LOGINสุรชาติถอนหายใจลุกไปเปิดตู้หยิบแฟ้มเอกสารบางส่วนไปวางที่โต๊ะของทั้ง 2 สาว “ดูเอกสารพวกนี้คร่าว ๆ มีอะไรสงสัยก็ถาม ส่วนหน้าที่ผู้ช่วยก็เหมือนเลขาทุกส่วน เอกสารที่จะเสนอเซ็นถ้าเป็นภาษาไทยให้แปลเป็นอังกฤษแนบด้วย บอสเป็นคนที่ละเอียดมาก ฉะนั้นต้องตรวจทานให้ดีก่อนยื่น ถ้าท่านเข้าออฟฟิศเอกสารต้องพร้อมเสนอหลังจากที่ท่านนั่งเก้าอี้ไม่เกิน 5 นาที โดยเฉพาะบอสหรือรองประธานจาติรัชห้องข้างหลังนี่ ถ้าเข้ามาให้ถือเอกสารตามเข้าไปเลย ต้องรายงานทุกหน้าอย่างละเอียด จะให้เซ็นตรงไหนต้องมาร์คให้เรียบร้อย ส่วนตารางนัดต่าง ๆ วันที่ เวลาและสถานที่ต้องห้ามพลาดเด็ดขาดอัพเดตทุกเช้า ถ้าเป็นนัดเย็นต้องแจ้งสายสุดไม่เกิน 10 โมง จดด้วยนะ” ร่ายยาวพลางถอนหายใจเมื่อเหลือบเห็นสาวสวยด้านในกำลังนั่งแต่งหน้าไม่ได้สนใจที่ตนพูดนัก “บอสมีงานที่ไทย 2 บริษัทต้องดูแลและบริษัทส่วนตัวที่ฝรั่งเศสอีก 1 ฉะนั้นเรื่องเวลาสำคัญมากที่สุดนะ เอ้อ...อันนี้สำคัญ บอสเราไม่รับนัดภายในวัน ไม่รับนัดทานข้าวเย็นเป็นการส่วนตัวทุกกรณี ส่วนท่านประธานจะรับนัดเฉพาะที่มีบัตรเชิญเท่านั้น เอ้อ...คนเข้าพบต้องนัดล่วงหน้า ห้ามให้มานั่งรอเด็ดขาดเพราะบางครั้งพวกท่านก็ไม่ได้อยู่ไทยหรือไม่สะดวกมา และวันที่นายทั้ง 2 เข้าออฟฟิศห้ามกลับก่อนทุกกรณี นายจะอยู่ตี 3 ตี 4 ก็ต้องกลับทีหลัง เข้าใจตามนี้นะครับ” เลขาคนเดียวของบริษัทร่ายยาวไม่ได้มองว่าใครสนใจหรือไม่ คนแค่ฟังก็นั่งแต่งหน้า เปิดมือถือถ่ายรูปอัปโซเซียลไป ส่วนคนตั้งใจก็จดตามแทบจะทุกคำพูดด้วยสีหน้าจริงจังเป็นที่สุด
“มีใครจะถามอะไรไหม?”
“วันนี้พี่จากัวร์จะเข้ากี่โมงคะ ริชจะได้สั่งกาแฟมาให้” สาวสวยด้านในสุดถามขึ้นในขณะที่กำลังถ่ายรูปตัวเองเหมือนกับว่านั่งทำงานอยู่พร้อมกาแฟแก้วโปรดของเธอ
“วันนี้บอสไม่เข้าและอาจไม่เข้าอีกเกือบเดือน งานทุกอย่างเราจะรายงานผ่านอีเมลเท่านั้น เอกสารรอเซ็นก็วางไว้ก่อนเรียงวันที่ให้เรียบร้อย ถ้าท่านแวะเข้ามาก็จะจัดการเองหรือถ้าท่านประธานเข้ามาก็เอาไปให้ท่านเซ็นให้ก่อนได้แต่ต้องเป็นเอกสารด่วนภายในเท่านั้น” สุรชาติหันไปตอบเสียงดังฟังชัดพลางชี้ไปที่โต๊ะวางเอกสารหน้าห้องท่านรองประธานที่ตอนนี้ไม่มีอะไรวางอยู่
“แล้วทำไม?!”
“คุณริชชี่ เมื่อกี๊พี่ชาติก็บอกอยู่ว่าบอสทำงานที่ไทย 2 บริษัทแล้วก็ที่ฝรั่งเศสอีก 1 เขาก็อาจไปอีกที่นึงไงคะ” มัดหมี่ชะโงกหน้าตอบแทนแล้วกลับมานั่งมองบนกับคนที่ไม่เข้าใจภาษาไทยง่าย ๆ ที่เลขารองประธานสื่อ
“ฉันรู้ แต่บริษัทนั้นคุณย่าบอกว่าคุณพ่อพี่จากัวร์จะให้น้องชายพี่จากัวร์บริหารนี่” ริชชี่ว่าพรางขมวดคิ้ว
“คุณหมอเจติพัฒน์เพิ่งกลับจากอเมริกาได้ 3 เดือน เพิ่งเข้าทำงานที่โรงพยาบาลได้เดือนกว่า ช่วงนี้งานคุณหมอยังไม่ลงตัวก็เป็นพี่ชายวิ่งควบไปก่อน” สุรชาติให้เหตุผลว่าทำไมจาติรัชถึงทำงาน 2 ที่ (แต่จริง ๆ บริษัทนั้นก็แค่ช่วยพ่อเป็นครั้งคราวแค่นั้น ส่วนมากจะเป็นการติดต่อหรือคุยงานที่ต่างประเทศแทนท่าน แต่คุณสรัญยังบริหารงานเองอยู่)
“อืม...แสดงว่านาน ๆ มาที” สาวสวยหน้าประตูพึมพำในขณะที่ตากำลังไล่อ่านเอกสารที่สุรชาติเอามาวางให้และเริ่มพิมพ์อะไรลงในคอมพิวเตอร์เพื่อความเข้าใจของตัวเอง
“บอสนาน ๆ มาทีแต่ไม่เคยขาดประชุมหรือนัดลูกค้า ฉะนั้นเวลานัดต่าง ๆ ต้องส่งให้ตลอดและต้องคอนเฟิร์มเวลาอีกครั้งในตอนเช้าทุกวันถ้ามี ส่งเป็นไฟล์ทางอีเมลห้ามโทรเด็ดขาดถ้ามีอะไรท่านจะโทรเข้ามาเอง ส่วนท่านประธานจะเข้าแทบทุกวันถ้าอยู่ในกรุงเทพ แต่ส่วนมากก็ไม่ได้อยู่อีกนั่นแหละ” ว่าพลางเปิดเอกสารทำงานของตัวเองไปพลางแล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบไร้บทสนทนายาวนานเมื่อคนหนึ่งกำลังเคร่งเครียดกับการเรียนรู้งานที่เลขายื่นให้ อีกคนทำงานของตัวเองตามปกติ ส่วนอีกคนถ่ายรูปอัปโซเซียลสั่งกาแฟมานั่งกินอีกแก้วอย่างสบายใจจนใกล้เวลาเที่ยง
“น้อง ๆ ครับ ที่นี่มีโรงอาหารทางด้านหลังเราจะใช้ร่วมกันทั้งฝั่งโรงทอและออฟฟิศ อาหารจะราคาถูกกว่าข้างนอก พวกเราส่วนมากก็ทานกันที่นั่น ถ้าเดินก็ไกลหน่อยเราเลยมีจักรยานให้ปั่นไปได้ หรือถ้าสั่งข้างนอกมาส่งจะต้องลงไปรับที่ด้านล่างเอง แม่บ้านที่นี่มีไว้สำหรับทำความสะอาดเท่านั้น” สุรชาติพูดขึ้นซึ่งคำพูดของเขานั้นทำให้คนนั่งในสุดหน้าบึ้งเพราะเธอเพิ่งสั่งกาแฟแก้วใหม่เมื่อชั่วโมงก่อนและให้แม่บ้านเอาขึ้นมาให้ที่ห้อง
“แต่กฎที่นี่ก็ไม่ได้บอกนี่ว่าห้ามใช้แม่บ้าน” ริชชี่ว่าขึ้นเหมือนไม่พอใจกับคำพูดของเลขา
“กฎจากรองประธานจาติรัช เราจ้างเขาวันละ 8 ชั่วโมงเพื่อมาทำความสะอาดก็คือแค่ทำความสะอาดภายในบริษัท ส่วนใครที่ให้เขาทำอย่างอื่นนอกเหนือหน้าที่ก็ต้องจ่ายเงินให้เขาเองไม่ใช่จะใช้เขาฟรี ๆ” คำพูดแบบไม่พอใจดังขึ้นอีกทีทำเอาริชชี่ถึงกับสงบปากสงบคำ กดโทรศัพท์ออกหาเพื่อนนัดกินข้าวที่ห้างดังเหมือนกับว่าจะไม่เข้ามาอีกแล้วคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องไปทันที
พักเที่ยงสุรชาติได้พาผู้ช่วยคนใหม่เดินไปทานข้าวที่โรงอาหารด้วยกันเพื่อแนะนำให้เธอรู้จักกับพนักงานคนอื่น ๆ ซึ่งหญิงสาวก็ทำความรู้จักและแนะนำตัวอย่างน่ารักและแอบคิดว่าเธอคิดถูกมากที่มาทำงานที่นี่ เพราะพนักงานที่นี่ค่อนข้างน่ารักและเป็นกันเองขนาดระดับหัวหน้ายังพากันมากินข้าวที่โรงอาหารของบริษัท ซึ่งสุรชาติบอกว่าไม่เพียงแค่พวกเขาแต่ท่านประธานและบอสต่างก็มาทานข้าวที่นี่ถ้าไม่ได้ออกไปพบกับลูกค้าด้านนอก
..........//..........
ประเทศจีน
ครืด...ครืด...
เสียงมือถือเครื่องบางดังขึ้นในขณะที่ชายหนุ่มกำลังกลับเข้าที่พักเพื่อเตรียมตัวไปงานเลี้ยงต้อนรับที่บริษัทจัดขึ้นเพื่อเขาและเลขาของผู้เป็นพ่อในคืนนี้
“ว่าไงชาตินี้” เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางถอดเสื้อผ้าเพื่อจะเปลี่ยนเป็นอีกชุด
‘เลิกงานแล้วครับบอส บอสครับวันนี้คุณริชชี่ ว่าที่คู่หมั้นของบอสที่คุณย่าให้มาเป็นเลขาส่วนตัวบอสมาเริ่มงานแล้วนะครับ ผู้ช่วยคนใหม่ของผมก็มาแล้วเหมือนกัน’ สุรชาติรายงานผู้เป็นนายพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“กูว่าแล้วไง” ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างหัวเสีย
‘แต่ผมยังไม่ให้ณปรางทำสัญญาจ้างให้นะครับ บอกว่ารอบอสสั่งมาก่อน’
“อืม... แล้วคนเลี้ยงควายล่ะ”
‘น้องชื่อมัดหมี่ครับ เซ็นสัญญาจ้างแล้วเรียบร้อย ดูเป็นคนสบาย ๆ ไม่น่าจะยุ่งยากอะไร’
“ชื่อมัดหมี่เหรอ” ชายหนุ่มทวนคำเหมือนไม่ได้ฟังประโยคหลัง
‘ครับ น้องชื่อมัดหมี่ หรือเรียกหมี่ก็ได้ เห็นบอกว่าอยู่กับเพื่อนเลิกงานเลยรีบกลับไปช่วยเพื่อนขายของ’
“อืม...” ครางในลำคอแล้วกดวางสายทำเอาคนที่กำลังจะถามเรื่องงานถึงกับถอนหายใจมองหน้าจอ
“เอ้อ...พรุ่งนี้ค่อยถามท่านประธานแล้วกัน คำว่าอืมมันเป็นคำลาที่ไหนกันวะ” สุรชาติพึมพำเซ็ง ๆ
ตลอดทั้งสัปดาห์สุรชาติต้องปวดหัวกับสงครามรายวันของผู้ช่วยเลขาทั้ง 2 ที่คนหนึ่งพยายามเรียนรู้งาน แต่อีกคนพยายามเอาเปรียบโดยอ้างตำแหน่งว่าที่คู่หมั้นของบอสหนุ่มและที่สำคัญท่านดอกเตอร์รวัชที่กลับมาจากต่างประเทศก็มีเหตุให้ต้องกลับบ้านภรรยาด่วนเพราะแม่ยายไม่สบายและยังไม่กลับเข้ากรุงเทพ ทำให้เขาถึงกับหัวหมุนในแต่ละวันกว่าจะผ่านไปได้
..........//..........
สงสารคุณเลขาเลย...
“เพิ่งรู้นะคะว่าคุณจาทานอาหารอีสานรสจัดพวกนี้ได้” หญิงสาวว่าขึ้นพลางมองชายหนุ่มที่กำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารอีสานรสจัดที่บางอย่างเธอกับเพื่อนก็ไม่สามารถทานได้แต่ดูง่ายมากสำหรับจาติรัช *นักเรียนนอกนี่มันนอกตรงไหนวะ นอกเทศบาลละมั้งกูว่าซดปลาร้าคล่องมากพ่อ...* หญิงสาวแอบคิดในใจ“คุณยายผม (หมายถึงแม่ยายคุณอา) เป็นคนอีสาน ผมไปหาบ่อย ๆ” คนพูดสั้นเริ่มพูดยาวขึ้น“ทำงานที่เดียวกับน้องสาวผมหรือครับ” หมอกพยายามผูกมิตรพลางแอบมองหน้าน้องสาวแล้วชำเลืองคนนั่งข้าง ๆ อย่างมีเลศนัย“ครับ ที่เดียวกัน”“ผมทำงานอยู่อีกฝั่งนาน ๆ ถึงจะมีเวลามาหาน้อง ๆ” รองสารวัตรหนุ่มพูดยิ้ม ๆ“บ้านคุณย่าผมก็อยู่อีกฝั่งเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยได้ไปเท่าไหร่” ว่าพลางรับแก้วน้ำที่หญิงสาวรินส่งให้มาดื่มจนหมดแก้ว“แล้วนี่คุณจาพักอยู่ไกลมั้ยครับ ผมว่าเราปล่อยสาว ๆ ขายของเราไปดื่มกันต่อดีกว่ามั้ย” คำชวนของพี่ชายที่ชวนรองประธานไปดื่มทำเอาน้องสาวถลึงตาใส่ทันที แต่ที่หมอกชวนดื่มเพราะสังเกตการณ์พูดแบบสั้น ๆ ถามคำตอ
ตลาดเย็นเป็นสุขในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผู้คนพลุกพล่านตั้งแต่ตลาดเริ่มตั้ง เพราะวันนี้นอกจากจะมีตลาดนัดแล้วยังมีมีดนตรีสดของนักเรียนนักศึกษาให้รับฟังกันฟรี ๆ ในสัปดาห์ต้นเดือนแบบนี้ ทำให้ตลาดมีความครึกครื้นขึ้นมาก 2 สาวเพื่อนรักรีบช่วยกันจัดร้านเสร็จตั้งแต่ก่อนบ่ายให้พร้อมขายก่อนจะพากันนั่งทานมื้อเที่ยงพร้อมกับมองลูกค้าเผื่อมาซื้อน้ำไปด้วย“เออ...หมี่ บิ๊กไบก์โรงทอคันนั้นไม่เห็นหลายวันแล้วนะ แม่บ้านบอกว่าเหมือนเขาไม่กลับมาเลย เข้าไปแอร์ไม่ฉ่ำ” น้ำฝนว่าพลางตักข้าวเข้าปาก“ไปต่างประเทศมั้งออฟฟิศก็ไม่เห็นตั้งแต่วันอังคารที่แล้วแล้วนี่” หญิงสาวตอบพลางตักกับข้าวใส่จานตัวเองไปด้วย“มึงรู้จักเขาแล้วดิ ใครวะ” น้ำฝนถามขึ้นไม่จริงจังนัก“ก็... เชี้ย!” หญิงสาวกำลังจะตอบแต่ต้องเปลี่ยนเป็นอุทานอย่างตกใจ เมื่อคนที่พวกเธอกำลังพูดถึงมายืนอยู่หน้าร้าน ถึงเขาจะใส่หน้ากากอนามัยปิดหน้ากับหมวกแก๊ป แต่ผิวขาวใสที่พ้นเสื้อยืดกับรูปร่างสูงโปร่งนั้นเธอจำได้ดี และเพิ่งนึกได้ว่าผู้ชายคนนี้คือลูกค้าประจำน้ำเปล่าของร้านเธอก่อนหน้าจะ
Jaguar partหลังจากที่คุณย่ามาที่โรงทอ ตลอดทั้งสัปดาห์รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่เคยจอดอยู่ในที่จอดส่วนบุคคลหายไป มีรถของริชชี่เข้ามาจอดแทนที่โดยที่เธอจะเข้ามาเช้ากว่าปกติแต่ก็หลังจากที่ออฟฟิศเข้ามางานแล้วแทบทุกวัน ซึ่งทำให้ทั้งออฟฟิศต่างมั่นใจกับข่าวลือที่ว่าริชชี่คือว่าที่คู่หมั้นตัวจริงของรองประธานจาติรัช เพราะวันนั้นเธอออกไปทานข้าวพร้อมกับครอบครัวคุณย่า คุณพ่อและคุณอาของชายหนุ่มชายหนุ่มนั่งถอนหายใจอยู่บนห้างส่องสัตว์ในขณะที่น้องชายกำลังนอนอ่านการ์ตูนในแท็ปเล็ตของพี่ชายอย่างสบายใจ“ไหนมึงบอกว่าหยุด 3 วันไงเจ” เสียงทุ้มเอ่ยถามน้องชายที่นอนยกขาขึ้นไขว่ห้างหนุนกระเป๋าของตัวเองอยู่ *แล้วดูแม่งอ่าน นี่มันเป็นหมอหรือเป็นคนไข้กันแน่วะ...* ชายหนุ่มคิดในใจมองน้องชายที่ยังไม่รู้จักโตของตัวเองขำ ๆ“ลาต่อไง ทำงานวันจันทร์” น้องชายตอบแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับการมานอนป่าเข้าคืนที่ 3 ของคนทั้งคู่ที่ตรงนี้ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก และจาติรัชก็มาหลายรอบเพราะชอบเป็นการส่วนตัวจนสนิทกับเจ้าหน้าที่อุทยานและพรานนำทางเป็นอย่างดี“กูมีงานต้องทำนะเ
‘ผมหยุด 3 วัน พาผมเข้าป่าหน่อยนะเฮียนะ ให้ไปไหนก็ไปทั้งนั้นแหละยกเว้นค่ายมวยพ่อใหญ่อัฐ ผมไม่อยากเข้าออฟฟิศ’ น้องชายรีบอ้อนทันที เขาเป็นหมอเพิ่งกลับมาจากเรียนต่อปริญญาโทเข้ามาทำงานได้ไม่ถึง 3 เดือนและนาน ๆ จะมีวันหยุดยาวซักครั้ง แต่คุณพ่ออยากให้เข้าไปเรียนรู้งานในบริษัท เลยเกิดอาการงอแงอยากพัก จึงมาอ้อนให้พี่ชายพาหนีเข้าป่า“อยากเข้าป่า?” พี่ชายถามน้องชายขำ ๆ แล้วหันหลังเดินลงบันไดเพื่อกลับไปที่รถอีกครั้ง‘อือ...บอกทางมาสิครับผมติดไฟแดงอยู่เนี่ยจะให้เลี้ยวซ้ายหรือขวา’“เฮ้อ... กลับบ้านกูเลยเดี๋ยวกูกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้าน ไปเอารถใหญ่ออก” ว่าจบกดวางสายสวมหมวกกันน็อกอีกรอบเพื่อจะกลับบ้านพลางมองสาวตัวเล็กที่เธอเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดคอกลมตัวใหญ่เดินลงมาจากบนตึก“หมี่!” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกในขณะที่ขายาวก้าวคร่อมมอเตอร์ไซค์สตาร์ทเครื่องเสียงดังกระหึ่ม“คะ?” ขานรับพลางเดินเข้าไปหา *เรียกคล่องจนจะหลอนแล้วนะคะบอส...เอ้อ*“ขึ้นมาสิเดี๋ยวไปส่ง” ชายหนุ่มว่
“อย่าบอกใครว่าผมอยู่ในห้องนี้และอย่าบอกใครว่าผมเป็นใคร”“ทำไม?”“การเป็นผมมันไม่สนุก” ชายหนุ่มว่าพลางถอนหายใจ“ถ้าจะอธิบายยาว ๆ พูดภาษาที่ท่านรองถนัดหมี่ก็พอฟังได้นะคะ แต่ขอแบบช้า ๆ หน่อย” หญิงสาวว่ายิ้ม ๆ ซึ่งจากน้ำเสียงเธอก็พอเข้าใจถึงสิ่งชายหนุ่มบอกและพอจะเดาออกว่าอะไรเกิดขึ้นกับเขาจากเหตุการณ์วันนี้“คุณย่าผมท่านอยากให้ผมแต่งงานเลยพยายามหาคู่มาให้ ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ที่ผมไม่เคยเห็นหน้า คนพวกนั้นเอาลูกหลานมาเสนอท่านเพราะหวังหุ้นของที่นี่และริชชี่ก็ไม่ใช่ว่าที่คู่หมั้นผมหรอกนะ” เมื่อรู้ว่าหญิงสาวฟังออกคำพูดก็ยืดยาวจนแทบฟังไม่ทันขึ้นมาทันที“เข้าใจแล้วค่ะ เรื่องที่ท่านรองอยู่ที่นี่หมี่จะไม่บอกใครค่ะ” ว่าจบทำท่าจะเดินออกจากห้องอีกรอบ“หมี่” “คะ?”“ผมชื่อจากัวร์ คนที่นี่เรียกผมว่าบอส แต่ถ้าเจอข้างนอกเรียกผมว่าจา” คำสั่งของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วคิดตามทันทีแล้วต้องตาโตเมื่อนึกอะไรออกมาได้“จากัวร์? คุณคือคนที่เดิ
“เมื่อไหร่พี่จาจะกลับมา” คำถามเศร้า ๆ ทำเอาหลานชายที่นั่งฟังอยู่ในห้องอยากออกมากอดคุณย่าของเขาใจแทบขาด แต่ก็ต้องทำใจแข็งเพราะถ้าออกมาตอนนี้คนที่นี่ต้องรู้ว่าเขาอยู่ที่ไทยและจะวุ่นวายไม่จบสิ้น“คุณแม่ลืมหรือครับว่าจามันมีบริษัทของตัวเองต้องดูแล ตอนนี้โรมก็มาทำงานได้มันก็ต้องไปดูแลบริษัทมันสิครับ มันแค่มาช่วยเราเฉย ๆ นะ” คุณสรัญพูดกับคุณแม่ยิ้ม ๆ พลางยกข้อมือดูนาฬิกา “ตอนนี้ 11 โมงกว่าแล้วเดี๋ยวเราออกไปทานข้าวกันเลยดีกว่า ผมจะพาคุณแม่ไปหาหมอเองนะครับ”“ก็ได้ งั้นหนูริชชี่ไปทานข้าวกับคุณย่านะคะลูก” ตอบรับลูกชายแล้วหันไปมาชวนคนที่อยากได้เป็นหลานสะใภ้ยิ้ม ๆ“แต่ว่าตอนนี้ยังไม่เที่ยงเลยนะคะคุณย่า ริชว่า...”“ไม่เป็นไรหรอกหนู ยังไงวันนี้หนูก็มาสายอยู่แล้วนี่ ตอนนี้หนูก็ยังไม่เริ่มทำงานเลย ฉันจะถือว่าเธอลางานช่วงเช้าก็แล้วกัน เอาเป็นว่าไปกินข้าวด้วยกันหมดนี่แหละ ไปชาติลุก” ท่านประธานตัดบทเพราะไม่อยากขัดใจคุณแม่ หันไปชวนเลขาหลานชายและเลยไปเรียกสาวสวยตัวเล็กที่นั่งหน้าประตูไปด้วย “หนูก็ด้







