LOGINทีมการตลาดเดิมตามคุณอเล็กซ์ไปที่โต๊ะของลุคคา ส่วนวรรณนรีหลบอยู่ด้านหลังคนอื่น แม้ลุคคาจะเป็นเจ้านายโดยตรงของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้อวดอ้างตัวเอง หรือคิดจะทำตัวโดดเด่นแม้แต่น้อย ตรงข้ามกลับแอบกลัวว่าจะโดนเขาตำหนิด้วยซ้ำที่มาเอ้อระเหยอยู่ตรงนี้ ไม่ใส่ใจดูแลงานให้ดี
ระหว่างพูดคุยกันอยู่ คุณอเล็กซ์สังเกตเห็นสายตาของลุคคาเหลือบมองไปทางอื่น ซึ่งตรงนั้นมีวรรณนรียืนอยู่ จึงหัวเราะและดึงหญิงสาวเข้ามาในบทสนทนาอย่างลื่นไหล
“ลูกน้องของนายนี่เก่งจริงๆ ได้คนเก่งเข้าทีมอีกแล้วนะ”
“คุณอเล็กซ์ชมเกินไป”
“ฮ่าๆ หนูวรรณนรีมีความสามารถไม่น้อย”
“คุณอา...”
เสียงหวานใสที่เต็มไปด้วยความมั่นใจดังขึ้น เจ้าของร่างบางระหงส์ในชุดเดรสสีเขียวมีสไตล์เดินเข้ามา และไม่รู้เพราะความสวยของเธอหรือเปล่า คนที่ยืนขวางทางอยู่ทีแรกล้วนเต็มใจหลีกให้โดยไม่ต้องเอ่ยปากขอร้อง
“พิชชี่”
อเล็กซ์เอ่ยชื่อหญิงสาวตรงหน้า เมื่อทุกคนพร้อมใจเปิดทางให้ อเล็กซ์ก็กล่าวต้อนรับเธอเป็นอย่างดี เขาทักทายเธออย่างสนิทสนมเสร็จก็หันไปทางลุคคา
“ลุคคานี่พิชชี่ พิชญา ซีอีโอ เบอร์รี่ดอลล์ (Berry Doll)”
เบอร์รี่ดอลล์ บริษัทของเล่นที่กำลังมาแรงในขณะนี้ ไม่มีใครไม่รู้จัก และพิชญาในฐานะซีอีโอ คือหญิงสาวที่ทุกคนต่างยอมรับในความสามารถ มีใครบ้างไม่รู้ว่าเธอเป็นมันสมองสำคัญที่ปลุกปั้นให้แบรนด์ซึ่งเคยซบเซากลับมาครองตลาดได้อีกครั้ง ด้วยวิสัยทัศน์กว้างไกลและการตัดสินใจที่เฉียบคม จนทั้งวงการต่างยอมรับว่า หากไม่มีพิชญา เบอร์รี่ดอลล์ก็คงไม่รุ่งเรืองเช่นวันนี้
การที่พิชญามาปรากฏตัวที่นี่สร้างความฮือฮาไม่น้อย
“ไม่เจอกันนานเลยนะ”
คำทักทายของลุคคาเองก็ทำให้ทุกคนที่ได้ยินต่างตกตะลึง
“อือ กี่ปีแล้วนะ” พิชญาก็ดันตบมุกอีก
“นี่... รู้จักกันอยู่แล้วเหรอ” อเล็กซ์ที่เป็นคนแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกันเอ่ยขึ้น ไม่เคยรู้มาก่อนว่าลุคคากับพิชญามีความเกี่ยวข้องกัน
“เพื่อนสมัยเด็กน่ะ” ลุคคาไม่อ้อมค้อม เขาเป็นคนมีความจำดีเลิศ ไม่มีทางผิดคนแน่นอน และเหมือนทางพิชญาเองก็ไม่ลืมเช่นกัน
“นายนี่มัน...” อเล็กซ์ส่ายนิ้วไปมาใส่หน้าลุคคา
“ถึงจะบอกว่าเพื่อนสมัยเด็ก แต่เราไม่ได้เจอกันนานมากแล้วค่ะคุณอา”
พิชญาปลอบใจอเล็กซ์ไม่ให้คิดมาก
“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าทางพอดี คนกันเอง มีอะไรก็คุยกันง่าย” อเล็กซ์คลี่ยิ้ม ปรับตัวไปตามสถานการณ์ได้อย่างลื่นไหล อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ไม่พอใจที่ทั้งคู่รู้จักกันมาก่อน แค่แกล้งทำไปอย่างนั้นเพื่อเพิ่มอรรถรสในการพูดคุย
พิชญาหัวเราะร่วน แต่ก็ยังมีท่าทีที่สง่างามและวางมาดสมกับเป็นซีอีโอสาวสวยผู้เก่งกาจ เธอพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับทุกๆ คนอย่างเป็นกันเอง ไม่ถือตัว และยังให้คำแนะนำกับหลายๆ คนด้วยความจริงใจ ไม่หวงความรู้ ทุกคนต่างก็ชื่นชมเธอไม่หยุด ทั้งที่พูดออกมาอย่างเปิดเผย และที่เก็บเอาไว้ในใจก็มี
หนึ่งในนั้นคือวรรณนรี เธอมองพิชญาราวกับเป็นไอดอลของตัวเอง วาดฝันว่าสักวันเธอจะประสบความสำเร็จเหมือนคนคนนี้ได้หรือเปล่านะ
งานเลี้ยงบริษัทจบลง แต่งานของวรรณนรียังไม่จบ
เธอต้องคอยดูแลความเรียบร้อย จนส่งพนักงานคนสุดท้ายที่เมาไม่ได้สติขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้านเสร็จ จึงถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก เหลือเพียงเธอกับทีมงานไม่กี่คนที่กำลังเก็บกวาดสถานที่เงียบๆ ความครึกครื้นเมื่อชั่วโมงก่อนจางหายไป เหลือเพียงความเหนื่อยล้าที่ค่อยๆ โถมเข้ามาแทน
เธอกำลังจะก้มลงช่วยเก็บเศษริบบิ้นที่ตกอยู่บนพื้น ทว่ารองเท้าหนังเงาวับคู่หนึ่งกลับก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้า ก่อนที่น้ำเสียงทุ้มคุ้นหูจะดังขึ้นเหนือศีรษะ
“ทำได้ดีมาก”
“....”
วรรณนรีเงยหน้าขึ้น พบสายตาคมที่ทอดมองมาอย่างจับจ้อง แสงโคมไฟจากด้านหลังขับให้เงาร่างสูงดูเด่นกว่าเดิม เขาเอียงศีรษะน้อยๆ เหมือนจะบอกให้เธอวางมือจากงานเก็บกวาด
“ไปกันได้หรือยัง”
เธอกะพริยตาอย่างงุนงง ยังไม่ทันเอ่ยถามเขาก็พูดต่อ
“คนอื่นรออยู่”
น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงเจตนาชัดว่าไม่ใช่คำชวน แต่เป็นคำสั่ง
วรรณนรีเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะนึกได้ว่าก่อนหน้านี้คุณอเล็กซ์ชวนเขาไปเที่ยวต่อ แต่ลุคคาปฏิเสธเพราะมีธุระและจะตามไปทีหลัง
ความจริงเขาไม่ได้ไปไหนไกล แค่ยืนรอให้แน่ใจว่าเธอทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยไป
วรรณนรีไม่กล้าปริปากระหว่างนั่งอยู่ในรถที่ลุคคาเป็นคนขับ จากสถานที่จัดเลี้ยงมายังบาร์ที่อเล็กซ์นัดไว้ห่างกันไม่ถึงสิบกิโลเมตร ใช้เวลาไม่นานก็ถึง
“ทำไม ทำไมต้องให้ฉันมาด้วยคะ”
วรรณนรีประท้วงเสียงอู้อี้เมื่อรถขยับเข้าสู่ช่องจอดวีไอพี แล้วก็ได้รับสายตาคมกริบแบบที่เจ้านายมองลูกน้องกลับมา
“พิชชี่เป็นลูกค้าคนสำคัญ เธอควรทำความรู้จักไว้”
“....”
วรรณนรีกำลังจะเถียง แต่เขาจอดรถเสร็จและลงจากรถทันที ทำให้เธอพูดอะไรไม่ออก รีบเปิดประตูลงจากรถตามเขาไป
ลุคคาจ้องร่างเปลือยเปล่าของวรรณนรีตาเป็นมัน ก่อนเลียริมฝีปาก ก้มลงไปลิ้มลองรสชาติของเธออย่างตะกละตะกลาม “อื้อ อ๊า~” วรรรนรีดิ้นพล่านเมื่อยอดอกถูกเขาเอาเข้าปาก ปลายลิ้นร้อนชื้นตวัดเลียขึ้นลงสลับดูดเม้มถี่ๆ มีเสียงจ๊วบแจ๊บเล็ดลอดออกมาไม่หยุด หว่างขางามเองก็โดนฝ่ามือหนาโอบกุม ลูบไล้ปลุกปั่นแบบไม่ให้มีเวลาพักหายใจ วรรณนรีส่งเสียงครางประท้วง นอนสั่นไหวดิ้นกระสับกระส่ายภายใต้เงื้อมมือของหัวหน้าตัวเอง “แยกขาออกหน่อย” เสียงทรงพลังเอ่ยขึ้น วรรณนรีอ้าเรียวขาออกกว้างทันทีราวกับโดนประกาศิต ทำตามคำสั่งเขาอย่างว่าง่าย “หึ เด็กดี” ลุคคาล้วงเอาแก่นกายออกมาลากไล้กับเนินนวลเล็กจ้อย ค่อยๆ ถูไถลงไปตามกลีบเนื้ออ่อน ความร้อนลวกเอ่อลามแผดกระจายเป็นวงกว้าง ขับกลิ่นอายเย้ายวนออกมาผ่านช่องทางสวาท หยาดน้ำหวานปริ่มเยิ้มราวกับกำลังเชิญชวนให้เข้ามา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนมุมปากลุคคา เขาสัมผัสเธอไม่ถึงห้านาทีก็ดูเหมือนว่าเธอจะพร้อมแล้ว อาจจะเป็นเพราะอารมณ์ที่ต่อเนื่องจากเมื่อคื
“นี่ก็จะสว่างแล้ว ฉันกลับก่อนดีกว่า” วรรณนรีพูดเร็วๆ มุมปากยกยิ้มอ่อนๆ ก้มหลบสายตาคมกริบ เดินเลี่ยงชายหนุ่มออกมา รีบร้อนมองหาเสื้อผ้า หาไปหามาก็นึกได้ว่าเสื้อผ้าเธอถูกปลดที่อื่น ไม่ใช่ในห้องนี้ น่าอายชะมัด ยิ่งรื้อฟื้นความทรงจำมากเท่าไหร่ วรรณนรีก็รู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ยางอายมากเหลือเกิน ยอมมีอะไรกับเขาขนาดนั้นได้ยังไงกันนะ แต่เธอก็พูดออกไปแล้วว่าแค่ ‘One Night Stand’จะมาโวยวายหรือเรียกร้องตอนนี้ก็เท่ากับกลืนน้ำลายตัวเองชัดๆ “เอ่อ เสื้อผ้าฉันอยู่ตรงไหน” เธอพอจะจำจุดที่ถูกถอดได้ แต่ที่เอ่ยถามก็เพราะต้องการแก้เก้อเท่านั้น และก็ไม่ได้คิดจะรอคำตอบจากเขาด้วย พูดเสร็จก็เตรียมตัวจะก้าวไปทางประตูห้องเลย แต่เสียงทุ้มต่ำไม่ยินดียินร้ายของลุคคากลับดังขึ้น “ฉันเก็บไว้ให้แล้ว” “คะ?” ไม่พูดเยอะ ร่างสูงหมุนตัวเดินออกไปทางโต๊ะติดผนัง หยิบผ้ากองหนึ่งที่พับเรียบร้อยโดยมีชุดชั้นในสองชิ้นวางอยู่ด้านบนสุด เดิมทีมันก็สะดุดตาอยู่แล้ว ถ้าวรรณนรีใจเย็นและมองรอบๆ ห้องให้ถี่ถ้วนสักหน่อยก
วรรณนรีเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่ความรู้สึกหนักอึ้งบนร่างกายมาเยือนทันทีที่รู้สึกตัวตื่น เธอปรือเปลือกตาขึ้นช้าๆ ไล่มองเพดานลงมายังผนังรอบห้อง ก่อนหลับตาลงแช่เอาไว้ครู่หนึ่งแล้วลืมขึ้นมาใหม่ ห้องเบื้องหน้าก็ยังรู้สึกแปลกตาไม่เปลี่ยน ที่นี่คือ... เธอตั้งคำถามในใจขณะดันกายขึ้น “อ๊ะ... อูย~” ความเจ็บร้าวแทรกผ่านกลางร่างทันทีที่ขยับ ตามมาด้วยอาการปวดเมื่อยที่เอวที่ดูจะเด่นชัดขึ้นทุกขณะ ความทรงจำหลั่งไหลกลับเข้ามาในหัววรรณนรีราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกราก ภาพที่เธอมีสัมพันธ์สวาทกับลุคคาผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ อายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี วรรณนรีดึงทึ้งผ้าห่ม ตีอกชกหัวตัวเองหลังจากรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป “ทำอะไรน่ะ” “อ๊ะ” เสียงทุ้มดังขึ้น วรรรนรีสะดุ้งเฮือก ชำเลืองมองไปทางต้นเสียงอย่างเขินๆ พลางสงสัยว่าเมื่อครู่เขาเห็นหรือเปล่าที่เธอเขกหัวตัวเอง โธ่เอ๊ย... แค่นี้ก็อายจะแย่อยู่แล้ว ยังทำให้ตัวเองขายหน้าเข้าไปอีก วรรณนรีต่อว่าตัวเองในใจ ค่อยๆ เหลือบตาข
แสงไฟอุ่นสะท้อนประกายในดวงตาคมที่มองเรือนร่างของหญิงสาวบนเตียง เธอกำลังหอบแฮ่ก... ขณะที่เขาถอยห่างออกมา เรียวขาขาวเนียนก็ค่อยๆ ขยับปิดอย่างอ่อนแรง และสั่นระริก “อือ~” ลุคคาแตะนิ้วลงบนยอดอกที่ชูชันของวรรณนรี กดคลึงเบาๆ พลางหรี่ตามอง วรรณนรีเม้มริมฝีปากแน่น ช้อนสายตามองคนด้านบนอย่างอายๆ แม้จะผ่านท่วงทำนองรักที่ร้อนแรงกับเขามาแล้วแต่กลิ่นอายบนเตียงกลับยังคุกรุ่น อบอวลไปด้วยห้วงเสน่หาที่บดบังสติสัมปชัญญะ เหลือเพียงสัญชาตญาณดิบของชายกับหญิงที่ยินยอมพร้อมใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย วรรณนรีค่อยๆ ขยับกายลุกขึ้นเข้าหาลุคคาที่คุกเข่าบนเตียง ฝ่ามือเล็กเอื้อมไปคว้าลำคอเขาขณะปีนขึ้นมานั่งบนตัก แก่นกายลำยาวถูกดันขึ้นมากดแนบกับหน้าท้องคนทั้งสอง แผงอกแกร่งและหน้าอกนุ่มจรดกันอย่างเหมาะเจาะ จุกชมพูและน้ำตาลเข้มกดคลึงกันและกันไปมา ร่างทั้งคู่สะท้านไหวเหมือนโดนไฟช็อตเบาๆ วรรณนรีเป็นฝ่ายจูบก่อน แต่ทำได้แค่ชิมลางเพราะไ
วรรณนรีโดนกดร่างแนบกับผนัง แรงกระแทกด้านหน้าทำให้แผ่นหลังถูไถกับพื้นผนังจนแสบยิบ เสียงเนื้อกระทบกันดังหนักหน่วงยิ่งกว่าครั้งก่อน “อา...” ตับๆๆๆๆๆๆๆ ลุคคาพ่นลมหายใจเร่าร้อนใส่ข้างลำคออีกฝ่าย เร่งรัดจังหวะเร็วขึ้นจนเนื้อตัววรรณนรีสั่นเป็นเจ้าเข้า หน้าอกอวบอิ่มกระเพื่อมไหวราวกับพุดดิ้งหวานฉ่ำ จนชายหนุ่มอดใจไม่ไหว ตวัดปลายลิ้นลิ้มเลียชิมรสชาติพุดดิ้งพุดใจของวรรณนรีอย่างเอร็ดอร่อย “อืม... อา จ๊วบ...” เสียงดูดดึงขบเม้มดังออกมาจากปากลุคคา ขณะที่สะโพกสอบขยับซอยถี่ยิบปากก็ดูดอมยอดอกแข็งชันไปด้วย “ลุคคา อะอ๊า อื้อ ซี้ด... เสียว มะไม่ไหวอื้อ~” ร่างเล็กเกร็งไปทั้งตัว ครางสะท้านไม่หยุด ลุคคาเอามือค้ำผนังเสือกส่งแก่นกายเข้าไปลึกสุดลำ จนวรรณนรีกรีดร้องลากเสียงยาวพลางสั่นกระตุกติดต่อกันหลายที อารมณ์ปรารถนาพุ่งทะลุปรอท เสร็จสมไปทั้งอย่างนั้น โดยที่ลุคคายังคงสอดใส่ความแข็งขึงเอาไว้ข้างใน ไม่ได้ผละออก อึดใจต่อมา เขาก็ผละออกจากผนัง ใช้มือโอบกุมก้นนุ่มหนึบของเธอเอาไว้ทั้งสองข้าง
“อื้อ~ ลุคคา... อ๊ะ” วรรณนรีสัมผัสถึงความเร่าร้อนที่ปะทุอยู่ข้างใน ความเจ็บแปลบแปรเปลี่ยนเป็นกระสัน ซาบซ่าน และเรียกร้องมากกว่าเดิม บดเบียดกายสาวเข้าหาเขาตามสัญชาตญาณ “อา...”เสียงครางทุ้มต่ำเล็ดลอดจากลำคอแกร่ง โพรงเนื้อนุ่มทั้งร้อนและรัดแน่นจนเขาแทบทนไม่ไหว เร่งจังหวะเร็วขึ้นและเร็วขึ้น... ตับ... ตับ... ตับๆๆๆๆๆ “ซี้ด... อ่า... อึก อ้า~ อะอ๊ะๆ” วรรณนรีร้อนวูบวาบราวกับโดนไฟลนร่าง ครางติดต่อกันไม่หยุด จิตใจกระเจิดกระเจิงไปกับความเป็นชายของลุคคาที่กำลังบดขยี้นวลเนื้อสาวของเธอ เสียงสอดใส่เสียดสีดังเร้าอารมณ์ เคาน์เตอร์สะเทือน เครื่องครัวกระทบกันดังสะท้อนแผ่วเบา ราวกับจะเป็นสักขีพยานความร้อนแรงของคนทั้งคู่ “ลุคคา อ๊ะ อึก...” วรรณนรีตัวสั่นสะท้านอยู่ดีๆ ก็เหม่อลอยเพราะเขาหยุด ผละท่อนลำหนาใหญ่ออก ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้สติ เขาก็ดึงเธอลงมาจากเคาน์เตอร์ แล้วจับหันหลัง สอดแก่นกายเข้ามากระแทกต่อรัวแรง “ยะย้า... อะอ๊า อื้อ ซี้ดอ้าอะ เสียว อ๊าย~” เสียงครางหวาน







