บรรยากาศรอบตัวกลับคืนสู่ความเงียบสงบ เหลือเพียงแค่พีทและอันนานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารของพวกเขา
แสงไฟสีอุ่นจากโคมระย้าสาดส่องลงมา เพิ่มบรรยากาศโรแมนติกโดยไม่ตั้งใจ
บนโต๊ะมีเมนูอาหารสุดพิเศษที่ พีท เป็นคนเลือกสั่ง ทุกจานถูกจัดวางอย่างประณีต กลิ่นหอมของอาหารลอยคลุ้งไปทั่ว แต่เจ้าของร่างสูงที่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้กลับไม่ได้ให้ความสนใจกับมื้ออาหารตรงหน้าเลย
สายตาของเขาจับจ้องไปที่หญิงสาวตรงข้าม ที่กำลังใช้ส้อมจิ้มอาหารในจานของเธออย่างเงียบ ๆ ท่าทางเหมือนตั้งใจจะโฟกัสกับมื้อนี้
แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าเธอเองก็รับรู้ถึงสายตาของเขา
“นี่…” เขาเอ่ย และมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้ม ดวงตาคมวาววับราวกับมีเรื่องในใจที่เขากำลังชั่งใจว่าจะพูดออกมาดีหรือไม่...
“แลกเบอร์กันไว้หน่อยสิ” พีท พูดหน้าตาย พลางหมุนส้อมในมืออย่างไม่ใส่ใจ
“เผื่อมีอะไรต้องคุยกันเรื่องโครงการวิจัย จะได้สะดวก”
อันนา มองเขาด้วยสายตาอ่านไม่ออก ก่อนจะยอมพยักหน้าเล็กน้อย
“ก็ได้ จะได้สะดวก”
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดหมายเลขของตัวเองแล้วเลื่อนหน้าจอไปให้ พีท บันทึกหมายเลขลงเครื่องของเขา ส่วนพีท ก็ทำแบบเดียวกัน เอ่ยบอกตัวเลขด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับเป็นแค่เรื่องธุรกิจทั่วไป
หลังจากที่ทั้งคู่แลกเบอร์กันเสร็จ อันนา ก็เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า แล้วตั้งใจจะหันกลับไปสนใจอาหารในจานต่อ แต่กลับรู้สึกได้ถึงสายตาของ พีท ที่ยังมองเธออยู่
พีท ยักไหล่เล็กน้อย
“ต่อไปนี้ เธอไม่มีข้ออ้างแล้วนะ ถ้าฉันจะโทรหาหรือส่งข้อความไป” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ แต่กลับแฝงอะไรบางอย่างที่ทำให้ อันนา รู้สึกแปลก ๆ
เธอจ้องเขานิ่ง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนี ยกแก้วน้ำขึ้นจิบกลบเกลื่อนความรู้สึก
“ก็แค่เรื่องโครงการวิจัย ไม่เห็นจะมีปัญหาเลย” เธอตอบเรียบ ๆ
พีท หัวเราะในลำคอเบา ๆ มองท่าทางของเธอที่พยายามทำเป็นไม่สนใจแล้วก็ยิ่งนึกสนุกขึ้นมา
“ใช่… แค่เรื่องโครงการวิจัย” เขาทวนคำของเธอ แต่สายตากลับบอกว่าเขาไม่ได้หมายความแค่เรื่องนั้นแน่ ๆ
เขาเหลือบมองไวน์แดงในแก้วที่พนักงานรินไว้ให้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ลองดื่มดูไหม?”
อันนา เงยหน้าขึ้น มองเขาอย่างลังเลก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่ล่ะ ฉันไม่เคยดื่มไวน์เลย”
พีท ยกคิ้วขึ้น “จริงดิ? ไม่เคยเลยเหรอ?”
“อื้ม...” หญิงสาวพยักหน้าตอบ “ฉันไม่ชอบรสชาติของแอลกอฮอล์”
พีท เหลือบมอง อันนา เห็นเธอยังมองเขาอย่างลังเลกับคำชวนให้ดื่มไวน์ เขายิ้มขำ ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมลวก ๆ
“งั้นไม่เป็นไร ฉันดื่มแทนเธอละกัน…”
น้ำเสียงของเขาฟังดูผ่อนคลาย แต่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์เล็กน้อย
พีท ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ ปล่อยให้รสฝาดละมุนของไวน์แดงไหลผ่านลำคออย่างเนิบช้า ความอุ่นวาบแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายราวกับเปลวไฟอ่อน ๆ
ไม่นานนัก แอลกอฮอล์ก็เริ่มซึมเข้าสู่กระแสเลือด ปลุกเร้าให้เลือดลมสูบฉีดมากขึ้น ใบหน้าของเขาขึ้นสีระเรื่อจางๆ อย่างห้ามไม่ได้
ดวงตาเป็นประกายแฝงแววเจ้าเล่ห์ อารมณ์ของเขาคึกคักขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับพลังแห่งความมั่นใจของชายหนุ่มกำลังถูกปลุกให้ตื่นตัว
แสงไฟจากโคมระย้าสะท้อนกับผิวของเขา ยิ่งขับให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นดูดีขึ้นไปอีก เส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าผากเพียงเล็กน้อยช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับเขาโดยไม่ต้องพยายามใด ๆ
พีท ดื่มไวน์ไปค่อนขวด แอลกอฮอล์เริ่มทำงาน มุมปากยกยิ้มเล็กน้อยขณะจ้องมอง หญิงสาวตรงหน้าที่กำลังก้มหน้าก้มตาทานอาหารของเธออย่างตั้งใจ ราวกับพยายามเร่งให้มื้อค่ำนี้จบลงโดยเร็ว
แต่สำหรับเขา—ภาพนั้นกลับยิ่งทำให้เธอดูน่าหลงใหลกว่าเดิม
ดวงตาคมเข้มที่เจือแอลกอฮอล์จ้องมองเธอเงียบ ๆ ลมหายใจของเขาลึกขึ้นเล็กน้อย รู้สึกถึงความร้อนที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นในกาย
อารมณ์ของชายหนุ่มที่ถูกกระตุ้นด้วยฤทธิ์ของไวน์ ทำให้ทุกการกระทำของเธอดูเย้ายวนไปหมด แม้กระทั่งการใช้ส้อมจิ้มเนื้อเข้าปาก หรือการที่ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาข้างแก้ม
เธอรู้ตัวหรือเปล่านะ... ว่าสายตาของเขากำลังกลืนกินเธออยู่เงียบ ๆ
พีท ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอีกครั้ง ปล่อยให้รสขมฝาดละมุนไหลผ่านลำคอ ขณะที่ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว
คืนนี้มันจะจบลงเพียงแค่มื้อค่ำจริง ๆ หรือ? สิ่งที่ กวิน พูด กำลังกัดกินเขาเอง เขานึกถึง คำของ กวิน ที่พูด ก่อนหน้านี้ “รีบไปส่ง หรือรีบไปทำอะไรกันแน่” เขาครุ่นคิด…
บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง อันนา เหลือบดูนาฬิกาข้อมือ เห็นว่าใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว เธอถอนหายใจเบา ๆ แล้วหันไปบอกเขา
“นายช่วยไปส่งฉันที่หอพักได้ไหม? มันดึกมากแล้ว”
พีท กระตุกยิ้มมุมปาก
“โอเค เดี๋ยวฉันไปส่ง”
เขายกมือเรียกพนักงานเพื่อแจ้งเช็กบิล พนักงานชายในชุดสูทสุภาพเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงคุ้นเคย
“ให้ลงบัญชีคุณพีทเหมือนเดิมใช่ไหมครับ? ”
พีท ยิ้มบาง ๆ พร้อมพยักหน้าเล็กน้อย
“ใช่ ลงบัญชีเหมือนเดิม” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ราวกับเป็นเรื่องปกติ
อันนา มองเขาอย่างแปลกใจเล็กน้อย เธอเดาได้ว่าพีทน่าจะเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ และอาจมีสถานะพิเศษจนสามารถเปิดบัญชีไว้ได้โดยไม่ต้องจ่ายทันที แต่เธอไม่ได้ถามอะไรออกมา แค่จดจำรายละเอียดนี้ไว้เงียบ ๆ
หลังจากจัดการค่าใช้จ่ายเสร็จ พีท หันกลับมาหาเธอ พร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “ไปกันเถอะ ฉันไปส่งเธอเอง”
พนักงานในภัตตาคาร ต่างแอบชำเหลืองมอง พีทและหญิงสาว ด้วยความแปลกใจ แต่ไม่มีใครกล้าถามพูดหรือถามอะไรออกมาตรง ๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็น ชายหนุ่ม พาหญิงสาวมานั่งทานข้าวด้วยกันตามลำพัง
โดยปกติแล้ว พวกเขามักจะชินกับการที่เห็น พีท จะมารับประทานอาหารกับครอบครัว ทุกคนในภัตตาคารก็จะรู้กันดีว่าต้องให้การต้อนรับอย่างดีที่สุด เพราะครอบครัวของเขาเป็นลูกค้าคนสำคัญที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษเสมอ
ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาจะพาผู้หญิงมานั่งร่วมโต๊ะอาหารในบรรยากาศสบาย ๆ สองต่อสองเช่นนี้
แต่ครั้งนี้ต่างออกไป พนักงานแอบมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามพีทด้วยความสงสัย เธอเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงได้รับ ‘สิทธิพิเศษ’ ที่ไม่มีหญิงสาวคนไหนเคยได้รับ?
พีท ลอบปรายตามองพนักงานที่กำลังสนใจเรื่องของเขามากกว่าปกติ ก่อนจะหรี่ตาลงเล็กน้อย
“มีอะไรสงสัยกันหรือเปล่า?” เสียงทุ้มของเขาเอ่ยถามขึ้นเบา ๆ แต่แฝงไปด้วยอำนาจ ทำให้พนักงานที่แอบชำเลืองมองรีบหลบสายตาแล้วกลับไปทำงานของตัวเองอย่างรวดเร็ว
อันนา สังเกตท่าทางนั้นก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ “นายดุขนาดนั้นเลย?”
พีท ยิ้มมุมปาก
“เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ฉันพามาที่นี่ พวกเขาเลยสงสัย”
อันนา ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะกระพริบตา ดวงตากลมโตของเธอฉายแววไม่แน่ใจว่าควรรู้สึกอย่างไรกับคำพูดนั้น
พีท มองเธอเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ฉันก็แค่…อยากให้เธอรู้ว่าฉันไม่ได้พาใครมากินข้าวด้วยง่าย ๆ”
คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
พีท ยิ้มบาง ๆ ขณะมองเธอ แววตาเป็นประกายซ่อนความนัยบางอย่างที่อันนาไม่แน่ใจว่าเธอควรจะอ่านมันออกหรือไม่…
เมื่อทั้งคู่เดินออกมาด้านนอกภัตตาคาร…..
อากาศข้างนอกเย็นกว่าที่คิด ลมกลางคืนพัดผ่านจนเธอเผลอกอดแขนตัวเองเบา ๆ
พีท หันมาเห็น อันนา กอดแขนตัวเองเพราะอากาศเย็น เขาหัวเราะเบา ๆ
"หนาวเหรอ?" เขาถาม น้ำเสียงแฝงความเอ็นดู
เธอ ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบส่ายหน้า "ไม่เป็นไร ฉันทนได้"
ชายหนุ่มถอดเสื้อช็อปวิศวะที่ใส่อยู่ออก แล้ววางมันลงบนไหล่เธออย่างแผ่วเบา
"ใส่ไว้เถอะ เดี๋ยวไม่สบาย" พีท ยืนยัน พร้อมขยับเสื้อให้เข้าที่ก่อนจะเดินนำไปที่ลานจอดรถ
เธอสวมใส่เสื้อช็อปวิศวะของเขา กลิ่นกายชายหนุ่มปนกลิ่นเหงื่อของเขา ยังคงติดอยู่ที่เสื้อ
หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองถูกกอดรัดโดยอ้อมแขนอันแข็งแกร่งของเขาโดยไม่รู้ตัว
อันนา ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างของเขา ก่อนจะเผลออมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอไม่คิดว่าผู้ชายที่ดูกวนๆ สบาย ๆ ไม่แคร์อะไรอย่าง พีท จะมีมุมอ่อนโยนแบบนี้ด้วย
เมื่อเดินมาถึงรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของเขา พีท หยิบหมวกกันน็อกแล้วยื่นให้เธอ
อันนา รับมาสวมอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เธอไม่ค่อยได้นั่งมอเตอร์ไซค์บ่อยนัก ยิ่งเป็นคันใหญ่แบบนี้ยิ่งรู้สึกประหม่า
"เกาะฉันไว้ดี ๆ นะ" พีทพูดยิ้ม ๆ ก่อนจะขึ้นคร่อมรถและสตาร์ตเครื่อง
อันนาค่อย ๆ ขึ้นนั่งซ้อนหลัง เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือไปจับที่ชายเสื้อเขาเบา ๆ
พีท รู้สึกได้ก็เลยหัวเราะออกมาเบา ๆ
“แบบนี้ไม่ไหวหรอก จับให้แน่นกว่านี้สิ เดี๋ยวเธอตกลงไปนะ” พีทบอกเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะคว้ามือของอันนาและดึงมากอดรอบเอวเขาไว้แน่นขึ้น
อันนา ตกใจ ดวงตากลมโตเบิกขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่ามอเตอร์ไซค์เริ่มเคลื่อนตัวไปข้างหน้า เธอก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมทำตาม
แรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์สะท้านผ่านมือเธอ แต่สิ่งที่ทำให้เธอหวั่นไหวจริง ๆ กลับเป็นสัมผัสจากแผ่นหลังและเอวที่แน่นด้วยกล้ามเนื้อของชายหนุ่มผ่านเสื้อเชิ้ตตัวบางของเขา
ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เธอพยายามกอดไว้หลวม ๆ แต่สัมผัสของเสื้อเชิ้ตตัวบางที่เขาสวมอยู่ทำให้เธอรับรู้ถึงไออุ่นจากร่างกายเขาได้ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นจนแทบกลบเสียงเครื่องยนต์
“แบบนี้แหละดี” พีท พูดเสียงทุ้มต่ำปนขบขัน “ฉันไม่อยากให้เธอเป็นเจ้าหญิงนิทรากลางถนนนะ”
อันนา เม้มปากแน่น รู้สึกเหมือนเขากำลังล้อเธออยู่ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากซุกตัวเงียบ ๆ อยู่ข้างหลังเขา ลมเย็นพัดผ่านใบหน้าของเธอ แต่กลับไม่อาจดับความร้อนที่กำลังแผ่ซ่านอยู่ในอกได้เลย...
พีท ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะบิดคันเร่งพารถออกไป ทิ้งเสียงเครื่องยนต์แทรกผ่านความเงียบของค่ำคืน…
ถนนยามค่ำคืนโล่งและเงียบสงบ มีเพียงแสงไฟจากข้างทางและเสียงเครื่องยนต์ที่ดังก้องอยู่รอบตัว พีท ขับด้วยความเร็วปานกลาง ไม่ได้เร่งรีบ แต่ก็ไม่ได้ช้าเกินไป
ชายหนุ่มขับรถอย่างมั่นคง แต่เหมือนเขาจะรับรู้ถึงแรงกอดของเธอที่แน่นขึ้นเล็กน้อย เขาไม่พูดอะไร และแอบยิ้มเพียงเล็กน้อย
เมื่อมอเตอร์ไซค์จอดที่ไฟแดง พีท เอียงหน้ามาหาเธอเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นด้วยเสียงที่ปะปนกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
"เธอกำลังใช้ฉันเป็นหมอนกอดอยู่รึเปล่า?"
อันนาสะดุ้ง รีบผละออกเล็กน้อย ใบหน้าร้อนผ่าว "เปล่าสักหน่อย!"
พีท หัวเราะเบา ๆ
"ถ้าเปล่าก็โอเค" เขาตอบก่อนจะขับต่อไปเมื่อไฟเขียวขึ้น
หญิงสาวไม่กล้าปฏิเสธความจริงว่า...เธอชอบสัมผัสนี้ ชอบความรู้สึกเวลาที่ได้อยู่ใกล้เขาแบบนี้มากกว่าที่คิด
ความใกล้ชิดระหว่างเธอกับ พีท ในตอนนี้ ทำให้เธอรู้สึกถึงจังหวะหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเร็วของมอเตอร์ไซค์ หรือเพราะความรู้สึกแปลก ๆ ที่ก่อตัวขึ้นในใจเธอกันแน่
ไม่นานนัก รถก็จอดลงหน้าหอพักของ อันนา เธอค่อย ๆ คลายมือออกจากเสื้อของเขา หัวใจยังคงเต้นแรงจากประสบการณ์เมื่อครู่
พีท หันมามองเธอ “ถึงแล้ว”
อันนา รีบถอดหมวกกันน็อกและเสื้อช็อปวิศวะที่เขาให้สวมใส่ออก แล้วยื่นคืนให้เขา “ขอบใจนะ ที่มาส่ง”
พีท รับเสื้อและหมวกกันน็อกมา ก่อนจะโน้มตัวเข้าใกล้เธอเล็กน้อย “ครั้งหน้าจะให้มาส่งอีกไหม?”
อันนา ชะงัก หัวใจเต้นผิดจังหวะ “ฉันยังไม่ได้บอกว่าจะมีครั้งหน้านะ”
พีท หัวเราะ “แต่ฉันว่าน่าจะมี”
เธอเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะรีบหมุนตัวเดินเข้าไปในหอพัก โดยไม่หันกลับมามองเขาอีก
พีท ยิ้มบาง ๆ มองตามแผ่นหลังของเธอจนกระทั่งเธอเดินเข้าไปในตึก คืนนี้…เป็นคืนที่พิเศษกว่าทุกคืนที่เขาเคยสัมผัส...และเขายังไม่ได้ขับรถมอเตอร์ไซด์ออกไปไหน
อันนา เดินกลับมาที่ห้องพักของเธอ โดยที่ไม่ได้หันไปมองชายหนุ่มที่มาส่งเลย และเธอเองลืมนึกไปว่าเธอยังไม่ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์ของของเขาขับออกไปจากหอพักเธอ
เธอไม่รู้เลยว่า ชายหนุ่ม ยังไม่กลับไปเขายังคงนั่งคร่อมมอเตอร์ไซด์อยู่ในมุมที่มืดเล็กน้อย แต่ยังเป็นจุดที่มองเห็นการกระทำของ อันนา ได้อย่างชัดเจน
ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ร่างบางที่เดินไขกุญแจเข้าห้องพักของตัวเอง มองเห็นทุกการเคลื่อนไหวของเธอ
ห้องพักของ อันนา อยู่ชั้นล่างสุดของอาคาร และตัวหอพักเองก็ไม่ได้มีระบบการล็อคใดๆ มีเพียงรั้วประตูที่กั้นระหว่างหอพักกับถนน และใช้สำหรับเปิด-ปิดเข้าออกหอพักเท่านั้นเมื่อประตูห้องของเธอถูกไขกุญแจและเปิดออก เผยให้เห็นความอบอุ่นด้านในห้องห้องไม่ได้กว้างขวางมากนัก แต่กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและน่ารัก เธอตกแต่งมันด้วยโทนของสีพาสเทลอ่อนหวาน ผนังห้องติดภาพวาดดอกไม้เล็ก ๆ และโปสเตอร์ศิลปะที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยน โต๊ะเล็ก ๆ ข้างเตียงมีโคมไฟสีชมพูอ่อนตั้งอยู่ พร้อมกับตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างหมอนเตียงของเธอเป็นเตียงขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถนอนได้ 2 คน ปูด้วยผ้าปูที่นอนสีขาวลายลูกไม้มีหมอนหลายใบจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ โดยเฉพาะหมอนใบเล็กที่เป็นรูปหัวใจที่ดูเหมือนจะเป็นของโปรดของเธอ ผ้าห่มเนื้อนุ่มถูกพับไว้ที่ปลายเตียง ทำให้ห้องดูอบอุ่นเหมือนมุมพักผ่อนของเจ้าหญิงในเทพนิยายอันนา เหนื่อยล้าไปทั้งร่าง หลังจากวันที่เต็มไปด้วยภาระที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด เธอถอดแว่นตาวางที่โต๊ะเธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ ถอดชุดนักศึกษาออก เหลือแต่ชั้นในลูกไม้ตัวจิ๋ว 2 ชิ้นที่ห่อหุ้มร่างบาง และเธอเองกำลังถ
"อย่าหนีสิ..." เขากระซิบใกล้ริมฝีปากเธอ กลิ่นไวน์เจือจางในลมหายใจของเขา ร้อนผ่าวจนทำให้สติของอันนาสั่นคลอนเธอควรผลักเขาออกไป แต่ทำไมร่างกายถึงไม่ยอมขยับเลย...พีท สบตากับ อันนา อยู่ชั่วอึดใจ ก่อนที่เขาจะโน้มตัวลงมาใกล้กว่าเดิม ริมฝีปากของเขาอยู่ห่างจากเธอเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นหญิงสาว หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก และก่อนที่เธอจะทันตั้งสติและก่อนที่เธอจะรู้ตัว…….ริมฝีปากร้อนของ พีท ก็แนบลงมา...ค่อยๆ บดขยี้ริมฝีปากอันอ่อนนุ่มของเธอ อย่างหนักหน่วง ร้อนแรง และเต็มไปด้วยแรงปรารถนากลิ่นไวน์จางๆ ที่เจืออยู่ในริมฝีปากและลมหายใจของเขายิ่งกระตุ้นเร่งเร้าอารมณ์ของชายหนุ่มสัมผัสแรกอ่อนโยนแต่หนักแน่น ราวกับให้เวลาหัวใจของเธอได้ปรับตัวกับแรงปรารถนาที่เขากำลังมอบให้ เขากดจูบลึกขึ้น ดูดดึงริมฝีปากบางแสนยั่วยวนอารมณ์ของเธออย่างโหยหาอันนา สั่นสะท้านไปทั้งตัว ความร้อนแล่นวูบไปทั่วร่าง ราวกับถูกกระแสไฟฟ้าช็อต เธอพยายามจะถอยหนี แต่แผ่นหลังของร่างบางๆของเธอก็ชนเข้ากับผนังอีกครั้งพีท ใช้ร่างกายอันใหญ่โตของเขาครอบครองพื้นที่ตรงหน้าเธอทั้งหมด ไม่มีที่ว่างให้เธอหลบหนีอีกแล้วมือใหญ่ของเขาลูบไล้ไปต
เขาหยุดทุกสัมผัส ปล่อยให้เธอได้มีพื้นที่หายใจชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งที่ปลายเตียง สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อดับไฟร้อนที่ยังลุกโชนอยู่ในอก ความรู้สึกพลุ่งพล่านจากสัมผัสเมื่อครู่ยังคงอบอวล ปลายนิ้วของเขายังจำได้ถึงความเนียนนุ่มของผิวกาย ริมฝีปากยังคงติดตรึงกับรสสัมผัสอันหอมหวานที่เพิ่งลิ้มลองใบหน้าหล่อคมเข้มเริ่มคลายจากแรงปรารถนาอันเกินจะต้านทานที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และเมื่อเขาปล่อยเธอให้หลุดพ้นจากการถูกทับไว้โดยร่างกายกำยำของเขาหญิงสาว ก็รีบลุกขึ้นจากเตียงไปที่หยิบเสื้อนอนที่โดนเขาขว้างทิ้งไปมาสวมปิดบังเนินเนื้อเต่ง จากนั้นก็เปิดตู้เสื้อผ้าแล้วรีบคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับชุดนอนอย่างรวดเร็ว ดึงสาบเสื้อเข้าหากันแน่นเพื่อปิดบังเรือนร่างใต้ชุดนอนบางเบา ไม่อยากให้เขาสำรวจเธอด้วยสายตาแบบนั้นอีกเขานิ่งไปพักใหญ่ และเมื่อชายหนุ่มหันไปมองนาฬิกาบนผนัง เวลาก็ล่วงเลยไปจนเกือบเที่ยงคืนแล้ว"ขอฉันอยู่ที่นี่สักพักได้ไหม...แค่อยากพักอยู่ตรงนี้อีกสักหน่อย" ลมหายใจที่ยังหอบพร่า และเสียงทุ้มอ่อนนุ่มของเขาเอ่ยขึ้นอันนา ยังคงมองเขาด้วยแววตาลังเล หวาดกลัว โดยที่ความหวาดกลัวนั้นเธอไม่ได้กลัวเขา แต่เธอกลัวหัวใจเธอเอง
เขาเดินไปที่มอเตอร์ไซด์คันใหญ่คู่ใจเมื่อสตาร์ทรถ เขาจงใจไม่เร่งเครื่องมากนักเพื่อลดเสียงรบกวน ไม่ให้ใครในหอพักต้องตื่นขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัดของค่ำแล้วไม่นาน ไฟท้ายของรถก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างเงียบเชียบ ละลายหายไปในความมืด ขณะที่เขาขับออกจากเขตหอพักของอันนา…บรรยากาศรอบตัวเขายังเงียบสงัด ถนนโล่งมีเพียงลมเย็นที่ปะทะใบหน้า ทำให้ความมึนง่วงจากคืนอันยาวนานค่อย ๆ จางลงเล็กน้อยแต่มีสิ่งที่กำลังครุกรุ่นอยู่ในใจของเขา มันไม่ใช่เพียงแค่ความหลงใหล มันลึกซึ้งกว่านั้น อันตรายกว่านั้นมันคือความปรารถนาในตัวอันนา...ความปรารถนาที่ตัวเขาเองยังรู้สึกหวาดหวั่นเขากลัวเหลือเกินว่า สักวันหนึ่ง…เขาอาจจะหยุดความรู้สึกนี้ไว้ไม่ได้ อาจจะเผลอปล่อยให้ความปรารถนาที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจ กลืนกินสติสัมปชัญญะของเขาไปทั้งหมด และบางที...บางทีคืนนี้อาจเป็นคืนที่เขาเข้าใกล้ขีดจำกัดของตัวเองมากที่สุดแล้วพีท เร่งเครื่อง มุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ของเขาทุกครั้งที่เขากลับบ้าน มักจะเป็นหัวค่ำ แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ ครั้งนี้เขากลับมาตอนฟ้าใกล้สาง… สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อรถเคลื่อนตัวเข้ามาถึงหน้าประตูคฤหาสน์ลุงมิ่ง รปภ.ที่
แสงแดดอ่อน ๆ ในตอนสายส่องลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง อันนา พลิกตัวช้า ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เธอกระพริบตาถี่ ๆ ไล่ความง่วงออกไป ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงดวงตาคู่งามกวาดมองไปทั่วห้อง และแล้วเธอก็พบว่า…พีท…ไม่อยู่แล้วอันนา ชะงัก หัวใจเต้นแผ่วเบาเมื่อพบว่า ไม่มีร่างของชายหนุ่มที่เธอจำได้ดีว่าเขาอยู่ที่นี่เมื่อคืนเธอขยับนิ้วแตะริมฝีปากตัวเองแผ่วเบา ภาพความทรงจำจากเมื่อคืนไหลย้อนกลับมาสัมผัสร้อนแรง... ลมหายใจของเขาที่ใกล้จนได้ยินชัด... ริมฝีปากของเขาที่แนบลงมาหาเธอช้า ๆ แล้วจูบอย่างอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความเร่าร้อนสัมผัสของมือหนาที่กอบกุมเต้าอกอวบอิ่มพร้อมทั้งแรงเคล้าคลึงด้วยความเบามือแต่แฝงด้วความผ่าวร้อนได้แผ่ซ่านผ่านชุดนอนบางจิ๋วเข้าไปยังเนินเนื้อยังคงติด ผิวกายของหญิงสาวสั่นสะท้านด้วยแรงปรารถนาที่ไม่เคยได้สัมผัสจากชายคนไหนมาก่อนอันนา ใบหน้าร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัว เธอหลุบตามองต่ำ ใช้ปลายนิ้วแตะริมฝีปากตัวเองอีกครั้งราวกับต้องการยืนยันว่าค่ำคืนที่ผ่านมามันไม่ใช่แค่ความฝันพีท... ทำให้หัวใจของเธอสั่นไหวและสัมผัสของเขาเธอเองก็ไม่เคยได้เจอะเจอมาก่อนเลย มันทำให้เธอวาบหวามและอบอุ่นไปใ
ตอนบ่ายถึงเวลานัดหมายทำโครงการวิจัยร่วมกันของ ทั้ง 2 คนอันนาเดินเข้ามาในห้องทดลองพร้อมแฟ้มเอกสารแนบอก พยายามรักษาท่าทีให้เป็นปกติที่สุด แม้หัวใจจะเต้นแรงจนแทบหลุดออกมาจากอก เธอก้าวเท้าอย่างระมัดระวัง ขยับแว่นตาเล็กน้อยเพื่อปรับโฟกัส ดวงตากลมโตสอดส่ายไปทั่วห้อง แต่เธอยังไม่พบกับใครบางคนที่เธอพยายามหลบหน้าและหัวใจของเธอตอนนี้ก็เต้นโครมคราม จนแทบจะระเบิดออกมาข้างนอก เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า… เธอจะต้องเผชิญหน้ากับพีท—เจ้าของรอยจูบและสัมผัสที่ยังทำให้หัวใจเธอสั่นไหวไม่เสื่อมคลายเธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามสะกดอารมณ์ แล้วเดินไปนั่งลงที่โต๊ะ ก่อนจะเปิดเอกสารเพื่อเตรียมเริ่มงานแต่ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นร่างกำยำของชายหนุ่ม ยืนพิงกรอบประตู เขายกยิ้มมุมปากพลางกอดอก สายตาคมมองเธอราวกับอ่านใจออก“ไง…” พีท ทักและลากเสียงเนิบนาบที่ฟังดูสบายๆ ก่อนจะเดินเข้ามาแล้วทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามเธออย่างไม่รีบร้อน ท่าทีของเขาดูผ่อนคลาย ราวกับว่าการพบกันครั้งนี้เป็นเพียงเหตุการณ์ธรรมดา“ทำไมทำหน้าเครียดขนาดนั้นล่ะ? หรือว่า… คิดถึงเรื่องเมื่อคืนอยู่?”อันนาสะดุ้ง รีบหลบตาพีททันที หน้า
พีท ยืดแขนเพื่อบิดความเมื่อยล้า สายตาคมเข้มมองมาพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ “สรุปว่าเย็นนี้ไปกินชาบูที่ไหนกันแน่นะ?”อันนา ที่กำลังเก็บของชะงักไปนิดหน่อยก่อนตอบ “โชติบอกว่าร้านชาบู หน้ามอ ร้านเดิมที่เคยไปกินประจำ”พีท เงยหน้ามองหญิงสาวอย่างช้า ๆ ก่อนลากเสียงถาม“ที่เคยไปกินประจำ….ไปกินด้วยกันบ่อยรึไง?” เสียงเขาดูไม่สบอารมณ์มากนักเมื่อได้ยินคำตอบอันนา เงยหน้าขึ้นมองพีทที่จู่ ๆ ก็เปลี่ยนท่าที สีหน้าเขาดูนิ่งขึ้น แต่แววตากลับมีอะไรบางอย่างแฝงอยู่“ก็… เคยไปกินด้วยกันบ้างเป็นครั้งคราว” เธอขมวดคิ้ว “ทำไมหรอ?”พีท เท้าแขนลงกับโต๊ะ จ้องเธอนิ่ง “ไปกันบ่อยแค่ไหน?”หญิงสาว เริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับน้ำเสียงและท่าทางของเขา “ก็… หลายครั้งอยู่ ทำไม นายมีปัญหาหรือไง?”พีท พ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนยืดตัวขึ้นเต็มความสูง “เปล๊า~ แค่สงสัยว่าไปกันแค่สองคน หรือไปกันหลายคน”อันนา เลิกคิ้ว “บางทีก็หลายคน บางทีก็แค่ฉันกับโชติ”คำตอบนั้นทำให้ พีท ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหรี่ตาลงเล็กน้อย “แค่เธอกับโชติ?”อันนา เริ่มจับสังเกตได้ว่าเขาดูไม่พอใจ“อืม บางครั้งก็แค่ฉันกับโชติสองคน ทำไมหรอ?”พีท จ้องเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจ
ริมฝีปากได้รูปของเขากดจูบลงมาที่ริมฝีปากบางของเธออย่างแนบแน่น ความรู้สึกที่อัดอั้นมานานพรั่งพรูออกมาในสัมผัสที่อ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาอันนา ตัวแข็งทื่อ สมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ เธอรู้ดีว่าเธอควรผลักเขาออกไป ควรบอกให้เขาหยุด แต่ร่างกายกลับไม่เชื่อฟังอีกแล้วหัวใจเต้นแรงเสียจนเธอมั่นใจว่าพีทต้องได้ยิน มือเย็นเฉียบของเธอกำเข้าหากันแน่น รู้สึกถึงเหงื่อที่เริ่มซึมออกมาตามฝ่ามือเขารังแกเธออีกครั้งแล้วหรือนี่? ทำไมเขาถึงชอบทำแบบนี้กับเธอ? หรือว่าเธอเป็นเพียงของเล่นสำหรับเขา... คำถามนั้นติดค้างอยู่ในใจแต่ริมฝีปากกลับหนักอึ้งเกินกว่าจะเปล่งเสียงออกมา และมันถูกปิดอยู่ด้วยปากของชายหนุ่มลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาปะทะกับริมฝีปากของเธอ ลิ้นที่อุ่นๆ ของเขาไต่ไล่หาลิ้นนุ่มของหญิงสาว ดูดดื่มริมฝีปากบางอิ่มเหมือนกลัวว่ามันจะหลุดลอยไปจูบที่แสนเสียวซ่านนี้ทำให้ อันนา ลืมตัวไปชั่วขณะ เธอเริ่มตอบสนองการจูบของเขา เริ่มเรียนรู้การตอบสนองต่อการรุกราน จากการบังคับของเขาที่ค่อยๆ สอดใส่ปลายลิ้นเข้ามาภายในเพื่อความหาลิ้นอันอ่อนนุ่มของเธอและดูดดื่มมันให้เนิ่นนานที่สุดเท่าที่อารมณ์ของเขาจะพอใจเธอเกลียดตัวเองที
ตี 5 เมื่อรถไฟมาถึงชานชลา พิษณุโลก….หญิงสาว ลงจากรถไฟ แล้วรีบเหมารถมอเตอร์ไซด์เพื่อไปยังโรงพยาบาลทันทีณ โรงพยาบาล ประจำจังหวัดอันนา รีบวิ่งไปตามทางเดินของโรงพยาบาล หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความวิตกกังวล กลิ่นยาฆ่าเชื้อและเสียงเครื่องช่วยหายใจแว่วมากระทบโสตประสาท แต่เธอไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัวแม้แต่น้อย ดวงตาของเธอจ้องไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว หวังว่าจะพบแม่และน้องโดยเร็วที่สุดเมื่อมาถึงหน้าห้องผ่าตัด อันนา เห็นแม่ของเธอนั่งกอดน้องชายตัวเล็กไว้แน่น ใบหน้าของแม่ซีดเซียว ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ขณะที่น้องชายของเธอก็ดูอิดโรยและหวาดหวั่นไม่ต่างกัน“อันนา ลูกแม่…” แม่เงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นเธอ และน้ำตาก็ไหลรินลงมาทันที “พ่อของลูกเจ็บหนัก ต้องผ่าตัดด่วน”หญิงสาว รู้สึกเหมือนมีอะไรหนัก ๆ มากดทับอยู่ที่หน้าอก เธอรีบก้าวเข้าไปนั่งข้างแม่ จับมือที่สั่นเทาของแม่ไว้แน่น“แม่…พ่อจะไม่เป็นอะไรคะ” เสียงของเธอสั่นเครือแม่ส่ายหน้าช้า ๆ “หมอบอกว่าพ่อเสียเลือดมาก ต้องผ่าตัดฉุกเฉิน เราต้องรอ…”เธอ ก้มหน้าลงซ่อนน้ำตา เธอรู้สึกหมดหนทางแต่ก็ต้องเข้มแข็งเพื่อแม่และน้อง แม่ลูบหลังเธอเบา ๆ อย่างปลอบโยน ทั้งสามคนต่า
เสียงเครื่องบดกาแฟดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ภายในร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกาแฟคั่วใหม่ นิดหน่อยกำลังจัดเรียงแก้วอยู่หลังเคาน์เตอร์ ขณะที่พี่ลินกำลังรับออเดอร์จากลูกค้าเมื่อรับออเดอร์เสร็จ พี่ลินก็เดินมาหานิดหน่อย"นี่! นิดหน่อย!" พี่ลินกระซิบ "ไม่เห็นอันนาหลายวันแล้วนะ!"นิดหน่อยชะงักมือที่กำลังหยิบแก้วก่อนจะเงยหน้ามองพี่ลิน "จริงด้วยสิ ชักจะเป็นห่วงนะพี่ลิน"ทันใดนั้น เสียงกระดิ่งที่ประตูร้านก็ดังขึ้น ตามมาด้วยร่างของอันนา เธอเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ"อันนา!" พี่ลิน เรียกอย่างตื่นเต้น "หายไปไหนมาเนี่ย?"อันนา หัวเราะเบา ๆ "ขอโทษด้วยนะพี่ลิน และนิดหน่อย พอดีช่วงนี้ติดทำโครงการวิจัยเลยยุ่งมาก ๆ"พี่ลินมองอันนาด้วยสายตาแซว ๆ "ที่แท้ก็ยุ่งอยู่กับเรื่องโครงการวิจัย นึกว่าหายไปไหนกับพ่อเทพบุตร หน้าหล่อคนนั้น""พี่ลินก้อ….ไม่ขนาดนั้นหรอกคะ!" หญิงสาวรีบหลบสายตาพี่ลิน แล้วรีบเดินไปหลังร้านใส่ชุดกันเปื้อนเพื่อทำงานทำงานไปได้สักพัก พี่ลินสังเกตเห็นว่า อันนา ดูไม่ค่อยสดชื่น จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงว่า"อันนา เป็นอะไรรึเปล่า? ดูเหนื่อย ๆ นะ"อันนา ยิ้มบาง ๆ ก่อนตอบเสียงแผ่วเ
เช้าวันต่อมา...พีท สะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางแสงแดดยามเช้าที่ส่องผ่านม่านหน้าต่างของห้องนอนอันกว้างขวางของเขา เขายังคงรู้สึกถึงความอ่อนล้าเล็กน้อยจากค่ำคืนที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะร่างกาย แต่เป็นเพราะจิตใจที่ไม่ได้หยุดคิดถึงเธอเลยหลังจากนอนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นนั่ง ใช้มือเสยผมอย่างลวก ๆ ใบหน้าหล่อเหลามีคราบของความเหนื่อยล้า แต่ก็ยังไม่ได้ทำให้หน้าคมของเขาลดความน่ามองลงไปได้เลยเขาเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำล้างความคิดฟุ้งซ่านให้หมดไป แม้จะรู้ดีว่าความคิดถึงนั้นไม่มีทางจางหายง่าย ๆ ก็ตามเมื่อจัดเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เขาสวมเสื้อยืดสีขาวด้านในพร้อมใส่เสื้อช็อปวิศวะทับเข้าไป และกางเกงยีนส์ตัวขาดเข่าตัวเก่งของเขา ก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้แล้วก้าวออกจากห้องนอนของตัวเอง ลงบันไดไปยังโรงจอดรถ ที่ซึ่งมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเขาจอดรออยู่เครื่องยนต์คำรามขึ้นเมื่อ พีท สวมหมวกกันน็อกและเร่งเครื่องเพี่อขับออกจากคฤหาสน์ของครอบครัวลุงมิ่ง รีบวิ่งมาเปิดประตูรั้วใหญ่ให้ทันที เพราะรู้ว่าชายหนุ่มกำลังจะออกไปยังมหาวิทยาลัยเขามุ่งตรงไปยังคณะวิศวกรรมศาสตร์ ถนนยามเช้าเต็มไปด้วยรถราที่เคลื่อนตัวไปมา แต่เขาก็ชินกับเ
เมื่อเขากลับเข้ามาในคฤหาสน์หลังงาม ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปข้างใน"คุณพีท นะคุณพีท! หายไปทั้งคืนอีกแล้วนะคะ!" ป้าศรีบ่นด้วยความเป็นห่วง มองชายหนุ่มด้วยสายตาเหนื่อยใจ"นี่คุณพ่อกับคุณแม่กำลังจะกลับมาแล้วนะ ดีนะที่คุณมีนโทรตาม ไม่งั้นคงโดนดุแน่เลย!"พีท ยิ้มแหย ๆ พลางยกมือขึ้นเกาหลังคอ "ผมขอโทษครับป้าศรี พอดีมีเหตุบังเอิญ... ต้องอยู่เป็นเพื่อน….เพื่อนนะครับ"ป้าศรีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพึมพำเบา ๆ "เพื่อน หรือสาวที่ไหนอีกล่ะคะ..."ไม่ทันที่ ชายหนุ่ม จะตอบ ป้าศรียังไม่วายส่ายหน้าก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง "คุณพีทคะ สาว ๆ ระวังหน่อยนะคะ คุณ พีท ยิ่งหล่ออยู่ด้วย เดี๋ยวโดนสาว ๆ หลอกเอานะคะ!"เขา หัวเราะออกมาเบา ๆ "โธ่ ป้าศรี ผมไม่ได้ซื่อขนาดนั้นหรอกน่า"ป้าศรีแกล้งถามขึ้นมาอีก "แล้วเพื่อนคนนี้ ทำไมคุณพีทถึงให้ความสำคัญมากขนาดนั้นนะคะ ป้าไม่เคยเห็นคุณพีทไปนอนค้างคืนที่ไหนเลย นอกจากไปบ้านคุณกวิน..."พีท ที่กำลังจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มถึงกับชะงักไปเล็กน้อย"เอ่อ... ก็..." เขา เกาหลังคอ พลางหลบตานิด ๆ "คือ เพื่อนคนนี้ เขา... เอ่อ... ต้องการกำลังใจนิดหน่อย ผมเลยอยู่เป็นเพื่อนเฉย ๆ"ป้าศรีเลิกคิ้ว
แต่…..เสียงโทรศัพท์ของ พีท ดังขึ้นขัดจังหวะบรรยากาศ ชายหนุ่มหันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ “มีน”เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย "ฮัลโหล? ว่าไงมีน มีอะไรรึเปล่าพี่กำลังจะกลับ?" เขาแสร้งทำเป็นพูดเพื่อไม่ให้น้องสาวต้องเป็นห่วง เขารู้ดีว่าเขาควรกลับได้แล้วเสียงของ มีน ดังมาตามสายอย่างร้อนรน "พี่พีทคะ! พ่อกับแม่จะกลับถึงบ้านเร็วขึ้นนะคะ! ลุงมิ่งไปรับที่สนามบินแล้วคะ!"พีท ขยับร่างสูงใหญ่ พลางเอ่ยถาม "ทำไมพ่อกับแม่กลับไทยเร็วกว่ากำหนดล่ะ?""ท่านบอกว่างานเสร็จเร็วเลยได้กลับไทยเร็วคะ พี่พีทรีบกลับมาเถอะคะ!"เขาถอนหายใจเบาๆ ยกมือขึ้นเสยผม "โอเคๆ เดี๋ยวพี่ไปเดี๋ยวนี้แหละ" ก่อนจะกดวางสาย แล้วหันกลับมามอง อันนาเธอจ้องเขาอยู่ก่อนแล้วเหมือนจะคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นพีท ยิ้มมุมปาก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย "วันนี้สงสัยต้องพักไว้ก่อนล่ะ เสียดายจัง" สายตากรุ้มกริ่มบอกความต้องการที่ชัดเจนของเขา"…นายอยู่ก็กวนใจฉัน…ดีเลยเพราะฉันต้องรีบสรุปข้อสอบให้น้องชายจอมซน" เธอกล่าว แต่ในใจเริ่มรู้สึกว่าไม่อยากให้เขากลับไปเลย…ไหนเธอบอกว่าเธอไม่สนใจเขาไง อันนา…?เธอเผลอกำปากกาของตัวเองแน่นขึ้น
เขาไม่อยากปล่อยเวลาที่มีค่าไปง่ายๆ เพราะรู้ดีว่าช่วงเวลานี้มันพิเศษแค่ไหนเขาอยากแกล้งเธอ อยากกวนใจเธออีกครั้ง แค่เพื่อให้ได้เห็นใบหน้าที่แดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ทำไมกันนะ... ทำไมเขาถึงชอบนักเวลาที่เธอเผลอหน้าแดงอย่างเป็นธรรมชาติ อาจเป็นเพราะตอนนั้นเธอดูน่ารักที่สุดหรืออาจเป็นเพราะหัวใจของเขาก็เต้นแรงไม่แพ้กัน…"นาย! ไปแต่งตัวเลยนะ! เดี๋ยวก็ทำงานส่งไม่ทันหรอก!" เสียงของเธอสั่นนิดๆ พลางรีบหันหลังให้ ไม่กล้าสบตากับแผงอกเปลือยเปล่า แต่เขาไม่ยอมให้เธอหนีง่ายๆแขนแข็งแรงโอบรัดจากด้านหลัง ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดข้างหู "วันนี้งานของฉัน...อย่างแรกคือเธอ แล้วค่อยทำงานส่งอาจารย์ละกัน""อ๊ะ!" อันนา อุทานร้องเบาๆ เมื่อเขาช้อนตัวขึ้นจากพื้น แขนแกร่งตวัดรัดแน่นจนเธอขยับไม่ได้ ผ้าขนหนูที่พันกายเขาไว้ล่อแหลมเสียจนใจเต้นรัว"ดะ...เดี๋ยว! ปล่อยนะ!" เธอดิ้นแต่กลับทำให้ตัวเองแนบชิดเขามากขึ้นเขายิ้มขำ ยิ่งเธอต่อต้าน ยิ่งน่าหลงใหล"อย่าดื้อสิอันนา..." เขากระซิบเสียงพร่า "ฉันไม่ปล่อยหรอก"แล้วร่างเธอก็ถูกทิ้งลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ก่อนที่ร่างสูงจะโน้มลงมา...ดวงตาคมเต็มไปด้วยแรงปรารถนา ผ้าขนหนูที่ปิดห่อหุ้ม
"จะหนีไปไหน…แค่คิดว่า…ฉันอยากจะสำรวจมากขึ้น…?" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหู พร้อมกับแรงกอดที่แน่นขึ้นเล็กน้อยเธอ กลืนน้ำลายลงคอ พยายามผลักอกเขาออก แต่กลับสัมผัสได้ถึงผิวอุ่นและแนวกล้ามเนื้อแข็งแกร่งที่น่าหวั่นใจ"นาย!!!!...ปล่อยนะ" เธอพูดเสียงสั่น หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอกแต่แทนที่เขาจะปล่อย กลับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นจนเธอรู้สึกถึงจังหวะลมหายใจมั่นคงของเขาที่แนบชิดกับแผ่นหลังของเธอ"ทำไมต้องหนีละ?" เขากระซิบเบาๆ ใกล้ใบหู ทำให้เธอขนลุกไปทั้งตัวอันนา เม้มริมฝีปากแน่น พยายามควบคุมตัวเอง แต่สัมผัสแนบชิดจากร่างกายของเขาทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก ร่างกายเธอเหมือนจะร้อนขึ้นกว่าเดิมจนแทบทนไม่ไหว..."อยากสัมผัสอีกจัง…เธอตัวหอมมากรู้ไหม" พีท กระซิบเสียงแหบพร่าข้างหู ราวกับจงใจให้เสียงนั้นก้องอยู่ในความคิดของอันนา กลิ่นกายตอนอาบน้ำใหม่ๆ ของเธอหอมจนชายหนุ่มไม่อยากปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระเธอ แทบหยุดหายใจเมื่อจมูกโด่งของเขาแนบเข้ากับใบหูของเธอ สัมผัสอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความร้อนแรงทำให้ร่างกายเธอสั่นไหว ลมหายใจอุ่นของเขารดราดอยู่บริเวณข้างแก้ม ปลุกความร้อนวูบวาบให้แล่นไปทั่วร่าง"อย่า..." เสียงของเธอแผ่
แสงแรกของรุ่งเช้าสาดส่องผ่านม่านบางเบา ทอประกายอ่อนโยนลงบนเรือนร่างของหญิงสาวที่นอนแนบชิดอยู่ข้างๆ ร่างกายอันกำยำ แขนเรียวบางพาดอยู่บนอกกว้าง ผิวกายเบียดเสียดกันอยู่อันนา ขยับตัวเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างช้าๆ อาการมึนหัวอย่างหนักปรากฏต่อเธอ เธอรู้สึกถึงไออุ่นของคนข้างกายความจริงที่แล่นเข้ามาในหัวทำให้เธอรีบขยับตัวออกห่าง ร่างกายยังคงอ่อนล้า แต่หัวใจเต้นรัวแทบระเบิดและเริ่มทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะที่ยังมีร่างของใครบางคนนอนเปลือยอกอยู่ใกล้ๆ เธอดวงหน้าคมเข้มของเขาหลับไหลอยู่แต่ชวนให้น่ามองทุกส่วนของใบหน้านั้นอันนา ทบทวน เธอสะดุ้งตื่นและสำรวจตัวเอง ตัวเธอเหลือเพียงกางเกงในตัวจิ๋วตัวเดียวห่อหุ้มตัวอยู่ เธอหน้าแดงก่ำ และนึกทบทวนว่าเธอจำอะไรได้บ้างพีท รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนของเตียงนอน เขา ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองร่างของหญิงสาวที่กำลังสั่นเทาและกำลังสำรวจร่างกายตัวเอง เขาอมยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ อันนา หันมาเจอสายตาคมเข้มที่จ้องมองมาที่เธออยู่พอดี เธอรีบดึงผ้าห่มมาห่อหุ้มร่างกายให้มิดชิดทันทีชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ตลกในท่าทางของเธอ นี่เธอจำอะไรไม่ได้เลยหรือไง"นี่…นี่…นาย…นายทำอะไรฉัน
ค่ำคืนเดียวกันนี้….เสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์ดังก้องไปตามเส้นทางที่มืดสลัว ลมกลางคืนพัดปะทะใบหน้า อันนา แต่กลับไม่ได้ช่วยให้เธอใจเย็นลงเลยสักนิด และเธอไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำส้มที่เธอรับมาดื่มจากกวิน นั้นแฝงไว้ด้วยอันตรายบางอย่างความคิดของเธอยังคงวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์ก่อนหน้า กับคำพูดและการกระทำของกวิน... และที่สำคัญ—สัมผัสของพีทอันนา กระชับอ้อมแขนรอบเอวของ พีท โดยไม่รู้ตัว ไออุ่นจากแผ่นหลังของเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เธอไม่เคยไว้ใจเขาเลยพีท เองก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสของความวางใจที่เธอเริ่มมีให้เขามากขึ้น"ใกล้ถึงหอเธอแล้วนะ" พีท เอ่ยขึ้นลอยๆ น้ำเสียงราบเรียบ แต่ก็ยังมีความอบอุ่นบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจอันนา ไม่ตอบ แต่เธอรู้ว่าใจของตัวเองกำลังสั่นไหว ภาพของ กวิน ในค่ำคืนนี้ยังตามหลอกหลอนเธอ ทว่า อ้อมกอดที่เธอพึ่งพิงอยู่ตอนนี้กลับมั่นคงจนเธอไม่อยากปล่อย เวลาผ่านไปสักพัก…. อันนา เริ่มรู้สึกว่าร่างกายร้อนวูบวาบขึ้นทุกขณะ ราวกับมีเปลวไฟลุกไหม้อยู่ภายในเธอรู้สึกเหมือนโดนบางอย่างควบคุม ความต้องการบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้พลุ่งพล่านอยู่