บทที่ 8 ข้าพบดงโสมเจ้าค่ะ…ท่านแม่!!!
เสียงจากข้างหลังทำให้นางหันกลับไปมอง เป็นป้าจวงที่ตามมาหานาง สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความตกใจและความประหลาดใจเมื่อเห็นดงโสมและเห็ดหลินจือที่เพิ่งเกิดขึ้น
"คะ…คุณหนู คือ..คือ..เออ ท่านทำทั้งหมดนี้หรือเจ้าคะ?"
ถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อสายตา ป้าจวงถึงจะเป็นคนจิตแข็งขนาดไหนเมื่อเห็นกับตาว่าคุณหนู่ของนางอยู่ก็วาดๆ อะไรสักอย่างและเมื่อนางสะบัดแปรงเบาๆ ก็ทำให้มีเส้นแสงสีเงินสีทองวูบวาบเต็มไปหมดไม่ถึง5 อึดใจต้นโสมที่เป็นของหายากอันดับหนึ่งของป่าต่างก็รีบผุดขึ้นมาจากดินราวกับว่าหากขึ้นช้าแล้วจะไม่ทันหัวอื่นๆ อย่างไรอย่างนั้นนางก็ตกใจทีเดียว
เจียงหย่าเสวี่ยนั้นแต่แรกก็ไม่ได้คิดจะปิดบังครอบครัวแต่เพราะว่ายังไม่ถึงเวลาจึงไม่ได้บอกไป แต่เมื่อป้าจวงที่เป็นคนที่ภักดีที่สุดของท่านแม่มาเห็นเช่นนี้ นางก็ได้แต่ปล่อยให้ได้เห็น
“ป้าจวงเร็วเข้ารีบมาขุดโสมเหล่านี้เร็ว ด้านนั้นยังมีเห็ดหลินจือด้วยเจ้าค่ะ ดอกใหญ่ๆ ทั้งนั้น อย่างเพิ่งนิ่ง เดี๋ยวกลับไปข้าจะอธิบายให้ฟังเจ้าค่ะ”
เจียงหย่าเสวี่ยไม่อยากจะเสียเวลาเพราะหากอยู่ที่นี่นางไม่แน่ว่าท่านแม่อาจจะส่งใครมาตามพวกนางอีก ป้าจวงนั้นนิ่งอึ้งอยู่ครู่เดี๋ยวก็ได้สติ นางพุ่งไปหากิ่งไม้ขนาดพอดีมือเพื่อที่จะนำมาขุด เมื่อเจียงหย่าเสวี่ยเห็นเช่นนั้นนางคิดว่าหากใช้ไม่ขุดรากโสมอาจจะเสียหายเสียราคาแน่นอน ต้องทราบว่ารากทุกเส้นของโสมนั้นมีค่ามีราคาหากว่าขาดไปสักเส้นโสมต้นนั้นก็จะราคาจะตกทันที นางคิดได้เช่นนั้นก็หันกลับมาที่พู่กันและกระดาษแผ่นเล็กที่เหลือพื้นที่ไม่มากแล้ว หากว่าไปถึงเมืองต่อไปนางจึงจะสามารถไปหาซื้อกระดาษมาได้อีก ดังนั้นมีน้อยก็วาดเล็กๆ เอา จากนั้นก็วาดเสียมออกมา 1อัน มีดด้านเล็ก 1 อัน และยังวาดตะกร้าไม้ไผ่สะพายหลังขนาดใหญ่ออกมาอีก1อันและอันเล็กอีก2 อัน นอกจากวาดตะกร้าขึ้นมาแล้วนั้นนางยังเพิ่มออฟชั่นให้อีกเล็กน้อยนั้นคือ ทำให้เป็นตะกร้ามิตินั้นเองโดยให้มีพื้นที่ขนาด 3 จั้งพอเอาไว้ใส่โสมเหล่านี้
ความคิดเรื่องการสร้างตะกร้ามิตินี่มาจากเจ้าชิงหลงนั้นเอง เพราะว่าเจี่ยงหย่าเสวี่ยนั้นกังวลว่าหากว่าจะขนโสมและเห็ดหลินจือกลับไปมากมายขนาดนั้นนี้ ทั้งคนขับรถม้าทั้งคนคุ้มกันต้องเห็นแน่นอน แล้วก็นะ…ใจคน ตอนแรกหากว่าไม่เห็นของมีค่าก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อเห็นแล้วใครจะรู้ว่าอาจจะมีความโลภขึ้นมา และเมื่อมีความโลภแล้วอะไรก็สามารถทำได้อยู่แล้ว พวกนางยิ่งมีแต่ผู้หญิงอยู่ด้วย แม้ว่าอาหานจะเป็นผู้ชายแต่ว่าเขาคงไม่อาจจะสู้พวกนั้นได้หรอกหากว่าเกิดอะไรขึ้น จะเป็นการนำภัยมาสู้ครอบครัวเสียมากกว่า ดังนั้นเจ้าชิงหลงจึงได้บอกว่า ให้สร้างตะกร้าที่มีพื้นที่มิติเสียเลย ซึ่งเมื่อได้ยินนั้นเจียงหย่าเสวี่ยยิ่งกว่าดีใจ เพราะการมีมิติคือที่สุดของการทะลุมิติแล้ว ไม่ว่าจะทะลุไปไหนขอให้มีมิติเถอะ ปลอดภัยหายห่วงแน่นอน นางรู้ นางอ่านมาเยอะ…
เมื่อป้าจวงที่ได้เห็นการวาดและไม่นานเสียมและตะกร้าออกมา จะจะ แบบนี้นางก็ชะงักไปอีกครั้งการจากนั้นก็กระแอมกระไอให้ลำคอโล่งเพื่อหาเสียงของตัวเองเล็กน้อย
“เออ…เออ..เจ้าคะคุณหนูเล็ก บ่าวจะรีบขุดเดี๋ยวนี้ คุณชายไปดูต้นทางเอาไว้นะเจ้าคะ”
ป้าจวงนั้นสมกับที่เกิดมานาน รู้เล่ห์สนกลในของมนุษย์เป็นอย่างดี นางคว้าเสียมและลงมือทันที เอาอย่างที่คุณหนูเล็กบอกเดี๋ยวค่อยไปคุยกันตอนนี้จัดการเก็บโสมและเห็ดหลินจือก่อนดีกว่า
“เจ้าเล็ก!! เจ้าเล็ก!! เจี๋ยเออร์!!" เงียบ...เพราะว่าเจียงหยวนเจี๋ยนั้นยังช็อกอยู่เพราะเขาอยู่ใกล้และได้เห็นความมหัศจรรย์กับตาถึงสองครั้งสองคราจะไม่ให้เขาช็อกได้อย่างไร ความลับของพี่ใหญ่ที่จะให้เขาเก็บนั้นมันยิ่งใหญ่กว่าความลับของป้าจวงอีก!!!
“เจ้าเสี่ยวลิ้ว!!!” ที่นี้เสียงของนางดังขึ้นกว่าเดิมแถมยังเรียกชื่อ นิ้วน้อยของเขาเสียอีก (เสี่ยวลิ้วแปลว่า หกน้อย)
“ขะ..ขอรับพี่ใหญ่ ขอรับ” เจียงหยวนเจี๋ยสะดุ้งอย่างแรงเมื่อได้ยินเสียงที่ดังกว่าเดิมของพี่สาว
“เจ้าไปเฝ้าอยู่ตรงนั้นนะหากว่าเห็นคนเดินมาเจ้าก็พูดเสียงดังๆ เข้าใจหรือไม่ ไป ไปดูต้นทางเดี๋ยวพี่ใหญ่กับป้าจวงจะรีบเก็บโสมกับเห็ดหลินจือพวกนี้เอง”
นางแบ่งงานอย่างรวดเร็วเมื่อเจ้าเสี่ยวลิ้ว….เจ้าเสี่ยวเจี๋ยที่ได้รับมอบหมายก็พยักหน้าแรงๆ และวิ่งไปยืนใต้ต้นไม้ที่อยู่ไกลออกไปเล็กน้อยตาก็มองไปด้านหลังและมองกลับไปมาตลอด เพราะเขาก็อยากจะดูการเก็บโสมเหมือนกัน เขานั้นเคยได้ยินและได้อ่านจากมาจากหนังสือที่ท่านอาจารย์สอนแต่ไม่เคยเห็นต้นโสมที่เกิดจากป่าจริงๆ ครั้งนี้คุ้มเสียจริงที่พี่ใหญ่วาดออกมาและทำให้เขาสมหวัง ตอนนี้เขามองพี่สาวด้วยดวงตาเป็นประกายทีเดียว พี่ใหญ่บอกว่าจะเอาเจ้าเสี่ยวลิ้วออกไป…นางต้องทำได้แน่นอน จากนั้นเขาก็ยกมือข้างที่มีหกนิ้วนั้นขึ้นมามอง พลางคิดว่า…เราคงต้องจากกันเร็วๆ นี้แล้ว เสี่ยวลิ้ว….
เมื่อจัดการให้น้องชายไปดูต้นทางแล้วนางก็รีบเดินไปที่ใต้ต้นไม้ที่มีขอนไม้ใหญ่ที่ด้านข้างนั้นเติมไปด้วยเห็ดหลินจือ นางค่อยๆ ใช้มีดที่วาดออกมานั้นตัดออกมาทีละดอก ไม่ให้เสียหายเลย เมื่อป้าจวงเห็นคุณหนูจัดการเก็บเห็ดลินจือ นางก็ยิ่งเร่งขุดโสมให้เร็วขึ้น …ก็อย่างที่เสี่ยวลิ้วบอก ป้าจวงนั้นเป็นคนมีพลังยุทธนางขุดโดยใช้พลังเข้าไปด้วยทำให้การขุดนั้นทำได้อย่างรวดเร็ว ไม่นานโสมทั้ง 20 หัวที่มีขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน เพราะหัวเล็กที่สุดนั้นเจี่ยงหย่าเสวี่ยทำขึ้นมาให้อายุ 100 ปี หัวใหญ่สุดมีอายุ 1000 ปี 5 หัวที่มีรูปร่างเป็นเหมือนคนแล้ว
ทั้งสองเก็บอยู่เกือบครึ่งเคอก็สามารถเก็บโสมและเห็ดหลินจือหมด ป้าจวงนั้นเพราะว่าออกมาขุดดินเสื้อผ้าจึงดูมอมแมมเล็กน้อย ส่วนเจียงหย่าเสวี่ยนั้นยังคงสวยสะอาดเช่นเดิมเพราะนางเก็บเห็ดอย่างเดียว และก่อนที่เจียงหย่าเสวี่ยจะนำตะกร้าขนาดใหญ่มาให้ป้าจวงนางบอกว่าให้ป้าจวงใช้เลือดของตัวเองเล็กน้อยแตะที่ตะกร้า …ใช่แล้วของที่มีมิติทุกชนิดจำเป็นจะต้องใช้เลือดในการที่จะทำให้จดจำ ป้าจวงนั้นไม่ตั้งคำถามใดๆ เพียงแค่ทำตามเท่านั้นเริ่มนำโสมใส่เข้าไปในตะกร้าตอนแรกนางก็ยังกังวลเพราะว่ากลัวตะกร้าใส่จะไม่พอและทำให้รากโสมเสียหายแต่เมื่อวางลงไปโสมเหล่านั้นกลับหายวับไปกับตานางตกใจมาก แต่เมื่อได้ยินเสียงใสของคุณหนูเล็กพูดเบาๆ ข้างหูว่า …ออกมา!!! ไม่ถึงหนึ่งอึดใจโสมหัวนั้นก็ปรากฎที่ก้นตะกร้าทันที ป้าจวงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาคุณหนูเล็กของนางอีกครั้ง เจียงหย่าเสวี่ยจ้องตากลับและพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับยิ้มที่มุมปากและมียักคิ้วให้นางเบาๆ 2 ครั้ง
…ป้าจวง…เรื่องมหัศจรรย์จะหมดกี่โมง!!!!!!
นางช็อกแล้วช็อกอีก ตอนแรกคุณหนูเล็กสามารถวาดโสมเห็ดหลินจือออกมาให้มีชีวิต ตอนนี้ถึงขนาดสร้างตะกร้าที่มีมิติได้อีกหรือคุณหนูของบ่าว!!!!
นางเป็นชาวยุทธมาก่อนที่จะมาอยู่กับท่านแม่ของเจียงซิ่วเหยาและถูกส่งมาอยู่กับคุณหนูเจียงซิ่วเหยาตอนที่แต่งออกมา ทำให้นางนั้นเคยพบเห็นสิ่งของและวัตถุที่มีมิติอยู่บ้าง แต่ว่าของเหล่านี้นั้นหากว่าไม่รวย และเทพจริงก็ยากมากที่จะได้เป็นเจ้าของ นี่คุณหนูของนางถึงขนาดใช้ตะกร้าไม้ไผ่ก็สามารถสร้างขึ้นมาได้แล้ว ป้าจวงนั้นมองคุณหนูเล็กด้วยความคิด..เบิดคำสิเว้าจริงๆ ….
“พวกเรามานานขนาดนี้แล้วไม่มีอะไรติดไม้ติดมือกลับอาจจะเป็นที่สงสัยได้งั้นเอาไก่กลับไปย่างสัก 2-3 ตัวก็แล้วกันนะเจ้าค่ะป้าจวง”
เจียงหย่าเสวี่ยหันกลับไปปรึกษาป้าจวงที่ตอนนี้จัดการกับดงโสมเรียบร้อยแล้ว นางพยักหน้าเห็นด้วยอีกครั้ง และไม่ถึงอึดใจไก่ป่าตัวอ้วน 3 ตัวก็ปรากฎและมันก็ยืนนิ่งให้ป้าจวงเดินไปจับใส่ตะกร้าและขณะที่กำลังมัดตะกร้านั้นเสียงของเจ้าเสี่ยวลิ้วที่ดูต้นทางก็ดังขึ้นมา
"พี่ใหญ่ข้าฉี่เสร็จแล้ว พี่ใหญ่ พี่ใหญ่!!!" สัญญาณมาแล้วเป็นอันเข้าใจกันว่ามีคนมาตามจริงๆ เมื่อทั้งสองเดินออกมาบริเวณที่เจียงหยวนเจี๋ยยืนส่งสัญญาณอยู่ก็เห็นว่าคนที่มาตามคืออาหานนั้นเอง เมื่อเขาเห็นว่าป้าจวงกำลังถือไก่ออกมาเขารับวิ่งมารับทันที
" ป้าจวงท่านจับไก่ได้หรือขอรับ มามา ข้าจะถือเองมิน่าเล่าว่าทำไมถึงได้ออกมานาน นี่คุณหนูให้ข้ามาตามขอรับ"
ป้าจวงพยักหน้าพลางส่งไก่ให้อาหาน ส่งเจียงหย่าเสวี่ยนั้นยกนิ้วโป่งให้เจ้าน้องชายเป็นการบอกว่าเขายอดเยี่ยมมากที่ส่งสัญญาณมาทันเวลาพอดี เจียงหยวนเจี๋ยนั้นยิ้มปากกว้างทีเดียว เห็นไหมเล่าพาเขามาด้วยมีประโยชน์มากทีเดียว
“ท่านแม่ให้มาตามหรือเจ้าค่ะ พี่อาหาน” นางเอ่ยถาม
“ใช่แล้วขอรับคุณหนูเล็กตอนนี้อาหารเสร็จแล้วคุณหนูใหญ่ก็เลยบ่าวมาตามขอรับ”
เจียงหย่าเสวี่ยยิ้มอย่างอบอุ่นและพูดขึ้น
"ไปกันเถอะ เดี๋ยวท่านแม่จะรอนาน" นางเดินมาพร้อมกับตะกร้าใบเล็ก 2 ใบ จากนั้นก็ให้น้องชายสะพาย 1 อัน ซึ่งเขานั้นพออกพอใจมาก
ทั้งสองเริ่มเดินออกจากป่า ขณะที่เดินออกมาจากป่า หากว่าพวกเขาหันกลับไปมองบริเวณที่เคยเต็มไปด้วยโสมและเห็ดหลินจือเมื่อครู่นั้นเริ่มเปลี่ยนแปลง แสงสีทองและฟ้าจาง ๆ หมุนวนรอบพื้นดิน และในชั่วพริบตา โสมและเห็ดที่งอกขึ้นมานั้นค่อย ๆ หายลับเข้าไปในดิน เหลือเพียงแค่พื้นป่าที่กลับมาเป็นเช่นเดิม ราวกับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่เป็นเพียงภาพมายาที่ไม่เคยมีอยู่จริง….
เมื่อกลับมาถึงที่พักนางก็รีบเดินมาหาท่านแม่ของนางทันทีจากนั้นก็กระซิบเบาๆ ข้างหูของท่านแม่ว่า
“ข้าพบดงโสมเจ้าค่ะ…ท่านแม่!!!”
****ได้โสมกับเห็ดหลินจือเต็มตะกร้าเลย ต่อไปไม่ต้องกลัวลำบากแล้ว****
ตอนพิเศษ 3 บทส่งท้ายแห่งความสุข EP 2 NC...“…อา อื๊อ อี้หลง”เจิ้งอี้หลงใช้ความจัดเจนดูดดุนปลายลิ้นกับทรวงอกอวบสวยทำให้นางแอ่นหน้าอกขึ้นมาด้วยเสียวซ่าน ขณะที่มืออีกข้างก็เขี่ยคลึงเล่นไปที่ปลายถันที่ยังว่างอยู่จนยอดแข็งชันสู้มือหญิงสาวส่ายร่างบิดไปมาบนที่นอนด้วยด้วยความกระสันซ่าน อารมณ์ปรารถนาของนางถูกปลุกเร้าจนตื่นเพริศ เนื้อตัวเร่าร้อนไปหมดนางปรารถนาเขาจริงๆ ส่วนเจิ้งอี้หลงนั้น เมื่อหญิงสาวตอบสนองและไม่หวงเนื้อหวงตัว เขาจึงจัดเต็มตามอารมณ์ที่เก็บกดไว้ ริมฝีปากของเขาหยอกเย้าดูดดุนอยู่ที่ปลายถัน ส่วนมือก็บีบเค้นปทุมถันอวบใหญ่แรงขึ้นจนผิวขาวๆ เริ่มเป็นจ้ำสีแดงตามรอยมือและปาก จนเมื่อเขาละริมฝีปากจากปลายถันก็เล็มไล้ไต่ลงมาที่เนินหน้าท้อง แล้วซุกไซ้จมูกและปากอยู่ที่สะดือสวย ก่อนจะใช้นิ้วเลื่อนลูบไปที่เนินเนื้อโหนกนูนที่บิดส่ายอยู่ใต้ร่างเขา“อ๊า…อี้หลงค่ะ ฉัน..”หญิงสาวสะดุ้งเฮือกขึ้นมา แล้วจับข้อมือชายหนุ่มไว้ เจิ้งอี้หลงยกยิ้มที่มุมปากและค่อยดึงมือของเขาออก และยกมือของนางมาจูบและรวบดูดปลายนิ้วเล็กเรียวแสนสวยนั้นเสียเลย เฟิงหย่าเสวี่ยตัวอ่อนระรวย ไม่มีแรงที่จะห้ามปรามเขาเสียแล้ว… (เฮ้อช่าง
ตอนพิเศษ3 บทส่งท้ายแห่งความสุข ep 1ค่ำคืนอันสดใสในฤดูใบไม้ผลิ ท้องฟ้ายามราตรีเหนือพระราชวังต้าหมิงสว่างไสวไปด้วยแสงประกายของดอกไม้ไฟที่พุ่งขึ้นสูง สาดส่องท้องฟ้าด้วยสีสันอันตระการตา เสียงเพลงบรรเลงจากเครื่องดนตรีพื้นบ้านผสมผสานกับเสียงปรบมือและเสียงหัวเราะของเหล่าประชาชนที่มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความปลื้มปีติภายในพระราชวังงานเฉลิมฉลองครบรอบ 5 ปีแห่งการครองราชย์ของฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงกำลังดำเนินไปอย่างยิ่งใหญ่ ท้องพระโรงอันวิจิตรตระการตาประดับประดาไปด้วยโคมไฟหลากสี เสนาอำมาตย์และขุนนางจากทั้งแคว้นต้าหมิงและแคว้นต้าโจวต่างมาชุมนุมกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมแสดงความยินดีและสรรเสริญความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของสองแคว้นฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงประทับบนบัลลังก์แกะสลักมังกร พระพักตร์เปี่ยมด้วยความสุขและความภาคภูมิใจ ขณะที่เฟิงฮองเฮา หรือเฟิงหย่าเสวี่ยนั่งเคียงข้างพระสวามี สวมอาภรณ์สีเหลือทองประดับประดาอย่างงดงามสมเกียรติสะท้อนความงดงามหยดย้อยของนางอย่างชัดเจน แววตาของนางแสดงถึงความมุ่งมั่นและความรักและความเมตตาที่มีต่อแผ่นดินและประชาชน"กระหม่อมขอกราบบังคมทูล" เสนาบดีอาวุ
ตอนพิเศษ 2 สองสุดยอดแพทย์แห่งยุคภายในห้องผ่าตัดขนาดกลางที่ถูกดัดแปลงอย่างพิถีพิถัน แสงจากโคมไฟหลากดวงส่องรวมตรงกลาง เผยให้เห็นเตียงผ่าตัดที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ บนเตียงมีชายชราผู้สูญเสียขาจากสงครามนอนหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาชา รอบข้างเต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ดูแปลกตาสำหรับแพทย์จำนวนไม่น้อยในยุคนี้วันนี้ถือเป็นวาระสำคัญที่หลายคนต่างพูดถึง เพราะจะมีการผ่าตัดเพื่อใส่ขาเทียมให้กับผู้ป่วยที่ขาพิการโดยผู้นำการผ่าตัดคือนายท่านเฟิงหยวนเจี๋ย คุณชายหมอเทวดาซึ่งกำลังมีชื่อเสียงขจรขจาย และถือเป็นคุณชายเนื้อหอมมากๆ ผู้หนึ่งของแคว้นต้าหมิง และอีกผู้ยิ่งใหญ่อีกผู้หนึ่งก็คือฮองเฮาเฟิงหย่าเสวี่ย ซึ่งแม้ร่างกายเพิ่งฟื้นตัวได้ไม่นาน แต่ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร และการผ่าตัดในครั้งนี้ก็เป็นการที่นางต้องการที่จะทำด้วย และวาระสำคัญเช่นนี้ฮ่องเต้ของทั้งสองแคว้นนั้นไม่รอช้าที่จะส่งนายแพทย์มาเพื่อศึกษาดูงาน ซึ่งฮองเฮาเฟิงนั้นก็ยินดีที่จะให้พวกเขาได้เรียนรู้ในการผ่าตัดครั้งนี้ด้วยเหล่าแพทย์ของจากทั้งสองแคว้นคือแคว้นต้าโจวและต้าหมิงรวมตัวกันอยู่รอบ ๆ ทางด้านหลังเพื่อศึกษาขั้นตอนในก
ตอนพิเศษ ครอบครัวสุขสันต์หลังจากที่เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นคืนสติ ข่าวดีนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วตอนนี้ทั้งประชาชนแคว้นอวี้ไห่และประชาชนแคว้นต้าหมิงต่างก็ความสุขที่ได้รับรู้ว่าเฟิงฮองเฮานั้นได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เมืองอวี้ไห่ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ดอกเหมยท้อบานสะพรั่งทั้งสวนส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ภายในสวนที่จัดแต่งเอาไว้อย่างงดงามนั้นมีเสียงหัวเราะและบทบทสนทนาของคนในครอบครัวเฟิงที่นั่งล้อมวงคุยกันอยู่ เฟิงหย่าเสวี่ยหลังจากฟื้นก็ได้รับการดูแลอย่างดีทั้งจากอาจารย์ของนาง ท่านป้าจวงและเฟิงหยวนเจี๋ยที่มักจะนำยาบำรุงชั้นเลิศที่เขาคิดค้นขึ้นมาสำหรับนางโดยเฉพาะมาให้ดื่มเสมอ ทำให้ร่างก่ายของนางนั้นแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว สมกับที่นางนั้นได้ตกอยู่ในมือของเหล่าหมอเทวดาจริงๆ"ท่านแม่" เฟิงหย่าเสวี่ยเอ่ยเรียกเฟิงซิ่งเหยาที่กำลังนั่งปักรองเท้าอยู่ในสวนดอกไม้ "ท่านแม่ดูอิ่มเอิบขึ้นมากเลยนะเจ้าคะ" เฟิงซิ่งเหยายิ้มอายๆ ขณะที่มือลูบท้องน้อยที่เริ่มนูนขึ้น"เสด็จพ่อของเจ้านี่สิ... ตั้งแต่รู้ว่าข้าตั้งครรภ์บุตรคนนี้ก็เอาแต่แพ้ท้องแทนข้า กินไม่ได้นอนไม่หลับวิงเวียนอยู่ตลอดเ
บทที่ 163 จนกว่าจะพบกัน.. (จบบริบูรณ์)แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างโรงพยาบาลในยุคปัจจุบัน เฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวากลับสับสนเล็กน้อย ราวกับจิตวิญญาณของนางยังคงล่องลอย เธอมองเพดานสีขาวสะอาดและพยายามดึงความทรงจำที่กระจัดกระจายกลับคืนมาเธอถูกพาออกจากโลกแห่งยุคโบราณและกลับมายังยุคปัจจุบัน ร่างกายของนางอ่อนแอแต่หัวใจของนางเต็มไปด้วยความทรงจำอันเจ็บปวด นางนึกถึงผู้คนที่นางได้ช่วยเหลือและเสียสละเพื่อพวกเขา นึกถึงท่านแม่และเจ้าเล็กหากว่าพวกเขารู้ข่าวจะเป็นอย่างไรนะ…คงจะเศร้าเสียใจอย่างแน่นอน..ไหนจะป้าจวงที่จะต้องรู้สึกผิดที่ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือนางได้ จากนั้นน้ำตาไหลของนางก็ออกมาเงียบๆ ขณะที่นางพึมพำชื่อคนที่คุ้นเคยจากโลกอีกใบหลังจากนั้น เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นตัวและกลับไปดำเนินชีวิตในฐานะจิตรกร นางใช้ศิลปะในการแสดงความรู้สึกและความทรงจำจากอดีต ทุกภาพที่นางวาดล้วนเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการเสียสละและความหวัง นางกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียง ผู้คนต่างหลงใหลในผลงานของนางโดยไม่รู้ว่านั่นคือเศษเสี้ยวของชีวิตที่นางเคยผ่านพ้นมา แต่ทว่าพู่กันชิงหลงที่เธอใช
บทที่ 162 พี่ใหญ่...ท่านผิดสัญญาเช่นนั้นหรือ?“จบแล้ว...” เฟิงหย่าเสวี่ยพึมพำ เสียงแผ่วบางราวกับสายลมที่พัดผ่านใบไม้ร่วง ร่างบางของนางค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นอย่างช้าๆ ราวกับวิญญาณที่กำลังหลุดลอยไปจากโลกนี้“คุณหลีหนิง!” เสียงของเจิ้งอี้หลงดังขึ้นด้วยความตกใจ พระองค์รีบพุ่งเข้ามาประคองร่างของนางไว้ในอ้อมพระกร พระพักตร์ซีดเผือด น้ำพระเนตรเอ่อคลอ “คุณหลีหนิง! ลืมตาขึ้นมา! อย่าทิ้งข้าไปแบบนี้!”ดวงตาของเฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างยากลำบาก เปลือกตาที่หนักอึ้งเผยให้เห็นดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความอ่อนล้าและเศร้าสร้อย ริมฝีปากซีดเผือดสั่นระริก “อี้หลง... ข้า... ข้าเหนื่อยเหลือเกิน...”“ไม่เป็นไร ข้าอยู่ตรงนี้” เจิ้งอี้หลงพูดด้วยน้ำเสียงสั่น มือหนาลูบใบหน้าซีดขาวของนางอย่างอ่อนโยน ราวกับพยายามปลอบประโลมความเจ็บปวดของนาง “เจ้าอย่าพูดแบบนี้ เจ้าจะไม่เป็นอะไร ข้าสัญญา...”เฟิงหย่าเสวี่ยพยายามยกมือที่อ่อนแรงขึ้นแตะใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของเจิ่งอี้หลง มือที่เย็นเฉียบสั่นระริกจนเจิ้งอี้หลงรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง “ข้า... ใช้พลังทั้งหมดแล้ว... ทุกหยด... ตอนนี้ข้ารู้สึกเหมือน... เหมือนวิญญาณกำลังหลุดลอย