เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังใกล้เข้ามาหน้ากระโจม ก่อนที่ม่านผ้าจะถูกรั้งเปิดออกเผยให้เห็นร่างบางในชุดผ้าหยาบของเชลยศึก สาวใช้หน้าหวานที่ทั้งเหนื่อย ทั้งตื่นเต้นปะปนกัน
"คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ"
จ้าวอินหลัวที่เพิ่งโวยวายเรื่องห้องน้ำอยู่เมื่อครู่ ถึงกับนิ่งไปสองวินาที ก่อนจะเบิกตาโตจนแทบหลุดจากเบ้า
"อวิ๋นเอ๋อร์หรือ"
"เจ้าคะ ข้าเอง" อวิ๋นเอ๋อร์รีบเข้ามาทรุดตัวลงข้างแคร่ไม้ไผ่
"ในที่สุดก็ได้พบคุณหนูอีกครั้ง...ข้าเป็นห่วงท่านจนแทบบ้า เชลยพวกนั้นบอกข้าว่านายหญิงถูกท่านอ๋องโหดให้นำตัวท่านมา"
อินหลัวจ้องตานางอย่างไม่อยากเชื่อ แล้วก็พูดขึ้นเสียงใส
"เจ้าตัวเล็กเหมือนเดิมเลยอะ ฮ่า ข้ายังนึกว่าเจ้าจะโตขึ้นมามั่งแล้ว"แกล้งโมเมไปก่อน
อวิ๋นเอ๋อร์ชะงักเล็กน้อย กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหัวเราะแห้งๆ
"คุณหนู...เอ่อ ข้าไม่แน่ใจว่า...ท่านยังจำข้าได้ดีหรือไม่..."
"แน่นอนสิ" อินหลัวว่าพลางพยายามลุกนั่งให้ถนัด
"ข้าแค่... เอ่อ อาจจะความจำเลือนๆ ไปนิดนึงเถอะ เพราะ...ก็รู้ๆ อยู่ว่าข้าถูกจับมานี่นา ฮะฮ่า"
"นั่นสินะเจ้าคะ..." อวิ๋นเอ๋อร์พยักหน้า แต่สีหน้าเริ่มฉงนมากขึ้นเรื่อยๆ
"ท่าน...เคยเป็นคนที่เรียบร้อย ไม่พูดเสียงดัง ไม่เคยโวยวายอะไรเลย…" นางเริ่มพูดเบาๆ คล้ายกลัวจะล่วงเกิน
"ตอนอยู่ที่จวนอ๋องเหนือ ท่านเคยเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของแดนเหนือนะเจ้าคะ ขนาดท่านอ๋องเหล่ย…ยังหลงใหลท่านนักเพราะนายหญิงมีกิริยางดงามที่สุด..."
อินหลัวทำหน้าเหลอหลา แล้วเผลอหัวเราะเสียงดัง
"จริงเหรอ โอ้โห ข้าฟังแล้วแทบสำลักน้ำลายตัวเอง"
"คุณหนู" อวิ๋นเอ๋อร์อ้าปากหวอ
"ไม่ๆ ข้าเชื่อข้าเคยงดงาม เรียบร้อย อ่อนหวาน...แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ ข้าโดนขัง โดนกรอกยา ข้าเจ็บนะ จะให้ข้าอ่อนหวานต่อกระเพาะปัสสาวะตัวเองก็ไม่ไหวล่ะ"
อวิ๋นเอ๋อร์ยิ่งฟัง ยิ่งทำหน้างงๆ แต่ก็พยักหน้าช้าๆ พลางคิดในใจ คุณหนูของข้า...ช่างเปลี่ยนไปเหลือเกิน...หรือสมองของนายหญิงจะกระทบกระเทือนจริงๆ
นางเหลือบมองใบหน้าอินหลัวที่ซีดเซียวแต่ตาเป็นประกาย แล้วถอนหายใจเบาๆ ...ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปแค่ไหน อย่างน้อย...ท่านก็ยังมีชีวิตอยู่
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ต่อให้คุณหนูจะพูดเสียงดัง จะขำจนท้องคัดท้องแข็ง…ข้าก็จะอยู่ข้างท่านเสมอ เราเหลือกันแค่นี้แล้วเจ้าค่ะ"
ภายในกระโจมผืนผ้าสีเทาอ่อน อากาศยามเช้าตรู่ยังเย็นชื้น ขณะที่จ้าวอินหลัวนอนพิงหมอนฟาง ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเก่า พลางมองอวิ๋นเอ๋อร์ที่คอยจัดข้าวจัดน้ำให้เงียบๆ ด้วยแววตานิ่งนาน
"อวิ๋นเอ๋อร์..."
"เจ้าคะ" อวิ๋นเอ๋อร์เงยหน้าทันที
"ข้าคิดว่า...ข้าอาจจะจำอะไรไม่ได้บางอย่าง...เกี่ยวกับชีวิตก่อนถูกจับมา...ที่นี่" อินหลัวว่าเบาๆ สายตาหลุบต่ำลง
"ความจำของข้ามันเหมือนหมอก...คลุมไปหมดเลย ข้าจำได้แค่แบบกระโดดๆ และบางครั้งมันก็เจ็บในอกเหมือนข้าลืมเรื่องอะไรที่สำคัญไป"
อวิ๋นเอ๋อร์ชะงักมือ แล้วนั่งลงข้างแคร่ด้วยความอ่อนโยน
"โธ่คุณหนูของข้า...ข้าคิดว่าท่านอาจจะเจอเรื่องที่สะเทือนใจเกินไปก็จริงนะท่านอ๋องที่เป็นสวามีก็ถูกฆ่าตายตัวนายหญิงก็ถูกจับมาเป็นเชลย โดยอ๋องที่ได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมที่สุดในใต้หล้า นายหญิงที่น่าสงสารของอวิ๋นเอ่อร์ถึงได้เลือก...ลืมมันไปเอง ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ"
อินหลัวนิ่งฟัง สีหน้าค่อยๆ ว่างเปล่าอวิ๋นเอ๋อร์พูดต่อเสียงเบาอย่างเจ็บปวดไม่จบแค่นั้นมีสตอรี่ต่อไปเรื่อยๆ อวิ๋นเอ่อร์คงติดลมแหละ
"ชีวิตท่านมันช่างโหดร้ายเหลือเกิน...ถูกบังคับให้แต่งกับอ๋องเหล่ย ทั้งที่ขุนนางผู้ดีทั้งเมืองต่างหมายปองท่าน พออยู่ด้วยกันได้ไม่นานก็มีแต่ความร้าวฉาน แล้ววันหนึ่งท่านอ๋องเหล่ยก็ก่อเรื่องใหญ่…ทำให้ท่านต้องกลายเป็นตัวประกัน..."
"สามีก็ตาย ท่านยังถูกจับมาเป็นเชลยอีก...และ...และยังถูกอ๋องโหดนั่น..."
"ทำอะไร" อินหลัวถามอย่างระแวงๆ
"ก็จับมาโยนเข้ากรง ขังในทุ่ง พาเข้าแคมป์ ไม่ให้ฉี่ จับกรอกยา..." อวิ๋นเอ๋อร์เริ่มนับนิ้ว
"เอ่อ...คือ ข้าจำตรงนั้นได้หมดล่ะไม่ต้องเล่า" อินหลัวเบรก
"แค่จำไม่ได้ว่าข้าสวยเรียบร้อยมาก่อนเฉยๆ"
"ก็เพราะท่านเคยเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งไงเจ้าคะ ทุกคนเคยชมท่านว่าเหมือนหยกในวังหิมะ"
"...ตอนนี้ข้ารู้สึกเหมือนข้าวเหนียวในห่อไก่ทอด" อินหลัวเบะปากแล้วบ่นงึมงำ
อวิ๋นเอ๋อร์หัวเราะ ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูอินหลัวเสียงเบา สีหน้าตื่นๆ
"คุณหนู...ข้ามีความคิดลึกๆ อยู่นะเจ้าคะ..."
"ว่าไง"
"ข้าคิดว่าอ๋องโหดผู้นั้น...จับท่านมานี่เพื่อจะทำเมีย"
"ห๊า" อินหลัวเบิกตาโตอย่างกับจะสำลักลมหายใจ
"ใช่เจ้าค่ะ เจินหรงอ๋องน่ะแค้นท่านอ๋องเหล่ยที่ตายไป แล้วท่านก็คือภรรยาอ๋องเหล่ยไม่ใช่หรือ เขาต้องการลงโทษ แต่ก็...ไม่ฆ่า ขังไว้ ป้อนข้าว กรอกยา นั่นมันสูตรลับของพระเอกในนิยายรักข้าเลยนะเจ้าคะ"
"เฮ้ย นั่นมันพล็อตอาฆาตนะไม่ใช่นิยายรักหวานแหวว" อินหลัวโวย
"แต่เขาไม่ฆ่าท่านนะเจ้าคะ...ข้าบอกเลย ถ้าอ๋องโหดคิดจะฆ่า ป่านนี้หัวเราหลุดไปแล้ว เขาต้องจับท่านมาอยู่ด้วยเพื่อจะชำระแค้น และสุดท้ายก็กลายเป็นรัก"
อินหลัวเอาฝ่ามือทาบหน้าผากพลางครางเบาๆ
"ข้ายังไม่อยากเป็นเมียใครทั้งนั้น...ข้ายังอยากเข้าห้องน้ำให้ทันก่อนต่างหาก"
"แต่ก็ระวังไว้เถิดเจ้าค่ะ" อวิ๋นเอ๋อร์ทำเสียงลึกลับ
"เพราะหากอ๋องโหดผู้นั้นเริ่มมีใจเมื่อไร...ท่านจะหนีไปไหนไม่ได้อีกเลย"
อินหลัวสะดุ้งหันซ้ายหันขวา
"บ้า อย่าพูดลอยๆ แบบนั้นสิ"
"โอ้ย อย่าตามเลย เจ้าต้องอยู่ต่อไปเพื่อปลูกผัก มีครอบครัว มีคนรัก มีลูก มีหลาน มองโลกกว้าง ผ่านสี่ฤดู ใช้ชีวิตให้ดีแทนข้า อวิ๋นเอ่อร์ข้าลาก่อน" อินหลัวโพล่งใส่ทหารทั้งสี่ชะงักฝีเท้า ยืนอึ้ง ปากอ้าค้างไปตามๆ กัน เสี่ยวหม่าหันไปมองหลี่เจินหรงอย่างลังเล แล้วกระซิบเบาๆ"ท่านอ๋องขอรับ ข้าเปลี่ยนใจแล้ว อาจจะต้องอุดปากนางไว้จริงๆ ....ขอรับ"หลี่เจินหรงเก็บกระบี่ลงฝักด้วยท่วงท่าเยือกเย็น ทว่าแววตากลับเย็นเยียบจนใครเห็นต้องกลืนน้ำลาย เขาก้าวเข้ามาใกล้โดยไม่มีคำเตือน บีบคอจ้าวอินหลัวทันทีจนตัวนางสะดุ้งเฮือก"อ๊อก" อินหลัวรีบอ้าปากหอบหายใจ น้ำตาคลออย่างห้ามไม่อยู่ ไอออกมาเสียงแหบแห้ง"ไม่กัดแล้วนี่" เสียงอ๋องโหดกระซิบใกล้ใบหูด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่เย็นยะเยือก"ไม่...ไม่กัดแล้ว แค่กๆ ปล่อยข้าก่อน คนอะไรใจร้ายที่สุดถึงที่สุด" อินหลัวพยายามพูดเสียงแผ่วหลี่เจินหรงปล่อยมือทันทีราวกับไม่แยแส อวิ๋นเอ๋อร์รีบเข้ามารับร่างของนายหญิงอย่างร้อนรน พยุงให้ยืนทรงตัวได้อีกครั้ง อินหลัวที่ได้อากาศหายใจจากการปล่อยมือ ก็เงยหน้าขึ้นตะโกนด่าลั่นอย่างไม่เกรงใจ"ไอ้อ๋องเสิ่นเจิ้นน""เจ้าว่ายังไงนะ" เจินหรงขมวดคิ้วทั
กระโจมของแม่ทัพใหญ่ยามย่ำค่ำแสงตะเกียงน้ำมันสาดตรงใบหน้าของอ๋องหลี่เจินหรงผู้เอนกายอยู่บนเบาะหนังเสืออย่างไร้อารมณ์ ไป๋อี้เซิงก้าวเข้ามาเงียบๆ แล้วคุกเข่าประสานมือ"ท่านอ๋อง พวกเราควรเริ่มเตรียมการเดินทางกลับเมืองหลี่""อืม" เสียงรับสั้นๆ แต่เฉียบคม"และ…" ไป๋อี้เซิงชำเลืองมองไปยังทิศกระโจมเล็กด้านข้างที่ใช้กักตัวอินหลัว "พระชายาอ๋องเหล่ยผู้นั้น...ก็ต้องกลับไปพร้อมกับเรา"เจินหรงเลิกคิ้วอย่างเบื่อหน่าย "เจ้าหมายถึงหญิงที่โวยวายที่กรีดร้องเรื่องฉี่ไม่หยุดนั่นหรือ""ท่านอ๋องจ้าวอินหลัวเป็นที่รับแรงกระทบของยาปราณคู่ ไม่อาจปล่อยให้อยู่ไกลตัวท่านอ๋องได้" ไป๋อี้เซิงพูดอย่างหนักแน่น "หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน เกิดอาการพิษกำเริบ...นางจะต้องอยู่ใกล้พอจะบรรเทาอาการของท่าน เช่นกัน""จ้าวอินหลัวคนนั้นก็แค่เบี้ยบนกระดาน ข้าไม่ได้ห่วงอาการตัวเองถึงเพียงนั้น เจ็บเพียงนี้ข้าทนได้แต่ที่ให้นางแบ่งไปเพราะนางเป็นคนที่เริ่มมันและนางคือคนที่แทงข้า" เจินหรงนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงเย็น"ขออภัย ข้าน้อยในฐานะหมอประจำกองทัพของท่านอ๋องไม่อาจปล่อยให้ท่านอ๋องเสี่ยงกับพิษร้าย จ้าวอินหลัวจะต้องไปด้วย"หลี่เจิน
เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังใกล้เข้ามาหน้ากระโจม ก่อนที่ม่านผ้าจะถูกรั้งเปิดออกเผยให้เห็นร่างบางในชุดผ้าหยาบของเชลยศึก สาวใช้หน้าหวานที่ทั้งเหนื่อย ทั้งตื่นเต้นปะปนกัน"คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ"จ้าวอินหลัวที่เพิ่งโวยวายเรื่องห้องน้ำอยู่เมื่อครู่ ถึงกับนิ่งไปสองวินาที ก่อนจะเบิกตาโตจนแทบหลุดจากเบ้า"อวิ๋นเอ๋อร์หรือ""เจ้าคะ ข้าเอง" อวิ๋นเอ๋อร์รีบเข้ามาทรุดตัวลงข้างแคร่ไม้ไผ่ "ในที่สุดก็ได้พบคุณหนูอีกครั้ง...ข้าเป็นห่วงท่านจนแทบบ้า เชลยพวกนั้นบอกข้าว่านายหญิงถูกท่านอ๋องโหดให้นำตัวท่านมา"อินหลัวจ้องตานางอย่างไม่อยากเชื่อ แล้วก็พูดขึ้นเสียงใส"เจ้าตัวเล็กเหมือนเดิมเลยอะ ฮ่า ข้ายังนึกว่าเจ้าจะโตขึ้นมามั่งแล้ว"แกล้งโมเมไปก่อนอวิ๋นเอ๋อร์ชะงักเล็กน้อย กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหัวเราะแห้งๆ"คุณหนู...เอ่อ ข้าไม่แน่ใจว่า...ท่านยังจำข้าได้ดีหรือไม่...""แน่นอนสิ" อินหลัวว่าพลางพยายามลุกนั่งให้ถนัด "ข้าแค่... เอ่อ อาจจะความจำเลือนๆ ไปนิดนึงเถอะ เพราะ...ก็รู้ๆ อยู่ว่าข้าถูกจับมานี่นา ฮะฮ่า""นั่นสินะเจ้าคะ..." อวิ๋นเอ๋อร์พยักหน้า แต่สีหน้าเริ่มฉงนมากขึ้นเรื่อยๆ"ท่าน...เคยเป็นคนที่เรียบร้อย ไม่พูดเสียงดัง ไม่เ
อินหลัวหันไปมองเขาแล้วเบ้ปากนิดๆ จะต้องคี๊บคาสินะ จะว่าไปก็ดีนะไม่อยากพูดก็แค่วางท่าสง่างามเหมือนหงส์" ข้านะน่ะที่พูดเหมือนกระจกอย่างไรเล่าสะท้อนสิ่งที่พวกท่านทำกับข้า และท่านก็เพิ่งจะให้ข้ากินยาประหลาดโดยไม่ถามความยินยอม ข้ายังไม่ได้ฟ้องกรมแพทย์สภาเลยนะ แค่บ่นนี่ถือว่ายังน้อยไปกับที่ถูกกระทำ ข้าทำอะไรให้ท่านบอกแล้วว่าไม่ใช่ข้าไม่ใช่ข้าสักหน่อยที่แทงท่าน ข้าแค่มาผิดคิว ดีนะที่ข้ารอดมา ไม่งั้นข้าจะกลายเป็นศพเงียบที่สุดในประวัติศาสตร์ของการข้ามเวลาเพราะห้ามพูดนี่แหละ"พูดได้เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่ความโมโหจัดเต็มไป๋อี้เฉิงถอนหายใจยาวอีกรอบ แล้วยกมือขึ้นให้ขันทีเสี่ยวหม่าถอยห่างไปก่อน"ไม่ต้องมัดตอนนี้หรอก ขอให้ข้าดูอาการนางให้ดีก่อน เดี๋ยวนางดิ้นเชือกขาดเอา"หลี่เจินหรงไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ขยับลุกขึ้นเดินไปยืนพิงเสาไม้ไผ่ด้านข้าง สายตาเย็นชานั้นยังจับจ้องมาทางอินหลัวไม่วางตาบรรยากาศในกระโจมที่เพิ่งจะเริ่มสงบลงได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยามหลี่เจินหรงที่ยืนกอดอกพิงเสาอยู่เงียบๆ ก็เลื่อนสายตาคมกริบไปยังขันทีร่างเล็กที่ยืนก้มหน้าอยู่ริมประตู เสี่ยวหม่า หน้าตาไม่ได้ฉลาดนัก แต่ซื่อสัตย์อย่างไร้
ท่านหมอไป๋อี้เฉิงไม่ทันฟังจนจบก็รีบทรุดตัวลงข้างจ้าวอินหลัว มือเขาคลำชีพจร กดเบาๆแล้วขมวดคิ้ว"ยังเต้นอยู่...แต่แรงไม่เท่าเดิม"อี้เฉิงควักยาถุงเล็กออกมา ชงยาสีคล้ำอีกถ้วย ปล่อยให้เย็นพอดี จากนั้นจึงใช้แขนข้างหนึ่งรองศีรษะอินหลัวขึ้นพิงอก ก้มลงป้อนยาทีละนิดอย่างระมัดระวังแต่เพราะจ้าวอินหลัวยังสลบเขาจึงต้องใช้ช้อนเขี่ยริมฝีปากให้อ้าเบาๆแล้วหยอดยาเข้าไป เช็ดคราบยาตามมุมปากด้วยผ้าขาว ละเมียดละไมไม่ต่างจากคนดูแลน้องสาวที่ป่วยหนักกระบวนการกินยาของจ้าวอินหลัว ใช้เวลานานกว่าที่ควรจะเป็นนัก หลี่เจินหรงมองภาพนั้นจากบนแท่นอนและเขาไม่พูดอะไร แต่สีหน้าดู...สงบขึ้นเล็กน้อย ไม่แน่ว่าเพราะยา หรือความโกรธลดลง เมื่อยาทั้งหมดถูกกลืนลงไปแล้ว อี้เฉิงถอนหายใจเสียงยาว เหมือนปล่อยลมที่กักไว้นาน"โชคดีที่ยาปราณคู่นี้มีอีกสรรพคุณหนึ่ง..."อี้เฉิงพูดกับหลี่เจินหรง พลางเก็บเครื่องไม้เครื่องมือ"นอกจากจะแบ่งความเจ็บแล้ว...มันยังแบ่งผลของยาให้ด้วย ยาชาบรรเทาอาการบาดเจ็บของท่าน...เพราะผูกปราณกันไว้ ตอนที่นางกลืนยาเข้าไป ผลจึงส่งถึงท่านเช่นกัน""หมายความว่า..."หลี่เจินหรงขมวดคิ้วช้าๆ"หมายความว่า...ข้ากำลังเสี่ยง
"เป็นไปไม่ได้... ข้าไม่มีทางรู้ด้วยซ้ำว่ามันมีพิษ ข้านึกว่าข้าแทงท่านเฉย…สักจึก" อินหลัวเบิกตากว้าง ข้าจะรู้ได้ไงก็ข้าไม่ใช่จ้าวอินหลัว ไอ้ที่พูดไปก็เพื่อเอาตัวรอดทั้งนั้น แต่หมอนี้เหมือนจะเชื่อคนยาก จ้าวอินหลัวเอ๊ย จ้าวอินหลัว ไปทำเขาทำไมเนี้ยะ "แน่นอนว่าเจ้าไม่รู้" เขากระซิบเสียงเบาแต่หนักแน่น "เพราะสามีของเจ้า อ๋องชั่วตระกูลซ่งนั่นต่างหาก ที่เล่นไม่ซื่อ เขาอาบพิษไว้ในมีดสั้นเล่มนั้น เพื่อให้เจ้ากลายเป็นมือลอบสังหารโดยไม่รู้ตัว...และข้า... ต้องรับพิษนั้นไปทั้งร่าง"จ้าวอินหลัวพูดอะไรไม่ออก ลมหายใจสะดุด ร่างกายสั่นเล็กน้อย หลี่เจินหรงยิ้มเย็น เหยียดมุมปากอย่างผู้ควบคุมเกมทุกอย่างไว้แล้ว"เจ้าว่า เจ้าสมควรถูกลงโทษหรือไม่...เพราะเจ้าคือผู้ลงมือ เจ้าคือภรรยาของคนที่วางแผนและเจ้าจะต้องชดใช้มัน... ด้วยความทรมาน เจ็บแทนข้า…ครึ่งหนึ่ง...แต่อย่าได้ตายไป" หลี่เจินหรง กระซิบชิดใบหูอินหลัว"ข้าจะไม่มีทางให้เจ้าตายง่ายดายจะต้องอยู่ทรมานกับข้าก่อนเพื่อชดใช้สิ่งที่อ๋องชั่วสามีเจ้าและเจ้าทำกับข้า"อินหลัวใจเต้นแรงจนแทบแตกเป็นเสี่ยง หายใจไม่ทัน มือสั่น สัญชาตญาณเดียวที่สั่งนางในยามนี้คือ หนี แต่