เข้าสู่ระบบภายในห้องวีไอพีของบาร์ระดับสูง พนักงานจากฝ่ายการตลาดและครีเอทีฟหลายคนนั่งล้อมวงกันอยู่บนโซฟายาว แต่ไม่ได้อยู่ครบทุกคน บางคนก็ขอตัวกลับไปแล้ว แต่ตัวหลักอย่างอเล็กซ์และพิชญายังอยู่
เมื่อเห็นลุคคาเดินเข้ามา บรรยากาศที่เริ่มกร่อยก็เหมือนถูกกระตุ้นให้ตื่นตัวอีกครั้ง
เสียงคุยเบาๆ แปรเปลี่ยนเป็นทักทายด้วยรอยยิ้ม หลายคนขยับตัวหลบให้เขามีที่นั่งอย่างเต็มใจ อเล็กซ์ยกแก้วขึ้นเชื้อเชิญ ส่วนพิชญาหยิบขวดไวน์ราคาแพงออกมาเทเพิ่มราวกับรอเวลานี้อยู่ เสียงพูดคุยรอบข้างที่กำลังแผ่วก็เริ่มมีเสียงหัวเราะคิกคักขึ้นมาอีกครั้ง
ตัวตนของลุคคามีอิทธิพลมาก จึงไม่มีใครใส่ใจกับพนักงานตัวเล็กๆ อย่างวรรณนรีที่เดิมตามหลังเขาเข้ามา กระทั่งที่นั่งก็ไม่มีใครเชื้อเชิญ เป็นเธอที่มองหาเอง
โซฟาภายในห้องวีไอพีเป็นรูปตัวยู หันหน้าเข้าหาจอภาพสำหรับร้องคาราโอเกะ
วรรณนรีลอบมองลุคคาที่รับแก้วไวน์จากพิชญา แล้วก็นึกน้อยใจเขาอยู่ลึกๆ เป็นคนลากเธอมาแต่กลับไม่สนใจสักนิด
แต่วรรณนรีไม่ใช่คนที่นั่งรอความตายอยู่เฉยๆ แม้จะแอบโมโหเจ้านายอยู่ในใจที่ไม่สนใจเธอ แต่เธอก็มีเพื่อนข้างๆ ที่พร้อมต้อนรับและเป็นเพื่อนคุยให้
มิตรภาพภายในวงเหล้า จุดติดเร็วอยู่แล้ว
แต่ไม่ว่าเพื่อนข้างๆ จะคุยกันถูกคอแค่ไหน วรรณนรีก็ไม่หลวมตัวดื่ม ทุกแก้วที่ยื่นมา เธอรับแค่จิบพอให้น้ำในแก้วแตะริมฝีปากเท่านั้น เมื่อเพื่อนเผลอก็แอบเททิ้งแบบเนียนๆ
เสียงเพลงคาราโอเกะดังไม่หยุด คนร้องเองก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อย ลุคคาพูดคุยกับพิชญาและอเล็กซ์สีหน้าท่าทางดูผ่อนคลายราวกับกำลังสนุก เสียงหัวเราะของทั้งสามหลุดออกมาท่ามกลางจังหวะเพลง วรรณนรีเหลือบมองอยู่หลายแวบ แอบลุ้นว่าเมื่อไหร่ลุคคาจะแนะนำเธอให้กับพิชญา
ถ้าเข้าใจไม่ผิด ลุคคาพาเธอมาที่นี่ก็เพื่อสร้างคอนเนกชั่น เพราะงั้นเธอจึงแอบส่งสายตาไปทางเขาอยู่บ่อยๆ ทว่าจนแล้วจนรอด ก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะทำอย่างนั้น
จนถึงเวลาแยกย้าย
ขณะที่พนักงานคนอื่นกำลังคุยกันว่าจะกลับกันอย่างไร อเล็กซ์ก็ครุ่นคิดว่าจะเรียกคนมารับลุคคาแทน เพราะอีกฝ่ายดื่มเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แม้จะยังมีสติครบถ้วน แต่หากถูกสุ่มตรวจขึ้นมาอาจเสียประวัติได้
“พิชมีคนขับมารับ เดี๋ยวพิชไปส่งลุคเองค่ะ” พิชญาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
อเล็กซ์ที่ก็ดื่มไปไม่น้อยเหมือนกันชะงักเล็กน้อย เขาเองก็มีคนขับรถมารับเช่นกัน และคิดว่าถ้าให้เขาซึ่งเป็นคนในบริษัทเดียวกันไปส่งก็น่าจะเหมาะกว่าให้พิชญาไป“อ่า…” เขากำลังคิดอยู่ ทว่าสายตาดันเหลือบไปเห็นวรรณนรีที่ยังคงกระฉับกระเฉง ดวงตาสดใสไม่พร่าเลือน เป็นคนเดียวที่ไม่ถูกแอลกอฮอล์ครอบงำ
“ไม่รบกวนหนูพิชชี่ดีกว่า ให้ลูกน้องลุคคาไปส่งเถอะ อีกอย่าง เจ้านี่เอารถมาด้วย จะได้ไม่ต้องทิ้งไว้”
“ลูกน้องลุคคา เมากันหมดไม่ใช่เหรอ”
“ไม่หรอก… วรรณนรี หนูวรรณ-”
“คะ”
วรรณนรีกำลังจะออกจากห้องหันกลับมา พอรู้ว่าอเล็กซ์เรียกก็เดินมาหา มองคนทั้งสามด้วยแววตาสงสัย
“ไปส่งลุคคาหน่อย”
“คะ” วรรณนรีตั้งตัวไม่ทัน เบนสายตาไปทางลุคคาที่ยืนอึมครึมอยู่ข้างอเล็กซ์ กลิ่นแอลกอฮอล์ฟุ้งอยู่รอบตัวคนทั้งสาม เดาไม่ออกเลยว่าใครดื่มเยอะกว่าใคร แต่สีหน้าท่าทางของแต่ละคนกลับไม่มีหลุดเลย จนวรรณนรีอดที่จะนับถือไม่ได้
“ไม่ต้องลำบากหรอก ผมกลับเองได้”
อเล็กซ์เอ่ยขึ้น ไม่รู้ว่าเขาไม่อยากรบกวนเธอ หรือไม่กล้าฝากชีวิตไว้กับเธอกันแน่
“เอาน่าให้วรรณนรีไปส่งดีแล้ว”
อเล็กซ์ตบบ่าลุคคา ย้ำว่านี่คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด เพราะถ้าลุคคาปฏิเสธ พิชญาก็จะออกตัวไปส่งอีก หรือหากลุคคายังยืนกรานจะกลับเอง ก็ต้องรอคนขับรถมารับ ยุ่งยากเสียเวลาไปกันใหญ่ ในเมื่อมีคนดีๆ อยู่จะรบกวนหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร
ลุคคาเข้าใจความหมายที่อเล็กซ์ต้องการสื่อ เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าบอกวรรณนรี
“งั้นก็ฝากด้วย”
“เอ่อ ค่ะ”
วรรณนรีเก็บงำความรู้สึกอึดอัดเอาไว้ข้างใน พยักหน้ารับอย่างลูกน้องที่เชื่อฟัง กล่าวลาอเล็กซ์กับพิชญาตามมารยาทแล้วรีบตามแผ่นหลังกว้างของลุคคาออกมา
ความคับแน่นคลายออก ด้านบนเรือนกายรู้สึกโล่งเบา อารมณ์หวิวโหวงแวบเข้ามาไม่นานก็ถูกแรงกระชากดึงความสนใจ รู้ตัวอีกที เธอก็ขึ้นมานั่งอยู่บนเอวหนาแล้ว “อื้อ~ อ๊ะ...” ฝ่ามือเล็กประกบแผ่นอกหนา เสื้อยืดแบรนด์ดังให้สัมผัสที่ไม่จริงใจนัก วรรณนรีถือวิสาสะ ดึงเสื้อเขาขึ้น ตัวลุคคาเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ยกแขนให้วรรณนรีถอดเสื้อสะดวกๆ ลำตัวท่อนบนเปลือยเปล่า เผยให้เห็นรอนซิกแพกตึงแน่น ร่องลึกของกล้ามเนื้อลากยาวหายลงไปใต้ขอบกางเกง วรรณนรีสายตาพร่าเบลอไปกับความสมบูรณ์แบบตรงหน้า แม้จะเห็นมานัดต่อนัดแล้วแต่ก็ไม่เคยชินสักที หัวใจหญิงสาวเต้นระรัวอย่างไม่อาจควบคุม ลากปลายนิ้วลงมาถึงสะดือแล้วหยุด ดวงตาเรียวกลมเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลา ราวกับรอให้เขาตอบรับอะไรบางอย่าง “ถอดสิ” “....” แก้มเนียนเห่อร้อน ซับสีเลือดฝาด เกี่ยวขอบกางเกงวอร์มเขาลง อะไรที่ควรงอกก็งอกออกมา วรรณนรีกลืนน้ำลายเอือก มองแก่นกายที่ตั้งตรงชี้เพดาน รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ทว่าช่วงล่างของเธอก
วงแขนเล็กเรียวโอบรอบลำคอแกร่ง ซุกกายเข้าหาไออุ่นจากร่างหนา จิตใจล่องลอยไปกับรสจูบที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ กลิ่นอายเร่าร้อนปะทุท่วม บนเตียงราวกับมีไฟลุกโชน เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมเบาบาง ยังไม่ทันเข้าด้ายเข้าเข็ม วรรณนรีก็ร้อนไปทั้งตัว หว่างขาอุ่นชื้นตอบสนองความต้องการที่ถูกปลุกเร้า เสียงครางสั่นสะท้านดังคลอเป็นระยะ แรงบีบไล้จากฝ่ามือหนาลากผ่านแขนลงข้างลำตัว บีบคลึงเนินสะโพกด้านข้าง เจตนาชัดเจน “อือ~” ดวงหน้าหวานผละหน้าออก อ้าปากเอาลมหายใจเข้าเต็มปอด หน้าอกกระเพื่อมสูง หน้าท้องยุบต่ำเมื่อระบายลมหายใจออก เป็นภาพที่ชวนให้คนมองเห็นแล้วรู้สึกคลั่งไคล้ ยากที่จะไม่สัมผัส เสื้อผ้าบนตัวถูกปลดเปลื้องไปทีละชิ้น ลุคคาค่อยๆ ใช้ปลายลิ้นสำรวจร่างกายวรรณนรีแบบไม่รีบร้อน เริ่มจากทรวงอก ลงมาถึงหน้าท้องแบนราบ ริมฝีปากร้อนผ่าวกดลงหนักๆ บนเนินสามเหลี่ยม ร่างบางสะดุ้งเฮือก เรียวขาอ้าออก มือขยุ้มผ้าปูที่นอนอย่างกลั้นเสียว “ยะอย่าค่ะ อะอ๊า...” เธอห้ามเพราะไม่ได้ทำความสะอาด
“เก็บไว้ใช้” เขาไม่รอให้เธอรับเอง แต่เลือกวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง ถือว่าได้ให้แล้ว ส่วนเธอจะจัดการยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว วรรณนรีสะกดข่มความโกรธเคืองเอาไว้ มองลุคคาที่ตอนนี้ใส่ชุดลำลองเสื้อยืดคอกลมสีเทาธรรมดากับกางเกงวอร์มขายาวสีดำ กลิ่นหอมสะอาด ท่าทางสบายใจดี ในอกก็ระคายเคืองขึ้นมาแปลกๆ “ถ้าไม่มีอะไร คุณกลับไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว” “วรรณนรี แยกแยะหน่อย” “ฉันไม่ใช่คนเก่งแบบคุณที่แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานได้ชัดเจน ให้เวลาฉันหน่อย” “ประชดให้ได้อะไร” “ใครประชด” “หรือไม่ใช่” “....” เธอสูดหายใจลึก นัยน์ตาร้อนผ่าว มองความมั่นหน้าของลุคคาแล้วก็รู้สึกเหมือนอกจะแตก ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องมายืนบีบคั้นเธอแบบนี้ “อืม คุณจะคิดยังไงก็ได้ ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี คุณกลับไปก่อน ไว้ค่อย... อ๊ะ” เธอโดนเขาฉุดแขน ดึงเข้าไปสวมกอดโดยไม่ตั้งใจ พลั่ก... แผ่นหลังวรรณนรีกระแทกกับแผงอกแกร่ง ความรู้สึกอุ่นวาบแผดซ่านไปทั้งตัว แต่ก็แค่ชั่ววู
วรรณนรีออกจากห้องประชุมคนสุดท้าย เดินเหมือนคนไร้วิญญาณ รู้ตัวอีกทีก็มาหยุดอยู่ที่ห้อง HR หรือ ‘ฝ่ายบุคคล’ แจ้งเรื่องกับ HR เสร็จ ก็เดินเหม่อกลับมาที่แผนกของตัวเอง สายตาของเพื่อนร่วมทีมมองมาที่เธอ ต่างก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจากการสอบถามจากมารุตก่อนหน้านี้ “วรรณนรี” ริกะเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาปลอบ เดินมาประคองวรรณนรีไปนั่งที่โต๊ะ “ขอโทษนะ ฉันเป็นหัวหน้าแท้ๆ แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย” “อาจารย์ไม่ต้องขอโทษหรอกคะ ไม่ใช่ความผิดของคุณเลย” “มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะ” จิราพรที่นั่งข้างๆ เอ่ยขึ้นด้วยความจริงใจ “ขอบคุณค่ะ” วรรณนรีฝืนยิ้มอย่างคนเข้มแข็งให้ทั้งคู่ ก่อนจะเหลือบมองเพื่อนอีกสองคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม มารุตกับญาดา... สองคนนี้ไม่พูดอะไรสักคำ ข้างในใจเธอเดือดปุดๆ อยากลุกขึ้นจิกหัวมารุตกระแทกกับโต๊ะแรงๆ แล้วตะโกนถามว่า ‘โยนขี้ให้คนอื่น ไม่อายบ้างเลยหรือไง’ แต่นั่นแหละ เธอได้แค่คิด แต่คงทำจริงๆ ไม่ได้ เว้นแต่อยากเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ วรรณนรียังไม่ปีกกล้าขาแข็งขนาดนั้น
บรรยากาศในกองถ่ายระอุไม่แพ้แดดข้างนอก เสียงลูกค้ากับทีมงานโต้เถียงกันจนหาข้อยุติไม่ได้ สุดท้ายหวยก็มาออกที่ AE เจ้าของโปรเจกต์ที่ลูกค้าเลือก วรรณนรีและมารุตถูกเรียกตัวด่วนในบ่ายวันเดียวกัน ผู้เกี่ยวข้องทุกคน หัวหน้าทีมครีเอทีฟ ฝ่ายโปรดักชั่นผู้ช่วยผู้กำกับ ฝั่งของลูกค้าเองก็มา...และคนสำคัญที่เดิมทีมีธุระข้างนอก แต่เพราะปัญหาที่เคลียร์กันไม่จบนี้ ทำให้เขาต้องกลับมาแก้ไข คนที่ว่านี้ก็คือลุคคา“ตุ๊กผิดเองค่ะที่ไม่ได้ตรวจสอบบรีฟก่อนยื่น” หัวหน้าทีมครีเอทีฟของโปรเจกต์นี้ออกตัวก่อนหลังจากถกเถียงกันมาสักพักใหญ่ลูกค้าหัวเสียที่บรีฟสลับ โปรดักชั่นก็หงุดหงิดที่ต้องหยุดถ่ายทำกลางคันวรรณนรีเหลือบมองคนพูด ช่างแกล้งแสดงได้เนียนจริงๆ นึกถึงท่าทีหยิ่งยโสที่หน้าลิฟต์ตอนนั้น ก็รู้แล้วว่าคุณตุ๊กตาคนนี้ไม่ถูกชะตาเธอ“แล้วตกลงจะยังไง สรุป!?” ทรงกิตต์ไม่สนว่าใครผิดใครถูก แค่อยากได้คำตอบ จะถ่ายงานต่อหรือไม่ถ่าย หน้าที่โปรดักชั่นมีแค่นี้จริงๆ การที่ต้องมาเสียเวลาเพราะความสับเพร่าของแผนกอื่นทำเขาโมโหจนควันออกหู“ฉันยังยืนกรานว่าชอบงานของคุณวรรณนรี และฉั
ลุคคา : คืนนี้น่าจะดึก ไม่ต้องรอ ข้อความเด้งขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ที่วางหงายอยู่ข้างมือบนโต๊ะทำงาน วรรณนรีกำลังขีดเขียนเนื้องานคร่าวๆของสินค้าตัวใหม่บนสมุดโน้ต เหลือบเห็นแวบๆ ก็ลากนิ้วปัดแบบขี้เกียจ ยิ่งพอเห็นว่าเขาส่งอะไรมา ก็ยิ่งเบื่อเซ็งไปอีก เธอย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านกับลุคคาได้ประมาณอาทิตย์หนึ่งแล้ว แน่นอนว่าหลายๆ อย่างยังไม่เข้าที่เข้าทาง แต่ก็ค่อยๆ ปรับตัวกันไป ยอมรับว่าเธอตื่นเต้นและทำตัวไม่ถูกกับการย้ายมาอาศัยกับเขาในฐานะ







