ในห้องคอนโดขนาดใหญ่ปกคลุมไปด้วยอุณหภูมิเย็น ถูกเปิดราวกับต้องการดับร้อนของคนทั้งคู่ ซึ่งกำลังกอดรัดฟันเหวี่ยงกันอย่างเมามันอยู่บนเตียง แน่นอนพวกเขาไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น ชุดชั้นในของฝ่ายหญิงก็ไม่มีเหลือ ตกหล่นกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น ผสานเสียงหอบกระเส่าเป็นอีกหนึ่งของพร็อพประกอบ ให้ฉากโดยรอบดูขลังอีกเท่าตัว ทว่าความร้อนระอุจากการสร้างขึ้นของคนทั้งคู่ ที่มีความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศนั้น ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ไม่พอเหมือนจะหมดประสิทธิภาพไปเลยด้วย
“อือ..เบาๆสิคะ”
ซ้ำอารมณ์กระสันรัญจวน เมื่อเปรียบเทียบกับเม็ดเหงื่อที่พรั่งพรูเกาะอยู่บนเนื้อตัวทั้งสองฝ่าย ยังเยอะกว่าเลย
“ขอโทษครับ..”
หน้านิ่วคิ้วขมวดไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความเจ็บปวดปานใกล้ใจจะขาด แต่มันคือความเร้าใจที่เก็บเอาไว้ไม่ไหวของเขา ผู้ควบคุม
ชายหนุ่มผงกหัวขึ้นมาเอ่ยเสียงแหบ หลังใช้ปากถูไถเนินเต้าอูมอวบแล้วเผลอลงฟันอย่างมันเขี้ยว
อินถาแหงนหน้าขึ้นสุด จนลำคอเห็นเส้นจังหวะคู่กิจกรรมบรรเลงเพลงรักแบบถึงพริกถึงขิง อย่างไร้ความปราณี เธอเสียวซ่าน และสิ่งนั้นทำให้เผลอใช้เล็บจิกลงไปบนแผ่นหลังขาวแข็งแกร่ง
น่าแปลกหญิงสาวยืนอยู่ตรงนี้ มุมห้องฝั่งประตู กลับเห็นตัวเองนั่งคร่อมอยู่บนตัวผู้ชายคนนั้น ที่มีสีหน้าแสดงออกชัดเจนต่อความกระสันในกิจกรรมเร่าร้อน
เธอส่ายหน้าให้กับการกระทำย้อนแย้งกับรสนิยมจริงของตัวเอง ที่ไม่มีทางปีนไป่ขึ้นไปนั่งคร่อมแล้วกระเด้าขึ้นกระเด้าลงอย่างนั้นเป็นแน่
แต่นี่ที่เห็นคือกำลังเข้าได้เขาเข็ม สมน้ำสมเนื้อชนิดขาเตียงสั่นกระทบปูนผนัง ไม่พอเสียงครางและหายใจแรงของคนทั้งคู่ก็ใช่จะต่ำต้อยกว่า ดังเท่าๆกันกับจังหวะการขยับโยกของตัวเอง ที่น่ามหัศจรรย์ไปกว่านั้นก็คือความรู้สึก เสียววาบตรงท้องน้อย และจุดซ่อนเร้นตรงใต้สะดือ ราวกับว่าเธอบนเตียงนั้น กับเธอที่ยืนมองอยู่ตรงนี้เป็นคนคนเดียวกัน
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!
ทั้งที่สาวเจ้าพูดอยู่ในใจ แต่ดังลั่นเสมือนว่าหล่อนได้ตะโกนออกไปข้างนอกจนสุดเสียง และนั่นทำพวกเขาทั้งคู่ได้ยินหันมามองเธอเป็นตาเดียว
อินถาชะงักดุจปูนปั้นกลางอากาศ รู้สึกร้อนๆหนาวๆ จังหวะเห็นคู่รัดฟัดเหวี่ยงของตัวเอง กลายเป็นเขาคนนั้นที่เธอรู้จัก
'ราล์ฟ'
และผู้หญิงคนนั้นคือเธอจริงๆ
O.O
“เฮือก!”
อินถาสะดุ้งสุดตัว แรงดึงจากนิทรากะทันหันทำให้มึนหัว หัวใจเต้นแรงขณะกวาดตามองไปทั่ว
พระเจ้า..
“ให้ตายเถอะ ฝันอีกแล้ว..”
หากอุทานเช่นนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก
หญิงสาวหอบตัวโยน ดวงตาคู่หวานหยดขึงกว้าง แก้มแดงเถือกไปถึงหู ฝันของเธอช่างเหมือนจริงและลามกมาก ชนิดถ้าเล่าให้ใครฟังจะต้องแทรกแผ่นดินหนี
“บ้าไปใหญ่”
ความกระดากอายทำให้เอ็ดตะโรตัวเอง ก่อนจะสะบัดผ้านวมเดินไปกินน้ำ และนั่นทำให้ต้องหน้าชาอีกครั้ง
ช่อดอกไม้..
ใช่ เมื่อไม่กี่วันก่อนมีคนเอาช่อดอกไม้นี้มาให้ โดยในการ์ดระบุข้อความที่ไม่มีชื่อผู้ส่ง แต่ถึงกระนั้นอ่านยังไงก็ใช่เขา สาวเจ้าที่อยากเจอเพราะจะขอบคุณ คอยมองไปยังลานจอดรถกับประตูห้องทว่ากลับไร้วี่แววตั้งแต่นั้น ซึ่งนั่นทำให้เธอใคร่รู้แท้จริงแล้วเขาชอบไปไหน และเป็นใครกันแน่?
อินถายืนตัวตรงถามตัวเอง บีบมือจับแก้วเปล่าที่เพิ่งจะกระดกน้ำหมดไป สายตาหลุบต่ำเลื่อนมือไปเด็ดออกมาดอกหนึ่ง พร้อมกับการ์ด พลางนำทั้งคู่มาห้อยรวมกันไว้ แล้วเหน็บไว้ในสมุดจดบันทึกงาน
เขาควรจะไปกับเธอทุกๆที่ เหมือนสมุดเล่มนี้ เมื่อคิดได้อย่างนั้น รอยยิ้มน้อยๆก็ผุดขึ้นทันที ก่อนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกสุด เดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว
แต่แล้ว..
เสียงกระดิ่งหน้าห้องกลับฉุดขาเธอให้หยุดเสียก่อน เธอยืนนิ่งไปพักใหญ่ ให้กับความคิดที่ไม่สามารถจินตนาการต่อได้ มาสะดุ้งอีกครั้งพร้อมเบิกตาโพลงก็ตอนเสียงนั้นดังซ้ำอีกรอบ สัญชาตญาณกระซิบบอกมีคนมาเยือน
หญิงสาวในคราบผ้าขนหนูผืนเดียว จุดหมายปลายทางในคราแรกคือห้องน้ำ กลายเป็นยืนจิกเท้าตัวเอง ดวงตาเพ่งเล็งไปยังประตูบานนั้นราวกับข้างหลังบังบุคคลสำคัญเอาไว้ ที่มีอิทธิพลกับความรู้สึกมากมาย กว่าจะลนลานควานหาเสื้อคลุมมาสวมทับได้ ก็ตอนหลังประตูเงียบไปแล้ว
คงไม่มีกระดิ่งดังเป็นครั้งที่สาม เมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องไม่โผล่หน้ามาต้อนรับสักที แต่เธออยากรู้เขาคือใคร จึงตัดสินใจเดินไปเปิดทั้งที่ร่างกายนั้นโป๊อยู่
ผ่าง!
ภาพที่เห็นคือผู้ชายข้างห้อง กำลังจะปลดล็อคประตูห้องตัวเอง เตรียมจะเข้าไป แต่เมื่อเธอถลาออกไปแบบนั้น ต่อให้รหัสที่ล็อคไว้จะถูกสะเดาะแล้ว เป็นไปได้ยากที่เขาจะเดินเข้าไป
ร่างสูงยืนแน่นิ่ง มือข้างหนึ่งถือคีย์การ์ดทาบอยู่กับเครื่อง อีกข้างกำลังล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนหน้าของเขาหันมามองเธอ ดวงตาคู่คมกริบขึงขึ้นเล็กน้อย พร้อมคิ้วหนาที่เลิกขึ้นสูง
อินถาถึงกับลมจับ การทำอะไรบุ่มบ่ามไร้การตริตรองให้ดีเช่นนี้ กำลังเล่นงานเธอ ลืมคิดถึงภาพไปเสียสนิท ว่าถ้าเขาเห็นสภาพของเธอตอนนี้จะเป็นอย่างไร
“หืม?”
“เอ่อ..”
เธอกำชับเสื้อคลุม สาบานได้เสี้ยววินาทีสบตา เธอเห็นมุมปากของเขาถูกยกขึ้น
“ปกติรับแขกแบบนี้หรือคะ”
ก่อนคิ้วจะเลิกสูง ก็ตอนประโยคนี้โพล่งออกมากับเสียงกลั้นขำ
“เปล่าน้า~”
แน่นอน ร่างบางพาตัวเองวิ่งเข้าไปในห้องทันที โผล่ออกมาแค่หน้าและศีรษะ ในขณะเขายังยืนอยู่ที่เดิม
“สรุปเป็นคุณใช่ไหมคะที่มาเคาะห้องหนู”
“อ่าว”
“แฮะๆๆ ก็ถามแปลกเนอะ คำตอบเห็นๆอยู่”
หล่อนเกาหัวตัวเอง ยิ่งทำให้ชายหนุ่มเอ็นดูมากขึ้น เขาละมือออกจากเครื่องทาบบัตรนั้น หันซ้ายหันขวาย่นหัวคิ้วขมวด ทำท่าเสมือนผู้ใหญ่กำลังจะดุเด็ก
“เข้าไปค่ะ”
“แล้วคุณ?”
“เสร็จแล้ว ค่อยมาเคาะเรียกพี่”
“อ๋าา โอเคค่ะ”
จากนั้นจึงจะเปลี่ยนเป็นหน้าเรียบเฉย ก็ตอนพ้นสายตาของเธอไปแล้ว พลางถอนหายใจพรืด
ร้านกาแฟของคอนโด
อินถาในชุดเดรสเชิ้ตสีขาวดูสะอาดตา เข้ากับรองเท้าผ้าใบสีขาวเช่นเดียวกัน เดินเข้ามาในร้านตามลำพัง เธอยืนอยู่กลางลานพักใหญ่ ในลักษณะท่าชะเง้อคอหาใครบางคน และเมื่อเจอก็เดินมุ่งหน้าไปจุดนั้นทันที
“คุณคะ..”
“มาแล้วหรือ”
“รอนานไหม”
“ไม่ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้ายื่นมือเชื้อเชิญไปยังที่นั่งฝั่งตรงข้าม “นั่งสิ”
“ขอบคุณค่ะ”
อินถายิ้มเจื่อนอ้อมไปนั่งตรงนั้นอย่างประหม่า
“ดื่มอะไรไหมคะ ชา กาแฟ หรือ...นมชมพู”
ประโยคหลังเขาแหย่ หลุดยิ้มกว้างจนเห็นฟันสวย พร้อมลักยิ้มบุ๋มลึกข้างหนึ่ง แน่นอนมันทำหัวใจคนมองสั่นแปลกๆ ในขณะเขาเห็นว่ามันเป็นเรื่องปกติ
“เอ่อ... หนูดื่มกาแฟค่ะ”
“โอเค”
ราล์ฟพยักหน้า วางเมนูลงแล้วเดินไปสั่ง
“อ่ะ”
ก่อนจะหันกลับมาส่ายนิ้วให้เธอ เป็นการปรามห้ามขัดเขา เพราะเต็มใจจะเดินไปสั่งเองมากกว่าเรียกพนักงาน ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับแก้วกาแฟสองแก้ว แก้วหนึ่งเป็นอเมริกาโน่เย็นของเขา ส่วนอีกแก้ว..
“ทานหวานไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไหร่นะคะ”
ถูกเลื่อนมาให้ตรงหน้า พร้อมประโยคหวังดี หญิงสาวช้อนตามองเขา ยิ้มเจื่อน
“รู้ได้ยังไงคะว่าหนู..”
“พนักงานบอกค่ะ บอกว่าหนูกินลาเต้เพิ่มหวานเป็นประจำ”
ประโยคหลังเขาเน้นเสียง จังหวะยกแก้วขึ้นดื่มเหลือบตาขึ้นมองหน้า อินถาแก้เขินด้วยการดื่มบ้างแต่เหลือบมองไปอีกทาง
“ที่นี่เขาไม่เก็บความลับให้เลยนะคะ”
คนได้ยินแอบยิ้มตาม พลางส่ายศีรษะให้กับความทะเล้นซุกซ่อนความซน พลางยกขาขึ้นมาในท่าไขว่ห้าง มือขวาเท้าคางศอกและแขนค้ำกับพนักจ้องมองเธอ ที่สิ่งนี้สร้างความประหม่าให้สาวเจ้าไม่น้อย
“คะ?”
ผายมือออกและเอ่ยประโยคที่ทำให้ต้องเลิกลั่ก
“ไม่ถามหน่อยหรือ พี่ชวนหนูมาทำไม”
นั่นนะสิ! แล้วก็บ้าจี้ตามเขามาด้วยนะ
อินถายิ้มแห้ง อยู่ๆใบ้ก็กิน หลีกเลี่ยงความเขินด้วยการดูดกาแฟเฮือกเดียวเกือบหมด ในขณะเขานิ่งรอคำตอบ
“หืม?”
“เอ่อ..”
“ตอบไม่ได้เหรอคะ” พลางยิ้มมุมปาก โน้มตัวเข้ามาหา “ถ้าอย่างนั้นขอเปลี่ยนคำถามใหม่นะ หนู..ชอบพี่บ้างแล้วหรือยัง”
ในห้องคอนโดขนาดใหญ่ปกคลุมไปด้วยอุณหภูมิเย็น ถูกเปิดราวกับต้องการดับร้อนของคนทั้งคู่ ซึ่งกำลังกอดรัดฟันเหวี่ยงกันอย่างเมามันอยู่บนเตียง แน่นอนพวกเขาไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น ชุดชั้นในของฝ่ายหญิงก็ไม่มีเหลือ ตกหล่นกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น ผสานเสียงหอบกระเส่าเป็นอีกหนึ่งของพร็อพประกอบ ให้ฉากโดยรอบดูขลังอีกเท่าตัว ทว่าความร้อนระอุจากการสร้างขึ้นของคนทั้งคู่ ที่มีความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศนั้น ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ไม่พอเหมือนจะหมดประสิทธิภาพไปเลยด้วย“อือ..เบาๆสิคะ”ซ้ำอารมณ์กระสันรัญจวน เมื่อเปรียบเทียบกับเม็ดเหงื่อที่พรั่งพรูเกาะอยู่บนเนื้อตัวทั้งสองฝ่าย ยังเยอะกว่าเลย“ขอโทษครับ..”หน้านิ่วคิ้วขมวดไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความเจ็บปวดปานใกล้ใจจะขาด แต่มันคือความเร้าใจที่เก็บเอาไว้ไม่ไหวของเขา ผู้ควบคุมชายหนุ่มผงกหัวขึ้นมาเอ่ยเสียงแหบ หลังใช้ปากถูไถเนินเต้าอูมอวบแล้วเผลอลงฟันอย่างมันเขี้ยวอินถาแหงนหน้าขึ้นสุด จนลำคอเห็นเส้นจังหวะคู่กิจกรรมบรรเลงเพลงรักแบบถึงพริกถึงขิง อย่างไร้ความปราณี เธอเสียวซ่าน และสิ่งนั้นทำให้เผลอใช้เล็บจิกลงไปบนแผ่นหลังขาวแข็งแกร่งน่าแปลกหญิงสาวยืนอยู่ตรงนี้ มุมห้องฝ
หลังจากนั้นเขาก็เดินกลับห้องของตัวเอง ปล่อยให้เธอนอนโดดเดี่ยวอยู่บนฟูกสายเรียกเข้านับร้อยสาย แจ้งเตือนจากข้อความอีกมากมายทำเขาหงุดหงิด หลังเปลี่ยนโหมดห้ามรบกวนหลายชั่วโมง ซึ่งหากเขาติดต่อกลับหรือตอบข้อความทุกแจ้งเตือนมีหวังได้นอนเช้าเป็นแน่ จึงจำต้องเลือกเพียงบุคคลที่สำคัญเท่านั้น(กว่าจะโทรกลับมานะมึง)ความตึงเครียดเกิดขึ้นทันทีนับจากได้ยินเสียงปลายสาย ราล์ฟทิ้งตัวบนโซฟา แผ่นหลังพิงพนักกลับไม่ได้ช่วยให้ผ่อนคลายขึ้น“เพิ่งจะห่างกันมา”เสียงทุ้มแหบพร่าแสดงให้รู้ถึงความเหนื่อยจากการต้องแบกรับน้ำหนักของคนเมาคนหนึ่งพาดบ่า ทว่าปลายสายไม่ได้คิดเช่นนั้น(อย่าบอกนะ..จัดมาแล้ว?)เขามีความถ่อยเป็นของตัวเอง ที่คนอย่างราล์ฟมักจะหลีกเลี่ยงด้วยการเงียบทุกครั้งไป แล้วเรื่องนั้นจะถูกเปลี่ยนอัตโนมัติ ไม่สนใจผลลัพธ์หรือคำตอบ“มีอะไรหรือเปล่าครับ”(ไม่ได้สำคัญมากหรอก แค่จะเตือนว่าอย่าพาผู้หญิงเข้าห้อง ถ้าจะเที่ยวจะกินไปหาที่อื่น ห่างจากอีนี่สักหน่อย ไม่อย่างนั้นมันจะไม่ไว้ใจมึง)“ผมรู้ละน่า”(นี่มึงหงุดหงิดกูเรอะ)น้ำเสียงราล์ฟเปลี่ยนไป ห้วนกระด้างจากเดิม อย่างที่ปลายสายว่า อยู่ๆข้างในจิตใจเขานึกฉุนเฉี
แสงไฟอยู่บนทั้งเชิงเทียน และลอยน้ำยิ่งยกระดับความหรูหรามากขึ้น อินถาไม่รู้แสงสว่างตรงจุดนี้เป็นตัวช่วยขับเสน่ห์ให้กับเธอ ทั้งความสวยและสดใสเขย่าใจคนมอง เลี่ยงเปรียบเทียบกับผู้หญิงหลายคนที่เคยผ่านมาและพามาไม่ได้ หากแต่ข้อเปรียบเทียบนี้จะต้องเก็บไว้ในใจ ให้มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยิน ภายใต้ใบหน้านิ่งเรียบนั้นสีหน้าอินถาแลดูเปลี่ยนทันที หลังได้ยินคำตอบของคำถามที่ตนใคร่รู้ โชคดีบรรยากาศตอนกลางคืนซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิด ลับกับเสียงไฟจากดวงกลมรอบๆร้านจงใจจัดแต่งให้ดูดีมีสไตล์มากขึ้น และลมเบาหวิวพัดโชย ทำให้การเกี่ยวเส้นผมมาทัดหู ยามปลิวว่อนปกปิดหน้า ไม่ได้ถูกมองว่าเคอะเขินจนดูแย่ แต่ดูน่าค้นหาไปอีกแบบผู้หญิงตรงหน้า เป็นคนเดียวที่ทำให้เขาเสียอาการ ในความสดใสถึงขนาดพกติดสมองไปด้วยทุกที่ ช่วงไหนที่ว่างช่วงนั้นเรื่องราวของเธอจะมาแทรกแซง“ว่ายังไงคะ ได้ไหม? หนูยังไม่ให้คำตอบพี่เลย”ดวงตาคู่สวยเหลือบขึ้นมาจากจานอาหาร หลังถูกยกเสิร์ฟได้สักพัก พร้อมเม้มริมฝีปากแนบสนิท ในหัวปั่นป่วนพอๆกับท้องน้อย ถ้าสมมุติปฏิเสธเขาจะเป็นอย่างไร?ร่างบางคิดหนัก พยายามทบทวนความเป็นจริงระหว่างระยะเ
ชายหนุ่มในคราบเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงขายาวสีดำ กับกระดุมเสื้อถูกปลดออกไปแล้วสองเม็ด ไม่ได้ทำให้ดูแย่ลง กลับกันทำให้เข้าใจง่ายว่าเขาเหนื่อยมาจากงานที่ทำด้วยซ้ำ และการเผยช่องโหว่ของแผงอกเป็นการคลายความร้อนกับความอึดลงอย่างหนึ่งอินถายิ้มน้อยๆเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้า โดยระดับความสูงของเธอเทียมหน้าอกของพอดิบพอดี เพราะระดับต่างกันจึงทำให้ต้องแหงนหน้าขึ้นไปคุย“เอ่อ..” สายตามองผ่านไปยังรถของตัวเองก่อน จึงจะลากกลับมายังใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้ง “คุณมารออหนูเหรอคะ”“ใช่ค่ะ”ตอบทันควันแบบไม่ได้คิด คนชะงักไปไม่ถูกกลายเป็นคนที่ถาม เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเองรอบที่ล้าน!“รอทำไมคะ แล้วรู้ได้ยังไงว่าหนูยังอยู่ที่นี่”“เอาคำถามไหนดี ก่อนหรือหลัง”ต่างจากเขาที่ดูสบายๆ ราวกับช่ำชองเรื่องนี้มานาน ดูไม่ประหม่า ควบคุมสถานการณ์ได้ดีและอยู่หมัดนาทีนี้อินถารู้สึกถึงความเล็กภายในตัวเองที่เล็กยิ่งกว่าอะตอมภายใต้เซลล์ประหนึ่งควาร์ก (Quark)ดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี ที่ไม่ได้ดีมากขนาดนั้น เข้าถึงง่ายแต่ไม่เปิดโอกาสให้สนิทเอาเป็นว่า เขาคือผู้ใหญ่ที่มีเสน่ห์และน่าค้นหาคนหนึ่ง หากเปรียบด้วยผู้คนตลอดชีวิตยี่
เช้าตรู่ของการตื่นนอนที่ไม่ปกติ เนื่องจากตื่นก่อนเวลาเป็นชั่วโมง แต่พอเดินออกมายังห้องรับแขกที่มีโซฟา กลับพบว่าอีกคนตื่นเร็วกว่า แถมไม่อยู่ตรงนั้นแล้วอินถาถอนหายใจพรืด หมุนตัวเดินกลับไปที่เดิม เพื่ออาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะกลับออกมาใหม่อีกครั้งก็ตอนฟ้าสว่าง จังหวะนั้นกำลังจะเดินผ่าน เหลือบตามองเห็นกระดาษโน้ตสีเหลืองวางอยู่บนโต๊ะโดยมีรีโมตแอร์ทับไว้'ขอบคุณมากค่ะ ไว้คราวหน้าพี่จะพาไปทานข้าวนะ'สาวเจ้าเลิกคิ้วเอียงคอ ทำไมต้องพาทานข้าว เธอไม่ได้อดอยากสักหน่อย พลางสูดลมหายใจยิ้มกว้าง เตรียมตัวไปทำงานต่อ ก่อนจะเดินมุ่งหน้าสู่กล่องลิฟต์ไม่วายยืนจ้องมองประตูห้องของเขา คิดไปเองว่าชายหนุ่มอาจจะอยู่ในนั้น แต่ต้องขมวดคิ้วภายหลังเมื่อนึกขึ้นได้ว่า..“คีย์การ์ดเขาหายนี่นา..”จึงจะส่ายศีรษะหนีจากความคิด มุ่งสู่ที่ทำงานตามเดิมที่ทำงาน...แปะ!“ฮึ่ย”คนตัวเล็กบนเก้าอี้สำนักงานสะดุ้ง ให้กับฝ่ามือใหญ่ที่จงใจปะทะเข้าหากันเพื่อปลุกให้ตื่นจากการเหม่อลอย"เป็นอะไรเนี่ย"เจ้าของมือคือนักรบ เขาถามก่อนคำตอบของเธอจะเป็นต้นเหตุของรอยยิ้มที่หายไป“รบ เมื่อคืนเขามานอนห้องฉัน”“ฮะ” ไม่พอ แถมหัวคิ้วขมวดเข้าหากันด้วย “
เสียงร้องมาพร้อมกับเท้าสะดุด ผลของการเดินเร็วจนเกินไป แล้วหยุดชะงักกลางคัน เพราะภาพตรงหน้าคือผู้ชายคนหนึ่งยืนเปลือยล่อนจ้อนอยู่หน้าไม่อาย!สามารถใช้คำนี้ได้เลยอินถาอ้าปากค้างมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนขึงตาโตก็ตอนเห็นตรงนั้นประเจิดประเจ้อ“เหวอ!”เธอเบือนหน้าหนีไปทางอื่น หลังตั้งสติได้ว่าไม่ควรจ้องนาน กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ สาบานเลยว่าสิ่งที่เห็นเต็มสองตาเมื่อครู่ จะไม่มีวันลืม“ขอโทษค่ะ พี่ไม่คิดว่าหนูจะกลับมาเร็ว”แล้วถ้าเดินกลับมาช้าจะเป็นยังไงเล่า จะล่องหนหรือหายตัวไปนะหรือ“คุณมีคาถาหายตัวได้รึไงกัน”ร่างบางกัดฟันกรอดเอ่ยเสียงแผ่ว ยังคงยืนหันหลังให้เขาอยู่ คนถูกถามกระตุกยิ้ม กลั้นขำ“ก็จะหันหลังให้ จะไม่ยืนโจ่งแจ้งแบบนี้”“ห๊า..” ถึงกับลืมตาโพลง คิดตามที่เขาพูด เมื่อคิดยังไงก็ไม่ใช่เหตุผลถึงกับคอตก “คุณก็รอหนูกลับมาก่อนก็ได้นี่ ของสงวนแบบนั้นไม่ควรเอาออกมาให้เห็นกันง่ายๆรู้ไหมคะ”“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ไม่ถือ”What??!อินถากะพริบตาถี่ เขาโดนซ้อมจนสมองตีลังกากลับหลังไปแล้วกระมัง“แต่ถาเป็นผู้หญิงนะคะ”“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอโทษก็แล้วกัน ขอผ้าเช็ดตัวให้พี่ได้หรือยัง”“ยะ อย่าเข้ามานะคะ”สาวเจ้
“เฮ้ยคุณ!”เธอปล่อยถุงอาหารหลุดมือ พร้อมขึงตาขึ้นกว้าง มากกว่าปกติ ความตกใจลืมหมดแม้ความเย็นชื้นจากสายฝนที่กระหน่ำเทลงไม่ขาดสาย ไม่เหลือพื้นที่แห้งบนเสื้อผ้า แล้วนิ่งทำอะไรไม่ถูก จนเห็นร่างนั้นเริ่มขยับเขยื้อนอีกครั้ง ถึงจะถลาเข้าไปช่วยประคองดึงให้ลุกขึ้นมาส่วนเขาพยายามแหงนหน้า ใช้ม่านตาพร่ามัวที่สายฝนเม็ดใหญ่พรั่งพรูใส่ไม่หยุดมอง ก่อนนิ่วหน้าตอนเธอทำเขาเจ็บ บางทีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลก็สำคัญ เสียดายที่ไม่จดจำสมัยได้เรียน“ตัวคุณหนักมาก ฉันคนเดียวไม่ไหวหรอก ไปตามคนมาช่วยดีกว่า”หมับ!แขนเรียวถูกฉุดรั้งทันทีที่พูดจบ ด้วยแรงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดของเขา“คะ?”ก่อนอ้าปากค้าง หลังเขาส่ายหน้าท้ายที่สุดเป็นเธอที่ต้องพยายาม ดิ้นรนพยุงพาไปยังรถจอดอย่างทุลักทุเล ความหนักของเซลล์ทุกส่วนเป็นอุปสรรคให้ต้องกัดฟันกรอด หลังใช้เท้ายึดพื้นให้มั่นคง เพื่อทรงตัวจังหวะหิ้วปีกเขาลุก“ค่อยๆนะ”“เกิดอะไรขึ้นคะ คนพวกนั้นเป็นใคร มาทำร้ายคุณทำไม”อินถาหันไปถาม ดึงเข็มขัดมาคาดลำตัว เตรียมทำหน้าที่เป็นพลขับ บวกกับความสับสนพยายามไขข้อข้องใจ ให้เหมาะสมไม่คุ้มเสียแก่การตัดสินใจช่วยเหลือเขาด้วยตัวเองแ
ยิ่งใกล้ไตรมาสสุดท้ายงานยิ่งล้นมือ หลายวันมานี้อินถาไม่มีเวลาแม้แต่จะเข้ายิม หรือโผล่หน้าสดไปให้พนักงานร้านกาแฟได้เห็น ชีวิตมีอยู่แค่สองทาง คือทางกลับบ้านกับทางไปทำงาน และสายทุกวัน“ฮ๊าววว~”เสียงหาววอดผสานกับเสียงเสียดสีของก้นแก้วกาแฟเลื่อนผ่านโต๊ะเนื้อไม้มาจอดอยู่ตรงหน้า สาวเจ้าเหลือบมอง พยักหน้ายิ้มบางๆแทนคำขอบคุณ“ขอบใจนะ”“เมื่อคืนดึกหรือ”นักรบทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม ในมือก็ถืออยู่อีกแก้วหนึ่ง“ใช่~ พี่ติ๋วอะดิ แกบ้าจี้อะไรไม่รู้โทรมาสั่งให้แก้งานกะทันหัน กะจะไม่รับสายแล้วนะ แต่ก็กลัวจะเป็นเรื่องด่วนหรือเป็นแกเองที่ขอความช่วยเหลือ”ได้ทีอินถาบ่นใหญ่ ทว่าสายตาไม่ได้จับจ้องคู่สนทนา แต่หรี่ต่ำมองแก้วในมือตัวเอง มองควันที่พวยพุ่งจากความร้อนนั้นอยู่ดีๆในหัวเกิดมีภาพแห่งความทรงจำเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านทำไมกันนะ กับอีแค่ยาไม่กี่แผง ถึงได้มีอิทธิพลทำให้เธอรู้สึกดีได้มากขนาดนี้ ทั้งๆที่เขานั้นก็มีเจ้าของอยู่แล้วอินถาเผลอยิ้ม แอบเข้าข้างตัวเอง แต่ปัจจุบันเขานั้นหายไปเลย ไร้วี่แววแม้แต่เงา เสียงเงียบราวกับไม่มีใครอยู่ในห้องข้างๆในขณะเดียวกันก็ตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อไปด้วย เ
อินถายืนสงบนิ่งให้กับความสับสนของตัวเองที่ได้มาอย่างไม่ทันตั้งตัว ในมือชูถุงยาขึ้น มองมันราวกับเป็นของวิเศษแวบมาจากทิศทางใดไม่รู้สักแห่ง ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาเขา เจ้าของผู้กระทำนำพา ทว่าทั้งทางเดินพบแต่ความว่างเปล่าความรู้สึกกระดี่ได้น้ำถูกเก็บไว้ในที่ตื้น ชนิดหากไม่รีบทำอะไรสักอย่างอาจโผล่พ้นออกมาให้เห็นได้เนื่องจากยากต่อการควบคุม เธอถึงได้เร่งเปิดประตูแล้วพาตัวเองเข้าไปในห้องนั้น เพื่อกระโดดโลดเต้น ดีใจประหนึ่งถูกรางวัลฉลากกินแบ่งรัฐบาล จิตใต้สำนึกบวกสัญชาตญาณกระซิบบอกให้เข้าข้างตัวเอง สิ่งนี้ที่ถืออยู่อาจเป็นของเขาผู้ชายที่แอบชอบไม่รอช้าหญิงสาวรีบคลี่ปมของมันทันที ก่อนจะหยิบออกมาดูทีละชิ้น เมื่อพบว่าเป็นยารักษาแผลทั้งภายในและภายนอก ก็ขึงตาโต“พระเจ้าคะ..” มือผสานเข้าหากัน แหงนหน้าขึ้น พร้อมยิ้มปลื้มดุจน้ำตาจะไหล ซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าจูปิเตอร์ “ทรงได้ยินคำขอของอินถาแล้วสินะคะ อินถาสามารถตัดชุดแต่งงานรอได้เลยใช่ไหม งื้อ..”ความตื่นเต้นถึงขนาดหัวเราะดังลั่นห้องอย่างลืมอาย จากนั้นจึงจะเดินไปทิ้งตัวลงกลางเตียง“เฮ้อ สบายใจจัง...”แล้วเผลอหลับไปเพราะความเพลียในที่สุดด้