หน้าหลัก / แฟนตาซี / เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์ / บทที่ 7 เจ้าเก็บความลับได้หรือไม่??? 

แชร์

บทที่ 7 เจ้าเก็บความลับได้หรือไม่??? 

ผู้เขียน: primพริมโรส
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-16 11:15:20

บทที่ 7 เจ้าเก็บความลับได้หรือไม่??? 

วันเวลาผ่านไปอีก 1 สัปดาห์ที่พวกเขาเดินทาง และระยะทางที่จะถึงจุดหมายนั้นยังอีกประมาณครึ่งเดือน ค่ำวันหนึ่งเจียงหย่าเสวี่ยกำลังนอนพัก เธอเงี่ยหูฟังเสียงลมที่พัดผ่านใบไม้ เสียงนกร้อง และเสียงพูดคุยจากท่านแม่เจียงซิ่วเหยาและป้าจวงที่อยู่ใกล้ ๆ แม้ไม่ได้ตั้งใจจะฟัง แต่คำพูดบางคำก็แว่วเข้ามาในหู ทำให้เธอหยุดพู่กันที่กำลังขยับอยู่บนกระดาษ

"คุณหนูเจ้าคะ ตอนนี้เงินที่เหลืออยู่ก็เพียง 400 ตำลึงเท่านั้นเอง อีกทั้งเรายังต้องเดินทางอีกเกือบหนึ่งเดือน ข้าก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะทำอย่างไรกันต่อไปดี" ป้าจวงพูดด้วยน้ำเสียงกังวลเงินที่หมดไปส่วนใหญ่นั้นก็เพราะต้องซื้อยาซื้อโสมราคาแพงมาบำรุงคุณหนูที่ป่วยหนักมาตลอดทั้งเดือน ถ้าไม่มีโสมและยาทั้งหมดนั้น คุณหนูคงไม่สามารถรอดมาได้ป้าจวงตอบด้วยความเศร้าใจ

"ข้าไม่สนว่าเงินจะหมดไปเท่าไร สุขภาพของลูกสาวข้านั้นสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด ถ้าการใช้จ่ายเหล่านี้ทำให้เสวี่ยเออร์ของข้าหายป่วย ข้าก็ยินดีที่จะแลกทุกอย่าง"

เจียงซิ่วเหยาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาของนางเปี่ยมไปด้วยความรักและความห่วงใย

เจียงหย่าเสวี่ยฟังคำพูดเหล่านั้นและรู้สึกหัวใจบีบแน่น แม้ว่าท่านแม่และป้าจวงจะพยายามช่วยเหลือและทำทุกวิถีทางเพื่อให้นางหายป่วย แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นภาระทางการเงินที่หนักอึ้ง การที่เงินทองเหลือน้อยเหลือเกินทำให้นางรู้สึกว่าตนเองต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยครอบครัวเสียแล้ว

ถึงแม้ว่าตอนนี้เจียงหย่าเสวี่ยจะหายป่วยแล้ว แต่ร่างกายของนางยังคงอ่อนแออย่างมาก ร่างผอมบางของนางดูบอบบางเหมือนกิ่งไม้ที่อาจหักได้ง่าย ใบหน้าสวยงามของนางซีดเซียวและไร้สีเลือด ถึงแม้ว่านางจะมีความงามที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ความเจ็บป่วยที่ยาวนานทำให้นางสูญเสียความสดใสไป ความผอมของนางเห็นได้ชัดเมื่อสวมใส่ชุดที่หลวมเกินไป

สามวันต่อมา เมื่อพวกเขาเดินทางไปถึงบริเวณเชิงเขาแห่งหนึ่ง เป็นพื้นที่เงียบสงบและเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งหญ้าเขียวขจีและดอกไม้ป่าที่เบ่งบาน เจียงซิ่วเหยาจึงตัดสินใจหยุดพักเพื่อให้ทุกคนได้ผ่อนคลายจากการเดินทางที่เหน็ดเหนื่อย พวกเขาจัดค่ายพักอยู่ใกล้กับเชิงเขา มีภูเขาสูงตระหง่านอยู่ข้างหลังและป่าไม้ที่สงบล้อมรอบ

เจียงหย่าเสวี่ยเอ่ยบอกท่านแม่ด้วยน้ำเสียงเบา ๆ

"ท่านแม่ ข้าขออนุญาตออกไปเดินเล่นสักครู่เจ้าค่ะ ตรงนั้นต้นไม้เยอะน่าจะไม่ร้อน ข้าไปไม่ไกลเจ้าค่ะ"

เจียงซิ่วเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย นางดูเป็นห่วงลูกสาวมาก

"เจ้าใหญ่ เจ้าจะออกไปคนเดียวหรือลูก? แม่ไม่ไว้ใจ ถ้าอย่างนั้นให้เจ้าเล็กเดินไปกับเจ้าด้วยดีหรือไม่?" นางมองร่างผอมบางของลูกสาวด้วยความเป็นห่วง เกิดเป็นลมหมดสติไปจะทำอย่างไร ให้เจ้าเล็กไปด้วยนะดีแล้ว

เจียงหย่าเสวี่ยนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง นางรู้ว่าท่านแม่เป็นห่วง นางหันมองเจ้าน้องชาย 6 นิ้ว (มือ) ของนาง เจียงหยวนเจี๋ยที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ และยิ้มแป้นมองมาเพราะเขาก็อยากออกไปเดินเล่นเช่นกัน และเขามองกดดันนางมาก สีหน้าเหมือนจะบอกว่า ‘ตกลงสิพี่ใหญ่ ตกลงสิพี่ใหญ่’ อะไรประมาณนั้น เมื่อเห็นสายตาคาดหวังขนาดนั้นเจียงหย่าเสวี่ยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแล้วจึงพยักหน้า

 "ก็ได้เจ้าค่ะ ท่านแม่ เจี๋ยเออร์ไปกับพี่ใหญ่นะ"

“ไป ไป…ข้าจะไปเป็นเพื่อนท่านเองพี่ใหญ่”

เจียงหยวนเจี๋ยกระโดดลุกขึ้นด้วยท่าทางกระตือรือร้น แม้ว่าร่างกายของเขาจะผอมบางมาก แต่ในดวงตาของเขายังมีความมุ่งมั่นและความสดใส หน้าตาของเขาน่ารักหล่อเหลาแม้จะยังเด็ก ผมดำยาวตกลงมาเล็กน้อยปิดหน้าผาก และรอยยิ้มที่ซุกซนเล็กน้อยทำให้เขาดูเป็นเด็กที่มีเสน่ห์

"พี่ใหญ่ข้าจะไปกับพี่เอง ข้าจะปกป้องพี่ให้ดีที่สุดเลย! ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะขอรับ เชื่อใจข้าได้เลย" เจียงหยวนเจี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจจากนั้นก็ใช้มือเล็กตบที่หน้าอกเล็กๆ ของตัวเองเป็นการบอกว่าให้เชื่อเขาได้เลย แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าตนเองยังคงอ่อนแอเช่นกัน เนื่องจากการเดินทางที่ยาวนานและไม่ได้กินอาหารมากนักทำให้เขาผอมเช่นเดียวกับพี่สาวของเขา แต่ว่า…เขาอยากไปเดินเล่น…เออ…. เขาอยากไปปกป้องพี่ใหญ่….

เจียงหย่าเสวี่ยมองหน้าน้องชายอย่างเอ็นดู นางเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเขาเบา ๆ 

"ขอบใจมากนะ พอมีเจ้าไปด้วยแล้วพี่ใหญ่รู้สึกมั่นใจขึ้นเยอะเลย ไปกัน!!"

เจียงหย่าเสวี่ยเดินจูงมือน้องชายขี้โรคของนางออกมาจากค่ายพัก ขณะที่คนอื่น ๆ กำลังจัดการเตรียมอาหารและดูแลที่พัก

เจียงหย่าเสวี่ยพูดกับน้องชายเมื่อเดินมาไกลสายตาคนพอสมควร

 "เจ้าเล็ก เจ้าสามารถรักษาความลับได้หรือไม่?"

เจียงหยวนเจี๋ยตอบทันทีด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

"รักษาได้สิพี่ใหญ่ ข้านะเป็นคนที่รักษาความลับได้เก่งที่สุดเลยนะ แม้แต่ป้าจวงที่ชอบกระโดดตีลังกา และขวางมีด ฟันดาบ ข้ายังไม่เคยบอกใครเลยนะ ท่านเป็นคนแรกที่ข้าบอก....อะ.อ้าว!!!.."

 เมื่อเขานึกได้ว่าตัวเองได้หลุดความลับไปเสียแล้วก็ทำหน้าเหลอหลาน่ารักน่าเอ็นดูใส่พี่สาว

เจียงหย่าเสวี่ยชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นท่าทางนั้นของเขาก็กลั้นหัวเราะและยิ้มอย่างก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ

"เจ้าเล็ก เจ้าเพิ่งบอกความลับนั้นให้พี่ใหญ่ฟังแล้วนะ ฮาฮาฮา!!! แต่ไม่เป็นไร พี่ใหญ่จะไม่บอกใครว่าป้าจวงเป็นจอมยุทธก็แล้วกัน เจ้าเก่งมากแล้วที่รักษาความลับได้ขนาดนี้ เอาหล่ะข้าก็แค่จะให้เจ้าดูบางอย่าง ซึ่งความลับนี้จะทำให้ครอบครัวเราไม่ลำบากอีกต่อไป แต่อย่าบอกใครนะ"…

.เอาอีกแล้ว เจ้าเล็กจะไหวหรือเปล่า

เจียงหยวนเจี๋ยพยักหน้ารัวๆ ราวกับไก่จิกด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้เมื่อสักครู่เขาตื่นเต้นไปหน่อยที่อยากจะอวดพี่ใหญ่ว่าเขารักษาความลับมานานแล้ว แต่ว่าคราวนี้เขาเอาจริงแล้วนะ จะไม่บอกใคร

"ได้เลยพี่ใหญ่ ข้าจะไม่บอกใครทั้งนั้น!"

จากนั้นเขาก็ยกมือเล็กผอมที่มี 6 นิ้วของเขาขึ้นมาปิดปาก เมื่อเขาเหลือบเห็นนิ้วที่หกที่เกือบทิ่มตาของตัวเอง เขาก็ค่อยดึงมือข้างนั้นลงและซ้อนมันเอาไว้อีกครั้ง เจียงหย่าเสวี่ยมองเห็นพอดี นางจึงหัวเราะอีกครั้งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“ส่วนเจ้านิ้วน้อยที่เกินมาอันนี้เดี๋ยวพี่ใหญ่จะทำให้มันหายไปเอง เจ้าอดทนรอไม่นานนะน้องรัก”

“จะ ..จริงหรือพี่ใหญ่ท่านจะทำให้เจ้าเสี่ยวลิ้วของข้าหายไปได้จริงๆ หรือ” 

เขาถึงขนาดตั้งชื่อนิ้วที่หกของตัวเองว่าเสี่ยวลิ้วแล้วเพราะนึกว่าจะต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต..

“ได้สิน้องรักเดี๋ยวพี่ใหญ่จะทำการผ่าตัดให้เจ้าเอง เสี่ยวลิ้วของเจ้าก็จะหายไป อดทนหน่อยนะ"

เจียงหยวนเจี๋ยน้ำตาไหลทันทีเขาพุ่งเข้าไปกอดพี่สาวแน่นทันที มันแน่นมากๆ ทำให้เจียงหย่าเสวี่ยรู้ทันทีว่าเขานั้นทุกข์ทรมานขนาดไหนที่มีเสี่ยวลิ้วอยู่ นางลูบหัวเขาเบาๆ ก่อนจะบอกว่านางจะแสดงบางอย่างให้เขาดู

นางหยิบพู่กันชิงหลงออกมาจากแขนเสื้อและมองหาบริเวณเหมาะๆ ไปรอบๆ บริเวณที่ยืนอยู่กลางป่า นางเงยหน้ามองภูเขาสูงที่อยู่เบื้องหน้านางจุงเจ้าเล็กเข้าไปเล็กน้อยจากนั้น…

เจียงหย่าเสวี่ยยืนมั่นคง จับพู่กันชิงหลงให้มั่นและเริ่มลงมือวาดลงไปบนกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่นางนำมาด้วย ภาพในจิตใจของนางชัดเจนมาก นางวาดภาพดงโสมใหญ่ที่แผ่กระจายอยู่รอบๆ เอาสัก 20 หัว พร้อมด้วยเห็ดหลินจือที่ขึ้นหนาแน่นสัก 30 ดอกทันทีพู่กันชิงหลงเริ่มส่องแสงสีฟ้า สายพลังแห่งสวรรค์ไหลผ่านจากปลายพู่กันลงสู่พื้นดิน ราวกับพลังชีวิตที่ค่อย ๆ ก่อเกิดขึ้น

ทันใดนั้นเอง แสงสว่างที่เปล่งประกายจากพู่กันเริ่มแผ่กระจายออกไปทั่วบริเวณ แสงสีฟ้าและสีทองหมุนวนรอบตัวเจียงหย่าเสวี่ย ราวกับว่าพลังสวรรค์กำลังแผ่ขยายผ่านพู่กัน สายลมที่เคยสงบกลับกลายเป็นกระแสลมที่หมุนวนพัดพาเอาใบไม้และกลีบดอกไม้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า รากไม้และพืชพรรณรอบ ๆ เริ่มเปลี่ยนแปลง โสมขาวบริสุทธิ์เริ่มงอกขึ้นมาจากพื้นดินราวเป็นหัวไชเท้าอย่างอัศจรรย์ รากยาว บางหัวมีแขนขาคล้ายคนซึ่งบ่งบอกอายุว่ามากกว่า 500 ปี แน่นอน และถัดไปก็เป็นดงเห็ดหลินจือสีแดงเข้มก็ปรากฏขึ้นใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีไม้ผุพังขอนใหญ่อยู่ด้านล่าง มันเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเต็มไปด้วยพลังแห่งธรรมชาติ

ท่ามกลางแสงสว่างและสายลมที่หมุนวน ดอกไม้ป่าหลากสีเริ่มเบ่งบานขึ้นรอบตัวเจียงหย่าเสวี่ย กลีบดอกไม้สีทองและสีม่วงเปล่งประกายส่องแสงออกมาเหมือนกับดาวตกในยามค่ำคืน สัตว์ป่าที่อยู่ใกล้เคียงค่อย ๆ โผล่ออกมาจากที่ซ่อน ราวกับว่าพวกมันถูกดึงดูดด้วยพลังที่เปล่งประกายออกมา กวางสีขาวสองตัวเดินเข้ามาใกล้เจียงหย่าเสวี่ยมองดูด้วยความตะลึงงัน ดวงตาของนางเบิกกว้างเมื่อเห็นกวางเหล่านั้นโค้งคำนับราวกับแสดงความเคารพต่อพลังแห่งสวรรค์ที่นางปลดปล่อยออกมา

เจียงหย่าเสวี่ยยิ้มออกมาอย่างพอใจ ขณะที่แสงจากพู่กันค่อย ๆ จางลง ดงโสมและดงเห็ดลินจือดงใหญ่ที่นางวาดกลายเป็นจริง ป่าที่เคยเงียบสงบกลับมีชีวิตชีวาด้วยพลังธรรมชาติและสีสันที่น่าทึ่งของโสมและเห็ดหลินจือ แสงแดดที่ส่องผ่านใบไม้ลงมาสะท้อนกับแสงของดอกไม้และโสม ทำให้พื้นที่รอบ ๆ ดูเหมือนสรวงสวรรค์ นางรู้สึกโล่งใจอย่างมากที่สามารถช่วยท่านแม่และคนอื่น ๆ ได้บ้าง

ส่วนเจ้าเสี่ยวลิ้ว…เอ้ย…เจ้าเสี่ยวเจี๋ยนั้นตาค้างไปแล้ว เขายกนิ้วมือขึ้นและชี้ไปที่แสงสว่างจ้านั้นมือสั่นไปหมด

“ป๊อก!!!"

เสียงกิ่งไม้ที่หักทำให้ทั้งสองหันควับมองไปด้านหลังทันที และคนที่ทำกิ่งไม้หักนั้นก็ไม่ใช่ใครแต่ว่าเป็นป้าจวง…เป็นท่านจอมยุทธนั้นเองรึ …. เจียงหย่าเสวี่ยมองและยิ้มเล็กน้อย….

****เอาหล่ะสิต่างฝ่ายต่างก็มีความลับแล้ว5555*****

**** สิ่งที่ไรท์ต้องการ....หัวใจสีแดง เพิ่มเข้าชั้นและคอมเมนต์มาเมาท์มอย ชี้แนะค่ะ จะได้อ่านนิยายสนุกด้วยกันทั้งคนเขียนและคนอ่าน *****

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ 3 บทส่งท้ายแห่งความสุข EP 2 NC...

    ตอนพิเศษ 3 บทส่งท้ายแห่งความสุข EP 2 NC...“…อา อื๊อ อี้หลง”เจิ้งอี้หลงใช้ความจัดเจนดูดดุนปลายลิ้นกับทรวงอกอวบสวยทำให้นางแอ่นหน้าอกขึ้นมาด้วยเสียวซ่าน ขณะที่มืออีกข้างก็เขี่ยคลึงเล่นไปที่ปลายถันที่ยังว่างอยู่จนยอดแข็งชันสู้มือหญิงสาวส่ายร่างบิดไปมาบนที่นอนด้วยด้วยความกระสันซ่าน อารมณ์ปรารถนาของนางถูกปลุกเร้าจนตื่นเพริศ เนื้อตัวเร่าร้อนไปหมดนางปรารถนาเขาจริงๆ ส่วนเจิ้งอี้หลงนั้น เมื่อหญิงสาวตอบสนองและไม่หวงเนื้อหวงตัว เขาจึงจัดเต็มตามอารมณ์ที่เก็บกดไว้ ริมฝีปากของเขาหยอกเย้าดูดดุนอยู่ที่ปลายถัน ส่วนมือก็บีบเค้นปทุมถันอวบใหญ่แรงขึ้นจนผิวขาวๆ เริ่มเป็นจ้ำสีแดงตามรอยมือและปาก จนเมื่อเขาละริมฝีปากจากปลายถันก็เล็มไล้ไต่ลงมาที่เนินหน้าท้อง แล้วซุกไซ้จมูกและปากอยู่ที่สะดือสวย ก่อนจะใช้นิ้วเลื่อนลูบไปที่เนินเนื้อโหนกนูนที่บิดส่ายอยู่ใต้ร่างเขา“อ๊า…อี้หลงค่ะ ฉัน..”หญิงสาวสะดุ้งเฮือกขึ้นมา แล้วจับข้อมือชายหนุ่มไว้ เจิ้งอี้หลงยกยิ้มที่มุมปากและค่อยดึงมือของเขาออก และยกมือของนางมาจูบและรวบดูดปลายนิ้วเล็กเรียวแสนสวยนั้นเสียเลย เฟิงหย่าเสวี่ยตัวอ่อนระรวย ไม่มีแรงที่จะห้ามปรามเขาเสียแล้ว… (เฮ้อช่าง

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ3 บทส่งท้ายแห่งความสุข ep 1

    ตอนพิเศษ3 บทส่งท้ายแห่งความสุข ep 1ค่ำคืนอันสดใสในฤดูใบไม้ผลิ ท้องฟ้ายามราตรีเหนือพระราชวังต้าหมิงสว่างไสวไปด้วยแสงประกายของดอกไม้ไฟที่พุ่งขึ้นสูง สาดส่องท้องฟ้าด้วยสีสันอันตระการตา เสียงเพลงบรรเลงจากเครื่องดนตรีพื้นบ้านผสมผสานกับเสียงปรบมือและเสียงหัวเราะของเหล่าประชาชนที่มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความปลื้มปีติภายในพระราชวังงานเฉลิมฉลองครบรอบ 5 ปีแห่งการครองราชย์ของฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงกำลังดำเนินไปอย่างยิ่งใหญ่ ท้องพระโรงอันวิจิตรตระการตาประดับประดาไปด้วยโคมไฟหลากสี เสนาอำมาตย์และขุนนางจากทั้งแคว้นต้าหมิงและแคว้นต้าโจวต่างมาชุมนุมกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมแสดงความยินดีและสรรเสริญความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของสองแคว้นฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงประทับบนบัลลังก์แกะสลักมังกร พระพักตร์เปี่ยมด้วยความสุขและความภาคภูมิใจ ขณะที่เฟิงฮองเฮา หรือเฟิงหย่าเสวี่ยนั่งเคียงข้างพระสวามี สวมอาภรณ์สีเหลือทองประดับประดาอย่างงดงามสมเกียรติสะท้อนความงดงามหยดย้อยของนางอย่างชัดเจน แววตาของนางแสดงถึงความมุ่งมั่นและความรักและความเมตตาที่มีต่อแผ่นดินและประชาชน"กระหม่อมขอกราบบังคมทูล" เสนาบดีอาวุ

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ 2  สองสุดยอดแพทย์แห่งยุค

    ตอนพิเศษ 2 สองสุดยอดแพทย์แห่งยุคภายในห้องผ่าตัดขนาดกลางที่ถูกดัดแปลงอย่างพิถีพิถัน แสงจากโคมไฟหลากดวงส่องรวมตรงกลาง เผยให้เห็นเตียงผ่าตัดที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ บนเตียงมีชายชราผู้สูญเสียขาจากสงครามนอนหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาชา รอบข้างเต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ดูแปลกตาสำหรับแพทย์จำนวนไม่น้อยในยุคนี้วันนี้ถือเป็นวาระสำคัญที่หลายคนต่างพูดถึง เพราะจะมีการผ่าตัดเพื่อใส่ขาเทียมให้กับผู้ป่วยที่ขาพิการโดยผู้นำการผ่าตัดคือนายท่านเฟิงหยวนเจี๋ย คุณชายหมอเทวดาซึ่งกำลังมีชื่อเสียงขจรขจาย และถือเป็นคุณชายเนื้อหอมมากๆ ผู้หนึ่งของแคว้นต้าหมิง และอีกผู้ยิ่งใหญ่อีกผู้หนึ่งก็คือฮองเฮาเฟิงหย่าเสวี่ย ซึ่งแม้ร่างกายเพิ่งฟื้นตัวได้ไม่นาน แต่ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร และการผ่าตัดในครั้งนี้ก็เป็นการที่นางต้องการที่จะทำด้วย และวาระสำคัญเช่นนี้ฮ่องเต้ของทั้งสองแคว้นนั้นไม่รอช้าที่จะส่งนายแพทย์มาเพื่อศึกษาดูงาน ซึ่งฮองเฮาเฟิงนั้นก็ยินดีที่จะให้พวกเขาได้เรียนรู้ในการผ่าตัดครั้งนี้ด้วยเหล่าแพทย์ของจากทั้งสองแคว้นคือแคว้นต้าโจวและต้าหมิงรวมตัวกันอยู่รอบ ๆ ทางด้านหลังเพื่อศึกษาขั้นตอนในก

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   ตอนพิเศษ ครอบครัวสุขสันต์

    ตอนพิเศษ ครอบครัวสุขสันต์หลังจากที่เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นคืนสติ ข่าวดีนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วตอนนี้ทั้งประชาชนแคว้นอวี้ไห่และประชาชนแคว้นต้าหมิงต่างก็ความสุขที่ได้รับรู้ว่าเฟิงฮองเฮานั้นได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เมืองอวี้ไห่ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ดอกเหมยท้อบานสะพรั่งทั้งสวนส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ภายในสวนที่จัดแต่งเอาไว้อย่างงดงามนั้นมีเสียงหัวเราะและบทบทสนทนาของคนในครอบครัวเฟิงที่นั่งล้อมวงคุยกันอยู่ เฟิงหย่าเสวี่ยหลังจากฟื้นก็ได้รับการดูแลอย่างดีทั้งจากอาจารย์ของนาง ท่านป้าจวงและเฟิงหยวนเจี๋ยที่มักจะนำยาบำรุงชั้นเลิศที่เขาคิดค้นขึ้นมาสำหรับนางโดยเฉพาะมาให้ดื่มเสมอ ทำให้ร่างก่ายของนางนั้นแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว สมกับที่นางนั้นได้ตกอยู่ในมือของเหล่าหมอเทวดาจริงๆ"ท่านแม่" เฟิงหย่าเสวี่ยเอ่ยเรียกเฟิงซิ่งเหยาที่กำลังนั่งปักรองเท้าอยู่ในสวนดอกไม้ "ท่านแม่ดูอิ่มเอิบขึ้นมากเลยนะเจ้าคะ" เฟิงซิ่งเหยายิ้มอายๆ ขณะที่มือลูบท้องน้อยที่เริ่มนูนขึ้น"เสด็จพ่อของเจ้านี่สิ... ตั้งแต่รู้ว่าข้าตั้งครรภ์บุตรคนนี้ก็เอาแต่แพ้ท้องแทนข้า กินไม่ได้นอนไม่หลับวิงเวียนอยู่ตลอดเ

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 163  จนกว่าจะพบกัน.. (จบบริบูรณ์)

    บทที่ 163 จนกว่าจะพบกัน.. (จบบริบูรณ์)แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างโรงพยาบาลในยุคปัจจุบัน เฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวากลับสับสนเล็กน้อย ราวกับจิตวิญญาณของนางยังคงล่องลอย เธอมองเพดานสีขาวสะอาดและพยายามดึงความทรงจำที่กระจัดกระจายกลับคืนมาเธอถูกพาออกจากโลกแห่งยุคโบราณและกลับมายังยุคปัจจุบัน ร่างกายของนางอ่อนแอแต่หัวใจของนางเต็มไปด้วยความทรงจำอันเจ็บปวด นางนึกถึงผู้คนที่นางได้ช่วยเหลือและเสียสละเพื่อพวกเขา นึกถึงท่านแม่และเจ้าเล็กหากว่าพวกเขารู้ข่าวจะเป็นอย่างไรนะ…คงจะเศร้าเสียใจอย่างแน่นอน..ไหนจะป้าจวงที่จะต้องรู้สึกผิดที่ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือนางได้ จากนั้นน้ำตาไหลของนางก็ออกมาเงียบๆ ขณะที่นางพึมพำชื่อคนที่คุ้นเคยจากโลกอีกใบหลังจากนั้น เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นตัวและกลับไปดำเนินชีวิตในฐานะจิตรกร นางใช้ศิลปะในการแสดงความรู้สึกและความทรงจำจากอดีต ทุกภาพที่นางวาดล้วนเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการเสียสละและความหวัง นางกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียง ผู้คนต่างหลงใหลในผลงานของนางโดยไม่รู้ว่านั่นคือเศษเสี้ยวของชีวิตที่นางเคยผ่านพ้นมา แต่ทว่าพู่กันชิงหลงที่เธอใช

  • เจียงหย่าเสวี่ย จิตรกรหัตถ์สวรรค์   บทที่ 162 พี่ใหญ่...ท่านผิดสัญญาเช่นนั้นหรือ?

    บทที่ 162 พี่ใหญ่...ท่านผิดสัญญาเช่นนั้นหรือ?“จบแล้ว...” เฟิงหย่าเสวี่ยพึมพำ เสียงแผ่วบางราวกับสายลมที่พัดผ่านใบไม้ร่วง ร่างบางของนางค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นอย่างช้าๆ ราวกับวิญญาณที่กำลังหลุดลอยไปจากโลกนี้“คุณหลีหนิง!” เสียงของเจิ้งอี้หลงดังขึ้นด้วยความตกใจ พระองค์รีบพุ่งเข้ามาประคองร่างของนางไว้ในอ้อมพระกร พระพักตร์ซีดเผือด น้ำพระเนตรเอ่อคลอ “คุณหลีหนิง! ลืมตาขึ้นมา! อย่าทิ้งข้าไปแบบนี้!”ดวงตาของเฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างยากลำบาก เปลือกตาที่หนักอึ้งเผยให้เห็นดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความอ่อนล้าและเศร้าสร้อย ริมฝีปากซีดเผือดสั่นระริก “อี้หลง... ข้า... ข้าเหนื่อยเหลือเกิน...”“ไม่เป็นไร ข้าอยู่ตรงนี้” เจิ้งอี้หลงพูดด้วยน้ำเสียงสั่น มือหนาลูบใบหน้าซีดขาวของนางอย่างอ่อนโยน ราวกับพยายามปลอบประโลมความเจ็บปวดของนาง “เจ้าอย่าพูดแบบนี้ เจ้าจะไม่เป็นอะไร ข้าสัญญา...”เฟิงหย่าเสวี่ยพยายามยกมือที่อ่อนแรงขึ้นแตะใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของเจิ่งอี้หลง มือที่เย็นเฉียบสั่นระริกจนเจิ้งอี้หลงรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง “ข้า... ใช้พลังทั้งหมดแล้ว... ทุกหยด... ตอนนี้ข้ารู้สึกเหมือน... เหมือนวิญญาณกำลังหลุดลอย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status