Share

เริ่มใหม่

last update Last Updated: 2025-05-17 18:30:03

สามีของหมอเพชรขมวดคิ้ว "หมายความว่า...เขาลืมสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว?"

แพทย์พยักหน้า "ใช่ครับ สมองของเขาเลือกที่จะ 'ลืม' เพื่อป้องกันตัวเองจากความเจ็บปวด แต่ก็ไม่ทั้งหมด"

เขาเปิดเอกสารก่อนจะอธิบายต่อ "บางครั้ง ความทรงจำอาจไม่ถูกลบออกไปโดยสิ้นเชิง มันอาจคงอยู่ในรูปแบบของ ‘ความรู้สึก’ หรือ ‘ภาพที่คุ้นเคย’ กนกอาจจำบางส่วนได้ เช่น คนบางคน หรือเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่ชัดเจน แต่เขาจะไม่สามารถเรียงลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดได้"

แพทย์เว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวต่อ "และหากกนกต้องเจอกับสถานการณ์ หรือสิ่งกระตุ้นที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในวันนั้น เขาอาจจะจำได้อีกครั้ง และมันอาจกระตุ้นให้เกิดอาการตื่นตระหนก หรือปวดหัวรุนแรงเหมือนก่อนหน้านี้"

หมอเพชรเม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่อยากให้ลูกต้องเผชิญกับความเจ็บปวดซ้ำๆ

"แล้วตอนนี้... อาการของเขาจะเป็นยังไงต่อไปคะ?"

แพทย์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนตอบ "ตอนนี้เด็กอาจมีอาการที่คล้ายกับอยู่ในความทรงจำของตัวเอง หรืออยู่ในโลกที่สมองของเขาสร้างขึ้นเพื่อป้องกันตัวเอง เขาอาจมีช่วงเวลาที่เหม่อลอย รู้สึกสับสน หรือตอบสนองช้ากว่าปกติ"

"แล้วเราต้องทำยังไงบ้างคะ?" หมอเพชรถามเสียงสั่น เธอพยายามคุมอารมณ์ตัวเอง แต่หัวใจกลับหนักอึ้งราวกับถูกบีบแน่น

แพทย์เสริมขึ้นทันที

"และจากเอกสารของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต...ผู้ป่วยยังอยู่ในภาวะ PTSD แบบเฉียบพลัน (Acute Stress Disorder: ASD) ซึ่งเกิดขึ้นภายใน 1 เดือนหลังจากเผชิญเหตุการณ์สะเทือนใจ อาการจะรุนแรงในช่วงแรก แต่หากได้รับการดูแลที่เหมาะสม ก็สามารถฟื้นตัวกลับมาได้โดยไม่พัฒนาเป็น PTSD เรื้อรัง"

แพทย์มองทั้งคู่ด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนกล่าวอย่างหนักแน่น "เราต้องให้ผู้ป่วยค่อยๆ ฟื้นฟูสภาพจิตใจไปตามธรรมชาติ อย่าฝืนให้เขานึกถึงสิ่งที่ลืมไป และอย่ากระตุ้นความทรงจำโดยตรง สิ่งสำคัญที่สุดคือทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ให้เขารับรู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่เพียงลำพัง"

"เราจะทำยังไงได้บ้างครับ?" สามีของเธอเป็นฝ่ายถามขึ้น

แพทย์วางแฟ้มเอกสารลงก่อนอธิบายอย่างใจเย็น "ทางที่ดีที่สุดสำหรับการบำบัด คือต้องพาผู้ป่วยเข้ารับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ซึ่งอยู่ที่โรงพยาบาลในตัวเมืองที่มีเครื่องมือพร้อมสำหรับผู้ป่วยประเภทนี้"

"จะรักษาด้วยวิธีไหนคะ"

"เราจะใช้วิธีบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม หรือ Cognitive Behavioral Therapy (CBT) " แพทย์อธิบาย "CBT จะช่วยให้ผู้ป่วยระบุและเปลี่ยนแปลงความคิดที่เป็นอันตราย ซึ่งก่อให้เกิดความเครียดและความวิตกกังวล นักบำบัดจะช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้ทักษะในการเผชิญปัญหา และจัดการกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ"

หมอเพชรพยักหน้า "แล้วมันจะช่วยกนกได้มากแค่ไหนคะ?"

"CBT สามารถช่วยลดอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า และนอนไม่หลับ อีกทั้งยังช่วยให้กนกสามารถเผชิญหน้ากับความทรงจำที่เจ็บปวดได้อย่างปลอดภัยและค่อยเป็นค่อยไป"

แพทย์มองทั้งคู่ด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนกล่าวต่อ "นอกจากนี้ กนกยังต้องได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว นี่เป็นสิ่งสำคัญมากครับ เด็กที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ได้รับความรักและการดูแลเอาใจใส่ มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้เร็วกว่า"

แพทย์เปิดสมุดบันทึกขึ้นมา และอธิบายอย่างละเอียด

"สำหรับการดูแลที่บ้าน นอกจากการให้กำลังใจแล้ว ควรให้กนกได้พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับที่ดีจะช่วยให้สมองและจิตใจฟื้นตัวได้เร็วขึ้น"

"การออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดินเล่น หรือทำกิจกรรมที่กนกชอบ จะช่วยให้เขาผ่อนคลาย และลดความตึงเครียดได้"

"นอกจากนี้ การฝึกสมาธิ การหายใจลึกๆ หรือแม้แต่การเล่นกับสัตว์เลี้ยงก็สามารถช่วยลดความวิตกกังวลได้"

แพทย์สบตากับทั้งคู่ "และที่สำคัญที่สุดคือ... ให้เขารู้ว่าพ่อแม่อยู่ข้างเขาเสมอ"

หมอเพชรหันไปมองสามี ทั้งสองสบตากัน แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความกังวล

"แล้วช่วงเวลาของการรักษา... จะใช้เวลานานแค่ไหนคะ?" หมอเพชรถามขึ้น เสียงของเธอเบาลงเล็กน้อยแต่ยังแฝงไปด้วยความกังวล

แพทย์เหลือบมองแฟ้มผลตรวจ ก่อนเงยหน้าขึ้นตอบด้วยน้ำเสียงสุขุม "ระยะเวลาการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจของผู้ป่วยเป็นหลักครับ"

"ถ้ากนกตอบสนองต่อการบำบัดได้ดี ฟื้นฟูสภาพจิตใจได้เร็ว อาจใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน"

สามีของหมอเพชรพยักหน้าอย่างตั้งใจฟัง แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไร แพทย์ก็เสริมขึ้นมาอีกครั้ง

"แต่ถ้าผู้ป่วยยังฝังใจกับเหตุการณ์นั้น ยังคงรู้สึกหวาดกลัว หรือยังมีอาการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นรุนแรง การรักษาอาจต้องใช้เวลานานขึ้น อาจมากกว่า 6 เดือน หรืออาจเป็นปี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอของการรักษา และการสนับสนุนจากครอบครัวครับ"

หมอเพชรพยักหน้าเล็กน้อย แม้หัวใจจะหนักอึ้ง เธออยากให้ลูกกลับมาเป็นเด็กสดใสเหมือนเดิม แต่เธอก็รู้ว่า การเร่งรัดให้กนกฟื้นตัวเร็วเกินไป อาจเป็นการทำร้ายเขามากกว่าการช่วยเหลือ

"แล้วมีวิธีไหนไหมคะ ที่เราสามารถช่วยให้เขาฟื้นตัวได้เร็วขึ้นไหมคะ"

แพทย์ส่งยิ้มบางๆ ก่อนตอบ "สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยครับ ให้เขารับรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ลำพัง และให้เขาค่อยๆ กลับไปใช้ชีวิตปกติทีละนิด โดยไม่กดดันตัวเอง"

"ถ้าเขาเริ่มกลัวหรือมีอาการตื่นตระหนก พ่อแม่ควรอยู่ข้างเขา และให้เวลาเขาค่อยๆ ก้าวผ่านมันไปเอง"

แต่สิ่งที่พวกเขาต้องทำตอนนี้ ไม่ใช่การหาคำตอบว่าเมื่อไหร่กนกจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่คือทำให้ลูกชายของพวกเขารู้ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...เขาจะไม่มีวันเผชิญหน้ากับมันเพียงลำพัง

พวกเขาจะเดินไปกับเขา... ทีละก้าว ทีละก้าว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   เหม่อลอย

    เหม่อลอยสองสัปดาห์หลังจากนั้นภายในบ้านหลังเดิม ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แต่บรรยากาศกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป กนกนั่งนิ่งอยู่บนพื้นไม้ข้างหน้าต่าง ดวงตากลมโตจ้องออกไปด้านนอก แต่ไร้ประกาย เขาไม่พูดอะไร ไม่ส่งเสียง ไม่แม้แต่จะขอให้แม่กอดเหมือนทุกครั้งที่เคยทำเด็กชายวัยห้าขวบ ที่ครั้งหนึ่งเคยวิ่งเล่นไปรอบบ้าน หัวเราะเสียงดังจนได้ยินไปถึงท้ายสวน... ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงเงาของตัวเอง"กนก ลูกอยากออกไปเดินเล่นกับพ่อไหมครับ?"เสียงของพ่อดังขึ้นเบาๆ เขานั่งยองๆ ลงตรงหน้าลูกชาย ยิ้มให้ แม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ กนกไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองพ่อ เขาแค่กะพริบตาช้าๆ ราวกับได้ยินคำพูดนั้น แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร"งั้นออกไปนั่งกับพ่อข้างนอกดีไหม?"เด็กน้อยนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเบาๆพ่ออุ้มกนกออกมานั่งที่แคร่ไม้หน้าบ้าน อากาศเย็นสบาย สายลมพัดผ่านเบาๆ กลิ่นดินชื้นหลังฝนตกทำให้ทุกอย่างดูสงบลงแต่กนกก็ยังคงนั่งนิ่งไม่มีค

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   เริ่มใหม่

    สามีของหมอเพชรขมวดคิ้ว "หมายความว่า...เขาลืมสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว?"แพทย์พยักหน้า "ใช่ครับ สมองของเขาเลือกที่จะ 'ลืม' เพื่อป้องกันตัวเองจากความเจ็บปวด แต่ก็ไม่ทั้งหมด"เขาเปิดเอกสารก่อนจะอธิบายต่อ "บางครั้ง ความทรงจำอาจไม่ถูกลบออกไปโดยสิ้นเชิง มันอาจคงอยู่ในรูปแบบของ ‘ความรู้สึก’ หรือ ‘ภาพที่คุ้นเคย’ กนกอาจจำบางส่วนได้ เช่น คนบางคน หรือเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่ชัดเจน แต่เขาจะไม่สามารถเรียงลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดได้"แพทย์เว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวต่อ "และหากกนกต้องเจอกับสถานการณ์ หรือสิ่งกระตุ้นที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในวันนั้น เขาอาจจะจำได้อีกครั้ง และมันอาจกระตุ้นให้เกิดอาการตื่นตระหนก หรือปวดหัวรุนแรงเหมือนก่อนหน้านี้"หมอเพชรเม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่อยากให้ลูกต้องเผชิญกับความเจ็บปวดซ้ำๆ"แล้วตอนนี้... อาการของเขาจะเป็นยังไงต่อไปคะ?"แพทย์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนตอบ "ตอนนี้เด็กอาจมีอาการที่คล้ายกับอยู่ในความทรงจำของตัวเอง หรืออยู่ในโลกที่สมองของเขาสร้างขึ้นเพื่อป้องกันตัวเอง เขาอาจมีช่วงเวลาที่เหม่อลอย รู้สึกสับสน หรือตอบส

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   สภาวะลืมชั่วคราว

    หลังจากที่การสแกนสมองเสร็จสิ้น หมอแนะนำให้กนกกลับไปพักฟื้นที่บ้านเพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้ผ่อนคลาย"เราจะกลับบ้านกันแล้วนะลูก"กนกที่นั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง เงยหน้าขึ้นมองหมอเพชร ดวงตากลมโตดูเลื่อนลอยราวกับจิตใจของเขายังคงติดอยู่ที่ไหนสักแห่ง"บ้าน..." เด็กชายพึมพำเสียงเบา "ผมอยากกลับบ้าน..."เพียงเท่านั้น พ่อของเขาก็รีบก้าวเข้ามา อุ้มลูกชายขึ้นแนบอกโดยไม่รอช้า "เราจะกลับบ้านกันนะครับลูก" น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยปลอบโยน ขณะที่อ้อมแขนโอบรัดลูกแน่นราวกับจะปกป้องจากทุกสิ่ง หมอเพชรยิ้มบางๆ ให้ลูก ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้สามี "พากนกไปขึ้นรถก่อนนะ ฉันขอพบหมอก่อน"สามีพยักหน้ารับ ก่อนเดินออกไปพร้อมกับลูกที่ซบหน้าลงบนบ่าในห้องตรวจ หมอเพชรนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ มือที่วางอยู่บนตักกำแน่นจนรู้สึกถึงแรงกดของปลายนิ้ว หัวใจของเธอเต้นแรงจนน่าอึดอัด เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แต่กลับรู้สึกว่ามันตื้นเขินกว่าปกติและพยายามไม่คิดถึงสิ่งที่เลวร้ายที่อาจจะทำให้ชีวิตของลูกชายเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล"ตอนนี้ เรายังไม่พบการบาดเจ็บทางร่างกายจากสมองครับ" แพทย์กล่าวพลางวางแฟ้มผลตรวจลงบนโต๊ะ "แต่จากอาการของคนไข้ มีแนวโน้

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   เปลี่ยน

    เสียงร้องไห้ของเด็กชายวัยห้าขวบดังสนั่นไปทั่วห้องพักพิเศษ เสียงนั้นแหลมสูงและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ราวกับคนที่เพิ่งตื่นจากฝันร้ายที่กัดกินจิตใจไปนานแสนนาน พยาบาลที่เข้าเวรอยู่รีบกดโทรศัพท์ไปยังสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเพื่อแจ้งข่าว"คุณหมอเพชรคะ! ลูกชายคุณฟื้นแล้วค่ะ แต่เขาร้องไห้หนักมากจนตัวสั่น เราต้องการให้คุณมาดูแลด่วน"ทันทีที่ได้รับโทรศัพท์ หมอเพชรรู้สึกเหมือนหัวใจหลุดออกจากอก "กนก...ลูกฟื้นแล้ว" เขาพึมพำกับตัวเองอย่างแทบไม่เชื่อหูเพราะลูกชายสลบไปถึงสามวันเขารีบคว้าโทรศัพท์โทรหาสามีที่ทำงานอยู่ในสวนมะพร้าว "คุณคะ กนกฟื้นแล้วค่ะ" น้ำเสียงของเขาสั่นไหว ทั้งดีใจ ทั้งเป็นห่วง"เดี๋ยวผมไปเดี๋ยวนี้!" อีกฝ่ายตอบทันทีจากนั้น หมอเพชรก็รีบจัดการลางานเร่งด่วนและตรงดิ่งไปหาลูกโดยไม่รอช้าทว่าเมื่อไปถึง เขาก็พบว่ากนกยังคงร้องไห้ไม่หยุดร่างเล็กของลูกนอนอยู่บนเตียง แผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็วจากการสะอื้น ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เสียงร้องของเขาสั่นระริก ไม่ใช่เพียงเพราะตกใจที่ตื่นขึ้นมาเจอสถานที่แปลกตา แต่เป็นเพราะสิ่งที่เขาเผชิญในความมืดตลอดสามวันที

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   ช่วงเวลาของเราสองคน

    ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา หมอเพชรเดินเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ความเหนื่อยล้าเริ่มก่อตัวจนรู้สึกเหมือนร่างกายหนักอึ้ง แต่เขาก็ไม่มีเวลาจะสนใจมัน เพราะเรื่องราวทุกอย่างกลับไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ตอนแรกเขาเชื่อว่า เมื่อทุกอย่างถึงมือหมอน่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นแต่มันกลับผิดไปจากที่คาดไว้มาก ลูกชายของเขา กนกหมดสติไปมากกว่าหนึ่งวันแล้วและจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้น ดวงตาของเขายังคงปิดสนิท ร่างกายดูสงบเกินไปจนหมอเพชรรู้สึกหวั่นใจส่วนภพ อาการของเขาหนักกว่ามาก กระดูกบริเวณใบหน้าหักจากแรงกระแทกและยังมีอาการบวมช้ำภายใน แพทย์ต้องเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิดแต่ปัญหาคือเครื่องมือของโรงพยาบาลแห่งนี้ไม่พร้อมพอสำหรับการรักษาในระดับที่ภพต้องการ เมื่อญาติๆ ของภพได้รับข่าวว่าหลานชายของพวกเขาถูกทำร้ายจนอาการสาหัส พวกเขาก็ไม่รอช้า รีบขอให้มีการย้ายตัวผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลใหญ่ในตัวเมืองซึ่งมีเครื่องมือและทีมแพทย์ที่พร้อมกว่ามาก หมอเพชรเข้าใจดีว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแม้จะเป็นภาระหนักสำหรับแป้นก็ตามเขาช่วยจัดการเรื่องเอกสารการส่งตัวภพด้วยตัวเอง ทำเรื่องให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   เรื่องราว

    วันนี้เป็นอีกวันหยุดที่เขาพาน้องมาเล่นที่บ้านสวนแต่ความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิม เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากบ้าน หลุดลอดมาถึงสวนมะพร้าวที่พวกเขาอยู่ ภพชะงักและหันไปสบตากับกนกที่กำลังเล่นสนุกกันอยู่"พี่ภพ...เสียงอะไรน่ะ"ภพไม่ได้ตอบแต่เขารู้สึกไม่ดีเลย มันไม่ใช่เสียงทะเลาะเบาๆ หรือแค่ใครทำของหล่น มันดูรุนแรงกว่านั้น"ไปดูที่บ้านกัน" เขาตัดสินใจจูงมือน้องวิ่งกลับไปแต่เมื่อไปถึงภาพที่เห็นทำให้เขาแทบหยุดหายใจ เมื่อเห็นพ่อยืนอยู่กลางบ้าน เขาคนนั้นร่างกายผอมซูบกว่าเดิม ดวงตาแดงก่ำคล้ายคนที่ไม่ได้หลับมาหลายวัน เสื้อผ้ายับยู่ยี่เหมือนไม่ได้เปลี่ยนมาหลายวันด้วยซ้ำแต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าทุกอย่างคือ พ่อกำลังยื้อแย่งอะไรบางอย่างจากมือแม่จนทำให้ข้าวของกระจัดกระจายเต็มพื้น โต๊ะเก้าอี้ล้มระเนระนาด"แม่!"ภพตะโกนสุดเสียงจนพ่อชะงัก แต่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นก่อนที่เขาจะหันขวับมาทางแม่อีกครั้ง"ทำไมไม่มี! เอาไปไว้ไหน! เงินมันอยู่ไหน!" พ่อตวาดใส่แม่เสียงดัง"ฉันไม่มีแล้ว! พอเถอะนะ!" เสียงแม่สั่นเครือแต่พ่อไม่ฟัง เขากระชากตัวแม่แรงขึ้นก่อนจะเริ่มลงมือ

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   พ่อ

    "เฮ้ย ไอ้ภพ มึงกลับบ้านกับเด็กนั่นทุกวันเลยเหรอวะ"เสียงแซวของเพื่อนในห้องดังขึ้น ขณะที่ภพกำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมามองอย่างงุนงง"ทำไมหรอ?" เพื่อนยักไหล่ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะว่าต่อ "ก็น้องชายมึงก็ไม่ใช่... มึงลองพามันไปบ้านมึงดิ๊"ภพหลุดหัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้า "มึงอยากให้กนกไปบ้านกูจริงดิ เดี๋ยวพ่อกูก็อาละวาดบ้านแตกหรอก""แม่มึงก็เก่งเนอะ อยู่กับพ่อมึงได้""แล้วกูไม่เก่งหรอวะที่อยู่กับพ่อแม่ได้""ไอ้เหี้ย มึงเป็นลูกมึงก็ต้องอยู่กับพ่อแม่ป่ะวะ""มั้ง..."เสียงหัวเราะเบาๆ ปะปนกับการพูดคุยเล่นกันในห้องเรียนแต่ภพกลับไม่ได้สนใจนัก เขาเพียงแต่เงียบลงเมื่อนึกถึงกนกเด็กน้อยที่มักจะรอเขากลับจากโรงเรียนทุกวัน มันเป็นเรื่องจริง... เพราะเส้นทางที่เขากลับบ้านผ่านสำนักงานสาธารณสุขตำบลพอดี ทุกเย็นน้าเพชรจะพากนกมาทำงานด้วย และกนกก็มักจะมาเล่นอยู่ที่สวนข้างสำนักงานรอให้ภพพากลับบ้านด้วยกัน มันเป็นแบบนี้มาเกือบสองเดือนแล้ว ตั้งแต่ที่พวกเขารู้จักกัน"พี่ภพ..."กนกน้อยจับเสื้อภพเขย่าเบาๆ ขณะที่พวกเขากำ

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   อดีต

    "เราจำตุ๊กตาตัวนี้ได้ไหม..."พี่ภพค่อยๆ หยิบตุ๊กตาตัวนั้นมาให้กนก ตุ๊กตาหมีสีเหลืองตัวเดิมผ้าขนหนูที่คลุมอยู่บนตักร่วงลงพื้น เขาหันหน้าหนีปิดตาแน่นไม่กล้ามองสิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัว มันเป็นอะไรที่เขาอธิบายไม่ได้แค่เห็นภาพนั้นกล้ามเนื้อก็เริ่มเกร็งหัวใจเต้นแรง และเริ่มหายใจหอบ“น้องกนก...” พี่ภพเรียกเบาๆ ด้วยน้ำเสียงกังวล กนกไม่ตอบจนพี่ภพรีบขึ้นไปบนเตียง โอบกอดน้องไว้แน่น“เราไม่ต้องกลัว...เราจะปลอดภัย”“ผะ...ผม...ผมไม่อยากเห็นมัน...” หอบถี่และหนักหน่วง สะท้อนถึงความหวาดหวั่นที่ก่อตัวขึ้นในอก มือที่กำเสื้อของพี่ภพไว้สั่นระริก ความอบอุ่นจากร่างกายของอีกฝ่ายเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยยึดเหนี่ยวเขาไว้ในตอนนี้“เราจะไม่เป็นอะไร...พี่จะอยู่ข้างเรา...จะไม่มีใครทำอะไรเรา” เสียงกระซิบของพี่ภพนุ่มนวลและอบอุ่น ราวกับสายลมอ่อนที่พัดผ่านใจ เขาเผลอหลับตาลงปล่อยให้ถ้อยคำเหล่านั้นแทรกซึมเข้ามาอย่างแผ่วเบา มันเหมือนมีมนต์สะกดค่อยๆปลดเปลื้องความตึงเครียดในอกไปทีละนิด ลมหายใจที่เ

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   ความทรงจำที่ขาดหาย

    ผมพยายามไม่รอเขา...แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองนาฬิกาบนมือถือทุกๆ สิบนาที ไม่ดูหรอก...ก็ตั้งใจอ่านหนังสือนิยายอยู่นะ วันนี้เป็นวันพักผ่อนหลังสอบ ควรจะผ่อนคลายสักหน่อย แต่ไม่รู้ทำไม ตัวหนังสือที่เคยสนุกกลับกลายเป็นแค่ตัวอักษรที่เรียงกันไม่มีความหมาย หรือว่าผมกำลัง...ก็อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที ใจเต้นแรงเหมือนเด็กน้อยที่รอคอยของขวัญ แต่คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับไม่ใช่พี่ภพ..."คนเก่ง...ได้ท็อปเลยดิ ยังอ่านหนังสือทั้งที่วันนี้ก็วันศุกร์" มิวยืนอยู่หน้าประตู ยิ้มกว้างพร้อมกับชีทที่ถืออยู่ในมือผมพยักหน้าเล็กน้อย พยายามเก็บความรู้สึกผิดหวังไว้ในใจ "ทำไมวันนี้มาหาเรา...ลืมอะไรหรือเปล่า""ลืม...ลืมชีทที่เราให้แกวันติวไว้""อ้าว แล้วไม้โทรมาบอก" ผมถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้เป็นปกติ"ก็ห้องอยู่แค่ชั้นเดียว เดินมาหากันก็ได้" มิวยักไหล่แล้วก็ส่งสายตามองผมอย่างสนใจ"...ไม่ใช่หรอ หรือแกมีอะไร""มีอะไรล่ะ ไม่มี"มิวหัวเราะเบาๆ "แล้วนี่ไม่กลัวแล้วหรอ...พี่ชายข้างบ้านยังมาหาอยู่ไหม""ก็มา

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status