทบสิ้นสติ
“บอกว่าอย่าพูดคำหยาบ เดี๋ยวติดไปพูดต่อหน้าลูก”
ไข่หวานยิ่งเป็นเด็กช่างจดจำ แถมยังแก่แดดเกินวัย เธอกลัวว่าลูกจะเอาไปพูดที่โรงเรียนแล้วคนอื่นจะรู้ว่าพ่อแม่คุยอะไรกันเวลาอยู่บ้าน
“พี่ไม่พูดต่อหน้าลูกหรอกครับ” ฝ่ามืออุ่นวางลงบนเรือนผมสีน้ำตาลด้วยความเอ็นดู "ตอนพี่ไม่อยู่มีปัญหาอะไรไหม?"
“ไม่มีนะคะ ปกติดี ไข่หวานก็ไม่งอแง” ข้าวปั้นซบหน้าฝังลงกลางอกแน่นหนัน ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้ "อะ อ้อ มีคนมาด้อมๆ มองๆ บ้านเรากลางดึกด้วยค่ะ"
คำพูดนั้นทำให้เขาผละออกและจ้องหน้า คิ้วหนาขมวดมองหน้าภรรยาอย่างเคร่งเครียด
“คนแบบไหน ทำไมไม่โทรบอกพี่”
“อะ เอ่อ ปั้นไม่แน่ใจว่าเขามามองบ้านเราหรือเปล่า คืนก่อนปั้นทำงานจนดึกเลยเดินออกไปนั่งที่ระเบียง เห็นรถซีดานสีดำขับวนรอบบานเราสองรอบก่อนจะขับออกไป”
คำอธิบายลักษณะรถทำให้ใบหน้าที่เคร่งเครียดคลายกังวล เวกัสระบายยิ้มออกมา จับมือข้างที่สวมแหวนแต่งงานขึ้นมาจูบหลังมืออย่างอ่อนโยน
“รถตำรวจครับ พี่ให้สายตรวจมาแวะดูเป็นพักๆ ช่วงที่ไม่อยู่ ขอโทษที่ลืมบอกนะ”
“อ้าว อย่างนี้นี่เอง ^^”
“ขึ้นไปแช่น้ำอุ่นกับแล้วเข้านอนดีกว่า” เขาเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างรวดเร็ว พร้อมข้อนร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอดเดินขึ้นห้องนอน
“แช่น้ำอย่างเดียวนะคะ”
“ไม่รับปากครับ :)”
═══☆♡☆═══
กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ปี 2019 ใครจะคิดว่าเวกัสจะเป็นคนสปอยล์แฟนตัวเองขนาดนี้ เพียงแค่เธอเอ่ยเล่นๆ ว่าอยากมางานครบรอบสามสิบปีของเครื่องประดับแบรนด์อเมทิสต์เป็นของขวัญรับปริญญา อาทิตย์ต่อมาเขาก็ลากเธอขึ้นเครื่องบินส่วนตัวมายืนอยู่ในสวนสาธารณะช็องเดอมาร์ส ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประมูลเครื่องประดับและอัญมณีในค่ำคืนนี้ ยอมรับว่าแสงสีส้มของเมืองปารีสตัดกับความมืดของท้องฟ้าทำให้ข้าวปั้นรู้สึกมีความสุขมาก คนตัวเล็กสวมชุดเดรสสีดำขนาดพอดีตัวกับรองเท้าบูทส้นเข็มที่แฟนหนุ่มจัดหาให้ มือเล็กคล้องแขนเขาเดินชมภาพสินค้าที่ถูกจัดแสงถ่ายแขวนตามข้างผนัง ไม่ต่างจากงานแสดงนิทรรศการภาพถ่ายเครื่องประดับด้วยความตื่นเต้น บ่อยครั้งที่มีชาวต่างชาติเดินเข้ามาทักทายเวกัสด้วยภาษาฝรั่งเศสที่เธอฟังไม่ออก แต่เดาได้ว่าน่าจะเป็นการคุยเกี่ยวกับธุรกิจส่วนตัวของแฟนหนุ่ม ซึ่งเธอตั้งใจว่าจะไม่ก้าวก่ายหรือถามให้เขาอึดอัดใจ “ปั้นชอบชิ้นไหนที่สุดในงานวันนี้?” ข้าวปั้นไม่กล้าตอบ กลัวใจว่าเขาจะควักเงินซื้อให้ แม้จะอ่านภาษาฝรั่งเศสไม่ออก แต่แฟนอเมทิสต์อย่างเธอรู้ดีว่าม
ความสัมพันธ์ระหว่างเวกัสและข้าวปั้นพัฒนาแบบก้าวกระโดด นับจากวันนั้นที่ทั้งคู่ศึกษาดูใจกัน ผ่านไปสี่เดือนทั้งสองก็ตกลงปลงใจเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการ เวกัสยังเข้านอกออกในบ้านของแฟนสาวเป็นกิจจะลักษณะ แม้จะไม่ค่อยได้พูดคุยกับพ่อของข้าวปั้น แต่กับผู้เป็นแม่ เวกัสแทบจะกลายเป็นลูกชายคนโตของบ้านไปแล้ว ระยะหลังข้าวปั้นรู้สึกว่าพ่อตนเองกำลังมีความเครียดบางอย่างจากการทำงาน หลายครั้งที่เธอพบว่าพ่อเมากลับมาที่บ้าน ทั้งที่ปกติรองผู้กำกับขจรเดชไม่ดื่มแอลกอฮอล์ในวันที่ปฏิบัติงาน ไม่ว่าจะนอกเวลาหรือในเวลา ในขณะที่ข้าวปั้นกำลังจูงมือแฟนหนุ่มของตนเองเดินชอปปิงที่ห้างสรรพสินค้าใกล้มหาวิทยาลัยหลังเลิกเรียน เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของคนตัวเล็กก็ดังขึ้นจนต้องหยุดเดินและกดรับกลางคัน “พ่อโทรมาค่ะ ^^” เธอบอกแฟนตนเองว่าใครที่โทรเข้ามาเวลานี้ ข้าวปั้นมักจะเป็นแบบนี้เสมอ ไม่มีเรื่องปิดบังปกปิดสร้างความไม่สบายใจให้อีกฝ่าย มีอะไรก็เอามาเล่าให้ฟังหมด ซึ่งมันเป็นความสัมพันธ์ที่ดีและทำให้เวกัสสบายใจทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน “ค่ะพ่อ” (ไอ้ปั้น! วันนี้ไม่ต้อง
ผ่านไปได้เพียงหนึ่งอาทิตย์ เวกัสเข้านอกออกในบ้านเธอเป็นว่าเล่น ทั้งยังช่วยเธอทำวิจัยจนข้าวปั้นแทบจะเอาดอกไม้ธูปเทียนมาไหว้ให้สาแก่ใจกับความเป็นพ่อพระของอีกฝ่าย และแม้รถของข้าวปั้นจะซ่อมเสร็จและออกจากศูนย์เรียบร้อย รุ่นพี่หนุ่มก็ยังขอเป็นคนไปรับไปส่งเธอด้วยเหตุผลที่ว่า ตอนเย็นเขาต้องมาฝากท้องที่บ้านนี้ประจำจึงอยากให้ข้าวปั้นมาด้วยกันจะได้ประหยัดพลังงาน หล่อไม่พอ รักษ์โลกอีก... แต่เพราะวันนี้พ่อไปเข้าเวรดึก ส่วนแม่ก็ไปช่วยงานศพของคนรู้จัก ดังนั้นที่บ้านจึงไม่มีคนอยู่รอให้รีบกลับไป ข้าวปั้นจึงถือโอกาสชวนคนตัวโตไปฝากท้องที่ผัดไทยกระทะร้อนหลังมหาวิทยาลัยก่อนกลับ ซึ่งเวกัสก็ตามใจรุ่นน้องสาวดังเช่นทุกครั้ง แม้บรรยากาศในช่วงเย็นจะเต็มไปด้วยบรรดานักศึกษามาเดินหาของกินหลังมหาวิทยาลัยกันขวักไขว่ และร้านก็เต็มไปด้วยแขกมากหน้าหลายตาจนส่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจไปทั้งร้าน แต่ทั้งคู่กลับไม่รู้สึกรำคาญหรือเบื่อแม้แต่น้อย เวกัสชวนคุยฆ่าเวลาเก่ง เริ่มต้นด้วยการคุยดินฟ้าอากาศ จนมาจบที่ซีรีส์เรื่องที่คนตัวเล็กกำลังติดงอมแงมได้ลื่นไหลอย่างเหลือเชื่อ “ปั
หลังจากรับประทานมื้อเย็นเรียบร้อย ข้าวปั้นก็รีบปลีกตัวขึ้นมาอาบน้ำและลงมือปั่นงานวิจัยตนเองต่อ ข้าวปั้นตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ทำให้อุปสรรคเพียงเท่านี้ส่งผลต่อการเรียนจบของตนเอง ติ๊ด! เสียงแจ้งเตือนดังมาจากเครื่องโน้ตบุ๊กสีเงิน ทำเอาคนที่กำลังมีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานตกใจจนสมาธิกระเจิง แถบแสดงค่าแบตเตอรี่ระบุว่าเหลือพลังงานเพียงสิบสามเปอร์เซ็นต์ ทำให้ข้าวปั้นลุกลี้ลุกลนหาสายชาร์จเพื่อนำมาเสียบกับตัวเครื่อง ไม่มี... จะว่าไปในกระเป๋าเป้ที่ได้มาก็มีเพียงโน้ตบุ๊กหนึ่งเครื่องเท่านั้น หรือพี่เวกัสจะลืมใส่สายชาร์จมาด้วย หญิงสาวชำเลืองสายตามองหน้าจอก็พบว่าตอนนี้คือเวลาเกือบตีสอง เธอทำงานจนลืมง่วงไปเลย โทรศัพท์ส่วนตัวกับนามบัตรที่เขาให้มาเมื่อตอนเย็นถูกนำมากำเอาไว้แน่น ลังเลว่าควรโทรไปหาในยามวิกาลเช่นนี้หรือไม่ แต่หากมัวแต่รักษามารยาท กว่าจะได้สายชาร์จก็อาจจะเป็นวันมะรืน สุดท้ายเจ้าของมือเรียวจึงตัดใจกดเบอร์ตามหน้าบัตร ก่อนจะกดโทรออก...════♡════ -Khaopun Calling- เสียงเรียกเข้าดังเป็นหนที่ส
เนื่องจากวันนี้เป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัย และคณะที่ข้าวปั้นเรียนอยู่เป็นหนึ่งในห้าคณะที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาพร้อมกับมหาวิทยาลัยตั้งแต่แรก ดังนั้นเหล่าศิษยานุศิษย์จึงรวมใจกันมางานรำลึกที่คณะจนไม่เหลือที่ให้นักศึกษาปัจจุบันที่จ่ายค่าเทอมได้ใช้สถานที่จอดรถ จุดฝากรถราคาหลักสิบจึงเป็นทางเลือก เพราะอยู่ใกล้รั้วมหาวิทยาลัยเพียงแค่ข้ามถนน แม้จะไม่มีหลักคาไว้กันแดดกันฝนให้รถก็ไม่เป็นไร รถเธอแข็งแรง แต่แล้วข้าวปั้นก็เห็นข้อเสียของมันหลังจากกลับมาที่รถ “ฉิบหาย!” ใครจะคิดว่าคนสวยๆ แบบเธอจะสบถคำหยาบในที่สาธารณะได้ แต่ฉิบหายจริงๆ เพราะกระจกทึบประตูฝั่งคนขับถูกเปิดทิ้งไว้จนเกือบสุด เธอไม่ได้ลืมมันแน่ๆ เพราะปกติเปิดแอร์ขับรถ คนตัวเล็กรีบวิ่งเข้าไปดูด้วยความตื่นตกใจ สิ่งแรกที่สังเกตเห็นคือโน้ตบุ๊กราคาหลักหมื่นหายไปจากเบาะข้างคนขับ “กรี๊ดดดด~!!!” เท่านั้นแหละนักศึกษาสาวแผดร้องเสียงแหลมขึ้นมาด้วยความโมโหทันที ในนั้นมีวิจัยที่ใช้ทำเป็นตัวจบอยู่ แถมกำหนดส่งคือเทอมนี้! เธอทุ่มเทชีวิตและเวลานอนในการอ่านหนังสือเกือบ
ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาข้าวปั้นใช้เวลาหลังเลิกเรียน หมดไปกับการตามหารุ่นพี่นักศึกษาปริญญาโทคนนั้นเพื่อคืนเงิน แม้จำนวนเงินจะเป็นเพียงสามร้อยกว่าบาท แต่เธอถือคติยืมเขามาก็ต้องคืน โชคร้ายมากที่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาสักนิด แต่เขาหล่อและเป็นใบหน้าที่เธอลืมไม่ลง ต่อให้เห็นแค่เงาก็มั่นใจว่าจำเขาได้ “ไอ้ปั้น แกแน่ใจนะว่ารุ่นพี่คนนั้นแกเป็นคน” ลูกตาลเพื่อนสนิทเอ่ยถามด้วยความระแวง เนื่องจากตัวเธอเองก็ติดสอยห้อยตามช่วยเพื่อนตามหาผู้ชายที่มีลักษณะตามที่เพื่อนกล่าวอ้างมาเกือบสัปดาห์เช่นกัน อยู่มหาวิทยาลัยนี้มาจะสี่ปีเต็มยังไม่เคยเห็นผู้ชายร่วมคณะคนไหนจะตัวสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเลย แถมยังมาบอกว่าตัวหอม ผิวขาว แขนมีเส้นเลือดเซ็กซีๆ “คนสิ ผีอะไรจ่ายเงินได้” “อ้าว! แกไม่เคยฟังรายการพี่แจ็คเหรอ พี่เอาเงินจ่ายหนี้ ผีเอาเงินจ่ายค่าแท็กซี่” “ถ้าผีจะสภาพคล่องทางการเงินดีขนาดนั้น ฉันก็อยากเป็นผีบ้างเหมือนกัน” ข้าวปั้นเถียงเพื่อนด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง จนอีกฝ่ายกลอกตาใส่ด้วยความรำคาญ “อย่าม







