หลังกลับถึงคอนโด ทิพากรใช้เวลาอยู่นานกับการออกไปนั่งเหม่อมองท้องฟ้าที่ระเบียงเล็ก ๆ ของตัวเอง ทบทวนถึงบทสนทนาที่คุณกานต์พูดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะแยกกัน
“คุณทิสนใจมาทำงานกับผมไหม”
“แต่ว่า…”
“คุณเหลือสัญญาอีกกี่เดือน เขาให้เงินเดือนคุณเท่าไหร่”
ทิพากรนิ่งอึ้งกับคำถามที่ถูกยิงใส่แบบไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน นี่เขากำลังถูกคุณกานต์ทาบทามซื้อตัวมาทำงานด้วยอย่างนั้นหรือ แล้วเขาควรจะตอบไปว่าอย่างไรดี ควรจะตอบตกลงไปเลยตามเสียงเรียกร้องในใจ หรือควรจะปฏิเสธ
“คุณกลับไปคิดก่อนก็ได้ ยังไม่ต้องตอบตอนนี้ เท่าที่ผมรู้มา สัญญาจ้างของคุณกับบริษัทนั้นกำลังจะหมดใช่ไหม ถึงเวลานั้นถ้าคุณอยากต่อสัญญากับบริษัทเดิมผมก็เคารพการตัดสินใจของคุณ แต่ถ้าคุณสนใจมาทำงานกับผม คุณจะได้ทุกอย่างมากกว่าที่คุณเคยได้จากบริษัทเก่าแน่นอน”
ตลอดวันทำงานที่เหลือทิพากรไม่ได้พบกับอติกานต์เลย เขาได้ยินมาจากเลขาของคุณกานต์ว่าเจ้าตัวบินไปดูงานที่ต่างประเทศ และน่าจะกลับมาหลังวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ซึ่งคงไม่ทันวันสุดท้ายที่เขาจะอยู่ทำงานที่นี่
ในที่สุดก็ถึงวันที่ทิพากรต้องออกจากบริษัทของอติกานต์ มีงานเลี้ยงจบโปรเจกต์เล็ก ๆ เป็นการขอบคุณทีมของเขาจากพนักงานบริษัทคุณกานต์ที่ทีมเขาได้ประสานงานด้วยบ่อย ๆ มันเป็นเพียงการทานข้าวร่วมกันมื้อเดียวในตอนเย็นวันสุดท้าย แต่กลับเต็มไปด้วยอาหารจานหรูในห้องอาหารที่ถูกจองไว้พิเศษเพื่อความเป็นส่วนตัว
“เต็มที่เลยนะคะ มื้อนี้คุณกานต์เป็นสปอนเซอร์ใหญ่ไม่จำกัดงบค่า” เลขาสาวของคุณกานต์ที่มาร่วมงานเลี้ยงด้วยพูดขึ้นในขณะที่เจ้าตัวเพิ่งสั่งอาหารหลายสิบอย่างไปอย่างกระตือรือร้น
กว่างานเลี้ยงเล็ก ๆ จะจบลงก็กินเวลาไปเกือบสี่ทุ่ม เพราะเลขาสาวสั่งไวน์หรูมาชนแก้วฉลองอีกขวดใหญ่ ทิพากรดื่มไปเพียงเล็กน้อยก็ขอตัวกลับปล่อยให้คนที่ยังสนุกกับการดื่มได้สนุกสนานกันต่อไป
เมื่อออกมาจากงานเลี้ยงทิพากรไม่ได้ตรงกลับคอนโดทันทีตามที่ได้เอ่ยอ้างกับคนอื่น ๆ ในงานเลี้ยง เขาแวะมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะไม่ไกลจากคอนโด หาจุดที่ไม่เปลี่ยวมากนักนั่งปล่อยเวลาไปกับการเหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำของเมืองหลวง แสงไฟสว่างไสวจากตึกสูงรอบสวนสาธารณะรบกวนความสว่างของดวงดาวจนมองไม่เห็นสักดวง ทั้งที่เป็นแบบนั้นทิพากรก็ยังคงมองไปบนท้องฟ้าว่างเปล่าไม่ละไปไหน
ในหัวยังคงรู้สึกสับสนกับข้อเสนอของอติกานต์ว่าตัวเขาควรจะตัดสินใจเลือกแบบไหนดี แม้มันจะดูเป็นโอกาสที่ดี แต่การเปลี่ยนงานก็ไม่ใช่เรื่องที่ตัดสินใจได้ง่าย ๆ ในเวลาอันสั้น โดยเฉพาะเมื่อมันเกี่ยวข้องกับ...คุณกานต์
ทิพากรถอนหายใจยาวก่อนจะก้มลงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไล่ดูรายชื่อแล้วกดโทรออกไปหาเพื่อนสนิท
(ฮัลโหล เล้ง)
(ไอ้ทิ นี่นายรู้เวลาไหมเนี่ย นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วนะโว้ย) เสียงอีกฝ่ายดูง่วงงุนเหมือนเพิ่งเข้านอนได้ไม่นาน ถึงแบบนั้นก็บ่นคนที่โทรมากวนเวลานอนออกมาจนคล่องปาก
(ปกติไม่เห็นเคยนอนไวกว่าตีสาม)
(ก็วันนี้ฉันง่วงเร็ว ก็นอนเร็ว แปลกมากหรือไง แล้วนี่มีอะไร)
(ขอโทษที มีเรื่องจะปรึกษาน่ะ)
พอได้ยินคำนี้ ปลายสายก็ตื่นเต็มตา การที่ทิพากรมีเรื่องจะปรึกษาใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ เพราะเพื่อนสนิทคนนี้เป็นคนที่ชอบเก็บเรื่องต่าง ๆ ไว้ในใจเพียงคนเดียวมาเสมอ หากได้เอ่ยปากพูด รับรองได้ว่าต้องเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายคิดจนหมดหนทางแล้วแน่ ๆ
(ว่ามาเลย ฉันพร้อมฟังล่ะ) ทิพากรสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนพูด
(เจ้าของบริษัทลูกค้าเราน่ะ...เขาชวนเราไปทำงานด้วย)
(ห๊ะ!? เฮ้ย! นั่นไงเราบอกแล้วว่าคนฝีมือดีอย่างทิต้องโดนซื้อตัวแน่นอน) เสียงเล้งดังจนทิพากรต้องยกโทรศัพท์ออกจากหูเล็กน้อย
(...)
(แล้วเขาเสนออะไรให้บ้าง)
ทิพากรเล่าข้อเสนอทั้งหมดให้ฟัง ทั้งเงินเดือนที่สูงขึ้น สวัสดิการที่ดีกว่า และโอกาสในสายงานที่น่าสนใจ เว้นแต่เรื่องที่ว่าคนเอ่ยชวนไปทำงานด้วยเป็นคนเดียวกับที่เคยมาสารภาพรักกับเขาแล้วครั้งหนึ่งแล้วยังถูกเขาปฏิเสธไปพร้อมกับที่เขาหลบหน้าหลบตาหนีหายมาเกือบปี
เล้งฟังแล้วก็รีบพูดทันที
(ไอ้ทิ ต้องรับแล้วล่ะ! ที่เดิมเขาใช้งานนายหนักแล้วยังจ่ายไม่คุ้ม แถมความคิดเจ้าของบริษัทก็แย่ขนาดนั้น นี่ถือว่าเป็นข้อเสนอที่ดีมาก ๆ เลยนะ ไม่น่าต้องโทรมาถามเราเลย เป็นเรานะ เราตอบตกลงไปตั้งแต่เขาพูดจบแล้วทิเอ๊ย)
ทิพากรเงียบไปครู่หนึ่ง เล้งจึงเสริมต่อ
(แล้วนายจะลังเลข้อเสนอดี ๆ แบบนี้ไปทำไมอีกวะ?)
(ก็...มันเร็วไปปะวะ อีกอย่างเราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ถึงได้ทาบทามเราไปทำงานด้วย)
(คิดอะไรล่ะ? เขาเห็นว่านายมีความสามารถเลยอยากดึงตัวไปทำงานด้วย ก็แค่นั้น)
ทิพากรไม่ตอบอะไร ที่เพื่อนเขาพูดมีเหตุผล แต่ลึก ๆ แล้ว...ทิพากรก็อดคิดไม่ได้ว่ามันยังมีเหตุผลบางอย่างที่เขาเองก็อธิบายไม่ถูก
(มึงไปนอนคิดดี ๆ แล้วกัน) เล้งตัดบท (แต่เราบอกเลย ถ้านายพลาดโอกาสนี้นะ เจอเราบ่นไปอีกสามปี)
(อือ รู้แล้ว ๆ)
(ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม งั้นวางสายนะ ง่วงจะตายห่าแล้ว)
หลังวางสาย ทิพากรยังคงนั่งคิดนอนคิดตลอดทั้งคืน มองเพดานห้องพลางไตร่ตรองทุกอย่างซ้ำไปมา เขาไม่เคยคิดว่าจะได้รับข้อเสนอที่ดีแบบนี้ และที่สำคัญข้อเสนอนี้มาจากอติกานต์ คนที่เขาเคยผลักให้ไปอยู่ไกลเกินเอื้อมทั้งที่อยากกอดเก็บเอาไว้ติดกายทุกค่ำคืน
สุดท้าย ทิพากรก็ได้คำตอบของตัวเองในเช้าของวันหยุดอีกวัน
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ของอติกานต์ ตัวเลข 10 ตัวที่เขาไม่เคยลืมเลยสักวัน เสียงรอสายดังในโสตประสาทอยู่พักใหญ่ก็ยังไม่มีคนรับสาย ดวงตากลมจึงหันไปมองนาฬิกาดิจิตอลที่หัวเตียง
6:00 A.M.
ฉิบหายแล้ว เช้าขนาดนี้คุณกานต์อาจจะยังนอนพักผ่อนอยู่ก็ได้ วันนี้ก็น่าจะเป็นวันหยุดของคุณกานต์เช่นกัน ทิพากรตกใจที่ตนเสียมารยาทจนโทรหาว่าที่เจ้านายคนใหม่แต่เช้าตรู่ในวันหยุด กำลังจะกดวางสายสัญญาณฝากข้อความเสียงก็ดังขึ้น เขาลังเลเล็กน้อยก่อนตัดสินใจฝากข้อความเสียงเอาไว้แทน
“คุณกานต์ครับ ผมคิดเรื่องข้อเสนอของคุณแล้ว...ผมตัดสินใจจะรับมันนะครับ”
ทิพากรคิดประโยคคำพูดได้เพียงเท่านั้นก็รีบกดวางสาย ร่างเล็กถอนหายใจอย่างโล่งอก นี่อาจเป็นก้าวสำคัญในชีวิตเขาก็ได้
แต่เขายังไม่รู้เลยว่า...ก้าวนี้จะพาเขาไปสู่เรื่องราวแบบไหนต่อไป
แต่ที่ทิพากรค่อนข้างมั่นใจเลยก็คือ เส้นทางใหม่ครั้งนี้เขาต้องเตรียมรับมือกับความรู้สึกของตัวเองให้ดี เพราะทันทีที่บอกการตัดสินใจออกไป เมื่อเขากลับออกมาจากการอาบน้ำแต่งตัว ข้อความแจ้งเตือนที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือจากว่าที่เจ้านายคนใหม่ก็พาให้ใจที่สงบนิ่งแล้วกลับมาเต้นแรงราวกับเขากำลังขึ้นรถไฟเหาะอีกครั้ง
นิ้วเรียวนิ่งค้างอยู่เหนือหน้าจออยู่พักใหญ่ ก่อนที่เจ้าของโทรศัพท์จะสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วกดเปิดข้อความเสียงที่ถูกฝากเอาไว้
(ดีใจที่ได้ยินคำว่าตกลงจากคุณทินะครับ หวังว่าเราจะเข้ากันได้ดี ว่าแต่...วันหยุดทั้งทีทำไมตื่นเช้านักล่ะครับ)
สามวันทีเดียวที่หัวหน้าแผนกไอทีไม่ได้มาทำงาน ด้วยเหตุผลว่าลาป่วย นั่นไม่ได้สร้างความแปลกใจอะไรกับพนักงานในบริษัทคนอื่น ๆ ถ้าหากว่าคนที่มาแจ้งลาให้ทิพากรไม่ใช่เจ้าของบริษัทอย่างอติกานต์ ทั้งยังเอ่ยปากกำชับกับฝ่ายบุคคลว่าไม่ต้องทวงใบรับรองแพทย์กับเจ้าตัว ทั้งที่ตามระเบียบแล้วหากพนักงานลาป่วยเกิน 1 วันจะต้องส่งใบรับรองแพทย์ตามมาให้ฝ่ายบุคคลนอกจากความสงสัยเรื่องที่ผู้บริหารหนุ่มหล่อไปสนิทสนมกับหัวหน้าแผนกไอทีขนาดที่เดินมาลางานให้อีกฝ่ายด้วยตัวเองแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกหัวข้อหนึ่งที่พนักงานในบริษัทเริ่มตั้งวงซุบซิบกันคือ...อติกานต์ ผู้บริหารหนุ่ม เจ้าระเบียบและน่าเกรงขามคนนี้ อาจจะกำลังออกเดตกับใครสักคนอยู่หลายวันมานี้พนักงานหลายคนต่างได้รับรอยยิ้มบางทรงเสน่ห์จากผู้บริหารซึ่งปกติไม่ค่อยได้เห็นอติกานต์ยิ้มนัก แม้ในวันที่ไม่มีเรื่องยุ่งยากใจให้จัดการ หรือแม้แต่วันที่คู่ค้าเซ็นสัญญาร่วมโครงการสำเร็จ อติกานต์ก็มีเพียงใบหน้านิ่งเท่านั้น เรื่องนี้ทำเอาพนักงานบางคนถึงขั้นวิตกกังวลจนพานคิดมากว่าตัวเองกำลังจะถูกไล่ออกแต่ทว่าต้องยอมรับว่าอติกานต์ที่ดูอารมณ์ดีและเ
อติกานต์ตวัดเสื้อสูทของตนคุมร่างอ่อนปวกเปียกของหัวหน้าแผนกไอทีไว้จนมิดชิด เมื่อหันไปมองที่ผนังกระจกด้านที่สามารถมองออกไปเห็นวิวอาคารบ้านเรือนในเมืองหลวงจากมุมสูงได้ อติกานต์ก็พบว่าในตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว ลำแสงสีส้มแผ่บนท้องฟ้าแคบคงเรื่อย ๆ เมื่อพระอาทิตย์กำลังโคจรไปอีกด้านหนึ่งของโลกก่อนหน้านี้เขาสอนงานหัวหน้าแผนกไอทีอยู่นาน ทบทวนบททดสอบอยู่หลายครั้งจนนักเรียนคนเก่งเหนื่อยล้าเขาจึงพาไปนอนที่โซฟารับรองแขกภายในห้องแน่นอนว่าถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้ามาในห้องทำงานของผู้บริหาร หลังจากเลขาสาวโทรเข้ามาที่โต๊ะทำงานด้วยความห่วงใยว่าถึงเวลาเลิกงานแล้ว จะให้เธอเรียกคนขับรถ หรือไปซื้อยาแก้ปวดลดไข้มาให้หรือไม่อติกานต์ปฏิเสธความหวังดีนั้นไปอย่างไม่ต้องคิด นั่นเพราะเขาไม่ได้ป่วยจริง ที่เลขาของเขาเข้าใจไปแบบนั้นก็คงไม่พ้นเป็นฝีมือของเพื่อนสนิทตัวดีอย่างไดจิแต่เขาก็ต้องขอบคุณ ที่เรื่องโกหกของเพื่อนเขาส่งผลให้เลขาหน้าห้องของเขาเลื่อนตารางนัด ดักแฟ้มเอกสารและพนักงานฝ่ายต่าง ๆ ที่ต้องการเข้าพบออกไปก่อนทิพากรยังคงหลับสนิทจากความอ่อนเพลียร่างเปลือยเปล่าสวม
ท่ามกลางเสียงวุ่นวายของพนักงานออฟฟิศที่กลับมาขับเคลื่อนบริษัทของนักธุรกิจดาวรุ่งอีกครั้งซึ่งดังแว่วเข้ามาภายในห้องให้ได้ยินเป็นระยะ ๆ เงาร่างเลือนรางของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่นอกผนังกระจกฝ้าของห้องทำงานผู้บริหาร ยังไม่รวมประตูที่เจ้าของห้องไม่คิดจะล็อก แสงไฟภายในห้องที่สว่างเพียงพอตามมาตรฐานความสว่างในที่ทำงานทุกองค์ประกอบส่งผลให้หัวใจของทิพากรเต้นระรัว กลัวว่าจะถูกจับได้หากมีใครสักคนเข้ามาเห็นเข้า แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าในความกลัวนั้นมีความตื่นเต้นแทรกอยู่มากพอสมควรเมื่อทิพากรอ้าปากรับความแข็งขืนของอติกานต์เข้าไปในโพรงปาก อีกฝ่ายก็หลับตาลงข่มอารมณ์จากสัมผัสอุ่นชื้น เสียงคำรามทุ้มต่ำในลำคอดังลอดออกมาเบา ๆ อติกานต์ยื่นมือไปวางไว้บนกลุ่มผมนุ่มขยุ้มมันเบา ๆ อย่างหาที่ระบายไม่ได้มีเพียงหัวหน้าแผนกไอทีคนเดียวที่ต้องข่มกลั้นเสียงแห่งราคะริมฝีปากเล็กยังคงทำหน้าที่ได้ดี ลิ้นนุ่มแลบเลียไปทั่วตัวตนของเขาราวกับเด็กน้อยได้ชิมไอศกรีมรสโปรด“อือ คุณทำได้ดีนี่” อติกานต์ตบแก้มตอบจากการดูดดุนตัวตนของเขาอย่างตั้งอกตั้งใจแรง ๆ ไปสองสามทีจนม
ความเงียบปกคลุมห้องทำงานส่วนตัวของผู้บริหารซึ่งล้อมด้วยผนังกระจกติดฟิล์มฝ้าถึงสามด้าน ไฟทุกดวงในห้องปิดลงแล้วหลังจากเจ้าของห้องออกไปทำธุระข้างนอกบริษัทตามที่ได้บอกเอาไว้เมื่ออติกานต์ก้าวเท้าออกจากประตู ทิพากรก็ก้าวตามออกมาด้วยเช่นกัน หากแต่จุดหมายเขาคือโต๊ะทำงานของตัวเอง อีกไม่กี่นาทีจะถึงเวลาพักเที่ยง ทิพากรจึงมีเวลาไม่มากสำหรับการคิดหาหนทางเข้าไปนั่งหมอบที่ใต้โต๊ะทำงานตัวใหญ่ตามที่อีกฝ่ายบอกไว้โดยที่ไม่ให้พนักงานคนอื่น ๆ สงสัยปากกาเจลสีน้ำเงินถูกหยิบขึ้นมาเขียนโน้ตแปะไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ว่าเจ้าของตำแหน่งหัวหน้าแผนกไอทีต้องออกไปทำธุระข้างนอกให้คุณกานต์ในช่วงบ่าย หลังจากที่เขาเอ่ยปฏิเสธคำชวนของสองสาวที่ชักชวนไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านชาบูเปิดใหม่ถัดไปไม่ไกลจากตึกสำนักงานเมื่อพนักงานเบาบางลง ทิพากรคว้ากระเป๋าเอกสารแล้วเดินออกไปจากโต๊ะ เพื่อแสดงละครให้แนบเนียนว่าหัวหน้าแผนกไอทีผู้นี้ออกไปจากออฟฟิศแล้วจริง ๆ แต่ก่อนที่จะถึงหน้าลิฟต์ ทิพากรหันหลังไปมองพนักงานที่ยังเหลืออยู่ในออฟฟิศ ทุกคนง่วนอยู่กับเวลาพักกลางวันของตัวเอง บางกินข้าวกล่องที่ห่อมาบ้างก็หลับตางีบหลับ
“วันจันทร์หลังผมประชุมบอร์ดตอนเก้าโมงเสร็จ คุณเข้ามาพบผมที่ห้องทำงานด้วย เราจะมาตกลงรายละเอียดเรื่องของเรากัน”นั่นคือประโยคที่อติกานต์ทิ้งไว้หลังจากที่อีกฝ่ายขับรถมาส่งเขาถึงคอนโด การที่อติกานต์สามารถขับรถตรงมาที่คอนโดเขาได้โดยไม่เอ่ยถามทางสักคำทำให้ทิพากรตกใจอยู่พอสมควร แต่เมื่อพยายามคิดหาเหตุผล เขาก็ได้ข้อสรุปด้วยตัวเองว่า อติกานต์อาจจะเห็นที่อยู่ของเขาจากประวัติพนักงานก็ได้ตลอดวันหยุดทิพากรไม่ได้ออกไปไหน เขาใช้เวลาทั้งวันในการหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่สตูดิโอ แม้จะไม่ชัดเจนนัก แต่เขาจำได้ทุกอย่าง ความดิบเถื่อนของอติกานต์ที่แสดงออกมาไม่ทำให้เขาหวาดกลัวเลยสักนิด กลับกันมันยิ่งทำให้เขารู้สึกใจเต้นระรัวทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์ที่สตูดิโอความรู้สึกถึงส่วนแข็งขึงที่ชนผนังคอหอยของเขาจนสำลักน้ำหูน้ำตาไหลยิ่งกระตุ้นความสุขของเขามากกว่าการสวมใส่ถุงน่องยามช่วยตัวเองเสียอีก เขาไม่คิดว่าเส้นแบ่งระหว่างพนักงานและเจ้านาย รวมถึงภาพชายหนุ่มธรรมดาสองคนที่เคยเดตกันด้วยความอ่อนโยนอบอุ่นในอดีตจะถูกทำลายลงเร็วขนาดนี้แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้นกับวันจ
ทิพากรนั่งนิ่งมองดูอติกานต์ที่ค่อย ๆ ปลดเข็มขัดออก การขยับเคลื่อนไหวของมือใหญ่ตรงหน้าดูจะเชื่องช้าเหลือเกินในใจของคนที่ได้แต่นั่งดู ทั้งที่ดื่มไวน์แดงรสเลิศไปแล้วหลายอึก ทว่าทิพากรกลับรู้สึกคอแห้งจนต้องกลืนก้อนน้ำลายลงไปคอเพื่อดับความกระหายเมื่อซิปกางเกงถูกปลดลง ความปรารถนาในใจที่ถูกทำลายความยับยั้งลงไปด้วยแอลกอฮอล์จึงทำให้ทิพากรไม่สามารถอดใจตนเองได้ คนอยู่ต่ำกว่าจึงยื่นใบหน้าไปใกล้จนปลายจมูกชิดชั้นในสีดำสนิทของอติกานต์ ทิพากรส่งเสียงครางหวานออกมาเบา ๆ เมื่ออติกานต์เองก็ขยับเท้าเข้ามา ยิ่งทำให้ใบหน้าแนบชิดกับส่วนที่แข็งขึงภายในเนื้อผ้ายืดหยุ่นศีรษะของทิพากรถูกลูบเบา ๆ จากฝ่ามือร้อน กดน้ำหนักเล็กน้อยเพื่อให้ใบหน้าของนายแบบมือสมัครเล่นบดเบียดกับอวัยวะส่วนล่าง อีกฝ่ายถูไถใบหน้าไปมาอย่างหลงใหล การกระทำนั้นเรียกเสียงหัวเราะในลำคออย่างพอใจจากอติกานต์ ประทับใจจนต้องยกกล้องขึ้นมาบันทึกภาพความน่ารักเก็บเอาไว้“รู้จักอ้อนเป็นแมวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”อติกานต์รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ ในมุมนี้ทิพากรไม่ต่างอะไรกับแมวช่างอ้อนที่ชอบถูไถตัวกับแข่งขาเจ้าของ เ