Share

บทที่ 3 เจ็บแล้วจำคือคน....

last update Последнее обновление: 2024-11-16 11:12:50

บทที่ 3 เจ็บแล้วจำคือคน....

ท้องฟ้าสีครามกว้างใหญ่เบื้องบน เมฆลอยละล่องพลิ้วไหวเป็นระลอกคลื่น รถม้าสองคันแล่นตามกันออกจากเมืองหลวงที่คึกคักสู่ชนบทที่ห่างไกล สองข้างทางเป็นทุ่งหญ้ากว้างขวาง ต้นไม้สูงชะลูดและอาคารแบบทรงนิยมในเมืองหลวง ที่อยู่เบื้องหลังดูเหมือนจะเลือนรางและห่างไกลออกไปทุกที บรรยากาศที่เคยครึกครื้นในเมืองหลวงกลับถูกแทนที่ด้วยความเงียบสงบและเดียวดาย มีเพียงเสียงล้อรถม้าที่กระทบกับถนนกรวดดังเบา ๆ และเสียงลมพัดผ่านเท่านั้น รถม้าคันหนึ่งเป็นที่นั่งของเจียงซิ่วเหยากับลูก ๆ และป้าจวงบ่าวคนสนิท อีกคันเป็นที่นั่งของบ่าวรับใช้สามคนและสัมภาระทั้งหมดที่นำติดตัวมา แม้จะมีคนอยู่ข้างกัน แต่ความรู้สึกที่ถูกทอดทิ้งและไร้ที่พึ่งก็ยังคงครอบงำหัวใจของพวกเขา

เจียงซิ่วเหยานั่งอยู่ในรถม้า ป้าจวงบ่าวคนสนิทนั่งอยู่ข้าง ๆ ทั้งสองกำลังปรึกษากันเกี่ยวกับแผนการในอนาคต นางมองออกไปยังทิวทัศน์ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ นางรู้สึกทั้งกังวลและทุกข์ใจในเวลาเดียวกัน จุดหมายปลายทางของนางคือเมืองที่เรียกว่าอวี้ไห่ เมืองชนบทห่างไกลที่อยู่ริมทะเล ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านเกิดของท่านแม่ของนาง นางจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยไปที่นั่นเมื่อตอนยังเด็ก เป็นความทรงจำที่รางเลือนแต่ก็อบอุ่นในใจ เมืองอวี้ไห่เป็นสถานที่ที่ท่านแม่ของนางเคยเล่าให้ฟังเสมอว่าเต็มไปด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม และผู้คนที่อ่อนโยน ป้าจวงเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง

"คุณหนูเจ้าคะ ทำไมไม่กลับไปที่บ้านของคุณท่านก่อนล่ะเจ้าคะ ท่านนายอำเภอคงจะยินดีช่วยเหลือพวกเรา"

เจียงซิ่วเหยาถอนหายใจดึงตัวเองออกจากความคิดที่ลอยไปไกลพลางส่ายหน้าเบา ๆ

"ข้าไม่อยากทำให้ครอบครัวของท่านพ่อต้องลำบาก ป้าจวงก็ทราบว่า ท่านพ่อแต่งงานใหม่หลังจากที่แม่ของข้าเสีย ข้าไม่อยากเป็นภาระหรือทำให้พวกเขาเดือดร้อน ข้าถือว่าแต่งออกมาแล้ว ก็เหมือนกับน้ำที่สาดออกมา ไม่ควรกลับไปบ้านเดิม ข้าต้องพึ่งพาตนเองให้มากที่สุด เมืองอวี้ไห่จะเป็นที่ที่เราจะตั้งหลักก่อน แล้วค่อยคิดหาหนทางต่อไป"

นางได้พบกับเจียงเฉินในตอนที่ตามท่านพ่อมาเที่ยวที่เมืองหลวง หลังจากนั้นเมื่อนางแต่งงานกับเจียงเฉินและย้ายมาอยู่ที่เมืองหลวง นางก็ไม่ได้กลับไปที่บ้านท่านแม่อีกเลย ความฝันที่จะกลับไปเยือนบ้านเกิดของท่านแม่กลายเป็นสิ่งที่นางต้องเก็บไว้ในส่วนลึกของหัวใจ แต่วันนี้ เมืองอวี้ไห่กลับกลายเป็นสถานที่ที่นางเลือกที่จะใช้เป็นที่หลบภัย ที่นางจะพาลูก ๆ ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ หลังจากสูญเสียทุกอย่างในเมืองหลวงที่แสนโหดร้ายแห่งนี้

"ป้าจวง เราต้องวางแผนเรื่องเงินด้วยนะ ข้าได้เก็บเงินส่วนหนึ่งจากการขายเครื่องประดับของข้าเองก่อนที่เราจะออกมาข้ามีเงินอยู่ไม่มากแต่น่าจะพอสำหรับการตั้งตัวในช่วงแรกข้าวางแผนว่าจะใช้เงินนี้ในการหาที่พักเล็ก ๆ ที่เมืองอวี้ไห่ ก่อนจากนั้นอาจจะเปิดร้านเล็ก ๆ เพื่อหารายได้เลี้ยงดูตัวเองและลูกๆ"

ป้าจวงพยักหน้าอย่างเข้าใจ "คุณหนูเจ้าคะ บ่าวคิดว่าเงินที่เรามีอยู่ตอนนี้อาจจะไม่มากพอสำหรับการตั้งตัวในระยะยาว แต่หากเราประหยัดและหาหนทางเพิ่มรายได้ไปพร้อมกัน น่าจะพอผ่านช่วงแรกไปได้"

เจียงซิ่วเหยาถอนหายใจเบา ๆ "ข้ารู้ว่ามันจะไม่ง่าย แต่ข้าตั้งใจแล้วว่าจะไม่พึ่งพาใคร ข้าต้องการพึ่งตัวเองให้มากที่สุด แม้ว่าจะต้องเผชิญความยากลำบากก็ตาม ข้าไม่อยากเป็นภาระให้ใครอีก ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของท่านพ่อหรือใครก็ตาม เมืองอวี้ไห่จะเป็นที่ที่เราจะตั้งหลักและเริ่มต้นชีวิตใหม่"

ป้าจวงพยักหน้าจากนั้นนางก็บอกว่าตอนนี้เงินที่พวกนางมีอยู่นั้นประมาณ 900 ตำลึง ในตอนแรกนั้นพวกนางมีเกือบ 1400 ตำลึง แต่เพราะว่าต้องนำมาจ้างรถม้า 2 คัน และยังจ้างคนคุ้มกันมากับรถมาด้วย 2 คน เพราะว่าห่วงเรื่องความปลอดภัย และซื้อขาวของอาหารสำหรับเดินทางไกลอีก ทำให้ตอนนี้พวกนางเหลือเงินอยู่เพียง 900 ตำลึง นี้รวมกับเงินที่ฮูหยินผู้เฒ่าให้มาแล้วด้วย เงิน900 ตำลึงจะว่ามากก็มาจะว่าน้อยก็น้อย เพราะว่ามีปากท้องที่ต้องพึ่งพาเงินจำนวนนี้ถึง 7 ปาก และระยะทางที่จะเดินทางนั้นก็ยังอีกไกล เพราะเมืองอวี้ไห่นั้นต้องใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 เดือนทีเดียว ดังนั้นพวกนางทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากต้องประหยัดมากที่สุด แต่หากว่าไม่ไหวจริงๆ นางคิดว่าจะขายเครื่องประดับที่ฮูหยินผู้เฒ่าให้มาอย่างน้อยน่าจะมีเงินเพิ่มอีกสัก 300 ตำลึง เจียงซิ่วเหยาวางแผนกับป้าจวง

พูดคุยเสร็จป้าจวงก็เงียบเสียงลงอีกครั้ง เมื่อไม่มีเสียงใดๆ รบกวนนอกจากเสียงของล้อรถที่บดถนน ใจของเจียงซิ่วเหยาก็ลอยกลับไปนึกถึงตอนที่แต่งงานกับเจียงเฉินอีกครั้ง อดีตเมื่อครั้งที่เจียงเฉินยังเป็นขุนนางตำแหน่งเล็กๆ นางหันไปหาป้าจวงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ และเอ่ยว่า

"ป้าจวง ท่านจำได้ไหม ตอนที่ข้าพบกับเจียงเฉินครั้งแรก เขาเคยให้สัญญากับข้าว่าจะดูแลและรักข้าตลอดไป..." เจียงซิ่วเหยาพูดด้วยเสียงแผ่วเบา น้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตาของนาง

ป้าจวงยิ้มอ่อนโยนพลางพยักหน้า "บ่าวจำได้เจ้าค่ะ คุณหนู ตอนนั้นท่านเจียงดูเป็นคนอบอุ่นและอ่อนโยนจริง ๆ รักท่านมากอย่างที่ไม่มีใครสงสัยได้เลย"

"ใช่... เขามีความทะเยอทะยาน แต่ก็ยังคงแสดงความรักและห่วงใยต่อข้าเสมอ ทำให้ข้าเชื่อมั่นและมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เขา ข้าคิดว่าเขาคือผู้ชายที่ข้าสามารถฝากชีวิตไว้ได้" เจียงซิ่วเหยาพูดพลางกำมือแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความเสียใจและความผิดหวัง

ป้าจวงมองเจียงซิ่วเหยาด้วยสายตาเห็นใจ "คุณหนู ท่านไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกเจ้าค่ะ ตอนนั้นท่านรักเขามาก ท่านย่อมเชื่อในคำพูดของเขา มันไม่ใช่ความผิดของท่านเลย"

ในตอนนั้นเขาเคยให้สัญญากับนางว่าจะดูแลและรักนางตลอดไป ทั้งสองพบรักกันในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความเรียบง่าย เจียงเฉินเป็นคนที่อบอุ่นและอ่อนโยนในสายตาของนาง แต่เมื่ออยู่เมืองหลวงได้เพียงหนึ่งปี เจียงเฉินก็ได้พบกับหลิวหลันฟาง คุณหนูตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงผู้ที่มีพ่อเป็นถึงอัครเสนาบดีใหญ่ ครอบครัวของหลิวหลันฟางมีอำนาจและอิทธิพลในราชสำนัก หลิวหลันฟางนั้นตกหลุมรักเจียงเฉินเข้าอย่างจัง ใครพูดอะไรก็ไม่ย่อมฟังเรื่องที่บอกว่าเขาแต่งงานแล้ว หากว่านางจะแต่งให้เขานางทำได้เพียงเป็นภรรยารองเท่านั้น ซึ่งนางก็ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้แต่งงานกับเจียงเฉินและในที่สุด นางก็ได้เข้ามาเป็นภรรยารองและแล้วตระกูลเจียงมาอย่างยิ่งใหญ่ จนคนทั่วไปนั้นต่างคิดกันว่าใครกันแน่ที่เป็นภรรยาเอก เพราะความที่ตระกูลเจียงนั้นทั้งให้เกียรติและต้อนรับการแต่งเข้ามาของเจียงหลังฟาง

แม้ว่าเจียงซิ่วเหยาจะไม่พอใจกับการแต่งงานครั้งนี้ แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้เพราะว่านางนั้นไม่มีอำนวจที่จะไปคัดค้านอยู่แล้วประกอบกับตระกูลของนางก็เป็นเพียงนายอำเภอเล็กๆ ไหนเลยจะกล้าไปขัดแย้งกับตระกูลของอัครเสนาบดีหลิวที่เป็นถึงคนสำคัญของฮ่องเต้ หลิวหลันฟางใช้ความอิทธิพลของครอบครัวผลักดันเจียงเฉินให้ได้รับตำแหน่งสูงขึ้น และเมื่อเขามีอำนาจแล้ว คำสัญญาที่เคยให้ไว้นั้นกลับถูกลืมไปหมดสิ้น เจียงเฉินเริ่มละเลยนางและลูก ๆ เขาไม่ต้องการนางอีกต่อไป เหมือนกับสิ่งของที่หมดประโยชน์ ความรักที่เคยมีต่อกันกลายเป็นเพียงความเย็นชาและไม่สนใจ 

นางอดทนกับสิ่งนี้มาหลายปีจนกระทั่งนางคลอดบุตรชายคนหนึ่ง บุตรชายของนางกลับถูกมองว่าเป็นอัปมงคล เพราะเขามีนิ้วเกินมาหนึ่งนิ้ว ทันทีที่เจียงเฉินได้ทราบข่าว เขากลับแสดงสีหน้าแปลกแยกและเต็มไปด้วยความผิดหวัง เขาถึงขั้นเชิญนักพรตมาดูดวงของลูกชาย 

ในตอนนั้นเจียงเฉินนั่งอยู่ตรงหน้าผู้เฒ่านักพรตที่พวกเขาเชิญมาที่เรือน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล เขาถามนักพรตด้วยเสียงที่สั่นและเป็นกังวลว่า

"ท่านนักพรต ท่านเห็นอะไรเกี่ยวกับลูกชายของข้าหรือไม่?"

นักพรตมองหน้าเจียงเฉินก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ "ข้ารู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดี เจ้าหนูน้อยนี้อาจนำพาความหายนะมาสู่ตระกูลของท่าน ท่านดูเอาเถิดแม้แต่นิ้วมือที่ควรจะมีห้า เขากับมีถึง หก นิ้ว หากให้เขาอยู่ในตระกูลต่อไป อาจจะเป็นเหตุให้ตระกูลไม่เจริญรุ่งเรือง"

เจียงเฉินถอนหายใจลึก"เช่นนั้นข้าควรทำอย่างไร ท่านนักพรต ข้าไม่อาจยอมให้ตระกูลของข้าต้องลำบากเพราะเด็กคนนี้"

"ทางเลือกอยู่ที่ท่าน"

 นักพรตตอบด้วยน้ำเสียงเงียบสงบ "หากท่านต้องการให้ตระกูลปลอดภัย ท่านต้องหาวิธีจัดการ"

เจียงเฉินพยักหน้าเขาหันไปมองเจียงซิ่วเหยาที่กำลังอุ้มลูกชายอยู่ในอ้อมแขน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังปนรังเกียจ เจียงซิ่วเหยามองหน้าเจียงเฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม นางเดินเข้ามาใกล้และถามด้วยเสียงสั่น

"ท่านจะทำอะไรกับลูกของเรา"

เจียงเฉินหันไปมองนางด้วยสายตาเย็นชา "เขาไม่ควรเกิดมา ซิ่วเหยา ข้าไม่อาจให้เขาอยู่ในตระกูลต่อไปได้"

น้ำตาไหลรินลงมาบนแก้มของเจียงซิ่วเหยา นางกอดลูกชายแน่นขึ้นและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด

"ท่านพูดอะไร ท่านบอกว่าจะรักและดูแลข้ากับลูกตลอดไป ท่านลืมคำสัญญานั้นแล้วหรือ"

เจียงเฉินถอนหายใจหนัก ๆ และหันหลังให้

"ข้าทำเพื่อความปลอดภัยของตระกูล อย่าทำให้ข้าลำบากใจไปกว่านี้เลย ซิ่วเหยา"

เจียงซิ่วเหยาน้ำตาไหลพราก นางมองเจียงเฉินเดินจากไปด้วยหัวใจที่แตกสลาย นางก้มลงมองลูกชายที่ไร้เดียงสาและเอ่ยเบา ๆ

 "ลูกแม่... แม่จะปกป้องเจ้าเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม"

เจียงหยวนเจี๋ย ลูกชายของนางเติบโตขึ้นมาในเรือนเล็กที่ไกลออกไปจากเรือนใหญ่ เขารู้ตัวตั้งแต่เด็กว่าตนเองถูกรังเกียจ เขามักจะถามมารดาด้วยเสียงแผ่วเบา

"ท่านแม่ ทำไมพวกเขาไม่รักข้าเหมือนคนอื่น ๆ ข้าไม่ดีพอหรือขอรับ"

เจียงซิ่วเหยากอดลูกชายแน่น น้ำตาไหลลงมาในขณะที่นางพูด

"ลูกแม่ เจ้าดีที่สุดแล้ว เจ้ามีค่าเสมอ อย่าให้คำพูดของใครมาทำให้เจ้ารู้สึกน้อยใจ แม่รักเจ้า และจะอยู่ข้างเจ้าเสมอ"

เจียงหยวนเจี๋ยพยักหน้า แม้ว่าจะยังคงมีความเศร้าในดวงตา แต่เขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อได้รับความรักจากมารดา

"ข้ารักท่านแม่ ข้าจะพยายามไม่ทำให้ท่านแม่ต้องเสียใจ"

เจียงซิ่วเหยาเสียใจที่ลูกชายของนางต้องมาเผชิญกับความรู้สึกนี้ นางรู้ดีว่าเด็กคนหนึ่งไม่ควรต้องทนรับความเกลียดชังจากผู้ใหญ่ที่ควรจะปกป้องและรักเขา แต่นางก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของคนเหล่านั้นได้ สิ่งเดียวที่นางทำได้คือการกอดเขาไว้แน่น ๆ ยามที่เขาร้องไห้ และบอกกับเขาว่าเขามีค่าเสมอ นางจะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกชายได้รู้สึกถึงความรักและความปลอดภัย แม้จะต้องเผชิญกับความยากลำบากและความรังเกียจจากคนรอบข้าง นางก็จะไม่ยอมแพ้ที่จะปกป้องและทำให้ลูกชายของนางมีความสุขให้ได้

นางรู้ดีว่าไม่มีที่ยืนสำหรับนางและลูกในตระกูลเจียงอีกต่อไป ความรักที่นางเคยมีให้เจียงเฉินได้ตายจากไปพร้อมกับความรังเกียจที่เขามีต่อลูกชายของนาง นางจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายลูกของนางได้อีกต่อไป และจะไม่ยอมให้อำนาจใด ๆ มากดขี่นางและลูกอีกแล้ว

ความเจ็บปวดจากการถูกทอดทิ้งนั้นทิ่มแทงลึกลงไปในหัวใจ สิ่งที่ทำให้นางเจ็บปวดที่สุดคือคำสัญญาที่เขาเคยให้ ไม่เพียงแต่ลืมรักที่เคยมี เขายังลืมแม้กระทั่งลูก ๆ ของพวกเขา เขาไม่ต้องการลูกๆ ของนางอีกต่อไป เหมือนกับที่เขาไม่ต้องการนาง ความผิดหวังและความเจ็บปวดกลายเป็นแผลลึกในใจ นางรู้สึกถูกทรยศอย่างแสนสาหัส คำสัญญาที่เคยหอมหวานกลับกลายเป็นเพียงถ้อยคำลวง นางกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ความแค้นและความผิดหวังแผ่กระจายออกมา นางสาบานกับตนเองว่า จะไม่มีวันยอมให้ตัวเองต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้อีก นางจะไม่อ่อนแอ ไม่พึ่งพาคนอื่น และจะไม่ยอมให้คำสัญญาที่ว่างเปล่ามาทำร้ายนางได้อีกต่อไป

ป้าจวงเห็นท่าทางเหม่อลอยและมือที่กำแน่นของคุณหนูของนาง นางรู้ว่าคุณหนูคิดสิ่งใดอยู่ นางจึงยื่นมือไปจับมือของคุณหนูของนางและเอ่ยขึ้นมาว่า

"บ่าวจะอยู่เคียงข้างคุณหนูเสมอเจ้าค่ะ เราจะร่วมมือกันผ่านพ้นเรื่องนี้ไปให้ได้"

เจียงซิ่วเหยาพยักหน้า และมองออกไปยังท้องทุ่งที่ทอดยาว นางรู้ว่าการเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยความท้าทาย แต่นางก็พร้อมที่จะเผชิญทุกอย่าง ด้วยความหวังที่จะสร้างชีวิตใหม่ให้กับตนเองและลูก ๆ

เจียงซิ่วเหยาหันไปกอดลูกสาวและลูกชายไว้ใกล้ตัว พลางมองใบหน้าของพวกเขาที่หลับใหลอย่างอ่อนแรง เจียงหย่าเสวี่ยยังคงมีคราบน้ำตาบนแก้มของนาง ในขณะที่เจียงหยวนเจี๋ยยังคงขมวดคิ้วราวกับกำลังฝันร้าย เจียงซิ่วเหยาเอื้อมมือไปลูบหัวลูกทั้งสองอย่างอ่อนโยน นางรู้ว่าพวกเขายังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังไม่รู้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับอะไรบ้างต่อจากนี้ แต่ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น นางจะปกป้องลูก ๆ ให้ถึงที่สุด

"ท่านแม่...เราจะไปไหนกันหรือเจ้าคะ?" เจียงหย่าเสวี่ยลืมตาขึ้นมาถาม น้ำเสียงของนางแผ่วเบาราวกับกำลังฝัน ซิ่วเหยามองลูกสาวด้วยรอยยิ้มที่พยายามทำให้ดูมั่นใจ

"เรากำลังไปเมืองอวี้ไห่จ้ะ ที่นั่นเป็นบ้านเกิดของท่านยายของเจ้า ท่านแม่เคยไปที่นั่นเมื่อตอนยังเด็ก มันเป็นที่ที่สวยงามและเงียบสงบมาก เจ้าจะต้องชอบแน่ ๆ"

เจียงหย่าเสวี่ยพยักหน้าเบา ๆ แล้วค่อย ๆ หลับตาลงอีกครั้ง เจียงซิ่วเหยาใช้มือลูบที่หน้าผากของนางเมื่อเห็นว่านางตัวร้อนมาก นางก็ขมวดคิ้วพลางคิดว่าลูกสาวของนางนั้นคงจะไม่สบายแน่แล้ว จากนั้นก็ให้ป้าจวงหาผ้ามาเช็ดตัวให้ลูกสาวของนาง เมื่อเห็นว่าลูกสาวหลับไปอีกครั้ง นางก็มองไปนอกหน้าต่างรถม้า ท้องทุ่งกว้างใหญ่ที่ทอดยาวออกไปไม่มีที่สิ้นสุดทําให้นางรู้สึกถึงอิสรภาพที่นางไม่เคยได้สัมผัสในเมืองหลวง เมืองอวี้ไห่จะเป็นที่ที่นางและลูก ๆ จะได้เริ่มต้นใหม่ แม้นางจะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ใจของนางก็ยังเต็มไปด้วยความหวังเล็ก ๆ ที่พวกเขาจะสามารถหาความสุขและความสงบสุขได้ที่นั่น

**** น้องเริ่มป่วยแล้ว เพิ่งจะออกจากเมืองหลวงเอง เอาใจช่วยท่านแม่กันเถอะ ถูกแล้วที่คิดว่า เจ็บแล้วจำคือคน….****

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ 3 บทส่งท้ายแห่งความสุข EP 2 NC...

    ตอนพิเศษ 3 บทส่งท้ายแห่งความสุข EP 2 NC...“…อา อื๊อ อี้หลง”เจิ้งอี้หลงใช้ความจัดเจนดูดดุนปลายลิ้นกับทรวงอกอวบสวยทำให้นางแอ่นหน้าอกขึ้นมาด้วยเสียวซ่าน ขณะที่มืออีกข้างก็เขี่ยคลึงเล่นไปที่ปลายถันที่ยังว่างอยู่จนยอดแข็งชันสู้มือหญิงสาวส่ายร่างบิดไปมาบนที่นอนด้วยด้วยความกระสันซ่าน อารมณ์ปรารถนาของนางถูกปลุกเร้าจนตื่นเพริศ เนื้อตัวเร่าร้อนไปหมดนางปรารถนาเขาจริงๆ ส่วนเจิ้งอี้หลงนั้น เมื่อหญิงสาวตอบสนองและไม่หวงเนื้อหวงตัว เขาจึงจัดเต็มตามอารมณ์ที่เก็บกดไว้ ริมฝีปากของเขาหยอกเย้าดูดดุนอยู่ที่ปลายถัน ส่วนมือก็บีบเค้นปทุมถันอวบใหญ่แรงขึ้นจนผิวขาวๆ เริ่มเป็นจ้ำสีแดงตามรอยมือและปาก จนเมื่อเขาละริมฝีปากจากปลายถันก็เล็มไล้ไต่ลงมาที่เนินหน้าท้อง แล้วซุกไซ้จมูกและปากอยู่ที่สะดือสวย ก่อนจะใช้นิ้วเลื่อนลูบไปที่เนินเนื้อโหนกนูนที่บิดส่ายอยู่ใต้ร่างเขา“อ๊า…อี้หลงค่ะ ฉัน..”หญิงสาวสะดุ้งเฮือกขึ้นมา แล้วจับข้อมือชายหนุ่มไว้ เจิ้งอี้หลงยกยิ้มที่มุมปากและค่อยดึงมือของเขาออก และยกมือของนางมาจูบและรวบดูดปลายนิ้วเล็กเรียวแสนสวยนั้นเสียเลย เฟิงหย่าเสวี่ยตัวอ่อนระรวย ไม่มีแรงที่จะห้ามปรามเขาเสียแล้ว… (เฮ้อช่าง

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ3 บทส่งท้ายแห่งความสุข ep 1

    ตอนพิเศษ3 บทส่งท้ายแห่งความสุข ep 1ค่ำคืนอันสดใสในฤดูใบไม้ผลิ ท้องฟ้ายามราตรีเหนือพระราชวังต้าหมิงสว่างไสวไปด้วยแสงประกายของดอกไม้ไฟที่พุ่งขึ้นสูง สาดส่องท้องฟ้าด้วยสีสันอันตระการตา เสียงเพลงบรรเลงจากเครื่องดนตรีพื้นบ้านผสมผสานกับเสียงปรบมือและเสียงหัวเราะของเหล่าประชาชนที่มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความปลื้มปีติภายในพระราชวังงานเฉลิมฉลองครบรอบ 5 ปีแห่งการครองราชย์ของฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงกำลังดำเนินไปอย่างยิ่งใหญ่ ท้องพระโรงอันวิจิตรตระการตาประดับประดาไปด้วยโคมไฟหลากสี เสนาอำมาตย์และขุนนางจากทั้งแคว้นต้าหมิงและแคว้นต้าโจวต่างมาชุมนุมกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมแสดงความยินดีและสรรเสริญความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของสองแคว้นฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงประทับบนบัลลังก์แกะสลักมังกร พระพักตร์เปี่ยมด้วยความสุขและความภาคภูมิใจ ขณะที่เฟิงฮองเฮา หรือเฟิงหย่าเสวี่ยนั่งเคียงข้างพระสวามี สวมอาภรณ์สีเหลือทองประดับประดาอย่างงดงามสมเกียรติสะท้อนความงดงามหยดย้อยของนางอย่างชัดเจน แววตาของนางแสดงถึงความมุ่งมั่นและความรักและความเมตตาที่มีต่อแผ่นดินและประชาชน"กระหม่อมขอกราบบังคมทูล" เสนาบดีอาวุ

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ 2  สองสุดยอดแพทย์แห่งยุค

    ตอนพิเศษ 2 สองสุดยอดแพทย์แห่งยุคภายในห้องผ่าตัดขนาดกลางที่ถูกดัดแปลงอย่างพิถีพิถัน แสงจากโคมไฟหลากดวงส่องรวมตรงกลาง เผยให้เห็นเตียงผ่าตัดที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ บนเตียงมีชายชราผู้สูญเสียขาจากสงครามนอนหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาชา รอบข้างเต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ดูแปลกตาสำหรับแพทย์จำนวนไม่น้อยในยุคนี้วันนี้ถือเป็นวาระสำคัญที่หลายคนต่างพูดถึง เพราะจะมีการผ่าตัดเพื่อใส่ขาเทียมให้กับผู้ป่วยที่ขาพิการโดยผู้นำการผ่าตัดคือนายท่านเฟิงหยวนเจี๋ย คุณชายหมอเทวดาซึ่งกำลังมีชื่อเสียงขจรขจาย และถือเป็นคุณชายเนื้อหอมมากๆ ผู้หนึ่งของแคว้นต้าหมิง และอีกผู้ยิ่งใหญ่อีกผู้หนึ่งก็คือฮองเฮาเฟิงหย่าเสวี่ย ซึ่งแม้ร่างกายเพิ่งฟื้นตัวได้ไม่นาน แต่ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร และการผ่าตัดในครั้งนี้ก็เป็นการที่นางต้องการที่จะทำด้วย และวาระสำคัญเช่นนี้ฮ่องเต้ของทั้งสองแคว้นนั้นไม่รอช้าที่จะส่งนายแพทย์มาเพื่อศึกษาดูงาน ซึ่งฮองเฮาเฟิงนั้นก็ยินดีที่จะให้พวกเขาได้เรียนรู้ในการผ่าตัดครั้งนี้ด้วยเหล่าแพทย์ของจากทั้งสองแคว้นคือแคว้นต้าโจวและต้าหมิงรวมตัวกันอยู่รอบ ๆ ทางด้านหลังเพื่อศึกษาขั้นตอนในก

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ ครอบครัวสุขสันต์

    ตอนพิเศษ ครอบครัวสุขสันต์หลังจากที่เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นคืนสติ ข่าวดีนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วตอนนี้ทั้งประชาชนแคว้นอวี้ไห่และประชาชนแคว้นต้าหมิงต่างก็ความสุขที่ได้รับรู้ว่าเฟิงฮองเฮานั้นได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เมืองอวี้ไห่ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ดอกเหมยท้อบานสะพรั่งทั้งสวนส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ภายในสวนที่จัดแต่งเอาไว้อย่างงดงามนั้นมีเสียงหัวเราะและบทบทสนทนาของคนในครอบครัวเฟิงที่นั่งล้อมวงคุยกันอยู่ เฟิงหย่าเสวี่ยหลังจากฟื้นก็ได้รับการดูแลอย่างดีทั้งจากอาจารย์ของนาง ท่านป้าจวงและเฟิงหยวนเจี๋ยที่มักจะนำยาบำรุงชั้นเลิศที่เขาคิดค้นขึ้นมาสำหรับนางโดยเฉพาะมาให้ดื่มเสมอ ทำให้ร่างก่ายของนางนั้นแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว สมกับที่นางนั้นได้ตกอยู่ในมือของเหล่าหมอเทวดาจริงๆ"ท่านแม่" เฟิงหย่าเสวี่ยเอ่ยเรียกเฟิงซิ่งเหยาที่กำลังนั่งปักรองเท้าอยู่ในสวนดอกไม้ "ท่านแม่ดูอิ่มเอิบขึ้นมากเลยนะเจ้าคะ" เฟิงซิ่งเหยายิ้มอายๆ ขณะที่มือลูบท้องน้อยที่เริ่มนูนขึ้น"เสด็จพ่อของเจ้านี่สิ... ตั้งแต่รู้ว่าข้าตั้งครรภ์บุตรคนนี้ก็เอาแต่แพ้ท้องแทนข้า กินไม่ได้นอนไม่หลับวิงเวียนอยู่ตลอดเ

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 163  จนกว่าจะพบกัน.. (จบบริบูรณ์)

    บทที่ 163 จนกว่าจะพบกัน.. (จบบริบูรณ์)แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างโรงพยาบาลในยุคปัจจุบัน เฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวากลับสับสนเล็กน้อย ราวกับจิตวิญญาณของนางยังคงล่องลอย เธอมองเพดานสีขาวสะอาดและพยายามดึงความทรงจำที่กระจัดกระจายกลับคืนมาเธอถูกพาออกจากโลกแห่งยุคโบราณและกลับมายังยุคปัจจุบัน ร่างกายของนางอ่อนแอแต่หัวใจของนางเต็มไปด้วยความทรงจำอันเจ็บปวด นางนึกถึงผู้คนที่นางได้ช่วยเหลือและเสียสละเพื่อพวกเขา นึกถึงท่านแม่และเจ้าเล็กหากว่าพวกเขารู้ข่าวจะเป็นอย่างไรนะ…คงจะเศร้าเสียใจอย่างแน่นอน..ไหนจะป้าจวงที่จะต้องรู้สึกผิดที่ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือนางได้ จากนั้นน้ำตาไหลของนางก็ออกมาเงียบๆ ขณะที่นางพึมพำชื่อคนที่คุ้นเคยจากโลกอีกใบหลังจากนั้น เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นตัวและกลับไปดำเนินชีวิตในฐานะจิตรกร นางใช้ศิลปะในการแสดงความรู้สึกและความทรงจำจากอดีต ทุกภาพที่นางวาดล้วนเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการเสียสละและความหวัง นางกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียง ผู้คนต่างหลงใหลในผลงานของนางโดยไม่รู้ว่านั่นคือเศษเสี้ยวของชีวิตที่นางเคยผ่านพ้นมา แต่ทว่าพู่กันชิงหลงที่เธอใช

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 162 พี่ใหญ่...ท่านผิดสัญญาเช่นนั้นหรือ?

    บทที่ 162 พี่ใหญ่...ท่านผิดสัญญาเช่นนั้นหรือ?“จบแล้ว...” เฟิงหย่าเสวี่ยพึมพำ เสียงแผ่วบางราวกับสายลมที่พัดผ่านใบไม้ร่วง ร่างบางของนางค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นอย่างช้าๆ ราวกับวิญญาณที่กำลังหลุดลอยไปจากโลกนี้“คุณหลีหนิง!” เสียงของเจิ้งอี้หลงดังขึ้นด้วยความตกใจ พระองค์รีบพุ่งเข้ามาประคองร่างของนางไว้ในอ้อมพระกร พระพักตร์ซีดเผือด น้ำพระเนตรเอ่อคลอ “คุณหลีหนิง! ลืมตาขึ้นมา! อย่าทิ้งข้าไปแบบนี้!”ดวงตาของเฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างยากลำบาก เปลือกตาที่หนักอึ้งเผยให้เห็นดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความอ่อนล้าและเศร้าสร้อย ริมฝีปากซีดเผือดสั่นระริก “อี้หลง... ข้า... ข้าเหนื่อยเหลือเกิน...”“ไม่เป็นไร ข้าอยู่ตรงนี้” เจิ้งอี้หลงพูดด้วยน้ำเสียงสั่น มือหนาลูบใบหน้าซีดขาวของนางอย่างอ่อนโยน ราวกับพยายามปลอบประโลมความเจ็บปวดของนาง “เจ้าอย่าพูดแบบนี้ เจ้าจะไม่เป็นอะไร ข้าสัญญา...”เฟิงหย่าเสวี่ยพยายามยกมือที่อ่อนแรงขึ้นแตะใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของเจิ่งอี้หลง มือที่เย็นเฉียบสั่นระริกจนเจิ้งอี้หลงรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง “ข้า... ใช้พลังทั้งหมดแล้ว... ทุกหยด... ตอนนี้ข้ารู้สึกเหมือน... เหมือนวิญญาณกำลังหลุดลอย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status