Home / รักโบราณ / เงาจันทราลิขิตบัลลังก์ / ตอนที่ 3  เงาอดีตบนเส้นทางสู่ความจริง

Share

ตอนที่ 3  เงาอดีตบนเส้นทางสู่ความจริง

last update Last Updated: 2025-05-29 17:16:28

ตอนที่

3

เงาอดีตบนเส้นทางสู่ความจริง

สิบปี... สิบปีที่ผันผ่านไปดุจสายน้ำเชี่ยวกราก หลี่มู่ไป๋ในวัยแปดขวบที่เคยหวาดกลัวและสับสนในคืนพายุฝนอันเลวร้าย ได้เติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มตัว สูงสง่า แข็งแกร่งราวขุนเขา ใบหน้าคมคาย ผิวแทนกร้านแดดจากการเดินทาง ดวงตาคู่คมลึกล้ำราวห้วงน้ำที่ยากหยั่งถึง ไม่ใช่แววตาไร้เดียงสาของเด็กน้อยอีกต่อไป ทว่าภายในดวงตานั้นยังคงมีประกายแห่งความมุ่งมั่นและร่องรอยความเจ็บปวดจากอดีตที่มิอาจลบเลือน

หลังจากอาจารย์ผู้ลึกลับได้ถ่ายทอดวิชาและความรู้ทั้งหมดให้แก่เขา หลี่มู่ไป๋ก็ตัดสินใจก้าวออกจากป่าลึก สู่โลกกว้างที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและภยันตราย อาจารย์จากไปอย่างเงียบงันในยามที่เขากำลังจะออกเดินทาง ทิ้งไว้เพียงคัมภีร์เก่าแก่ที่สลักลวดลายปริศนาและคำสั่งเสียสุดท้ายที่ก้องกังวานในใจ “จงใช้ชีวิตอย่างมีคุณธรรม และอย่าให้ความแค้นเข้าครอบงำจิตใจเจ้า”

หลี่มู่ไป๋ใช้เวลาสิบปีที่ผ่านมาพเนจรไปทั่วแคว้นเหลียง เขาไม่เคยหยุดนิ่ง สอดส่องข่าวคราวจากทุกสารทิศ ทั้งจากโรงเตี๊ยม ร้านน้ำชา ตรอกซอกซอยในเมืองใหญ่ หรือแม้แต่คำเล่าลือจากชาวบ้านธรรมดา เขาต้องการรวบรวมเบาะแสเกี่ยวกับเหตุการณ์สิบปีก่อน การล่มสลายของตระกูลหลี่ มิใช่เพียงการประหารชีวิตขุนนางผู้ซื่อสัตย์ แต่คือความอยุติธรรมที่ฝังรากลึกในใจเขา

ภายใต้ฉายา ‘เงากระบี่เดียวดาย. หรือบางครั้งก็ใช้ชื่อปลอมว่า ‘หลี่อี้’ เขาได้เริ่มสร้างชื่อเสียงเล็กๆ น้อยๆ ในยุทธภพ ฝีมือกระบี่ของเขาโดดเด่นไร้เทียมทาน แต่ละกระบวนท่ารวดเร็ว แม่นยำ และแฝงด้วยความพลิกแพลงที่ยากจะคาดเดา วิชาตัวเบาของเขาว่องไวราวสายฟ้าฟาด ลมปราณของเขาลึกล้ำเกินคนวัยเดียวกัน

หลายครั้งที่เขาเข้าไปพัวพันกับการช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์จากเหล่าอันธพาลและผู้มีอิทธิพล ทำให้ชื่อเสียงของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่นักเลงและชาวยุทธ์ ทว่าเขาไม่เคยแสดงฝีมือเกินความจำเป็น ไม่เคยโอ้อวด และมักจะหายตัวไปอย่างรวดเร็วหลังภารกิจเสร็จสิ้น ราวกับเงาที่ปรากฏและจางหายไปกับสายลม

ปณิธานของหลี่มู่ไป๋แน่วแน่ไม่เคยคลอนแคลน เขาต้องการล้างมลทินให้ตระกูลหลี่ เปิดโปงความจริงเบื้องหลังการถูกใส่ร้าย และนำความยุติธรรมกลับคืนมาให้แก่บิดามารดาและพี่ชายผู้บริสุทธิ์ ทุกย่างก้าวที่เขาก้าวเดินไปบนเส้นทางแห่งยุทธภพ คือการค้นหาชิ้นส่วนของปริศนาที่หายไป เขาเชื่อว่าความจริงย่อมมีอยู่ แม้จะถูกปกปิดซ่อนเร้นไว้ภายใต้เงามืดของอำนาจ

หนึ่งในข่าวลือที่หลี่มู่ไป๋ได้ยินบ่อยครั้งและดูมีน้ำหนักมากที่สุด คือเรื่องราวของ อดีตขุนนางเสนาบดีจ้าว ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งสำคัญในราชสำนักในสมัยเดียวกับบิดาของเขา ข่าวลือกล่าวว่าเสนาบดีจ้าวเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เชื่อในความบริสุทธิ์ของตระกูลหลี่ และพยายามจะช่วยเหลือ แต่สุดท้ายก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งและหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย บางคนเชื่อว่าเขาถูกสังหารไปแล้ว แต่บางคนก็กระซิบกระซาบว่าเสนาบดีจ้าวยังมีชีวิตอยู่ และกำลังใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ ในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งทางทิศใต้ของแคว้น ชื่อเมืองนั้นคือ เมืองหลิงหยาง ซึ่งเป็นเมืองการค้าที่สำคัญ แต่ก็ห่างไกลจากเมืองหลวงพอสมควร

ข่าวลือนี้จุดประกายความหวังในใจของหลี่มู่ไป๋ได้เป็นอย่างมาก หากเสนาบดีจ้าวยังมีชีวิตอยู่ และหากเขารู้ความจริงบางอย่าง มันอาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการคลี่คลายคดีของตระกูลหลี่ เขาจึงตัดสินใจมุ่งหน้าสู่เมืองหลิงหยางทันที

ระหว่างการเดินทาง หลี่มู่ไป๋สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปของแคว้นเหลียง ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา อำนาจของราชสำนักดูเหมือนจะผันผวนและไม่มั่นคงนัก มีข่าวลือเรื่องการคอร์รัปชันในหมู่ขุนนาง การใช้อำนาจในทางมิชอบ และการกดขี่ประชาชนในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข่าวลือเกี่ยวกับ องค์ชายสาม ที่ดูเหมือนจะมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้จะยังไม่ถึงขั้นผงาดขึ้นมาควบคุมราชสำนักโดยตรง แต่ชื่อขององค์ชายสามก็มักจะถูกกล่าวถึงควบคู่ไปกับเหตุการณ์เลวร้ายหลายครั้ง

หลี่มู่ไป๋ได้ยินเรื่องราวขององค์ชายสามผ่านผู้คนที่พูดคุยกันในโรงเตี๊ยมและตลาด บ้างก็ว่าองค์ชายสามเป็นผู้เฉลียวฉลาดและเข้มแข็ง เหมาะสมกับตำแหน่งรัชทายาท บ้างก็ว่าเป็นผู้ที่โหดเหี้ยมอำมหิต ไม่เลือกวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ มักมีพรรคพวกเป็นกลุ่มอิทธิพลมืดในยุทธภพ และเหล่าขุนนางที่ไร้คุณธรรมคอยให้การสนับสนุน แม้จะยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่ความรู้สึกของหลี่มู่ไป๋บอกว่าบุคคลผู้นี้จะต้องเกี่ยวข้องกับการล่มสลายของตระกูลหลี่อย่างแน่นอน เขาเริ่มสังเกตเห็นว่ามี "เงา" บางอย่างติดตามเขามาตลอดการเดินทาง แต่เงาเหล่านั้นยังไม่ปรากฏตัวอย่างชัดเจน ทำให้เขายิ่งเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ

วันหนึ่ง ขณะที่หลี่มู่ไป๋กำลังเดินทางผ่านป่าทึบแห่งหนึ่งมุ่งสู่เมืองหลิงหยาง เขาได้ยินเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือจากด้านหน้า มู่ไป๋เร่งฝีเท้าไปตามเสียงนั้น ภาพที่เห็นคือกลุ่มโจรป่าประมาณห้าหกคนกำลังล้อมรถม้าคันหนึ่งและทำร้ายผู้ที่อยู่ในรถ

“ส่งทรัพย์สินมาให้หมด! ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพวกข้าใจร้าย!” หัวหน้าโจรตะโกนด้วยเสียงห้าว

หลี่มู่ไป๋ไม่ลังเล เขาพุ่งตัวเข้าไปในวงล้อมของโจรอย่างรวดเร็วราวกับสายลม กระบี่คู่ใจถูกชักออกจากฝัก แสงกระบี่วูบไหวราวกับสายฟ้าฟาดในความมืด เพลงกระบี่ที่อาจารย์สอนนั้นรวดเร็วและเด็ดขาด ไม่กี่กระบวนท่า โจรป่าหลายคนก็ล้มลงไปนอนร้องโอดโอยกับพื้น บางคนก็กระเด็นไปติดกับต้นไม้ด้วยแรงกระแทกจากเพลงหมัดของเขา

“แก...แกเป็นใคร!” หัวหน้าโจรตะโกนอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะมีผู้กล้าบุกเข้ามากลางวงล้อมของพวกเขาได้ง่ายดายเช่นนี้

หลี่มู่ไป๋ไม่ตอบ เขาพุ่งเข้าไปหาหัวหน้าโจรด้วยความเร็วที่ยากจะมองทัน ปลายกระบี่จ่ออยู่ที่ลำคอของมัน “รีบไสหัวไปซะ ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ” เสียงของเขาเยียบเย็นและเต็มไปด้วยอำนาจที่ทำให้หัวหน้าโจรขนลุก

โจรป่าที่เหลือเห็นท่าไม่ดีก็รีบหนีเอาชีวิตรอดไปอย่างไม่คิดชีวิต ทิ้งให้หลี่มู่ไป๋ยืนถือกระบี่นิ่งอยู่กลางป่า ท่ามกลางซากปรักหักพังของรถม้าและผู้คนที่หวาดกลัว

จากรถม้าคันนั้น มีหญิงชราคนหนึ่งและสาวใช้ตัวเล็กๆ สองคนค่อยๆ คลานออกมาด้วยความหวาดกลัว หญิงชรามองหลี่มู่ไป๋ด้วยแววตาซาบซึ้งใจ “ขอบคุณท่านผู้กล้าที่ให้ความช่วยเหลือพวกเรา หากไม่ได้ท่าน พวกเราคงถูกปล้นจนหมดตัวแล้ว”

หลี่มู่ไป๋เก็บกระบี่เข้าฝัก “ไม่เป็นไรขอรับ ท่านรีบเดินทางต่อไปเถิด ไม่แน่ว่าพวกโจรอาจจะกลับมาอีก” เขาก้มศีรษะให้เล็กน้อยและเตรียมตัวจะจากไป

“เดี๋ยวก่อนท่านผู้กล้า!” หญิงชราเอ่ยรั้ง “ข้าขอถามนามของท่านได้หรือไม่ หากมีโอกาสข้าจะตอบแทนบุญคุณนี้ให้ท่าน”

หลี่มู่ไป๋หันกลับมายิ้มบางๆ “ข้าเพียงผ่านทางมาเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องตอบแทน” เขากล่าวเพียงเท่านั้น ก่อนจะใช้เพลงตัวเบาพุ่งทะยานหายไปในป่าลึก ทิ้งไว้เพียงเงาที่วูบไหวราวกับไม่เคยมีตัวตน

การผจญภัยในยุทธภพของหลี่มู่ไป๋เต็มไปด้วยเรื่องราวเช่นนี้มากมาย เขามักจะช่วยเหลือผู้คนโดยไม่หวังผลตอบแทน ชื่อเสียงของ “เงากระบี่เดียวดาย” จึงค่อยๆ แพร่กระจายไปในหมู่นักเลงและชาวยุทธ์ผู้ผดุงคุณธรรม แม้จะไม่มีใครรู้จักใบหน้าหรือตัวตนที่แท้จริงของเขา แต่ฝีมือและคุณธรรมของเขาก็เป็นที่กล่าวขาน

ยิ่งเขาเดินทางไปมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งได้เห็นความเสื่อมโทรมของบ้านเมืองมากขึ้นเท่านั้น ผู้คนถูกกดขี่ ขุนนางฉ้อฉล และอำนาจมืดแผ่ขยายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า มันยิ่งตอกย้ำให้เขามั่นใจว่าการล่มสลายของตระกูลหลี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่ใหญ่กว่า ซึ่งบงการโดยบุคคลผู้มีอำนาจที่แท้จริงอยู่เบื้องหลัง

ในที่สุด หลี่มู่ไป๋ก็เดินทางมาถึงเมืองหลิงหยาง เมืองที่เต็มไปด้วยความคึกคักของการค้าขาย แต่ก็แฝงไว้ซึ่งความลึกลับและความหวาดระแวง เขาตั้งใจจะสืบหาเบาะแสของเสนาบดีจ้าวอย่างระมัดระวังที่สุด เพราะรู้ดีว่าผู้ที่ทำร้ายตระกูลหลี่จะต้องไม่ปล่อยให้เสนาบดีจ้าวมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขแน่

ขณะเดินสำรวจตลาดในเมืองหลิงหยาง หลี่มู่ไป๋สัมผัสได้ถึงสายตาแปลกๆ ที่จ้องมองมายังเขาจากมุมมืด เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่กลับยิ่งเพิ่มความระมัดระวังในทุกย่างก้าว สายตาเหล่านั้นไม่ใช่สายตาของโจรป่าธรรมดา แต่เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเชี่ยวชาญในการสะกดรอยและแฝงตัว หลี่มู่ไป๋เริ่มรู้สึกว่าเขาไม่ได้เดินอยู่บนเส้นทางแห่งความจริงเพียงลำพังอีกต่อไป

เขาเข้ามาพักในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่ดูเก่าแก่แต่สะอาดตา สั่งเหล้าและอาหารมานั่งดื่มกินอย่างเงียบๆ คอยเงี่ยหูฟังข่าวสารจากผู้คนที่นั่งตามโต๊ะต่างๆ เสียงพูดคุยเจี๊ยวจ๊าว แต่กลับไม่มีข้อมูลใดๆ ที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับเสนาบดีจ้าว หรือแม้แต่ข่าวลือเรื่องการคอร์รัปชันในราชสำนักในพื้นที่นี้ ทุกคนดูเหมือนจะระมัดระวังคำพูดของตนเองอย่างผิดปกติ

ทันใดนั้น เสียงอึกทึกครึกโครมจากด้านนอกก็ดังขึ้น เสียงผู้คนวิ่งหนีและเสียงสิ่งของตกกระทบพื้น หลี่มู่ไป๋เงยหน้าขึ้น ดวงตาฉายแววครุ่นคิดอีกครั้ง เขาตัดสินใจเดินออกไปดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้านนอก

สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือภาพของกลุ่มนักเลงอันธพาลประมาณสิบกว่าคน กำลังสร้างความเดือดร้อนในตลาด บ้างก็ทุบทำลายแผงลอยของพ่อค้าแม่ค้า บ้างก็ข่มขู่รีดไถเงินทอง ผู้คนต่างแตกกระเจิงหนีตายกันอลหม่าน หัวหน้ากลุ่มนักเลงรูปร่างใหญ่โต กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพลางโบยไม้เท้าในมือใส่ชาวบ้านที่ขัดขืน

“พวกเจ้ากล้าดียังไงถึงมาสร้างความวุ่นวายที่นี่!” เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างชัดเจนและกังวาน แม้จะไม่ตะโกน แต่กลับเปี่ยมด้วยอำนาจและออร่าที่น่าเกรงขาม

หลี่มู่ไป๋มองตามเสียงนั้น และในที่สุด เขาก็ได้เห็นบุรุษผู้หนึ่งก้าวออกมาจากร้านผ้าไหมที่อยู่ไม่ไกล บุรุษผู้นั้นสวมชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้ม ใบหน้าคมคาย ผิวขาวผ่องราวหยก ดวงตาเรียวรีฉายแววเฉลียวฉลาดและสุขุม แขนเสื้อของเขาปักลวดลายเมฆามงคลอย่างประณีต บ่งบอกถึงฐานะที่ไม่ธรรมดา

“นี่มันใครกัน!” หัวหน้าอันธพาลตะโกนด้วยความไม่พอใจ เมื่อเห็นว่ามีคนกล้าออกมาขัดขวางการกระทำของพวกเขา

บุรุษผู้นั้นก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาจ้องมองหัวหน้าอันธพาลอย่างเยือกเย็น ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่แฝงด้วยความกดดัน "เมืองหลิงหยางไม่ใช่ที่สำหรับพวกเจ้ามาทำตัวอันธพาลเช่นนี้ หากไม่รีบไสหัวไป ข้าจะลงโทษพวกเจ้าแทนเจ้าเมืองเอง!"

หลี่มู่ไป๋ยืนอยู่ห่างๆ สังเกตการณ์อย่างเงียบงัน เขารู้สึกประหลาดใจกับความกล้าหาญของบุรุษผู้นี้ที่ไม่เกรงกลัวพวกอันธพาลเลยแม้แต่น้อย เขาสัมผัสได้ว่าบุคคลนี้ไม่ใช่คนธรรมดา และอาจจะเป็นบุคคลสำคัญของเมืองนี้ หรืออาจจะเป็นคนของตระกูลมู่หรง ที่มีชื่อเสียงเรื่องการค้าขาย และมีสาขาอยู่ทั่วแคว้น

สงครามย่อยๆ กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้าเขา และนี่คือจุดเริ่มต้นของการเผชิญหน้าที่ไม่คาดฝัน ซึ่งจะนำพาเขาไปสู่การผจญภัยครั้งใหม่ และพบกับบุคคลที่ลิขิตให้เป็นส่วนหนึ่งในโชคชะตาของเขา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เงาจันทราลิขิตบัลลังก์   ตอนที่  65 บทสรุปแห่งรักและการเริ่มต้นใหม่ ตอนจบ

    ตอนที่ 65บทสรุปแห่งรักและการเริ่มต้นใหม่หลังจากที่หลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินได้คลี่คลายปริศนาในอดีตของหลี่มู่ไป๋และมู่หรงชิง และได้รับรู้ถึงความจริงเกี่ยวกับพรรคเงาอสูรแล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะใช้เวลาช่วงหนึ่งอยู่ในหมู่บ้านเมฆาเงียบสงบ เพื่อฟื้นฟูจิตใจและวางแผนสำหรับอนาคตแม้ว่าตระกูลไป๋จะยิ่งใหญ่และร่ำรวย แต่ไป๋ซูเจินก็ไม่ได้ปรารถนางานแต่งงานที่หรูหราอลังการ สิ่งที่นางต้องการคือความเรียบง่ายและอบอุ่น และหลี่เทียนอี้ก็เห็นด้วยกับนางอย่างเต็มที่ด้วยความเห็นชอบจากประมุขไป๋ที่เดินทางมาถึงหมู่บ้านเมฆาเงียบสงบในภายหลัง และการจัดเตรียมงานของมู่หรงชิง งานแต่งงานเล็กๆ ของหลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินจึงถูกจัดขึ้นอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองในหมู่บ้านเมฆาเงียบสงบแขกในงานมีเพียงคนสนิทและชาวบ้านที่รักใคร่ หลี่ฟงและเฒ่าจันทร์เองก็เดินทางมาร่วมงานด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสุข เสียงหัวเราะ และการอวยพรจากใจจริงของทุกคนไป๋ซูเจินในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดตา งดงามราวกับเทพธิดา นางเดินเข้ามาในลานบ้านที่ถูกประดับประดาอย่างเรียบง่ายแต่สวยงาม เคียงข้างหลี่เทียนอี้ในชุดเสื้อผ้าธรรมดาแต่ดูสง

  • เงาจันทราลิขิตบัลลังก์   ตอนที่ 64 การกลับบ้าน

    ตอนที่ 64การกลับบ้านในเมืองเหมันต์ หลี่เทียนอี้รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องกลับไปที่หมู่บ้านเมฆาเงียบสงบอีกครั้ง เพื่อแบ่งปันเรื่องราวทั้งหมดให้พ่อแม่ฟัง และที่สำคัญที่สุด คือการพาไป๋ซูเจินผู้เป็นที่รักกลับไปแนะนำให้พวกท่านได้รู้จัก การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยความคาดหวังและความอบอุ่นในหัวใจของทั้งสองคนหลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินออกเดินทางจากเมืองเหมันต์ มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านเมฆาเงียบสงบ การเดินทางครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและอันตราย บัดนี้มันคือการเดินทางกลับบ้าน สู่ความสงบสุขและอ้อมกอดของครอบครัว แม้จะมีเรื่องราวหนักอึ้งในอดีตที่รอการคลี่คลาย แต่การได้อยู่เคียงข้างไป๋ซูเจินทำให้หลี่เทียนอี้รู้สึกเข้มแข็งและพร้อมเผชิญหน้ากับทุกสิ่งระหว่างทาง หลี่เทียนอี้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับหมู่บ้านเมฆาเงียบสงบให้ไป๋ซูเจินฟังอย่างละเอียด เล่าถึงชีวิตที่เรียบง่าย การฝึกฝนวรยุทธ์ภายใต้การดูแลของบิดา และความรักความอบอุ่นที่มารดามอบให้ ไป๋ซูเจินตั้งใจฟังทุกถ้อยคำ นางรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบกับหลี่มู่ไป๋และมู่หรงชิง ผู้เป็นต้นแบบของคุณธรรมและความสามารถที่หล่อหลอมให้หลี่เทียนอี้เป็นบ

  • เงาจันทราลิขิตบัลลังก์   ตอนที่  63 ร่องรอยของอดีต

    ตอนที่ 63ร่องรอยของอดีตหลังจากใช้เวลาหลายเดือนในการช่วยเหลือผู้คนและสร้างชื่อเสียงที่ดีงามในยุทธภพในฐานะ "คู่รักจอมยุทธ์ผู้ทรงคุณธรรม" หลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินก็ได้เดินทางมาถึงเมืองใหญ่อีกแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า เมืองเหมันต์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์และเป็นศูนย์กลางการค้าที่คึกคัก แม้ว่าชีวิตของพวกเขาจะเต็มไปด้วยความสุขจากการได้ทำสิ่งดีๆ และความรักที่มั่นคงต่อกัน แต่โชคชะตาก็มักจะนำพาสิ่งที่ไม่คาดฝันมาให้เสมอ และในครั้งนี้ หลี่เทียนอี้กำลังจะได้เผชิญหน้ากับ ร่องรอยบางอย่างจากอดีตของพ่อแม่ ที่เขาไม่เคยล่วงรู้มาก่อนเมื่อก้าวเข้าสู่เมืองเหมันต์ หลี่เทียนอี้รู้สึกถึงความคุ้นเคยแปลกๆ ราวกับว่าเขาเคยมาที่นี่มาก่อน ทั้งที่ในความทรงจำของเขาไม่เคยมีภาพเมืองนี้อยู่เลย กลิ่นอายของปราณที่แข็งแกร่งและแฝงด้วยความเยือกเย็นบางอย่างที่อบอวลอยู่ในอากาศ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย“ท่านหลี่เทียนอี้ ดูเหมือนเมืองนี้จะมีความพิเศษบางอย่างนะเจ้าคะ” ไป๋ซูเจินสังเกตเห็นท่าทีของเขา นางมีความละเอียดอ่อนและรับรู้ถึงพลังปราณบางอย่างได้ดีเช่นกัน“ข้าก็รู้สึกเช่นนั้นขอรับไป๋ซูเจิน” หลี่เทียนอี้ตอ

  • เงาจันทราลิขิตบัลลังก์   ตอนที่  62 บทบาทใหม่ในยุทธภพ

    ตอนที่ 62บทบาทใหม่ในยุทธภพหลังจากความรักได้รับการยอมรับจากประมุขไป๋และคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ใต้แสงจันทร์ ณ เมืองจินหลิง ชีวิตบทใหม่ของหลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินก็ได้เริ่มต้นขึ้น พวกเขาไม่ได้จมปลักอยู่กับความสุขส่วนตัวเพียงอย่างเดียว หากแต่เลือกที่จะก้าวเดินบนเส้นทางแห่งคุณธรรมร่วมกัน นำวิชาความรู้และจิตใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาออกไปช่วยเหลือผู้คนในยุทธภพที่กว้างใหญ่ไพศาล สร้างบทบาทใหม่ในฐานะ คู่รักจอมยุทธ์ผู้ทรงคุณธรรมหลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินไม่ได้รีบร้อนที่จะสร้างชื่อเสียงอันโด่งดัง หรือก่อตั้งสำนักใหญ่โตดุจสำนักอื่น ๆ ในยุทธภพ พวกเขาเริ่มต้นจากการช่วยเหลือผู้คนในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พบเจอระหว่างการเดินทาง ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาถนัดและเชื่อมั่นในคุณค่าของมันพวกเขาออกเดินทางจากเมืองจินหลิง มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านและเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างไกลความเจริญและมักถูกละเลยจากสำนักใหญ่ ๆ เหล่านั้นครั้งหนึ่ง พวกเขาได้เดินทางไปถึงหมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่ง ซึ่งกำลังประสบปัญหาจากภัยแล้งอย่างหนัก ผู้คนอดอยากและเจ็บป่วยล้มตายจำนวนมาก“ท่านหลี่เทียนอี้ ชาวบ้านเหล่านี้เดือดร้อนหนักมากเจ้าค่ะ” ไป๋ซูเจินกล่าวด

  • เงาจันทราลิขิตบัลลังก์   ตอนที่ 61 การยอมรับและเส้นทางที่เลือก

    ตอนที่ 61การยอมรับและเส้นทางที่เลือกหลังเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองจินหลิง ที่หลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินร่วมมือกันปกป้องเมืองจากเงื้อมมือของสำนักเงาดำ ความกล้าหาญและคุณธรรมของทั้งคู่เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อประมุขไป๋ผู้เป็นบิดาของไป๋ซูเจิน การกระทำของพวกเขาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตผู้คนจำนวนมาก แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่การยอมรับความรักของทั้งคู่ ที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคมาอย่างยาวนานหลังจากความสงบกลับคืนสู่เมืองจินหลิง ประมุขไป๋ได้เรียกหลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินมาพบเป็นการส่วนตัวในห้องโถงใหญ่ของจวน ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงความโกรธเคืองหรือความไม่พอใจเหมือนเช่นเคย หากแต่เต็มไปด้วยความนับถือและความสำนึกผิด“ท่านหลี่เทียนอี้” ประมุขไป๋เริ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าครั้งก่อนมาก “ในวันนี้ ข้าได้เห็นกับตาแล้วว่าท่านเป็นบุรุษเช่นไร”เขาถอนหายใจช้าๆ “ข้าเคยผิดพลาดที่มองคนแต่เพียงเปลือกนอก และดูถูกท่านด้วยฐานะอันต่ำต้อย” ประมุขไป๋เดินเข้าไปหาหลี่เทียนอี้ แล้ว โค้งคำนับเล็กน้อย “ข้าขออภัยท่านด้วยใจจริง ที่เคยดูหมิ่นท่านและทำให้ท่านกับบุตรสาวของข้าต้องเจ็บปวด”หลี่เที

  • เงาจันทราลิขิตบัลลังก์   ตอนที่ 60  บทพิสูจน์แห่งรัก

    ตอนที่ 60 บทพิสูจน์แห่งรักการกลับมาพบกันอีกครั้งที่เมืองจินหลิง ท่ามกลางสถานการณ์การบุกโจมตีของโจรป่า ทำให้หลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินได้ยืนยันความรู้สึกในใจของกันและกัน แม้จะไม่มีคำพูดใดเอ่ยออกมาอย่างชัดเจน แต่สายตาที่สื่อถึงกันก็เพียงพอแล้วที่จะบอกว่าความรักของพวกเขายังคงมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่โลกภายนอกที่กว้างใหญ่ไม่ได้มีเพียงความรักที่สวยงาม การเผชิญหน้าครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของบททดสอบครั้งใหญ่ ที่พวกเขาจะต้องพิสูจน์ความรักของตนเองและสิ่งที่ยึดมั่นร่วมกันหลังจากเหตุการณ์โจรป่าบุกโจมตี ประมุขไป๋ก็จำต้องยอมรับฝีมือและคุณธรรมของหลี่เทียนอี้ที่ปรากฏให้เห็นในวันนี้ แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมรับหลี่เทียนอี้ในฐานะบุตรเขยของตระกูลไป๋ และยังคงยืนกรานที่จะให้ไป๋ซูเจินแต่งงานกับคุณชายหลินอยู่ดีหลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินจึงตัดสินใจที่จะพูดคุยกันอย่างเปิดอก ณ สถานที่ลับแห่งหนึ่งในเมืองจินหลิง“ท่านหลี่เทียนอี้” ไป๋ซูเจินกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านพ่อไม่ยอมรับท่าน…และท่านก็ยังคงต้องแต่งงานกับคุณชายหลิน”“ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาดขอรับ” หลี่เทียนอี้กล่าวด้วยความมุ่งมั่น “ข้าจะพิ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status