“คุณทิ วันนี้มาแต่เช้าเลยนะคะ พวกพี่กำลังจะสั่งกาแฟกัน คุณทิสนใจไหมคะ”
สาวใหญ่หัวหน้าแผนกบัญชีบริษัทของคุณอติกานต์เอ่ยทักทายเช่นทุกวัน เธอมักเปิดประตูห้องทำงานชั่วคราวของทีมเขาเข้ามาทักทายบ่อย ๆ หลังจากทิพากรและทีมเข้ามาดูแลเรื่องการตั้งระบบหลังบ้านให้บริษัทนี้ได้เกือบเดือนแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่าเวลาจะผ่านไปไวแบบนี้ นั่นอาจจะเป็นเพราะทิพากรมัวแต่ยุ่งกับงานเนื่องจากเป็นคนที่เชี่ยวชาญเรื่องระบบที่สุดในทีม อีกอย่างที่เขาไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี นั่นก็คือ การที่เขาแก้ไขปัญหาโปรแกรมหลังบ้านให้คุณกานต์ได้ในครั้งนั้น ส่งผลให้บริษัทต้นสังกัดของเขาเสนอเงินค่าตัวให้เขาเพิ่มโดยไม่ถามความสมัครใจ พร้อมกับแจ้งให้เขารับทราบเพียงสั้น ๆ ว่า...
นอกจากงานโปรเจกต์ที่รับมาดูแลแล้ว เขายังมีงานเพิ่มเติมที่ต่างจากคนอื่นในทีม นั่นคือ การเป็นที่ปรึกษาให้แผนกไอทีให้กับบริษัทคุณกานต์ด้วย
กลายเป็นว่าเขาต้องหัวหมุนแทบทุกวันตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่วันแรก รู้จักจนสนิทสนมกับพนักงานในบริษัทนี้จนเรียกได้ว่าแทบจะสนิทเท่ากับคนในทีมเขาแล้ว
“ไม่เป็นไรครับพี่อุ้ม ผมซื้อมาเรียบร้อยแล้วครับ”
ทิพากรชูแก้วเก็บความเย็นที่เขาแวะซื้อกาแฟร้านดังที่ชั้นล่างของอาคารก่อนขึ้นมาที่ชั้น 32 นี้ ก่อนจะนั่งลงเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเริ่มทำงานของตัวเอง
เขาเลิกงานดึกมาหลายวันแล้ว และถ้าวันนี้ไม่เริ่มทำแต่เช้าคงไม่พ้นต้องอยู่ดึกประหนึ่งว่าได้ OT (การทำงานล่วงเวลา) เหมือนพนักงานของที่นี่คนอื่น ๆ
อีกเพียงอาทิตย์เดียวโปรเจกต์ที่เขาดูแลก็จะจบลงแล้ว ตอนนี้พนักงานของบริษัทคุณกานต์หลายแผนกเริ่มใช้งานโปรแกรมกันคล่องแล้วจากการทดลองใช้งานรอบล่าสุด และหากการทดลองใช้รอบสุดท้ายของแผนกการตลาดในวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี เขาและทีมก็สามารถปิดโปรเจกต์และกลับไปทำงานที่บริษัทต้นสังกัดเหมือนเดิมได้เลย
“น้องทิ มาแต่เช้าอีกแล้วนะ งานหนักเลยใช่ไหมเนี่ย พวกพี่บอกแล้วว่าอย่ารับเลยงานที่ปรึกษาไอทีเนี่ย ดูสิ หน้าโทรมไปตั้งเยอะ”
รุ่นพี่ในทีมเขาเอ่ยทักเมื่อมาถึงตรงตามเวลาเริ่มทำงานแบบเป๊ะ ๆ ไม่นานคนอื่น ๆ ก็ทยอยเข้ามานั่งล้อมโต๊ะประชุมตัวใหญ่ซึ่งตอนนี้ถูกดัดแปลงเป็นโต๊ะทำงานของทีมเขาชั่วคราวระหว่างที่ยังอยู่ที่นี่
“ไม่หนักมากหรอกครับ ผมทำไหว”
ทิพากรตอบไปแบบนั้น ทั้งที่ความจริงเขาไม่ได้มีสิทธิ์เลือกด้วยซ้ำ อันที่จริงการทำงานด้านนี้เป็นเรื่องที่เขาถนัดและชอบที่สุดนั่นจึงทำให้งานมากมายในแต่ละวันไม่ทำให้รู้สึกทรมานเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ทำให้ทิพากรห่อเหี่ยวใจในทุกวันคงเป็นเพราะ...
เขาแทบไม่ได้เจอคุณกานต์เลยนอกจากการเดินสวนกันไปมาในพื้นที่ของชั้น 32 เวลาที่เขาถูกเรียกให้ไปช่วยแก้ปัญหาที่แผนกไอที
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทิพากรเอาแต่คอยมองหาคนที่เขาปฏิเสธคำสารภาพรักไปเอง ในตอนนี้กลับเป็นเขาที่ร้องเรียกหาไม่หยุดอยู่ภายในใจ อยากได้ความอบอุ่นนั้นกลับมาอีกครั้งแม้จะรู้ดีว่าหากได้มา ความอบอุ่นจากคุณกานต์อาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการอันร้อนแรงและแสนประหลาดของตัวเขา
หลังผ่านพ้นช่วงสี่โมงเย็นไป ทิพากรและคนในทีมก็ถอนหายใจพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย การทดสอบโปรแกรมของฝ่ายการตลาดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และสัปดาห์นี้คงเป็นสัปดาห์สุดท้ายสำหรับการตามเก็บผลตอบรับและแก้ปัญหาให้ผู้ใช้หลังจากใช้งานระบบจริง
“น้องทิไม่ไปด้วยกันจริงเหรอ อุตส่าห์ผ่านเทสต์สุดท้ายมาได้แล้ว น่าจะไปเมากับพวกพี่สักหนึ่งยกนะ” รุ่นพี่สาวในทีมเขาถามย้ำอีกครั้งในขณะที่มือก็เก็บของต่าง ๆ ลงกระเป๋าสะพายเตรียมตัวกลับ
“งานผมยังไม่จบนี่ครับ เอาไว้เลี้ยงใหญ่ปิดโปรเจกต์จริง ๆ ผมไม่พลาดแน่นอน” ทิพากรหมายความแบบนั้นจริง ๆ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากไปร่วมฉลองกับคนในทีมหลังจากผ่านช่วงสำคัญช่วงสุดท้ายของโปรเจกต์มาได้ เพียงแต่เขายังมีหน้าที่อีกอย่างที่ต้องดูแลต่ออีก
เมื่อคนในทีมต่างทยอยออกไปจากห้อง ทิพากรจึงย้ายตัวเองไปหารุ่นน้องแผนกไอทีของบริษัทคุณกานต์ซึ่งรอเขาอยู่ที่ชั้น 33 ไม่อยากเชื่อว่าแค่การแก้โคดง่าย ๆ ทีมไอทีของคุณกานต์ยังไม่สามารถทำได้ ไม่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงถูกเรียกหาแทบทุกชั่วโมงตั้งแต่เข้ามานั่งดูแลเรื่องโปรแกรมและระบบหลังบ้านที่บริษัทนี้
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป บริษัทคุณกานต์คงแย่แน่
“ขอบคุณมากเลยครับพี่ทิ ไม่ได้พี่ผมตายแน่”
“ทำไมไม่บอกคุณกานต์ไปตรง ๆ ล่ะครับว่าไม่ถนัดเรื่องเขียนโคด ผมว่าแค่หาคนมาเสริมทีมอีกคนกับเนื้องานที่คนในทีมถือกันอยู่ตอนนี้ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้นะครับ” ทิพากรพูดเรื่องนี้เป็นรอบที่สามแล้ว หลังจากต้องขึ้นมาแก้ไขบัค (ปัญหาที่เกิดขึ้นกับโปรแกรมอันเนื่องมาจากคำสั่งในโปรแกรมนั้น ซึ่งทำให้การทำงานของโปรแกรมไม่ถูกต้อง มีข้อผิดพลาด หรือไม่ราบรื่นเท่าที่ควร) เดิม ๆ ของโปรแกรมให้
“ใครจะกล้าล่ะครับ คุณกานต์ดูน่ากลัวจะตายไป”
“น่ากลัว?”
“ครับ น่ากลัว พี่ทิไม่สังเกตเหรอครับตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เคยเห็นพนักงานคนไหนคุยเล่นกับคุณกานต์บ้าง จะคุยทีเขาก็คุยผ่านเลขากันทั้งนั้นแหละครับ” คนพูดลูบแขนไปมาทำอย่างกับอากาศในนี้หนาวเสียเหลือเกินทั้งที่เครื่องปรับอากาศตั้งไว้แค่ 23 องศาเท่านั้น
“ผมว่าไม่หรอกครับ เท่าที่ผมรู้ คุณกานต์เขามีความสนใจเรื่องไอทีอยู่เหมือนกันนะครับ แถมเข้าใจเรื่องโคดพื้นฐานด้วย ผมว่า...”
“ยิ่งเข้าใจนั่นแหละครับ ยิ่งน่ากลัว ผมเองก็เพิ่งจบมาได้ไม่กี่ปีเอง มาทำงานที่นี่ที่แรกก็เป็นบริษัทสตาร์ตอัป (กิจการที่มีโมเดลธุรกิจในการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการ โดยเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด) แทบจะต้องมานั่งเริ่มใหม่ ถ้าไม่ได้พี่ทิผมคงหัวระเบิดตาย”
“ผมอยู่ช่วยตลอดไม่ได้หรอกนะครับ หมดสัปดาห์นี้ หน้าที่ที่ปรึกษาแผนกไอทีผมก็จบลงด้วยเหมือนกัน ยังไงคุณก็ต้องแก้ปัญหาพวกนี้ต่อให้ได้” ทิพากรวางมือบนบ่ารุ่นน้องร่วมสถาบัน แม้ว่าเขาจะจบมานานแล้วก็ตาม
“ทำไมยังไม่กลับกันอีก งานยังไม่เสร็จหรือไง”
เสียงทุ้มคุ้นเคยที่ห่างหายจากการได้ยินไปนานดังขึ้นมาจากทางประตูห้องเซิร์ฟเวอร์ อติกานต์ยืนอยู่ตรงนั้น ร่างสูงสง่าในชุดสูทเต็มยศเหมือนทุกทีที่ทิพากรเคยเห็น
“ค...ครับ” รุ่นน้องแผนกไอทีตอบ
“กี่โมงแล้ว ทำไมยังไปกวนคุณทิเขาอีก”
“เอ่อ...ขอโทษครับ เสร็จพอดีเลย ขอบคุณมากนะครับพี่ทิ อย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบหนุ่มไอดีก็ปลีกตัวเดินเบี่ยงหลบเจ้าของบริษัทที่ยังยืนอยู่หน้าประตูหายออกไปอย่างรวดเร็ว
“คุณกานต์...ยังไม่กลับเหรอครับ” ทิพากรพอจะนึกออกแล้วว่าคำที่รุ่นน้องเขาบอกว่าคุณกานต์น่ากลัวเป็นอย่างไร คงเป็นใบหน้านิ่งเคร่งขรึมตอนที่พูดกับรุ่นน้องคนเมื่อกี้นี่แหละ
“รีบกลับไหม? ผมอยากคุยธุระกับคุณทิสักหน่อย ไม่นานหรอก”
สามวันทีเดียวที่หัวหน้าแผนกไอทีไม่ได้มาทำงาน ด้วยเหตุผลว่าลาป่วย นั่นไม่ได้สร้างความแปลกใจอะไรกับพนักงานในบริษัทคนอื่น ๆ ถ้าหากว่าคนที่มาแจ้งลาให้ทิพากรไม่ใช่เจ้าของบริษัทอย่างอติกานต์ ทั้งยังเอ่ยปากกำชับกับฝ่ายบุคคลว่าไม่ต้องทวงใบรับรองแพทย์กับเจ้าตัว ทั้งที่ตามระเบียบแล้วหากพนักงานลาป่วยเกิน 1 วันจะต้องส่งใบรับรองแพทย์ตามมาให้ฝ่ายบุคคลนอกจากความสงสัยเรื่องที่ผู้บริหารหนุ่มหล่อไปสนิทสนมกับหัวหน้าแผนกไอทีขนาดที่เดินมาลางานให้อีกฝ่ายด้วยตัวเองแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกหัวข้อหนึ่งที่พนักงานในบริษัทเริ่มตั้งวงซุบซิบกันคือ...อติกานต์ ผู้บริหารหนุ่ม เจ้าระเบียบและน่าเกรงขามคนนี้ อาจจะกำลังออกเดตกับใครสักคนอยู่หลายวันมานี้พนักงานหลายคนต่างได้รับรอยยิ้มบางทรงเสน่ห์จากผู้บริหารซึ่งปกติไม่ค่อยได้เห็นอติกานต์ยิ้มนัก แม้ในวันที่ไม่มีเรื่องยุ่งยากใจให้จัดการ หรือแม้แต่วันที่คู่ค้าเซ็นสัญญาร่วมโครงการสำเร็จ อติกานต์ก็มีเพียงใบหน้านิ่งเท่านั้น เรื่องนี้ทำเอาพนักงานบางคนถึงขั้นวิตกกังวลจนพานคิดมากว่าตัวเองกำลังจะถูกไล่ออกแต่ทว่าต้องยอมรับว่าอติกานต์ที่ดูอารมณ์ดีและเ
อติกานต์ตวัดเสื้อสูทของตนคุมร่างอ่อนปวกเปียกของหัวหน้าแผนกไอทีไว้จนมิดชิด เมื่อหันไปมองที่ผนังกระจกด้านที่สามารถมองออกไปเห็นวิวอาคารบ้านเรือนในเมืองหลวงจากมุมสูงได้ อติกานต์ก็พบว่าในตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว ลำแสงสีส้มแผ่บนท้องฟ้าแคบคงเรื่อย ๆ เมื่อพระอาทิตย์กำลังโคจรไปอีกด้านหนึ่งของโลกก่อนหน้านี้เขาสอนงานหัวหน้าแผนกไอทีอยู่นาน ทบทวนบททดสอบอยู่หลายครั้งจนนักเรียนคนเก่งเหนื่อยล้าเขาจึงพาไปนอนที่โซฟารับรองแขกภายในห้องแน่นอนว่าถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้ามาในห้องทำงานของผู้บริหาร หลังจากเลขาสาวโทรเข้ามาที่โต๊ะทำงานด้วยความห่วงใยว่าถึงเวลาเลิกงานแล้ว จะให้เธอเรียกคนขับรถ หรือไปซื้อยาแก้ปวดลดไข้มาให้หรือไม่อติกานต์ปฏิเสธความหวังดีนั้นไปอย่างไม่ต้องคิด นั่นเพราะเขาไม่ได้ป่วยจริง ที่เลขาของเขาเข้าใจไปแบบนั้นก็คงไม่พ้นเป็นฝีมือของเพื่อนสนิทตัวดีอย่างไดจิแต่เขาก็ต้องขอบคุณ ที่เรื่องโกหกของเพื่อนเขาส่งผลให้เลขาหน้าห้องของเขาเลื่อนตารางนัด ดักแฟ้มเอกสารและพนักงานฝ่ายต่าง ๆ ที่ต้องการเข้าพบออกไปก่อนทิพากรยังคงหลับสนิทจากความอ่อนเพลียร่างเปลือยเปล่าสวม
ท่ามกลางเสียงวุ่นวายของพนักงานออฟฟิศที่กลับมาขับเคลื่อนบริษัทของนักธุรกิจดาวรุ่งอีกครั้งซึ่งดังแว่วเข้ามาภายในห้องให้ได้ยินเป็นระยะ ๆ เงาร่างเลือนรางของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่นอกผนังกระจกฝ้าของห้องทำงานผู้บริหาร ยังไม่รวมประตูที่เจ้าของห้องไม่คิดจะล็อก แสงไฟภายในห้องที่สว่างเพียงพอตามมาตรฐานความสว่างในที่ทำงานทุกองค์ประกอบส่งผลให้หัวใจของทิพากรเต้นระรัว กลัวว่าจะถูกจับได้หากมีใครสักคนเข้ามาเห็นเข้า แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าในความกลัวนั้นมีความตื่นเต้นแทรกอยู่มากพอสมควรเมื่อทิพากรอ้าปากรับความแข็งขืนของอติกานต์เข้าไปในโพรงปาก อีกฝ่ายก็หลับตาลงข่มอารมณ์จากสัมผัสอุ่นชื้น เสียงคำรามทุ้มต่ำในลำคอดังลอดออกมาเบา ๆ อติกานต์ยื่นมือไปวางไว้บนกลุ่มผมนุ่มขยุ้มมันเบา ๆ อย่างหาที่ระบายไม่ได้มีเพียงหัวหน้าแผนกไอทีคนเดียวที่ต้องข่มกลั้นเสียงแห่งราคะริมฝีปากเล็กยังคงทำหน้าที่ได้ดี ลิ้นนุ่มแลบเลียไปทั่วตัวตนของเขาราวกับเด็กน้อยได้ชิมไอศกรีมรสโปรด“อือ คุณทำได้ดีนี่” อติกานต์ตบแก้มตอบจากการดูดดุนตัวตนของเขาอย่างตั้งอกตั้งใจแรง ๆ ไปสองสามทีจนม
ความเงียบปกคลุมห้องทำงานส่วนตัวของผู้บริหารซึ่งล้อมด้วยผนังกระจกติดฟิล์มฝ้าถึงสามด้าน ไฟทุกดวงในห้องปิดลงแล้วหลังจากเจ้าของห้องออกไปทำธุระข้างนอกบริษัทตามที่ได้บอกเอาไว้เมื่ออติกานต์ก้าวเท้าออกจากประตู ทิพากรก็ก้าวตามออกมาด้วยเช่นกัน หากแต่จุดหมายเขาคือโต๊ะทำงานของตัวเอง อีกไม่กี่นาทีจะถึงเวลาพักเที่ยง ทิพากรจึงมีเวลาไม่มากสำหรับการคิดหาหนทางเข้าไปนั่งหมอบที่ใต้โต๊ะทำงานตัวใหญ่ตามที่อีกฝ่ายบอกไว้โดยที่ไม่ให้พนักงานคนอื่น ๆ สงสัยปากกาเจลสีน้ำเงินถูกหยิบขึ้นมาเขียนโน้ตแปะไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ว่าเจ้าของตำแหน่งหัวหน้าแผนกไอทีต้องออกไปทำธุระข้างนอกให้คุณกานต์ในช่วงบ่าย หลังจากที่เขาเอ่ยปฏิเสธคำชวนของสองสาวที่ชักชวนไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านชาบูเปิดใหม่ถัดไปไม่ไกลจากตึกสำนักงานเมื่อพนักงานเบาบางลง ทิพากรคว้ากระเป๋าเอกสารแล้วเดินออกไปจากโต๊ะ เพื่อแสดงละครให้แนบเนียนว่าหัวหน้าแผนกไอทีผู้นี้ออกไปจากออฟฟิศแล้วจริง ๆ แต่ก่อนที่จะถึงหน้าลิฟต์ ทิพากรหันหลังไปมองพนักงานที่ยังเหลืออยู่ในออฟฟิศ ทุกคนง่วนอยู่กับเวลาพักกลางวันของตัวเอง บางกินข้าวกล่องที่ห่อมาบ้างก็หลับตางีบหลับ
“วันจันทร์หลังผมประชุมบอร์ดตอนเก้าโมงเสร็จ คุณเข้ามาพบผมที่ห้องทำงานด้วย เราจะมาตกลงรายละเอียดเรื่องของเรากัน”นั่นคือประโยคที่อติกานต์ทิ้งไว้หลังจากที่อีกฝ่ายขับรถมาส่งเขาถึงคอนโด การที่อติกานต์สามารถขับรถตรงมาที่คอนโดเขาได้โดยไม่เอ่ยถามทางสักคำทำให้ทิพากรตกใจอยู่พอสมควร แต่เมื่อพยายามคิดหาเหตุผล เขาก็ได้ข้อสรุปด้วยตัวเองว่า อติกานต์อาจจะเห็นที่อยู่ของเขาจากประวัติพนักงานก็ได้ตลอดวันหยุดทิพากรไม่ได้ออกไปไหน เขาใช้เวลาทั้งวันในการหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่สตูดิโอ แม้จะไม่ชัดเจนนัก แต่เขาจำได้ทุกอย่าง ความดิบเถื่อนของอติกานต์ที่แสดงออกมาไม่ทำให้เขาหวาดกลัวเลยสักนิด กลับกันมันยิ่งทำให้เขารู้สึกใจเต้นระรัวทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์ที่สตูดิโอความรู้สึกถึงส่วนแข็งขึงที่ชนผนังคอหอยของเขาจนสำลักน้ำหูน้ำตาไหลยิ่งกระตุ้นความสุขของเขามากกว่าการสวมใส่ถุงน่องยามช่วยตัวเองเสียอีก เขาไม่คิดว่าเส้นแบ่งระหว่างพนักงานและเจ้านาย รวมถึงภาพชายหนุ่มธรรมดาสองคนที่เคยเดตกันด้วยความอ่อนโยนอบอุ่นในอดีตจะถูกทำลายลงเร็วขนาดนี้แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้นกับวันจ
ทิพากรนั่งนิ่งมองดูอติกานต์ที่ค่อย ๆ ปลดเข็มขัดออก การขยับเคลื่อนไหวของมือใหญ่ตรงหน้าดูจะเชื่องช้าเหลือเกินในใจของคนที่ได้แต่นั่งดู ทั้งที่ดื่มไวน์แดงรสเลิศไปแล้วหลายอึก ทว่าทิพากรกลับรู้สึกคอแห้งจนต้องกลืนก้อนน้ำลายลงไปคอเพื่อดับความกระหายเมื่อซิปกางเกงถูกปลดลง ความปรารถนาในใจที่ถูกทำลายความยับยั้งลงไปด้วยแอลกอฮอล์จึงทำให้ทิพากรไม่สามารถอดใจตนเองได้ คนอยู่ต่ำกว่าจึงยื่นใบหน้าไปใกล้จนปลายจมูกชิดชั้นในสีดำสนิทของอติกานต์ ทิพากรส่งเสียงครางหวานออกมาเบา ๆ เมื่ออติกานต์เองก็ขยับเท้าเข้ามา ยิ่งทำให้ใบหน้าแนบชิดกับส่วนที่แข็งขึงภายในเนื้อผ้ายืดหยุ่นศีรษะของทิพากรถูกลูบเบา ๆ จากฝ่ามือร้อน กดน้ำหนักเล็กน้อยเพื่อให้ใบหน้าของนายแบบมือสมัครเล่นบดเบียดกับอวัยวะส่วนล่าง อีกฝ่ายถูไถใบหน้าไปมาอย่างหลงใหล การกระทำนั้นเรียกเสียงหัวเราะในลำคออย่างพอใจจากอติกานต์ ประทับใจจนต้องยกกล้องขึ้นมาบันทึกภาพความน่ารักเก็บเอาไว้“รู้จักอ้อนเป็นแมวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”อติกานต์รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ ในมุมนี้ทิพากรไม่ต่างอะไรกับแมวช่างอ้อนที่ชอบถูไถตัวกับแข่งขาเจ้าของ เ