Share

เหม่อลอย

last update Last Updated: 2025-05-18 18:30:10

เหม่อลอย

สองสัปดาห์หลังจากนั้น

ภายในบ้านหลังเดิม ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แต่บรรยากาศกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป กนกนั่งนิ่งอยู่บนพื้นไม้ข้างหน้าต่าง ดวงตากลมโตจ้องออกไปด้านนอก แต่ไร้ประกาย เขาไม่พูดอะไร ไม่ส่งเสียง ไม่แม้แต่จะขอให้แม่กอดเหมือนทุกครั้งที่เคยทำ

เด็กชายวัยห้าขวบ ที่ครั้งหนึ่งเคยวิ่งเล่นไปรอบบ้าน หัวเราะเสียงดังจนได้ยินไปถึงท้ายสวน... ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงเงาของตัวเอง

"กนก ลูกอยากออกไปเดินเล่นกับพ่อไหมครับ?"

เสียงของพ่อดังขึ้นเบาๆ เขานั่งยองๆ ลงตรงหน้าลูกชาย ยิ้มให้ แม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ กนกไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองพ่อ เขาแค่กะพริบตาช้าๆ ราวกับได้ยินคำพูดนั้น แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร

"งั้นออกไปนั่งกับพ่อข้างนอกดีไหม?"เด็กน้อยนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเบาๆ

พ่ออุ้มกนกออกมานั่งที่แคร่ไม้หน้าบ้าน อากาศเย็นสบาย สายลมพัดผ่านเบาๆ กลิ่นดินชื้นหลังฝนตกทำให้ทุกอย่างดูสงบลงแต่กนกก็ยังคงนั่งนิ่งไม่มีคำถาม ไม่มีเสียงเรียกหาแม่ ไม่มีเสียงเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องไร้สาระเหมือนเมื่อก่อน พ่อมองลูกชายตัวเล็กของเขา มือที่เคยเต็มไปด้วยรอยดินจากการเล่นสนุก ตอนนี้จับชายเสื้อตัวเองแน่น ราวกับกำลังยึดเหนี่ยวอะไรบางอย่าง

"กนก..." พ่อเรียกชื่อเขาเบาๆ

เด็กชายหันมามองช้าๆ ดวงตาคู่นั้นยังคงไร้แววสดใสเหมือนเก่า

"พ่อครับ..." เสียงเล็กๆ เอ่ยขึ้นแผ่วเบา

"ครับลูก"

"ผมเหนื่อย"

คำถามที่ออกมาจากปากเด็กอายุห้าขวบ ทำให้หัวใจของพ่อเหมือนถูกบีบแน่น

เขาไม่รู้จะตอบยังไง ไม่รู้จะอธิบายยังไงว่า บางครั้งบาดแผลที่มองไม่เห็น อาจต้องใช้เวลานานกว่าที่ใครจะคาดคิด

เขาทำได้เพียงยิ้มบางๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะลูกชายเบาๆ

"ไม่เป็นไรนะลูก... ไม่ว่าเมื่อไหร่ หรืออีกนานแค่ไหน พ่อกับแม่จะอยู่ตรงนี้เสมอ"

กนกพยักหน้าเบาๆ แต่ก็ยังไม่ยิ้มพ่ออยากจะกอดเขาแน่นๆ อยากจะพาเขากลับไปเป็นเด็กที่สดใสเหมือนเดิม

แต่เขารู้ดีว่า... มันคงไม่ง่ายอย่างนั้น

หลังจากผ่านไปหลายสัปดาห์ กนกยังคงเป็นเด็กเงียบๆ ที่จมอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ไม่มีแม้แต่คำขอให้แม่อุ้มเหมือนเมื่อก่อน หมอเพชรและสามีตัดสินใจว่าพวกเขาไม่สามารถรอให้กนกฟื้นตัวได้ด้วยตัวเองอีกต่อไป พวกเขาต้องพาลูกชายไปพบกับผู้เชี่ยวชาญ

"กนกครับ เราจะเข้าไปในเมืองกันนะลูก"

แม่พูดกับลูกชายเบาๆ มือที่ลูบศีรษะเล็กๆ นั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เด็กชายพยักหน้าช้าๆ ไม่ได้ถามอะไร ไม่ได้สงสัยเหมือนเมื่อก่อนเพราะตอนนี้... กนกไม่ได้ตั้งคำถามกับโลกอีกแล้ว

โรงพยาบาลจิตเวชเด็กและวัยรุ่น ในเมือง

หมอเพชรจับมือลูกชายแน่น ขณะที่พยาบาลพากนกไปนั่งในห้องตรวจ สีขาวสะอาดตาของที่นี่ทำให้ทุกอย่างดูปลอดภัย แต่ก็เย็นชาจนน่าหวาดหวั่น

แพทย์หญิงวัยกลางคน ผู้เป็นจิตแพทย์เด็ก นั่งลงตรงหน้ากนกด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

"สวัสดีจ้ะ กนก" เธอพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

เด็กชายกะพริบตา ก่อนพยักหน้าเบาๆ

"กนก หนูชอบวาดรูปไหม?"

เด็กน้อยไม่ตอบ

"งั้นเรามาลองวาดกันดีไหม?"

แพทย์วางกระดาษเปล่าและสีไม้ลงตรงหน้าเด็กชาย มือเล็กๆ หยิบสีขึ้นมา กนกจ้องกระดาษอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ลงมือวาด

หมอเพชรนั่งมองอยู่เงียบๆ ข้างๆ สามีของเธอ

และแล้ว... ภาพแรกที่กนกวาดออกมา ก็คือ "บ้านของเขา"

"ตอนนี้อาการของกนกถือว่าอยู่ในระยะที่สมองพยายามปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวดค่ะ" แพทย์จิตเวชเด็กกล่าวหลังจากการประเมินเบื้องต้น

หมอเพชรเม้มริมฝีปาก เธอรู้อยู่แล้วว่านี่จะเป็นกระบวนการที่ยาวนาน แต่เธอก็ยังอดรู้สึกใจหายไม่ได้

"แล้วเราต้องทำยังไงบ้างคะ?"

แพทย์ยิ้มบางๆ ก่อนตอบ "ขั้นแรกคือ เราต้องช่วยให้กนกรู้สึกปลอดภัยก่อน เขาต้องได้รับการบำบัดอย่างค่อยเป็นค่อยไป การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม หรือ CBT จะเป็นวิธีหลักที่ใช้ในการช่วยให้เขาฟื้นตัว"

"แล้วต้องใช้เวลานานแค่ไหนคะ?"

"ขึ้นอยู่กับตัวกนกเองค่ะ" แพทย์ตอบตรงไปตรงมา "บางคนใช้เวลาไม่กี่เดือน แต่บางคนอาจต้องใช้เวลานานเป็นปี สิ่งสำคัญที่สุดคือความต่อเนื่องของการรักษา และการสนับสนุนจากครอบครัว"

หมอเพชรพยักหน้า แม้หัวใจจะหนักอึ้ง

หลังจากการพูดคุยกับแพทย์จิตเวช กนกได้รับใบนัดสำหรับการบำบัดครั้งถัดไประหว่างทางกลับบ้าน กนกยังคงเงียบแต่ในมือเล็กๆ นั้น... เขากำลังกำดินสอสีเอาไว้แน่น เหมือนกับว่า... อย่างน้อยที่สุด เขาก็ยังมีบางสิ่งให้ยึดเหนี่ยว

แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอน กลิ่นไอดินจากสวนมะพร้าวหลังบ้านลอยมาตามลมอ่อนๆ ทุกอย่างดูสงบ... แต่หัวใจของหมอเพชรไม่เคยสงบลงเลย เช้านี้ก็เหมือนเช้าทุกวัน กนกตื่นขึ้นมาพร้อมกับสายตาเหม่อลอย ร่างเล็กนั่งนิ่งอยู่บนเตียง ผ้าห่มยังคลุมกายอยู่ครึ่งหนึ่ง ราวกับว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีอะไรให้เขาตื่นเต้นอีกแล้ว

หมอเพชรมองลูกชายด้วยความปวดใจ เธอเคยคิดว่าแค่ลูกตื่นขึ้นมาและรับรู้ถึงอ้อมกอดของพ่อแม่ก็คงดีขึ้น

แต่เปล่าเลย...

กนกยังคงติดอยู่ในโลกที่ไม่มีใครเข้าถึงได้

"กนกครับ... ถ้าอยู่บ้านแล้วเบื่อ หนูอยากลองวาดรูปไหม?"

เสียงของเธออ่อนโยนเหมือนทุกครั้ง หวังว่าลูกจะพยักหน้าตอบเหมือนวันก่อน

เด็กชายไม่ได้ตอบในทันที... นานเกินไปกว่าที่เด็กอายุห้าขวบจะต้องใช้เวลาคิด แต่แล้วเขาก็พยักหน้าเบาๆ ในที่สุด

หมอเพชรรีบหยิบสมุดวาดเขียนและดินสอสีที่ซื้อมาก่อนจะขึ้นรถกลับบ้านมายื่นให้ลูก กนกค่อยๆ เปิดสมุดวาดเขียนอย่างช้าๆ

...ก่อนจะปิดมันลงอีกครั้ง

"ผมเหนื่อยจังเลยครับ ปวดหัวด้วย"เสียงเล็กๆ นั้นเปราะบางเหลือเกินหัวใจของเธอเหมือนถูกกดทับด้วยหินหนัก เธออาจจะรีบร้อนเกินไป หรืออาจจะคาดหวังมากเกินไป จนทำให้ลูกต้องเจ็บปวดกว่าเดิม 

หมอเพชรรีบโอบกอดลูกชายแน่น เธอจะไม่รีบร้อน เธอจะให้เวลากนก แม้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม...

วันนี้เป็นอีกวันที่เธอลางานจากสาธารณสุขชั่วคราวเพื่อมาดูแลลูกอย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่เธอเห็นทุกวันกลับคล้ายกับภาพเดิมที่ฉายซ้ำๆกนกจะตื่นขึ้นมาเหม่อลอย ง่วง แล้วก็หลับไปอีกครั้งเขาไม่เล่น ไม่หัวเราะ ไม่ซุกซนเหมือนเมื่อก่อน

หมอเพชรกลัว...กลัวว่ากนกจะค่อยๆ หายไปจากโลกใบนี้ แม้ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ก็ตาม ทุกครั้งที่ไปพบแพทย์ หมอจิตเวชยังคงให้ยาคลายเครียดมาสำหรับกรณีที่กนกมีอาการเครียดมากเกินไป แต่หมอเพชรไม่อยากให้ลูกชายต้องพึ่งยาไปตลอด เธออยากให้กนกกลับมาเป็นเด็กสดใสเหมือนเดิม... แม้ว่ามันอาจจะไม่มีวันเป็นแบบนั้นอีกเลยก็ตาม

เธอไม่ลืมที่จะสอบถามแพทย์เกี่ยวกับวิธีช่วยเหลือลูกที่บ้าน

"หมอคะ ถ้าให้กนกอยู่บ้าน เราควรให้เขาทำอะไรดีคะ"

แพทย์ยิ้มบางๆ "สิ่งสำคัญที่สุดคืออย่าปล่อยให้เขาจมดิ่งอยู่กับตัวเองค่ะ เราต้องค่อยๆ พาเขากลับเข้าสู่โลกใบเดิมของเขา อย่างค่อยเป็นค่อยไป"

"หมายถึง ให้ทำกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นเขาหรือคะ"

"ใช่ค่ะ" แพทย์พยักหน้า "แต่ต้องเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เขารู้สึกผ่อนคลาย ไม่ใช่กิจกรรมที่กดดันหรือบังคับให้เขาต้องทำอะไรเกินตัว"

"แล้วมีกิจกรรมไหนที่แนะนำเป็นพิเศษไหมคะ?"

แพทย์เว้นจังหวะครู่หนึ่งก่อนตอบ "ให้เขาได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ พยายามสร้างสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบให้เขาหลับสนิท เพราะการนอนหลับที่ดีจะช่วยให้สมองของเด็กฟื้นฟูตัวเอง"

"ถ้ากนกชอบวาดภาพ ก็ให้เขาใช้การวาดรูปเป็นเครื่องมือในการสื่อสารค่ะ แม้ว่าเขาอาจจะไม่พูด แต่ภาพที่เขาวาดอาจบอกเล่าเรื่องราวในใจของเขาได้"

"แล้วถ้าเขาไม่อยากวาดรูปล่ะคะ?"

"ลองแนะนำให้เขาอ่านหนังสือค่ะ" แพทย์กล่าว "เด็กบางคนอาจยังไม่สามารถพูดหรือแสดงออกถึงสิ่งที่ตัวเองรู้สึกได้ การอ่านหนังสือหรือฟังนิทานจะช่วยให้เขาเชื่อมโยงกับโลกผ่านเรื่องราวเหล่านั้น และถึงแม้เขาจะตอบสนองช้า แต่ในที่สุด เขาจะค่อยๆ เข้าใจมันในแบบของเขาเอง"

เธอจำได้ดีถึงคำแนะนำของแพทย์

"ถ้าหนูไม่อยากวาด ก็ลองอ่านหนังสือได้นะลูก แม่มีหนังสือสวยๆ เยอะเลยนะ"

หมอเพชรเดินไปหยิบหนังสือนิทานเล่มเก่าเล่มหนึ่งมาเปิดให้ดู ภาพสีสดใสของเรื่องราวในนั้นค่อยๆ ปรากฏตรงหน้า กนกจ้องมันอยู่ครู่หนึ่งราวกับกำลังพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

"แม่อ่านให้ฟังได้ไหมครับ?" 

เสียงเล็กๆ เอ่ยขึ้นในที่สุด หมอเพชรเม้มริมฝีปากแน่น น้ำตาเอ่อคลอโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นครั้งแรก... ในรอบหลายสัปดาห์ ที่กนกแสดงออกว่าเขายังอยากฟังเสียงของแม่ เธอพยักหน้า ค่อยๆ เปิดหนังสือเล่มนั้น ก่อนเริ่มอ่านเสียงนุ่ม

"กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..."

แม้ว่าจะเป็นเพียงก้าวเล็กๆ แต่สำหรับหมอเพชร นี่คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดของลูกชายเธอ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   ไม่สมบูรณ์แต่เข้าใจ

    หน้าบ้านหลังเล็กที่เงียบงัน มีเพียงเสียงสะอื้นปะปนกับเสียงลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ปล่อยให้มีเพียงสองร่างในอ้อมกอดกันแน่นอยู่กลางห้วงเวลาอันแสนเจ็บปวด ภพกอดร่างของกนกแน่น รู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากการร้องไห้ที่ไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่าย ๆ น้ำตาของคนน้องเปียกเสื้อเขาจนชื้น และแรงกอดของกนกก็เหมือนเป็นการยึดเหนี่ยวสุดท้ายไว้กับความจริง“ฮึก… พี่ภพ… มันเจ็บ…” เสียงสะอื้นแผ่วเบารอดออกจากริมฝีปากสั่น“ไม่เป็นไรแล้ว…” ภพกระซิบเบา ๆ มือใหญ่ลูบหลังคนน้องอย่างอ่อนโยน“พี่อยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำร้ายกนกได้อีกแล้วนะ…”กนกส่ายหน้าเล็กน้อย ซุกหน้าลงที่ไหล่กว้าง เสียงร้องไห้เปลี่ยนเป็นสะอื้นอย่างทรมาน“มันย้อนกลับมา… ภาพพวกนั้น… ตอนเด็ก… ทำไมถึงลืมมันไปได้ ฮึก… ทำไมถึงเพิ่งจำได้ตอนนี้…”“ไม่ต้องโทษตัวเองนะคนเก่ง…” ภพก้มลงจูบผมนิ่ม ๆ ซับน้ำตาที่เปื้อนแก้มเนียนด้วยความอดทนที

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   เผชิญหน้า

    วันนี้พี่ภพชวนผมออกจากบ้านตั้งแต่เช้า อากาศสดชื่นกว่าทุกวัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้พี่ภพอยู่ข้าง ๆเราไปเดินชมสวนดอกไม้ด้วยกัน แสงแดดอ่อน ๆ ทาบลงบนทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่กำลังผลิบาน นี่เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายรูปคู่กัน พี่ภพยิ้มให้กล้อง ผมเองก็ยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัวแปลกดีนะ… ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่ภพเป็นเหมือนบ้านช่วงบ่าย พี่ภพบอกว่าจะพาผมไปในสถานที่แห่งหนึ่ง "สถานที่แห่งความทรงจำ"ผมไม่ได้ถามว่ามันคือที่ไหน เพราะสิ่งเดียวที่พี่ภพบอกผมก็คือ—"จับมือพี่ไว้แน่น ๆ นะ"และช่วงนี้ ผมกล้าจับมือพี่ภพแล้วด้วยเรานั่งรถมาด้วยกัน ข้างทางเริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่าเรากำลังเดินทางกลับไปที่บ้านพี่ภพแต่พอรถเลี้ยวเข้าเส้นทางเล็ก ๆ ผมกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาดมันไม่ใช่บ้านของพี่ภพ แต่เป็นบ้านเก่าหลังนึงที่สภาพดี แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว เมื่อก้าวลงจากรถ ผมรู้สึกเหมือนถูกสายลมที่มองไม่เห็นกระแทกเข้ามาเต็มแรงลมพัดเอื่อย

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   ความสุข

    ในห้วงเวลาอบอุ่นช่วงปิดเทอมผ่านไปอย่างรวดเร็ว กนกอยู่บ้านมาหลายสัปดาห์แล้ว พี่ภพเองก็ติดโปรเจกต์ปีสุดท้ายและกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยนัก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ส่งหากันเป็นระยะจนกระทั่งวันนี้พี่ภพมาหาน้าแป้น และทักมาหาเขา"วันนี้มาหาพี่หน่อย อยู่เป็นเพื่อนตอนทำงานได้ไหม?"กนกอ่านข้อความแล้วบอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกกับพี่ภพ เมื่อเจอกัน เราทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่พี่ภพจะขับรถพาเขาไปยังห้องพักบรรยากาศภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่วเบา อากาศเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายใจ กนกไม่ได้ถามว่าทำไมพี่ภพถึงพาเขามาที่ห้องพัก—เขาแค่ไว้ใจคอนโดของพี่ภพอยู่ไม่ไกลจากหอในของเขานัก เป็นห้องขนาดกว้าง แบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นระเบียบ พื้นที่ครัวเล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ห้องนอนเชื่อมกับพื้นที่ทำงาน เตียงกว้างและดูนุ่มมาก"เราจะนั่งอ่านหนังสือที่เตียงพี่ก็ได้นะ ถ้าง่วงก็นอนได้เลย""ครับ"กนกตอบรับโดยไม่ถามอะไร เขาหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเปิด แต่ในใจก็แอบสงสัยว่าพี่ภพให้มาอยู่เป็นเพื่อน หรือแค่ต้

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   ครอบครัว

    "อ้อมกอดของแม่"คืนนี้เงียบสงบกว่าทุกคืน ลมหายใจของกนกอุ่นขึ้นเมื่อนอนอยู่ข้างแม่ อ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ราวกับได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ อีกครั้ง"วันนี้แม่ขอนอนกับลูกชายคนโปรดได้ไหมครับ?""ได้ครับแม่"กนกขยับตัวให้แม่เข้ามาใต้ผ้าห่มอุ่นๆ พอเพชรล้มตัวลงนอน กนกก็รีบซุกตัวเข้าหาแม่ทันที โอบกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเพชรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน "เป็นยังไงบ้างลูก ปีแรกในมหาวิทยาลัย เหนื่อยไหม?""เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกมากด้วย""เรียนยากไหม?""ก็ยากนิดหน่อยครับ แต่ยังดีที่มีมิวช่วยติวให้ มิวเก่งมากเลยครับแม่""ดีจังเลย แม่จำได้ว่าลูกเล่าเรื่องมิวให้ฟังบ่อยๆ แล้วหนูพราวล่ะ เป็นไงบ้าง?""พราวก็ยังตลกเหมือนเดิมเลยครับแม่ ถ้าผมเครียดๆ เบื่อๆ พราวนี่แหละที่ทำให้ผมยิ้มได้""ดีแล้วล่ะลูก มีเพื่อนดีก็ช่วยกันประคองไปนะ มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว"กนกพยักหน้ารับ แล้วเงียบไปครู่หนึ่งเพชรมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจ "แล้วพี่ภ

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   กำลังใจของกันและกัน

    หลังจากนั้นพบรักก็พากนกกลับบ้าน เด็กหนุ่มเดินเข้าบ้านพร้อมความรู้สึกที่อบอุ่น แม้จะมีความหวาดกลัวและกังวลบางอย่างยังค้างอยู่ในใจ แต่การมีพี่ภพอยู่เคียงข้าง คอยโอบกอด คอยปลอบโยน ทำให้เขารู้สึกว่า… ไม่ได้เผชิญทุกอย่างเพียงลำพังและยิ่งรู้สึก… ชอบพี่ภพมากขึ้นทุกวันวันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังไปเยอะ ทั้งร่างกายและหัวใจเลยเหนื่อยล้าเต็มที กนกหยิบหนังสือนิยายขึ้นมา หวังว่าจะอ่านเล่นสักหน่อยก่อนจะหลับไปแต่ก่อนที่เปลือกตาจะหนักอึ้ง มือถือก็สั่นเบา ๆ แจ้งเตือนข้อความจาก LINEพี่ภพ: “นอนหรือยังครับ”กนก: “กนกจะอ่านหนังสือนิยายสักหน่อย แล้วก็คงจะนอนแล้วครับ”พี่ภพ: “นอนไวจัง เพิ่งสามทุ่มเอง”กนกหลุดยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับกนก: “พี่ภพมีอะไรหรือเปล่าครับ”พี่ภพ: “พี่เหนื่อยนิดหน่อย พอดีส่งงานให้ลูกค้าอยู่ กำลังปั่นงานเลย”กนก: “วันนี้พี่ภพกลับไปในเมืองหรอครับ”

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   สวนมะพร้าวบ้านพี่ภพ

    เพชรมองหน้าลูกชายตัวน้อยที่กำลังยิ้มกับโทรศัพท์ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงออกมา“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันครับ คุณกนกของแม่?”กนกสะดุ้งเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “ยิ้มอะไรกันล่ะครับ แม่คิดไปเอง กนกไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”เพชรหัวเราะเบา ๆ “ก็เห็นยิ้มกับโทรศัพท์ไง”เด็กหนุ่มเม้มปาก หันไปมองหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะยอมรับเสียงเบา “ก็...พี่ภพ LINE มาบอกนะครับว่าอยู่บ้านตัวเองแล้ว”“อ้อ”“แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน กนกก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” เจ้าตัวพูดต่อ “แต่ว่าพี่เขาบอกว่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านเราตรงนี้นี่เอง”เพชรพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตายังคงมองสำรวจลูกชายของตัวเอง“วันนี้เขาจะมาหาหรือเปล่า?”“พี่ภพเหรอครับ?”“จ้ะ”“เห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวสวนมะพร้าวเล็ก ๆ”เพชรเลิกคิ้วเล็กน้อย “สวนมะพร้าว?”กนกพยักหน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status