เช้าวันต่อมา…ณ คฤหาสน์หลังงาม
แสงแดดอ่อนๆ ลอดผ่านม่านโปร่งแสงสีครีม ส่องสะท้อนบนพื้นหินอ่อนขัดเงา
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกลิลลี่ขาวจากแจกันกลางโถงใหญ่คลอเคลียอยู่ในอากาศ
เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วจากสวนกว้างด้านนอกผสานเข้ากับเสียงน้ำพุที่ไหลรินเป็นสาย ส่งให้บรรยากาศยามเช้าชวนให้รู้สึกถึงความสงบงดงาม
พ่อของพีท — คุณอรรถพล
และ
คุณแม่ของพีท — คุณภัทรลดา
ทั้ง 2 ต้องเดินทางไปต่างประเทศเนื่องจากมีงานด่วน ทำให้คฤหาสน์ หลังใหญ่ จึงเหลือเพียง ชายหนุ่ม กับ น้องสาว ของเขา รวมถึงเหล่าคนรับใช้ภายในคฤหาสน์หลังนี้
เสียงฝีเท้าของพีทดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอเมื่อเขาเดินขึ้นไปยังชั้นสองของคฤหาสน์
และห้องของ "มีน" หรือ พิมพ์มณี น้องสาวคนเดียวของเขา เธอกำลังเรียนอยู่ชั้นม. 4 เป็นสถานที่เดียวที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจ
เมื่อเปิดประตูเข้าไป ภาพแรกที่เห็นคือเด็กสาวตัวเล็กที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ พร้อมกับกระดาษสีขาวหลายแผ่นและดินสอสีในมือ ผมสีดำขลับของเธอยาวสรวย ใบหน้าเนียนสวยได้รูป กำลังจดจ่อยู่กับการวาดภาพ ข้างกายของเธอมี ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ ที่เขาเป็นคนซื้อให้เมื่อปีที่แล้ว
"ไง มีน" พีท เอ่ยขึ้น พลางเดินเข้าไปหา
มีน เงยหน้าขึ้นจากภาพวาดของเธอ ใบหน้าของเธอสว่างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่ชายของเธอ "พี่พีท ตื่นเช้าจังเลยคะ?"
"อืม" พีท ยิ้มบาง ๆ เดินเข้าไปใกล้ก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวเธอเบา ๆ
"ทำอะไรอยู่?"
เธอ พลิกกระดาษให้เขาดู เป็นภาพวาดของครอบครัว มีพ่อ แม่ ตัวเธอ และเขา แต่สิ่งที่ทำให้พีทต้องชะงักไปชั่วครู่คือ ใบหน้าของพ่อแม่ดูเลือนรางกว่าปกติ เหมือนมันกำลังจะจางหายไป
"มีน..." พีทถอนหายใจ "เธอคิดถึงพ่อแม่เหรอ?"
เด็กสาว พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว "อืม... พี่พีทล่ะ คิดถึงไหม?"
พีท ยิ้มขมขื่น "บางครั้งพี่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถึงพวกเขาหรือเปล่า"
ความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างพวกเขาชั่วขณะ ก่อนที่พิมพ์มณีจะพูดขึ้นมาเบา ๆ
"แต่พี่พีทยังมีหนูนะ"
พีท มองน้องสาวของเขาที่กำลังส่งยิ้มบาง ๆ ให้ แม้จะดูเข้มแข็งแต่เขารู้ดีว่าเด็กคนนี้คงเหงาไม่ต่างจากเขา
เขาโอบกอดเธอไว้เบา ๆ "ใช่ เราจะดูแลกันและกัน"
ความเงียบเหงาที่กลายเป็นความเคยชิน
"วันนี้ มีน รู้ใช่ไหมว่าพ่อแม่ไม่อยู่อีกแล้ว?" พีท ถามพลางไล่สายตามองไปรอบ ๆ ห้อง ซึ่งไม่มีร่องรอยของผู้ใหญ่เลย
มีน พยักหน้า "อืม... พ่อกับแม่ไปต่างประเทศอีกแล้วคะ มีน คิดถึงท่านทั้ง 2 คน"
"พ่อกับแม่ยังทำงานเป็นแบบนี้เหมือนเดิม ตั้งแต่พวกเรายังเป็นเด็กๆ เดินทางบ่อย และปล่อยเราให้อยู่กับพี่เลี้ยง"
เด็กสาว พยักหน้าช้า ๆ "พ่อบอกว่าโปรเจกต์ใหม่สำคัญมากคะ"
พีท หัวเราะเบา ๆ แต่มันเต็มไปด้วยความขมขื่น "ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยสินะ"
เขารู้ดีว่าพ่อแม่ของพวกเขายุ่งมากแค่ไหน เพราะตั้งแต่จำความได้ สิ่งที่เขาได้รับมาตลอดคือของขวัญราคาแพง รถยนต์คันหรู เงินในบัญชีที่มีมากจนใช้แทบไม่หมด แต่เขาไม่เคยได้รับ... เวลา
"แล้ว มีน เหงาไหม?" พีทถาม ขณะที่มองดวงตากลมโตของน้องสาว
เธอ ยิ้มบาง ๆ "ตอนแรกก็เหงา แต่ตอนนี้หนูชินแล้วล่ะ"
พีท นิ่งไป เขาเข้าใจคำว่า 'ชิน' นั้นดี เพราะตัวเขาเองก็เคยพูดประโยคเดียวกัน
"พี่ก็เคยคิดว่าตัวเองชิน แต่ความจริงแล้ว... มันก็แค่การกดความรู้สึกไว้เท่านั้นแหละ"
เด็กสาว เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา "แล้วพี่พีท... เคยมีใครสักคนที่ทำให้พี่รู้สึกไม่เหงาไหม?"
คำถามนั้นทำให้พีทชะงักไปชั่วขณะและครุ่นคิดว่า ณ ตอนนี้
มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ อันนา… ผู้หญิงที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
ภาพของหญิงสาวที่สวมแว่นตา ใบหน้าจริงจังและชอบขมวดคิ้วเวลาคิดหนัก ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว "อันนา"
เธอเป็นคนเดียวที่กล้าเถียงเขา เป็นคนเดียวที่ไม่เคยมองเขาเป็นแค่เดือนมหา’ลัย หรือหนุ่มวิศวะที่มีแต่คนมาชื่นชม และที่สำคัญ... เธอเป็นคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกอยากจะพิสูจน์ตัวเอง
เขาไม่เคยสนใจความรักมาก่อน เพราะเขาไม่เชื่อว่ามันมีอยู่จริง เขาคิดมาตลอดว่าทุกคนต่างก็มีผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ หรือแม้แต่ผู้หญิงที่เข้าหาเขา
แต่พอเป็นอันนา...
มันกลับแตกต่างออกไป
พีท หลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะตอบน้องสาวเบา ๆ
"อาจจะมี"
เด็กสาว เบิกตากว้างเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้าง "จริงเหรอ!? พี่พีท กำลังมีแฟนเหรอ!คะ?"
"เฮ้ย ๆ ไม่ขนาดนั้น" พีท โบกมือปฏิเสธทันที "มันก็แค่... เป็นคนที่พี่รู้สึกว่าพิเศษกว่าคนอื่น"
"พิเศษกว่า?" มีน เอียงคออย่างสงสัย "ยังไงเหรอคะ?"
พีท ถอนหายใจยาว "เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนใครน่ะ"
"ยังไงค่ะ? " น้องสาวเป็นฝ่ายรุกถามพี่ชาย
"เธอไม่เหมือนพวกผู้หญิงที่เข้าหาพี่ เพราะเธอไม่ได้สนใจว่าพี่เป็นใคร เธอไม่ได้ต้องการอะไรจากพี่นอกจากให้พี่ทำโครงการวิจัยที่ทำกับเธอให้เสร็จ และ...เธอชอบเถียงพี่"
พีท หยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดเสียงเบา "พี่….รู้สึกว่าพี่อยากกวนใจเธอโดยไม่รู้ตัว"
มันเป็นความรู้สึกที่เขาเองก็ไม่เคยคาดคิด
เด็กสาว ยิ้มกว้างขึ้น ก่อนจะพูดแซวพี่ชาย "พี่พีท แอบชอบเขาใช่ไหมค่ะ? "
"อะไรนะ!? พี่เพิ่งรู้จักเขา ยังหรอก แค่รู้สึกดีๆ กับแค่อยากเถียงให้ชนะยัยนั่นก็เท่านั้นแหละ" พีท แทบสำลัก
"ก็ดูพี่พูดถึงเขาสิ แววตาพี่ดูอ่อนโยนมากเลยนะ"
พีท รีบยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง "บ้าเหรอ! พี่ยังไม่ได้ชอบเธอ!"
"ยังไม่ได้ชอบ...แต่มีโอกาสชอบ...พี่พูดเองนะว่าเธอพิเศษ" เธอ หัวเราะขำ "ถ้า พี่พีท ชอบเขาจริง ๆ ก็ลองเปิดใจดูสิคะ"
พีท ชะงักไปกับคำพูดนั้น
"ลองเปิดใจงั้นเหรอ? "
เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะจริงจังกับใครได้ แต่ตอนนี้...
เขากลับคิดถึง อันนา มากกว่าที่คิด….บ้าไปแล้ว เขาเพิ่งรู้จักกับเธอไม่นาน ไม่มีทางที่เขาจะชอบเธอแน่นอน เขามั่นใจตัวเอง….แต่ทำไมถึงคิดถึงดวงตากลมโตที่มองผ่านแว่นตาของเธอตลอดเวลานะ…ทำไมกัน?
ย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน ก่อนที่ อันนา จะเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยใน กรุงเทพ ฯกลางหมู่บ้านเล็ก ๆ เป็นหมู่บ้านชนบทที่ห่างไกลจากความหรูหราและแสงสีของเมืองใหญ่ มีร้านขายของชำเก่าแก่ตั้งอยู่ริมถนนสายหลักของหมู่บ้านร้านเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้จำเป็นสำหรับคนในละแวกนั้น แม้จะไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ที่นี่คือศูนย์กลางของชุมชน และเป็นหัวใจของครอบครัว อันนาภายในร้านมีชั้นวางไม้ที่ถูกใช้งานมานานจนมีร่องรอยของกาลเวลา ขวดน้ำอัดลมเรียงตัวเป็นแถวอยู่ในตู้แช่เก่า ๆ ขนมหลากชนิดใส่ไว้ในขวดโหลแก้วใส ส่วนเคาน์เตอร์คิดเงินเป็นโต๊ะไม้ตัวเดิมที่อยู่คู่กับร้านมาหลายสิบปีหลังเคาน์เตอร์ มีหญิงวัยกลางคนสวมผ้ากันเปื้อนสีซีดกำลังจัดเรียงสินค้าบนชั้นเธอคือ "ป้าสมพร" แม่ของอันนา ผู้เป็นเจ้าของร้านขายของชำแห่งนี้ส่วนพ่อของเธอ "ลุงมนัส" กำลังนั่งนับเงินทอนอยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ ทั้งสองทำงานหนักทุกวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ เพราะรายได้จากร้านเล็ก ๆ แห่งนี้คือสิ่งที่หล่อเลี้ยงครอบครัวของพวกเขาและที่มุมหนึ่งของร้านอันนา — หญิงสาวที่ดูขี้บ่นและจริงจังกับชีวิต กำลังช่วยน้องชายตัวแสบของเธอทำการบ้าน"อาร์ต" เด็กชายวัย
อาทิตย์ถัดมา……ภายในห้องเรียนของคณะ อันนา กำลังตั้งใจฟังอาจารย์อธิบายเนื้อหาเกี่ยวกับรายวิชาที่เธอเรียนเธอจดบันทึกลงสมุดอย่างขยันขันแข็ง จนกระทั่งอาจารย์สอนเสร็จและหมดคาบเรียนตอนเย็นพอดีเสียงพูดคุยของนักศึกษาดังขึ้นเมื่อหมดเวลาเรียนอันนา เก็บอุปกรณ์การเรียนลงกระเป๋าอย่างเรียบร้อยทว่าเสียงทุ้มของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมอง”อันนา พรุ่งนี้ไปกินชาบูกันนะ พรุ่งนี้วันเกิดของเราเอง เดี๋ยวเราเลี้ยง”เสียงของ ”โชติ” ดังก้องลอยมาชายหนุ่มหน้าตาหล่อตี๋ ผิวขาว ตัวสูง จัดว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีเลยทีเดียว ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้เธอโชติ เป็นเพื่อนที่คอยดูแลอันนาเสมอ และครั้งนี้เขาก็หวังว่าเธอจะตอบตกลงไปฉลองวันเกิดของเขาด้วยกันอันนา ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบาง ๆ และกำลังจะตอบกลับไปแต่แล้ว เสียงฮือฮาของสาว ๆ รอบตัวก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดึงดูดความสนใจของทุกคนในห้องอันนา เหลือบมองไปทางประตูห้องเรียน และหัวใจเธอกระตุกวูบเมื่อเห็น พีท เดินเข้ามาอย่างสง่างาม ร่างสูงราวเทพบุตรของเขาเดินมาพร้อมรอยยิ้มขี้เล่นและดวงตาที่คมกริบของเขาทำให้สาว ๆ รอบข้างแทบละลายพีท เป็นชายหนุ่มที่มี
เนื่องจากร้านกาแฟ ปิดประมาณ 2 ทุ่ม อันนา เลยได้มีโอกาสทำงานพิเศษที่นี่ต่อหลังจากที่เธอเลิกเรียนเธอทำงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์อยู่ที่ร้านนี้แห่งนี้ ซึ่งร้านกาแฟร้านนี้อาจไม่ได้ใหญ่โตหรูหรา แต่เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นและเสียงพูดคุยอย่างเป็นกันเองจากพนักงานและลูกค้าประจำเมื่อหญิงสาวมาถึงก็ยิ้มให้เจ้าของร้านและเพื่อนร่วมงาน ก่อนจะเริ่มงานของตัวเองเธอจะต้องทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน เนื่องจากต้องการช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อและแม่ แต่เธอก็ไม่เคยละเลยเรื่องการเรียนขณะที่เธอกำลังจัดเรียงขนมบนตู้กระจกอย่างตั้งใจ เสียงเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ก็ดังขึ้นจากด้านนอก มันแทรกผ่านบรรยากาศอันเงียบสงบของร้าน ก่อนจะค่อย ๆ แผ่วลงราวกับกลืนหายไปกับสายลม และในที่สุด ทุกอย่างก็สงบนิ่งเมื่อเครื่องยนต์ดับลงเธอชะงักมือไปชั่วครู่ รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจาง ๆ ที่ยังค้างอยู่ในอากาศ และเพียงไม่นาน ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าประตูร้านอันนา เงยหน้ามอง และต้องตกใจเมื่อเห็นพีท เดินเข้ามา“นี่นายมาทำอะไรที่นี่? ฉันคิดว่าฉันหนีพ้นนายแล้วนะ นายยังจะตามฉันมาอีกหรอเนี่ย เราไม่ได้อยู่ในเวลาทำโครงการวิจัยกัน
อันนา ก้าวออกจากร้านกาแฟเพื่อขึ้นซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของ พีทพีท ยื่นหมวกกันน็อกมาตรงหน้าเธอโดยไม่พูดอะไร หญิงสาวก้มมองมัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาเล็กน้อยอย่างลังเลหมวกกันน็อกสีดำด้านมีรอยขีดข่วนเล็กน้อยตามการใช้งาน แต่มันดูสะอาดและถูกดูแลอย่างดี กลิ่นจาง ๆ ของน้ำหอมผู้ชายยังติดอยู่ที่ด้านในของมันเธอจ้องมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ ยกขึ้นครอบศีรษะขอบหมวกแตะกับหน้าผากของเธอเบา ๆ ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ดึงมันลงจนพอดีกับศีรษะเธอเอื้อมมือไปจับสายรัดคาง พยายามเกี่ยวมันเข้ากับตัวล็อก แต่นิ้วมือดันสั่นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะความตื่นเต้นหรือเพราะสายรัดมันแน่นเกินไปกันแน่"อยู่เฉย ๆ เดี๋ยวฉันช่วย"เสียงของ พีท ดังขึ้นใกล้ ๆ ก่อนที่มืออุ่นของเขาจะเอื้อมเข้ามาจัดการล็อกสายรัดให้แทน ปลายนิ้วของเขาแตะแผ่วเบาที่ใต้คางของเธอ ทำให้ อันนา สะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้างขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้อันนา เผลอกลั้นหายใจเมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้กว่าที่เธอคาดไว้ ใกล้เสียจนเธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่รินรดอยู่แถวแก้ม และกลิ่นกายของเขาที่เจือไปด้วยความสดชื่นแบบผู้ชายเธอ พยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่หัวใจ
บรรยากาศรอบตัวกลับคืนสู่ความเงียบสงบ เหลือเพียงแค่พีทและอันนานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารของพวกเขาแสงไฟสีอุ่นจากโคมระย้าสาดส่องลงมา เพิ่มบรรยากาศโรแมนติกโดยไม่ตั้งใจบนโต๊ะมีเมนูอาหารสุดพิเศษที่ พีท เป็นคนเลือกสั่ง ทุกจานถูกจัดวางอย่างประณีต กลิ่นหอมของอาหารลอยคลุ้งไปทั่ว แต่เจ้าของร่างสูงที่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้กลับไม่ได้ให้ความสนใจกับมื้ออาหารตรงหน้าเลยสายตาของเขาจับจ้องไปที่หญิงสาวตรงข้าม ที่กำลังใช้ส้อมจิ้มอาหารในจานของเธออย่างเงียบ ๆ ท่าทางเหมือนตั้งใจจะโฟกัสกับมื้อนี้แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าเธอเองก็รับรู้ถึงสายตาของเขา“นี่…” เขาเอ่ย และมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้ม ดวงตาคมวาววับราวกับมีเรื่องในใจที่เขากำลังชั่งใจว่าจะพูดออกมาดีหรือไม่...“แลกเบอร์กันไว้หน่อยสิ” พีท พูดหน้าตาย พลางหมุนส้อมในมืออย่างไม่ใส่ใจ“เผื่อมีอะไรต้องคุยกันเรื่องโครงการวิจัย จะได้สะดวก”อันนา มองเขาด้วยสายตาอ่านไม่ออก ก่อนจะยอมพยักหน้าเล็กน้อย“ก็ได้ จะได้สะดวก”เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดหมายเลขของตัวเองแล้วเลื่อนหน้าจอไปให้ พีท บันทึกหมายเลขลงเครื่องของเขา ส่วนพีท ก็ทำแบบเดียวกัน เอ่ยบอกตัวเลขด้วยน้ำเสียงราบเรียบราว
ห้องพักของ อันนา อยู่ชั้นล่างสุดของอาคาร และตัวหอพักเองก็ไม่ได้มีระบบการล็อคใดๆ มีเพียงรั้วประตูที่กั้นระหว่างหอพักกับถนน และใช้สำหรับเปิด-ปิดเข้าออกหอพักเท่านั้นเมื่อประตูห้องของเธอถูกไขกุญแจและเปิดออก เผยให้เห็นความอบอุ่นด้านในห้องห้องไม่ได้กว้างขวางมากนัก แต่กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและน่ารัก เธอตกแต่งมันด้วยโทนของสีพาสเทลอ่อนหวาน ผนังห้องติดภาพวาดดอกไม้เล็ก ๆ และโปสเตอร์ศิลปะที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยน โต๊ะเล็ก ๆ ข้างเตียงมีโคมไฟสีชมพูอ่อนตั้งอยู่ พร้อมกับตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างหมอนเตียงของเธอเป็นเตียงขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถนอนได้ 2 คน ปูด้วยผ้าปูที่นอนสีขาวลายลูกไม้มีหมอนหลายใบจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ โดยเฉพาะหมอนใบเล็กที่เป็นรูปหัวใจที่ดูเหมือนจะเป็นของโปรดของเธอ ผ้าห่มเนื้อนุ่มถูกพับไว้ที่ปลายเตียง ทำให้ห้องดูอบอุ่นเหมือนมุมพักผ่อนของเจ้าหญิงในเทพนิยายอันนา เหนื่อยล้าไปทั้งร่าง หลังจากวันที่เต็มไปด้วยภาระที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด เธอถอดแว่นตาวางที่โต๊ะเธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ ถอดชุดนักศึกษาออก เหลือแต่ชั้นในลูกไม้ตัวจิ๋ว 2 ชิ้นที่ห่อหุ้มร่างบาง และเธอเองกำลังถ
"อย่าหนีสิ..." เขากระซิบใกล้ริมฝีปากเธอ กลิ่นไวน์เจือจางในลมหายใจของเขา ร้อนผ่าวจนทำให้สติของอันนาสั่นคลอนเธอควรผลักเขาออกไป แต่ทำไมร่างกายถึงไม่ยอมขยับเลย...พีท สบตากับ อันนา อยู่ชั่วอึดใจ ก่อนที่เขาจะโน้มตัวลงมาใกล้กว่าเดิม ริมฝีปากของเขาอยู่ห่างจากเธอเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นหญิงสาว หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก และก่อนที่เธอจะทันตั้งสติและก่อนที่เธอจะรู้ตัว…….ริมฝีปากร้อนของ พีท ก็แนบลงมา...ค่อยๆ บดขยี้ริมฝีปากอันอ่อนนุ่มของเธอ อย่างหนักหน่วง ร้อนแรง และเต็มไปด้วยแรงปรารถนากลิ่นไวน์จางๆ ที่เจืออยู่ในริมฝีปากและลมหายใจของเขายิ่งกระตุ้นเร่งเร้าอารมณ์ของชายหนุ่มสัมผัสแรกอ่อนโยนแต่หนักแน่น ราวกับให้เวลาหัวใจของเธอได้ปรับตัวกับแรงปรารถนาที่เขากำลังมอบให้ เขากดจูบลึกขึ้น ดูดดึงริมฝีปากบางแสนยั่วยวนอารมณ์ของเธออย่างโหยหาอันนา สั่นสะท้านไปทั้งตัว ความร้อนแล่นวูบไปทั่วร่าง ราวกับถูกกระแสไฟฟ้าช็อต เธอพยายามจะถอยหนี แต่แผ่นหลังของร่างบางๆของเธอก็ชนเข้ากับผนังอีกครั้งพีท ใช้ร่างกายอันใหญ่โตของเขาครอบครองพื้นที่ตรงหน้าเธอทั้งหมด ไม่มีที่ว่างให้เธอหลบหนีอีกแล้วมือใหญ่ของเขาลูบไล้ไปต
เขาหยุดทุกสัมผัส ปล่อยให้เธอได้มีพื้นที่หายใจชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งที่ปลายเตียง สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อดับไฟร้อนที่ยังลุกโชนอยู่ในอก ความรู้สึกพลุ่งพล่านจากสัมผัสเมื่อครู่ยังคงอบอวล ปลายนิ้วของเขายังจำได้ถึงความเนียนนุ่มของผิวกาย ริมฝีปากยังคงติดตรึงกับรสสัมผัสอันหอมหวานที่เพิ่งลิ้มลองใบหน้าหล่อคมเข้มเริ่มคลายจากแรงปรารถนาอันเกินจะต้านทานที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และเมื่อเขาปล่อยเธอให้หลุดพ้นจากการถูกทับไว้โดยร่างกายกำยำของเขาหญิงสาว ก็รีบลุกขึ้นจากเตียงไปที่หยิบเสื้อนอนที่โดนเขาขว้างทิ้งไปมาสวมปิดบังเนินเนื้อเต่ง จากนั้นก็เปิดตู้เสื้อผ้าแล้วรีบคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับชุดนอนอย่างรวดเร็ว ดึงสาบเสื้อเข้าหากันแน่นเพื่อปิดบังเรือนร่างใต้ชุดนอนบางเบา ไม่อยากให้เขาสำรวจเธอด้วยสายตาแบบนั้นอีกเขานิ่งไปพักใหญ่ และเมื่อชายหนุ่มหันไปมองนาฬิกาบนผนัง เวลาก็ล่วงเลยไปจนเกือบเที่ยงคืนแล้ว"ขอฉันอยู่ที่นี่สักพักได้ไหม...แค่อยากพักอยู่ตรงนี้อีกสักหน่อย" ลมหายใจที่ยังหอบพร่า และเสียงทุ้มอ่อนนุ่มของเขาเอ่ยขึ้นอันนา ยังคงมองเขาด้วยแววตาลังเล หวาดกลัว โดยที่ความหวาดกลัวนั้นเธอไม่ได้กลัวเขา แต่เธอกลัวหัวใจเธอเอง
ตี 5 เมื่อรถไฟมาถึงชานชลา พิษณุโลก….หญิงสาว ลงจากรถไฟ แล้วรีบเหมารถมอเตอร์ไซด์เพื่อไปยังโรงพยาบาลทันทีณ โรงพยาบาล ประจำจังหวัดอันนา รีบวิ่งไปตามทางเดินของโรงพยาบาล หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความวิตกกังวล กลิ่นยาฆ่าเชื้อและเสียงเครื่องช่วยหายใจแว่วมากระทบโสตประสาท แต่เธอไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัวแม้แต่น้อย ดวงตาของเธอจ้องไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว หวังว่าจะพบแม่และน้องโดยเร็วที่สุดเมื่อมาถึงหน้าห้องผ่าตัด อันนา เห็นแม่ของเธอนั่งกอดน้องชายตัวเล็กไว้แน่น ใบหน้าของแม่ซีดเซียว ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ขณะที่น้องชายของเธอก็ดูอิดโรยและหวาดหวั่นไม่ต่างกัน“อันนา ลูกแม่…” แม่เงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นเธอ และน้ำตาก็ไหลรินลงมาทันที “พ่อของลูกเจ็บหนัก ต้องผ่าตัดด่วน”หญิงสาว รู้สึกเหมือนมีอะไรหนัก ๆ มากดทับอยู่ที่หน้าอก เธอรีบก้าวเข้าไปนั่งข้างแม่ จับมือที่สั่นเทาของแม่ไว้แน่น“แม่…พ่อจะไม่เป็นอะไรคะ” เสียงของเธอสั่นเครือแม่ส่ายหน้าช้า ๆ “หมอบอกว่าพ่อเสียเลือดมาก ต้องผ่าตัดฉุกเฉิน เราต้องรอ…”เธอ ก้มหน้าลงซ่อนน้ำตา เธอรู้สึกหมดหนทางแต่ก็ต้องเข้มแข็งเพื่อแม่และน้อง แม่ลูบหลังเธอเบา ๆ อย่างปลอบโยน ทั้งสามคนต่า
เสียงเครื่องบดกาแฟดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ภายในร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกาแฟคั่วใหม่ นิดหน่อยกำลังจัดเรียงแก้วอยู่หลังเคาน์เตอร์ ขณะที่พี่ลินกำลังรับออเดอร์จากลูกค้าเมื่อรับออเดอร์เสร็จ พี่ลินก็เดินมาหานิดหน่อย"นี่! นิดหน่อย!" พี่ลินกระซิบ "ไม่เห็นอันนาหลายวันแล้วนะ!"นิดหน่อยชะงักมือที่กำลังหยิบแก้วก่อนจะเงยหน้ามองพี่ลิน "จริงด้วยสิ ชักจะเป็นห่วงนะพี่ลิน"ทันใดนั้น เสียงกระดิ่งที่ประตูร้านก็ดังขึ้น ตามมาด้วยร่างของอันนา เธอเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ"อันนา!" พี่ลิน เรียกอย่างตื่นเต้น "หายไปไหนมาเนี่ย?"อันนา หัวเราะเบา ๆ "ขอโทษด้วยนะพี่ลิน และนิดหน่อย พอดีช่วงนี้ติดทำโครงการวิจัยเลยยุ่งมาก ๆ"พี่ลินมองอันนาด้วยสายตาแซว ๆ "ที่แท้ก็ยุ่งอยู่กับเรื่องโครงการวิจัย นึกว่าหายไปไหนกับพ่อเทพบุตร หน้าหล่อคนนั้น""พี่ลินก้อ….ไม่ขนาดนั้นหรอกคะ!" หญิงสาวรีบหลบสายตาพี่ลิน แล้วรีบเดินไปหลังร้านใส่ชุดกันเปื้อนเพื่อทำงานทำงานไปได้สักพัก พี่ลินสังเกตเห็นว่า อันนา ดูไม่ค่อยสดชื่น จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงว่า"อันนา เป็นอะไรรึเปล่า? ดูเหนื่อย ๆ นะ"อันนา ยิ้มบาง ๆ ก่อนตอบเสียงแผ่วเ
เช้าวันต่อมา...พีท สะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางแสงแดดยามเช้าที่ส่องผ่านม่านหน้าต่างของห้องนอนอันกว้างขวางของเขา เขายังคงรู้สึกถึงความอ่อนล้าเล็กน้อยจากค่ำคืนที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะร่างกาย แต่เป็นเพราะจิตใจที่ไม่ได้หยุดคิดถึงเธอเลยหลังจากนอนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นนั่ง ใช้มือเสยผมอย่างลวก ๆ ใบหน้าหล่อเหลามีคราบของความเหนื่อยล้า แต่ก็ยังไม่ได้ทำให้หน้าคมของเขาลดความน่ามองลงไปได้เลยเขาเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำล้างความคิดฟุ้งซ่านให้หมดไป แม้จะรู้ดีว่าความคิดถึงนั้นไม่มีทางจางหายง่าย ๆ ก็ตามเมื่อจัดเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เขาสวมเสื้อยืดสีขาวด้านในพร้อมใส่เสื้อช็อปวิศวะทับเข้าไป และกางเกงยีนส์ตัวขาดเข่าตัวเก่งของเขา ก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้แล้วก้าวออกจากห้องนอนของตัวเอง ลงบันไดไปยังโรงจอดรถ ที่ซึ่งมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเขาจอดรออยู่เครื่องยนต์คำรามขึ้นเมื่อ พีท สวมหมวกกันน็อกและเร่งเครื่องเพี่อขับออกจากคฤหาสน์ของครอบครัวลุงมิ่ง รีบวิ่งมาเปิดประตูรั้วใหญ่ให้ทันที เพราะรู้ว่าชายหนุ่มกำลังจะออกไปยังมหาวิทยาลัยเขามุ่งตรงไปยังคณะวิศวกรรมศาสตร์ ถนนยามเช้าเต็มไปด้วยรถราที่เคลื่อนตัวไปมา แต่เขาก็ชินกับเ
เมื่อเขากลับเข้ามาในคฤหาสน์หลังงาม ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปข้างใน"คุณพีท นะคุณพีท! หายไปทั้งคืนอีกแล้วนะคะ!" ป้าศรีบ่นด้วยความเป็นห่วง มองชายหนุ่มด้วยสายตาเหนื่อยใจ"นี่คุณพ่อกับคุณแม่กำลังจะกลับมาแล้วนะ ดีนะที่คุณมีนโทรตาม ไม่งั้นคงโดนดุแน่เลย!"พีท ยิ้มแหย ๆ พลางยกมือขึ้นเกาหลังคอ "ผมขอโทษครับป้าศรี พอดีมีเหตุบังเอิญ... ต้องอยู่เป็นเพื่อน….เพื่อนนะครับ"ป้าศรีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพึมพำเบา ๆ "เพื่อน หรือสาวที่ไหนอีกล่ะคะ..."ไม่ทันที่ ชายหนุ่ม จะตอบ ป้าศรียังไม่วายส่ายหน้าก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง "คุณพีทคะ สาว ๆ ระวังหน่อยนะคะ คุณ พีท ยิ่งหล่ออยู่ด้วย เดี๋ยวโดนสาว ๆ หลอกเอานะคะ!"เขา หัวเราะออกมาเบา ๆ "โธ่ ป้าศรี ผมไม่ได้ซื่อขนาดนั้นหรอกน่า"ป้าศรีแกล้งถามขึ้นมาอีก "แล้วเพื่อนคนนี้ ทำไมคุณพีทถึงให้ความสำคัญมากขนาดนั้นนะคะ ป้าไม่เคยเห็นคุณพีทไปนอนค้างคืนที่ไหนเลย นอกจากไปบ้านคุณกวิน..."พีท ที่กำลังจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มถึงกับชะงักไปเล็กน้อย"เอ่อ... ก็..." เขา เกาหลังคอ พลางหลบตานิด ๆ "คือ เพื่อนคนนี้ เขา... เอ่อ... ต้องการกำลังใจนิดหน่อย ผมเลยอยู่เป็นเพื่อนเฉย ๆ"ป้าศรีเลิกคิ้ว
แต่…..เสียงโทรศัพท์ของ พีท ดังขึ้นขัดจังหวะบรรยากาศ ชายหนุ่มหันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ “มีน”เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย "ฮัลโหล? ว่าไงมีน มีอะไรรึเปล่าพี่กำลังจะกลับ?" เขาแสร้งทำเป็นพูดเพื่อไม่ให้น้องสาวต้องเป็นห่วง เขารู้ดีว่าเขาควรกลับได้แล้วเสียงของ มีน ดังมาตามสายอย่างร้อนรน "พี่พีทคะ! พ่อกับแม่จะกลับถึงบ้านเร็วขึ้นนะคะ! ลุงมิ่งไปรับที่สนามบินแล้วคะ!"พีท ขยับร่างสูงใหญ่ พลางเอ่ยถาม "ทำไมพ่อกับแม่กลับไทยเร็วกว่ากำหนดล่ะ?""ท่านบอกว่างานเสร็จเร็วเลยได้กลับไทยเร็วคะ พี่พีทรีบกลับมาเถอะคะ!"เขาถอนหายใจเบาๆ ยกมือขึ้นเสยผม "โอเคๆ เดี๋ยวพี่ไปเดี๋ยวนี้แหละ" ก่อนจะกดวางสาย แล้วหันกลับมามอง อันนาเธอจ้องเขาอยู่ก่อนแล้วเหมือนจะคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นพีท ยิ้มมุมปาก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย "วันนี้สงสัยต้องพักไว้ก่อนล่ะ เสียดายจัง" สายตากรุ้มกริ่มบอกความต้องการที่ชัดเจนของเขา"…นายอยู่ก็กวนใจฉัน…ดีเลยเพราะฉันต้องรีบสรุปข้อสอบให้น้องชายจอมซน" เธอกล่าว แต่ในใจเริ่มรู้สึกว่าไม่อยากให้เขากลับไปเลย…ไหนเธอบอกว่าเธอไม่สนใจเขาไง อันนา…?เธอเผลอกำปากกาของตัวเองแน่นขึ้น
เขาไม่อยากปล่อยเวลาที่มีค่าไปง่ายๆ เพราะรู้ดีว่าช่วงเวลานี้มันพิเศษแค่ไหนเขาอยากแกล้งเธอ อยากกวนใจเธออีกครั้ง แค่เพื่อให้ได้เห็นใบหน้าที่แดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ทำไมกันนะ... ทำไมเขาถึงชอบนักเวลาที่เธอเผลอหน้าแดงอย่างเป็นธรรมชาติ อาจเป็นเพราะตอนนั้นเธอดูน่ารักที่สุดหรืออาจเป็นเพราะหัวใจของเขาก็เต้นแรงไม่แพ้กัน…"นาย! ไปแต่งตัวเลยนะ! เดี๋ยวก็ทำงานส่งไม่ทันหรอก!" เสียงของเธอสั่นนิดๆ พลางรีบหันหลังให้ ไม่กล้าสบตากับแผงอกเปลือยเปล่า แต่เขาไม่ยอมให้เธอหนีง่ายๆแขนแข็งแรงโอบรัดจากด้านหลัง ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดข้างหู "วันนี้งานของฉัน...อย่างแรกคือเธอ แล้วค่อยทำงานส่งอาจารย์ละกัน""อ๊ะ!" อันนา อุทานร้องเบาๆ เมื่อเขาช้อนตัวขึ้นจากพื้น แขนแกร่งตวัดรัดแน่นจนเธอขยับไม่ได้ ผ้าขนหนูที่พันกายเขาไว้ล่อแหลมเสียจนใจเต้นรัว"ดะ...เดี๋ยว! ปล่อยนะ!" เธอดิ้นแต่กลับทำให้ตัวเองแนบชิดเขามากขึ้นเขายิ้มขำ ยิ่งเธอต่อต้าน ยิ่งน่าหลงใหล"อย่าดื้อสิอันนา..." เขากระซิบเสียงพร่า "ฉันไม่ปล่อยหรอก"แล้วร่างเธอก็ถูกทิ้งลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ก่อนที่ร่างสูงจะโน้มลงมา...ดวงตาคมเต็มไปด้วยแรงปรารถนา ผ้าขนหนูที่ปิดห่อหุ้ม
"จะหนีไปไหน…แค่คิดว่า…ฉันอยากจะสำรวจมากขึ้น…?" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหู พร้อมกับแรงกอดที่แน่นขึ้นเล็กน้อยเธอ กลืนน้ำลายลงคอ พยายามผลักอกเขาออก แต่กลับสัมผัสได้ถึงผิวอุ่นและแนวกล้ามเนื้อแข็งแกร่งที่น่าหวั่นใจ"นาย!!!!...ปล่อยนะ" เธอพูดเสียงสั่น หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอกแต่แทนที่เขาจะปล่อย กลับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นจนเธอรู้สึกถึงจังหวะลมหายใจมั่นคงของเขาที่แนบชิดกับแผ่นหลังของเธอ"ทำไมต้องหนีละ?" เขากระซิบเบาๆ ใกล้ใบหู ทำให้เธอขนลุกไปทั้งตัวอันนา เม้มริมฝีปากแน่น พยายามควบคุมตัวเอง แต่สัมผัสแนบชิดจากร่างกายของเขาทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก ร่างกายเธอเหมือนจะร้อนขึ้นกว่าเดิมจนแทบทนไม่ไหว..."อยากสัมผัสอีกจัง…เธอตัวหอมมากรู้ไหม" พีท กระซิบเสียงแหบพร่าข้างหู ราวกับจงใจให้เสียงนั้นก้องอยู่ในความคิดของอันนา กลิ่นกายตอนอาบน้ำใหม่ๆ ของเธอหอมจนชายหนุ่มไม่อยากปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระเธอ แทบหยุดหายใจเมื่อจมูกโด่งของเขาแนบเข้ากับใบหูของเธอ สัมผัสอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความร้อนแรงทำให้ร่างกายเธอสั่นไหว ลมหายใจอุ่นของเขารดราดอยู่บริเวณข้างแก้ม ปลุกความร้อนวูบวาบให้แล่นไปทั่วร่าง"อย่า..." เสียงของเธอแผ่
แสงแรกของรุ่งเช้าสาดส่องผ่านม่านบางเบา ทอประกายอ่อนโยนลงบนเรือนร่างของหญิงสาวที่นอนแนบชิดอยู่ข้างๆ ร่างกายอันกำยำ แขนเรียวบางพาดอยู่บนอกกว้าง ผิวกายเบียดเสียดกันอยู่อันนา ขยับตัวเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างช้าๆ อาการมึนหัวอย่างหนักปรากฏต่อเธอ เธอรู้สึกถึงไออุ่นของคนข้างกายความจริงที่แล่นเข้ามาในหัวทำให้เธอรีบขยับตัวออกห่าง ร่างกายยังคงอ่อนล้า แต่หัวใจเต้นรัวแทบระเบิดและเริ่มทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะที่ยังมีร่างของใครบางคนนอนเปลือยอกอยู่ใกล้ๆ เธอดวงหน้าคมเข้มของเขาหลับไหลอยู่แต่ชวนให้น่ามองทุกส่วนของใบหน้านั้นอันนา ทบทวน เธอสะดุ้งตื่นและสำรวจตัวเอง ตัวเธอเหลือเพียงกางเกงในตัวจิ๋วตัวเดียวห่อหุ้มตัวอยู่ เธอหน้าแดงก่ำ และนึกทบทวนว่าเธอจำอะไรได้บ้างพีท รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนของเตียงนอน เขา ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองร่างของหญิงสาวที่กำลังสั่นเทาและกำลังสำรวจร่างกายตัวเอง เขาอมยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ อันนา หันมาเจอสายตาคมเข้มที่จ้องมองมาที่เธออยู่พอดี เธอรีบดึงผ้าห่มมาห่อหุ้มร่างกายให้มิดชิดทันทีชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ตลกในท่าทางของเธอ นี่เธอจำอะไรไม่ได้เลยหรือไง"นี่…นี่…นาย…นายทำอะไรฉัน
ค่ำคืนเดียวกันนี้….เสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์ดังก้องไปตามเส้นทางที่มืดสลัว ลมกลางคืนพัดปะทะใบหน้า อันนา แต่กลับไม่ได้ช่วยให้เธอใจเย็นลงเลยสักนิด และเธอไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำส้มที่เธอรับมาดื่มจากกวิน นั้นแฝงไว้ด้วยอันตรายบางอย่างความคิดของเธอยังคงวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์ก่อนหน้า กับคำพูดและการกระทำของกวิน... และที่สำคัญ—สัมผัสของพีทอันนา กระชับอ้อมแขนรอบเอวของ พีท โดยไม่รู้ตัว ไออุ่นจากแผ่นหลังของเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เธอไม่เคยไว้ใจเขาเลยพีท เองก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสของความวางใจที่เธอเริ่มมีให้เขามากขึ้น"ใกล้ถึงหอเธอแล้วนะ" พีท เอ่ยขึ้นลอยๆ น้ำเสียงราบเรียบ แต่ก็ยังมีความอบอุ่นบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจอันนา ไม่ตอบ แต่เธอรู้ว่าใจของตัวเองกำลังสั่นไหว ภาพของ กวิน ในค่ำคืนนี้ยังตามหลอกหลอนเธอ ทว่า อ้อมกอดที่เธอพึ่งพิงอยู่ตอนนี้กลับมั่นคงจนเธอไม่อยากปล่อย เวลาผ่านไปสักพัก…. อันนา เริ่มรู้สึกว่าร่างกายร้อนวูบวาบขึ้นทุกขณะ ราวกับมีเปลวไฟลุกไหม้อยู่ภายในเธอรู้สึกเหมือนโดนบางอย่างควบคุม ความต้องการบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้พลุ่งพล่านอยู่