LOGINพวกเขานั่งพักอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ข้างสระน้ำ เงาแดดช่วงบ่ายทอดผ่านใบไม้ร่วงลงมาบนพื้นดินเป็นลวดลายพร่างพราว เสียงลมพัดแผ่วเบา กลีบดอกไม้แห้งปลิวหมุนวนไปในอากาศก่อนร่วงลงข้างตัวพวกเขา
ขวัญข้าวนั่งเงียบ มือเล็กยกขึ้นปาดเหงื่อจากขมับอย่างเงอะงะ ความเหนื่อยจากการเดินดูสวนยังไม่จางหาย แต่กลับถูกแทนที่ด้วยความประหม่าทุกครั้งที่สายตาเหลือบเห็นใบหน้าคมเข้มด้านข้างของเจ้านาย ดวงตาคมดุใต้คิ้วเข้มขมวดน้อยๆ ริมฝีปากหนาที่มักมีรอยนิ่งเฉยประดับอยู่ บางทีเขาก็ดูดุดันจนน่ากลัว แต่บางครั้งกลับอบอุ่นราวกับสายลมอ่อนๆที่พัดผ่านกลางวันร้อน “มองอะไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นโดยไม่หันมามอง ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งเฮือก รีบหลุบตาลงต่ำแทบไม่ทัน “เปล่าค่ะ” “หายเหนื่อยยัง” “หายแล้วค่ะ” เสียงตอบเบาแทบไม่พ้นริมฝีปาก เธอไม่กล้าเงยหน้ามองตรงๆเพราะกลัวจะเผลอเปิดเผยความรู้สึกในใจที่เริ่มปั่นป่วน “งั้นเดินดูสวนต่อกันเถอะ” ทั้งคู่ลุกขึ้นเดินไปตามทางเดินดินที่ปกคลุมด้วยหญ้าอ่อน เสียงฝีเท้าเบาๆดังสลับกันไปมา ทว่าความเงียบระหว่างทางกลับไม่อึดอัดอย่างที่คิด ขวัญข้าวได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นดังในอก เมื่อเงาของทั้งสองทอดลงบนพื้นใกล้จนแทบซ้อนทับกัน “อ๊ะ!” เธอกำลังจะหันไปมองรอบสวน แต่จู่ๆปลายเท้าก็สะดุดเข้ากับหลุมเล็กๆที่พื้น ร่างบางเอนเซถลาจนเกือบล้มลง หัวใจของขวัญข้าวหล่นวูบด้วยความตกใจ มือใหญ่ของเจ้านายที่เดินอยู่ข้างหน้ารีบคว้าตัวเธอไว้ได้ทันอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า แต่แทนที่จะคว้าเอวตามปกติ มือเจ้ากรรมดันคว้าหมับไปที่ก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นที่อยู่สูงกว่าเอวแทน วินาทีนั้นเองที่กิตติเพิ่งรู้ว่าภายใต้เสื้อยืดขนาดใหญ่กว่าตัวที่หญิงสาวสวมใส่อยู่นั้นได้ซ่อนรูปทรงที่เย้ายวนเอาไว้อย่างแนบเนียน ขนาดหน้าอกของเธอนั้นใหญ่กว่ามือเขาด้วยซ้ำ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา กิตติประเมินได้ทันทีว่านี่น่าจะคัพซี ความรู้สึกนุ่มหยุ่นที่อยู่ในมือทำให้เขาเผลอใจลอยไปชั่วขณะ แรงบีบที่เพิ่มขึ้นจากมือใหญ่ทำให้ขวัญข้าวที่ช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ได้สติกลับคืนมา ร่างเล็กกลับมายืนทรงตัวด้วยขาตัวเองเหมือนเดิมแล้วรีบผลักคนตัวโตออกห่างทันทีด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ "ขอโทษ" กิตติเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาคมมองสำรวจใบหน้าของเธออย่างรู้สึกผิดและประหลาดใจในเวลาเดียวกัน “มะ ไม่เป็นไรค่ะ" ขวัญข้าวพยายามรวบรวมสติและทำเสียงให้เป็นปกติที่สุด ในใจของขวัญข้าวคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุมากกว่า เขาคงไม่ได้ตั้งใจจะฉวยโอกาสจับหน้าอกเธอหรอก เธอจึงพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่นานเธอก็ลืมเรื่องนี้ไปจากความคิด ซึ่งตรงกันข้ามกับชายหนุ่มโดยสิ้นเชิง กิตติพยายามคิดถึงเรื่องลมฟ้าอากาศ พยายามจดจ่ออยู่กับกลิ่นของทุเรียนที่ลอยมาตามลม หรือแม้แต่สภาพเศรษฐกิจที่กำลังจะย่ำแย่ในหัว ทุกอย่างก็เพื่อให้ตัวเองไม่ต้องสนใจหญิงสาวที่เดินตามหลังเขาอยู่เงียบๆ แต่สัมผัสเมื่อครู่ยังคงติดตรึงอยู่ที่ฝ่ามือของเขายังคงชัดเจนในหัวจนเขาต้องถอนหายใจหนักๆ “แม่งเอ๊ย…” เขาพึมพำเบาๆจนหญิงสาวที่เดินตามไม่ทันได้ยิน ขวัญข้าวได้แต่เดินตามคนตัวสูงเงียบๆ เธอสังเกตว่าใบหน้าของเขาดูเคร่งเครียดกว่าปกติมาก ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น เธอจึงไม่กล้ามีคำถามใดๆออกไป พวกเขาเดินดูสวนต่ออีกไม่นานก่อนกลับถึงบ้านใหญ่ ทันทีที่เข้ามาในบ้านกิตติก็เงียบลงกว่าเดิม เขาเดินแยกขึ้นไปชั้นบนโดยไม่พูดอะไร ปล่อยให้ขวัญข้าวยืนมองตามด้วยหัวใจที่คล้ายมีบางสิ่งก่อตัวขึ้นเงียบๆ ภายในห้องน้ำขนาดกว้าง เสียงน้ำจากฝักบัวกระทบพื้นกระเบื้องดังเป็นจังหวะ ชายหนุ่มปล่อยให้น้ำเย็นไหลผ่านร่างกาย พยายามปลดเปลื้องความร้อนรุ่มที่ติดค้างในอกตั้งแต่ตอนอยู่ในสวน แต่ยิ่งน้ำเย็นไหลผ่านความว้าวุ่นในใจกลับยิ่งชัดเจนขึ้น ภาพร่างเล็กในเสื้อยืดสีซีดที่เปียกเหงื่อ ทำให้หัวของเขาจินตนาการถึงเรือนร่างอรชรที่ไร้เสื้อผ้าปกปิดของขวัญข้าว กลิ่นแป้งเด็กหอมอ่อนๆที่ติดตัวเธอมายังคงติดจมูกเขาอยู่เลยไม่จางหายไปไหน เขาเผลอหลับตา ปล่อยให้ภาพนั้นกลับมาซ้ำอีกครั้ง รอยยิ้มเรียบง่าย ดวงตาที่ซื่อตรงจนอ่านยาก และเสียงพูดเบาๆที่ยังดังก้องในหู “มะ ไม่เป็นไรค่ะ” เสียงนั้นช่างใสซื่อจนหัวใจที่พยายามแข็งกร้าวกลับอ่อนยวบลงอย่างห้ามไม่อยู่ กิตติลืมตาขึ้นมองเงาของตัวเองในกระจกที่สะท้อนผ่านม่านน้ำ เขาเห็นชายคนหนึ่งที่นิ่งเกินไป เยือกเย็นเกินไป แต่กลับเริ่มหวั่นไหวเพียงเพราะรอยยิ้มของเด็กสาวคนหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาในชีวิตได้ไม่กี่วัน “เธอนี่มัน… ตัวป่วนชัดๆ” เขาพึมพำกับตัวเองในเสียงหัวเราะแผ่วที่แฝงความเหนื่อยอ่อน และแล้วแท่งเนื้อที่กึ่งกลางกายก็ตั้งชันขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความหงุดหงิด ทั้งที่ตัวเขาเองก็ผ่านผู้หญิงมามากมาย ทั้งสาวสวยและนางแบบ แต่กลับไม่เคยมีใครทำให้เขารุ่มร้อนได้ขนาดนี้มาก่อน ไม่คิดเลยว่าเด็กสาวกะโปโลอย่างขวัญข้าวจะทำให้เขากลายเป็นคนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ถึงขนาดนี้ แขนกำยำข้างหนึ่งยันผนังห้องน้ำเอาไว้เพื่อพยุงตัว อีกข้างเลื่อนลงมากอบกุมความร้อนรุ่มที่กำลังต้องการการปลดปล่อยอย่างเร่งด่วน มือใหญ่ลูบไปตามลำยาวขึ้นลงช้าๆด้วยความทรมาน "อืมม” เสียงครางต่ำดังขึ้นจากลำคอของกิตติ เมื่อในหัวของเขาจินตนาการไปถึงร่างเล็กที่กำลังโยกคลอนอยู่ใต้ร่างของเขาอย่างเร่าร้อน เขาเห็นหน้าอกอวบของเธอสั่นไหวขึ้นลงตามจังหวะ และเสียงหวานที่เอาแต่ครางเรียกชื่อเขาไม่หยุดปาก เอวสอบของเขาขยับสวนจังหวะมือที่ทำงานอย่างหนัก กิตติอยากจะจ้วงแทงเข้าไปในร่องอ่อนนุ่มของเธอใจจะขาด มันน่าจะรู้สึกดีกว่าการใช้มือสากๆของตัวเองในตอนนี้หลายเท่าตัวนัก และคงจะรู้สึกดีมากยิ่งกว่านี้ถ้าได้ใส่เข้าไปในริมฝีปากเล็กๆนั่น แค่คิดว่าได้กระทุ้งเข้าไปเต็มลำ อารมณ์กระสันของชายหนุ่มก็พุ่งทะยานถึงขีดสุดอย่างรวดเร็ว "อ่าาา" สายธารขาวขุ่นพุ่งออกมาพร้อมกับเสียงคำรามต่ำที่หลุดลอดจากริมฝีปาก มือแกร่งจัดการรีดพิษออกจากมันจนหมด เขานึกหงุดหงิดใจที่ความแข็งชันไม่ลดลงเลยสักนิดทั้งที่เพิ่งปลดปล่อยออกไปหมดแล้ว แถมยังไม่สามารถสลัดริมฝีปากแดงก่ำของเธอออกไปจากหัวได้อีก กิตติจึงต้องจำใจทำมันอีกรอบ เพราะขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้เขาต้องนอนไม่หลับแน่ ความต้องการที่รุนแรงนี้ทำให้เขาแทบคลั่ง “แม่งเอ๊ย!” กิตติสบถอย่างหัวเสียหลังปลดปล่อยรอบที่สอง ความปรารถนาในตัวเด็กสาวคนนั้นมันรุนแรงจนน่าตกใจ ไม่คิดว่าคนอย่างเขาที่เป็นถึงเจ้าของสวนทุเรียนร้อยไร่ต้องมาช่วยตัวเองแบบนี้ เพราะมีผู้หญิงมากมายในอำเภอต่อแถวขึ้นเตียงกับเขายาวเหยียด เรียกได้ว่าแค่กระดิกนิ้วเรียกพวกเธอก็เสื้อผ้าหลุดแล้ว แต่ไม่มีใครเลยที่ทำให้เขารู้สึกอยากได้เท่าเด็กคนนี้ “พรุ่งนี้เธอไม่รอดแน่" รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏบนใบหน้าหล่อคม เมื่อแผนการบางอย่างก่อตัวขึ้นในหัว เข้าถ้ำเสือมาแล้วอย่าคิดว่าจะรอดออกไปง่ายๆเด็กน้อย...ขวัญข้าวเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดผ้าเช็ดตัวผืนเดียว กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่อาบน้ำลอยฟุ้งไปทั่วห้องพักคนงานขนาดเล็ก ดวงตาสวยต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มยืนรออยู่ข้างเตียง“ทิ้งฉันไว้คนเดียวได้ยังไง” กิตติพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความน้อยใจเล็กน้อย ทำเอาเธอสะดุ้ง“คุณกิต! เข้ามาในห้องหนูทำไมคะ หนูขอเวลาแต่งตัวก่อนค่ะ" เธอรีบยกแขนปิดหน้าอกและกอดตัวเองไว้แน่น กั้นสายตาเจ้าเล่ห์ของเขา"ก็แต่งสิ" เขายักคิ้วตอบกลับมาอย่างไม่สะทกสะท้านขวัญข้าวไม่สามารถแต่งตัวต่อหน้าชายหนุ่มที่ยืนกอดอกมองเธอได้ ถึงจะเคยมีอะไรกันไปแล้วก็ตามความอับอายยังคงกัดกินจิตใจ เธอจึงหยิบชุดนอนลายการ์ตูนจากในลิ้นชักแล้วเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำ พอเดินออกมาก็เห็นเขานอนรออยู่บนเตียง"มานี่เร็ว จะทายาให้""หนูทาเองได้ค่ะ""อย่าดื้อน่า"“ก็ได้ค่ะ"ขวัญข้าวรู้ดีว่าก้นเธอยังเจ็บอยู่ ช่วงนี้เขาคงทำอะไรเธอไม่ได้อยู่แล้ว จึงยอมไปหยิบหลอดยามาส่งให้เขา"นอนคว่ำ"ร่างบางปีนขึ้นเตียงนอนคว่ำไปบนเตียง แอบใจเต้นเล็กน้อยในตอนที่เสื้อนอนถูกเลิกขึ้นเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวเนียน“เจ็บไหม” กิตติถามเสียงอ่อนลง ขณะเอามือแตะผิวบริเวณที่ขึ้นสี
“ฮ้าววว” กิตติหาว ออกมาเสียงดังเป็นรอบที่สิบของวัน เปลือกตาของเขาหนักอึ้งจนแทบลืมไม่ขึ้นเมื่อคืนเขาอุตส่าห์กลับมานอนห้องตัวเองตอนตีสาม หลังจากที่แอบย่องเข้าไปทายาให้คนเจ็บก้นในห้องพักจนเธอหลับคาอกเขาไป แต่ไม่รู้ทำไมข่มตานอนเท่าไหร่ก็ไม่หลับสักที กลิ่นหอมจางๆของแป้งเด็กและแชมพูที่ติดตัวเธอยังคงวนเวียนอยู่ในความคิด เพิ่งมาง่วงเอาช่วงบ่ายที่ควรจะต้องนั่งเคลียร์บัญชีสวนนี่เองกิตติตัดสินใจลุกจากโต๊ะทำงาน เดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อหากาแฟเข้มๆมาดื่มเพิ่ม พอเดินผ่านห้องโถงกว้างก็เจอขวัญข้าวที่ยืนเขย่งปลายเท้าเช็ดกระจกห้องนั่งเล่นอยู่ แผ่นหลังเล็กๆนั้นขยับขยันขันแข็งทั้งที่เขาเตือนแล้วว่าให้พัก เท้าจึงเปลี่ยนทิศทางมุ่งไปหาเธอแทนโดยอัตโนมัติเขาเดินย่องเข้าไปเงียบๆสวมกอดร่างเล็กจากด้านหลังจนเธอสะดุ้งสุดตัว กลิ่นหอมอ่อนๆจากเรือนผมของเธอทำให้เขาเผลอสูดดมอย่างลืมตัว"บอกว่าให้พักงานไปก่อนไง" น้ำเสียงทุ้มนุ่มทอดต่ำลงข้างใบหูเล็กอย่างอ่อนโยน แต่แฝงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยที่ลูกน้องไม่เชื่อฟังคำสั่ง“อุ้ย! คุณกิต ปล่อยค่ะ"ขวัญข้าวรีบดึงแขนของเขาที่โผล่มากอดเธอจากด้านหลังออก ก่อนจะหันซ้ายหันขวาดูว่าม
กิตติอึ้งไปชั่วครู่ เขาประหลาดใจกับคำพูดของเธอ แต่แป๊บเดียวก็ยกยิ้มเอ็นดู เขาไม่คิดเลยว่าจะเผลอไปมีอะไรกับเด็กไร้เดียงสาขนาดนี้ได้ ที่ผ่านมาถ้าถูกใจผู้หญิงคนไหนเขาก็พาขึ้นเตียงก่อน พอเบื่อก็แยกย้ายแล้วให้เงินไป ไม่เคยผูกมัด ไม่เคยคิดว่าจะต้องเป็นแฟนกันด้วยซ้ำ “ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกันก็จริง แต่อีกหน่อยไม่แน่” "หมายความว่ายังไงคะ" "ฉันชอบเธอ" "คะ?" หญิงสาวอ้าปากค้าง คิดว่าตัวเองหูฝาดไป “งั้นมาคบกันดูไหม" "ไม่ค่ะ" เธอตอบทันควัน “อ้าว ทำไมล่ะ หรือเธอมีแฟนอยู่แล้ว" “ไม่มีค่ะ แต่หนูไม่เชื่อว่าคุณกิตจะชอบหนูได้ยังไงค่ะ เราเพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันเอง คุณกิตแค่... แค่อยากจะนอนกับหนู” เธอพยายามหาเหตุผลมาหักล้างความรู้สึกที่เริ่มสั่นคลอนของตัวเอง"ชอบได้สิ ฉันชอบเธอตั้งแต่ที่เห็นครั้งแรกแล้ว" คำสารภาพตรงๆและสายตาจริงจังของเขา ทำให้ขวัญข้าวรู้สึกเขินไม่น้อย แต่ก็กลัวว่านี่จะเป็นแค่คำลวง จะเป็นเพียงของเล่นชั่วคราวของเขา “หนูขอเวลาคิดก่อนค่ะ" "งั้นระหว่างที่คิด เราเอากันได้ใช่ไหม" “มะ ไม่ได้ค่ะ!" “ขอแตกในอีกสักรอบนะ" ชายหนุ่มพูดได้ไม่อายปาก ก่อนจะโน้มใบหน้าลงหาหญิงสาว ขวัญข้าวผลักร่างส
บรรยากาศในครัวยามเช้าคึกคักไปด้วยกลิ่นหอมของอาหารและการพูดคุยแผ่วเบาของบรรดาแม่บ้านขวัญข้าวก้าวเข้ามาในห้องครัวอย่างกระฉับกระเฉง พยายามทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้เพื่อสลัดความรู้สึกกระวนกระวายที่ติดอยู่ในใจมาหลายวัน“มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะพี่แวว” ขวัญข้าวอาสาช่วยงานในครัวแต่เช้า แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาในครัวที่กว้างขวาง กลิ่นหอมของน้ำซุปที่เริ่มเดือดลอยฟุ้งไปทั่ว “พี่กำลังจะทำสุกี้ทะเล พอดีเลยขวัญหั่นผักเป็นไหม" “เป็นค่ะ สบายมาก เดี๋ยวขวัญทำให้นะคะ" ขวัญข้าวหยิบผักที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ครัวไปล้าง ก่อนจะนำมาหั่นบนเขียง การเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วของเธอแสดงให้เห็นถึงความคุ้นเคยกับงานในครัว“คุณกิตเขาทานเผ็ดไม่ได้ เมนูส่วนใหญ่เราก็ต้องทำรสชาติอ่อนๆนะ" พี่แววพูดขึ้นขณะเตรียมเครื่องทะเล ชื่อของคนที่ถูกพูดถึงทำให้ขวัญข้าวชะงักไปเล็กน้อย แม้จะพยายามไม่คิดถึงเขาแต่ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ก็มักจะโยงกลับมาหากิตติเสมอ เพียงแค่ได้ยินชื่อหัวใจก็รู้สึกเต้นผิดจังหวะ“ถ้าวันไหนเห็นเขาเข้าสวนแต่เช้า เราต้องเอาข้าวกลางวันไปส่งในสวนด้วย" "ค่ะ" ขวัญข้าวรับคำสั้นๆพยายามไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมา"อ้อ แล้วพวกอาหารก
“อุ๊บ”แรงกระชากนั้นรุนแรงและฉับพลันจนขวัญข้าวแทบจะหวีดร้องออกมาไม่ได้ เสียงร้องที่เกือบจะหลุดออกจากปากแต่ก็โดนมืออุดปากจากทางด้านหลังอย่างรวดเร็วและหนักแน่นเสียก่อน หัวใจของเธอเต้นรัวเหมือนกลองศึกด้วยความตกใจปนหวาดหวั่น เธออยู่ในช่องแคบระหว่างซอกตึก ที่มีเพียงความสลัวเข้ามาแทนที่แสงอาทิตย์แสงอ่อนๆช่วงเย็นส่องลอดมาไม่ถึงตรงนี้ บรรยากาศเงียบสงัดทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความหวาดหวั่น ทว่ากลิ่นครีมอาบน้ำอันคุ้นเคยก็ตีเข้าจมูกของเธออย่างจัง ชวนให้นึกถึงฉากร่วมรักที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าในห้องน้ำอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ภาพความเร่าร้อนเหล่านั้นย้อนกลับมาฉายซ้ำในหัว จนใบหน้าเธอร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง “อย่าร้องนะ” เสียงกระซิบพร่าที่ข้างหูนั้นฟังดูเยือกเย็นแต่กลับจุดประกายความร้อนในตัวเธออย่างประหลาด พอเขาปล่อยมือออกจากปากขวัญข้าวจึงหันกลับไปมองอย่างช้าๆ เจ้านายหนุ่มยืนยิ้มส่งมาให้ ที่มุมปากนั้นมีร่องรอยของความร้ายกาจอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน แววตาแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ชัดเจน “คุณกิตเล่นอะไรคะ” น้ำเสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย พยายามรักษาระยะห่างจากเขา แต่ซอกตึกแคบๆนี้ทำให้เธอไม่มีทางหนี "เล่น
ขวัญข้าวตื่นขึ้นมาในตอนเที่ยง แสงแดดจ้าที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาทำให้เธอต้องหยีตา ความรู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วร่างโดยเฉพาะกลางกายสาวทำให้เธอนิ่วหน้า พอเห็นห้องที่ดูไม่คุ้นตา กลิ่นโคโลญจน์จางๆที่ติดอยู่บนหมอน และความกว้างขวางที่แตกต่างจากห้องพักแม่บ้าน ร่างเล็กจึงดีดผึงขึ้นจากที่นอนทันที ผ้าห่มผืนหนาที่คลุมกายเธออยู่เลื่อนหล่นลงไปกองที่เอว เผยให้เห็นรอยจ้ำแดงประปรายบนผิวขาว“ตื่นแล้วเหรอ”เสียงทุ้มที่คุ้นหูดังขึ้นข้างตัว เธอหันกลับไปมองข้างเตียงก็เห็นกิตตินอนเปลือยท่อนบนอยู่ แผงอกกำยำขยับขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เขานอนตะแคงใช้แขนเท้าศีรษะมองเธออยู่ก่อนแล้ว สมองของขวัญข้าวประมวลผลอย่างหนัก เธอจำได้ว่าเมื่อเช้าถูกเรียกให้ขึ้นมาหาเจ้านาย แล้วหลังจากนั้นก็โดนเขาจับกินในห้องน้ำ ภาพความรุนแรงและสัมผัสวาบหวามหวนกลับมาชัดเจน ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อนึกออกว่าเกิดอะไรขึ้น"คุณกิต!" เธออุทานเสียงหลง รู้สึกทั้งอายทั้งโกรธ“ไม่เห็นต้องเสียงดังเลย" เขาพูดเสียงเรียบ ยืดตัวบิดขี้เกียจอย่างไม่ทุกข์ร้อนประกายวิบวับในดวงตาคมของเขาหลุบมองต่ำกว่าใบหน้าของขวัญข้าวเล็กน้อย หญิงสาวก้มลงมองตามก็เห็นว่าตัวเองโ







