หลังจบบทสนทนาทิพากรก็รีบบอกคุณลุงคนขับแท็กซี่ทันทีว่าขอเปลี่ยนจุดหมายปลายทางใหม่ แม้ว่าคุณลุงจะพยายามหาเส้นทางซอกแซกเพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทางเร็วขึ้นตามที่ทิพากรบอกไว้ แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางเท่าไหร่นัก
สุดท้ายกว่าที่ทิพากรจะมาถึงบริษัทของอติกานต์ก็ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ความจริงแล้วนี่คือวันหยุดของเขา และวันเริ่มทำงานที่ถูกระบุไว้ในสัญญาคือวันจันทร์ที่จะถึงนี้ การที่เขาเข้ามาดูระบบให้วันนี้อาจนับว่าเป็นน้ำใจมากกว่าหน้าที่
ปกติแล้วถ้าเป็นลูกค้ารายอื่นของบริษัทที่เขาเคยเข้าไปช่วยทำระบบหลังบ้านให้ เขาคงปฏิเสธการเข้ามา หากผู้ติดต่อไม่ได้ติดต่อผ่านบริษัทต้นสังกัดของเขา การรับงานโดยตรงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก ยิ่งตำแหน่งลูกจ้างสัญญารายปีแบบเขายิ่งไม่สมควรเท่าไหร่
แต่อาจจะเพราะครั้งนี้อีกฝ่ายเป็น...อติกานต์
ผู้ที่เขาไม่ควรหวังแม้แต่การขอโอกาส แต่ใจมันกลับตอบสนองรวดเร็วเสมอหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของชื่อนั้น
เนื่องจากเป็นวันหยุดซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ที่อยู่ในอาคารนี้ต่างก็หยุดเหมือนกันทำให้อาคารสูงที่เคยคับคั่งไปด้วยพนักงานออฟฟิศดูเงียบจนผิดหูผิดตา ทิพากรกดลิฟต์ไปยังชั้นที่ 33 ตามที่อติกานต์บอกไว้ ชั้นนี้ไม่ต่างจากชั้น 32 ที่ทิพากรเคยเข้ามาฟังรายละเอียดงานเมื่อหลายวันก่อน เพียงแต่โต๊ะทำงานน้อยกว่าชั้นล่างมาก
ยืนงงอยู่หน้าลิฟต์ได้ไม่นาน เจ้าของสายเรียกเข้าก็เดินออกมาจากห้องกระจกติดฟิล์มทึบห้องหนึ่งก่อนจะเดินเข้ามาใกล้เขาขึ้นเรื่อย ๆ
“ขอโทษที่รบกวนวันหยุด ว่าแต่คุณทิว่างจริง ๆ ใช่ไหม”
“ครับ?”
“ไม่มีอะไร ผมแค่เห็นว่าคุณใส่ชุด...ค่อนข้างทางการ เลยคิดว่าคุณอาจจะติดธุระอะไรอยู่หรือเปล่า”
“เอ่อ...พอดีธุระผมเสร็จแล้วครับ” ทิพากรยิ้มเจื่อน เขาไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนั้นไปอย่างไรดี จึงเลือกที่จะตอบตามความจริงออกไปบางส่วน ทิพากรก้มมองตัวเองตามสายตาของอติกานต์ที่ค่อย ๆ มองสำรวจตัวของเขา
นั่นสินะ วันหยุดแบบนี้ใครเขาจะใส่สูทเต็มยศแบบเขาบ้าง แถมยังเป็นแบรนด์เนมทั้งตัวเสียด้วย
จะว่าไปแล้ว...ก็คงจะมีคนหนึ่งที่เขานึกออก
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็ใส่ชุดทางการเหมือนกันไม่ใช่หรือไง
ทิพากรมองสำรวจคนตัวสูงตรงหน้ากลับเช่นกัน แม้จะไม่มีเสื้อสูทสวมทับแบบเขา แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าคุณกานต์คงถอดแขวนไว้ในห้องทำงานหรือไม่ก็พาดไว้บนพนักเก้าอี้ตัวไหนสักตัว
ว่าแต่...การที่สีกางเกง และเสื้อเชิ้ตที่ถอดแบบมาเหมือนกันเป๊ะ ๆ แบบนี้คงเป็นเรื่องบังเอิญใช่ไหมนะ
“ดีใจที่ได้ยินคำว่า เสร็จ ธุระจากคุณนะ ผมโชคดีจริง ๆ ที่โทรไปถูกจังหวะ”
“ค...ครับ”
“มาเถอะครับ ผมไม่อยากกวนวันหยุดคุณทินานนัก”
ทิพากรเดินตามเจ้าของบริษัทและพนักงานเพียงคนเดียวของชั้น 33 ที่เขาเห็นตอนนี้เข้าไปยังห้องที่อติกานต์เพิ่งออกมา กลางห้องทำงานมีโต๊ะตัวใหญ่หนึ่งตัวซึ่งบนนั้นมีจอคอมพิวเตอร์โค้งสามจอต่อกันอย่างสวยงามเป็นระเบียบ ริมผนังด้านหนึ่งเต็มไปด้วยตู้เก็บกล่องสัญญาณมากมายที่มีสายระโยงระยางไปมาจนอาจจะทำให้คนมองเวียนหัว หากแต่ไม่ใช่กับโปรแกรมเมอร์ที่จบมาด้วยคะแนนสูงสุดอย่างทิพากร
“อย่างที่คุณทิรู้ ว่าผมจ้างบริษัทของคุณทิมาดูแลเรื่องโปรเจกต์ที่จะปรับที่นี่ให้ไป Hybrid Working (รูปแบบการทำงานที่พนักงานสามารถเลือกทำงานได้จากที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น ออฟฟิศ บ้าน หรือที่อื่นๆ) ตอนนี้ที่ยังไม่ได้เริ่มรันโปรเจกต์ทางผมมีทีมที่เริ่มทดลองทำงานจากที่อื่นบ้างแล้ว ชั้นนี้เลยเห็นโต๊ะทำงานโล่งหน่อย”
ทิพากรเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งแสดงตัวเลขและโคดรหัสยุ่งเหยิงเต็มไปหมด ข้างกันมีอติกานต์ที่อธิบายเรื่องต่าง ๆ ให้เขาฟังด้วยน้ำเสียงนิ่ง
“ความจริงวันนี้ทีมนั้นต้องดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลที่ออฟฟิศไปใช้ทำงานสำคัญต่อ แต่ไม่รู้เกิดปัญหาอะไรระบบถึงดึงข้อมูลไปใช้ไม่ได้ ผมอยู่ใกล้ที่สุดเลยแวะเข้ามาดูให้ก่อน แต่ก็...อย่างที่คุณเห็น ผมไปต่อไม่ได้แล้ว และผมก็นึกถึงคุณขึ้นมา”
“เดี๋ยวทิดูให้ครับ”
ทิพากรรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย ซึ่งพานให้ทำตัวไม่ถูกจึงได้เผลอหลุดแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นออกไป ราวกับว่าเขาและอติกานต์ย้อนเวลากลับไปยังตอนที่เขาทั้งคู่ยังออกเดตกันอยู่
“ขอบคุณครับ”
เสียงทุ้มพร้อมลมปากแผ่วผิวเฉียดอยู่ที่ใกล้ใบหู ทิพากรจึงรีบเลื่อนเก้าอี้บุนวมออกมาและนั่งลงจัดการตัวเลขและตัวอักษรยุ่งเหยิงบนหน้าจอทันทีโดยไม่หันกลับไปมองคนตัวสูงข้างกายอีก
หลังจากนั้นทิพากรก็ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว เขาหูดับไปตั้งแต่อติกานต์เท้าแขนลงบนโต๊ะข้างตัวเขา ใบหน้าหล่อเนี้ยบโน้มลงมามองหน้าจอที่เขากำลังแก้ไขปัญหาอย่างสนใจ แต่ระยะห่างเพียงน้อยนิดหลังจากห่างหายกันไปหลายเดือนนั้น ทำให้สมาธิของโปรแกรมเมอร์หนุ่มแทบรวบรวมเอาไว้เป็นกลุ่มก้อนไม่ได้ จนพิมพ์โคดผิดไปหลายครั้ง
ไม่นานอติกานต์ก็ถอยออกไปนั่งอ่านเอกสารรอเขาอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวเล็กอีกตัวในห้อง ทิพากรพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แม้จะรู้ดีว่าอติกานต์พอจะมีความรู้ความเข้าใจเรื่องโปรแกรมและโคดรหัสอยู่บ้าง แต่คงดีกว่าที่อีกฝ่ายแยกออกไปทำเรื่องที่มีความชำนาญ มากกว่าจะมาสนใจหน้าจอเดียวกับเขา
ไม่อย่างนั้น...ให้นั่งแก้ทั้งวันก็คงไม่เสร็จแน่
หนุ่มไอทีหลุดหายเข้าไปยังโลกของโคดรหัส เสียงรอบตัวเงียบหายไปจากโสตประสาทของเขาเสมอยามที่เขาตั้งใจทำอะไรสักอย่าง จนเมื่อมีฝ่ามือหนึ่งวางลงบนบ่าบีบเบา ๆ ทิพากรถึงได้หลุดออกมายังเวลาปัจจุบันอีกครั้ง
“ไม่เสร็จก็พอเถอะ เย็นมากแล้ว”
“แต่พี่กานต์ต้องใช้ด่วนไม่ใช่เหรอครับ” ทิพากรกะพริบตาถี่หลังจากนั่งมองหน้าจอมานาน เขาเพิ่งรู้สึกแสบ ๆ เคือง ๆ ตาก็ตอนที่ละสายตาออกจากหน้าจอนี่เอง
“อย่าขยี้ตาแบบนั้น”
เสียงของอติกานต์เอ่ยขึ้นก่อนที่มือของทิพากรจะถูกดึงออกจากดวงตาคู่กลม ปลายคางของทิพากรถูกเชยขึ้นมองคนที่ยืนเหนือกว่า ราวกับถูกสะกดอีกครั้งคนบนเก้าอี้นวมนั่งนิ่งไม่ขัดขืนหรือเอ่ยถามอะไร ทิพากรสบมองนัยน์ตาคมดำสนิทก่อนที่การมองเห็นจะพร่าเลือนไปจากน้ำตาเทียมที่ถูกหยดลงมาให้อย่างเบามือ
เมื่อดวงตาแห้งแสบได้รับการปลอบประโลมเรียบร้อยแล้วทิพากรถึงได้ยอมละมือออกจากงานด่วนนอกวันทำการตามที่นายจ้างของเขาในตอนนี้บอก
“ช่วยไม่ได้นี่ พนักงานไอทีของผมเขาไปต่างจังหวัดพอดี อันที่จริงแค่คุณทิเข้ามาดูให้ในวันหยุดแบบนี้ ก็นับว่าผมเสียมารยาทและรบกวนมากพอแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงนะ ผมไม่ใช้งานใครฟรี ค่าแรงของคุณทิในวันนี้ผมจะบวกเข้าไปด้วยในตอนจบโปรเจกต์”
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่...เอ่อ คุณกานต์ อันที่จริงถ้านับเวลาแล้ว ผมเข้ามาดูให้แค่ครึ่งวันเท่านั้น อีกอย่างผมว่ามันก็นับเป็นบริการอย่างหนึ่งตามในสัญญาที่คุณกานต์จ้างทีมไอทีของบริษัทผมด้วย”
“ถ้าคุณทิคิดแบบนั้น ผมขอเลี้ยงข้าวสักมื้อแล้วกันนะครับ กินเสร็จผมจะไปส่ง”
อติกานต์ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเดินนำทิพากรออกไปจากห้องเซิร์ฟเวอร์ ทิพากรเดินตามไปเงียบ ๆ จนกระทั่งเขาและอติกานต์มาถึงร้านอาหารร้านหนึ่งซึ่งทิพากรจำได้ว่าอติกานต์เคยพาเขามากินที่นี่แล้วอย่างน้อยก็หนึ่งครั้งในตอนที่รู้จักกันใหม่ ๆ
อาหารถูกสั่งด้วยเจ้ามือของมื้อนี้ ทิพากรไม่ต้องทำอะไรเลย เขาเพียงนั่งรอเฉย ๆ ไม่นานอาหารสามสี่อย่างก็ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้า หากไม่เข้าข้างตัวเองมากไป ทิพากรคิดว่าคนที่ปั้นหน้านิ่งอยู่ตรงข้ามเขาอาจจะยังจำเมนูโปรดของเขาได้ เมื่อพิจารณาจากอาหารบนโต๊ะตอนนี้
ไม่มีหัวข้อสนทนามากมายนัก เขาต่างคนต่างกินอาหารกันไปเงียบ ๆ พอกินเสร็จทิพากรก็เอ่ยปฏิเสธความหวังดีของอติกานต์ไป เมื่ออีกฝ่ายอาสาจะขับรถไปส่ง เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองนักว่าทำไมถึงยังอยากปิดที่อยู่ของตัวเองไว้ไม่ให้อติกานต์รู้ แต่ถึงจะปัดความหวังดีไปอติกานต์ก็ไม่มีท่าทีไม่พอใจอะไรเขา อีกฝ่ายเพียงยืนเป็นเพื่อนจนพนักงานร้านเรียกแท็กซี่มาให้เขาได้คันหนึ่ง
ทิพากรเข้าไปนั่งที่เบาะหลังโดยมีอติกานต์ปิดประตูรถให้ ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป อีกฝ่ายก็ทิ้งระเบิดลงใส่ใจของเขาอีกครั้งด้วยประโยคธรรมดาประโยคหนึ่งเท่านั้น
“คุณใส่ชุดนี้แล้วดูดีนะ ดูเหมือนว่า...รสนิยมเราจะคล้ายกันนะครับ”
ภายในเพนต์เฮาส์สุดหรูชั้นบนสุดของตึกสูงระฟ้า บรรยากาศเงียบสงัดเมื่อแม่บ้านเก่าแก่ถูกขอให้ลงไปที่ชั้นล่างก่อนถึงเวลาพัก ชายหนุ่มผิวขาวก้าวเท้าเปลือยเปล่าลงมานั่งคุกเข่ารอเจ้าของบ้านอยู่ที่หน้าลิฟต์ทิพากรสวมชุดนอนสายเดี่ยวสั้นสีขาวสะอาด เช่นเดียวกับถุงน่องตาข่ายที่สวมขึ้นมาถึงต้นขา ชั้นในเล็กจิ๋วเนื้อบางทำหน้าที่โอบอุ้มส่วนอ่อนไหวเอาไว้ราวกับขนนกบนรังที่รายล้อมไข่ใบเล็กของแม่นกอย่างนุ่มนวลมือเรียวสวยสวมถุงมือโปร่งสีขาวแต่งระบายลูกไม้และโบเล็ก ๆ น่าทะนุถนอม ที่คอยังใส่ปลอกคอกระดิ่งเสียงใส รอคอยให้เจ้านายกลับมาใส่สายจูง ได้จิมอบชุดนี้ให้เขาในตอนที่ขับรถมาส่งเขาที่นี่ ก่อนที่จะขับจากไป ทิพากรก้มมองของอีกสองอย่างที่มาพร้อมกับชุดซึ่งเขายังไม่ได้สวมใส่ให้ครบบัตต์ปลั๊กหางกลมขนฟูนิ่มสีขาว เหมือนของบันนี่เพื่อนที่ชวนเขาไปงานปาร์ตี้ไม่ผิดเพี้ยน มันมาคู่กับคาดผมหูกระต่ายเข้าคู่กัน ทิพากรเขินตัวเองเล็กน้อยเมื่อต้องสวมคาดผมหูกระต่ายนี้ไว้บนหัว มือเล็กจับปลายหางนุ่มฟูอ้อมไปจ่อไว้ที่ช่องทางด้านหลัง ก่อนที่เขาจะเดินมานั่งรอที่ตรงนี้เขาได้ทำความสะอาดและหล่อลื่นช่อ
ทิพากรลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่พบใครอยู่ในห้องแล้ว บนโซฟาตัวยาวหน้าห้องมีเสื้อผ้าชุดใหม่พับวางเอาไว้ให้ เขาลุกขึ้นเดินไปหยิบมาเปลี่ยน ไซซ์พอดีจนน่าเหลือเชื่อ ดวงตากลมมองสำรวจไปรอบห้อง ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับอติกานต์เมื่อคืนก็พานให้ใจสั่นไหว ไม่รู้ทำไมความสัมพันธ์เขาถึงเดินมาถึงจุดนี้ได้ขณะที่กำลังจะหันหลังเดินออกไปจากห้องนี้ สายตาก็เหลือบไปเห็นซองกระดาษสีแดงที่ข้างหมอน เขาจำได้ว่าอติกานต์เป็นคนวางซองนี้เอาไว้ก่อนที่จะเดินจากเขาไป ทิพากรหยิบมันขึ้นมาดู ทำใจอยู่สักพักจึงเปิดซองดึงการ์ดขึ้นมาอ่านสายตาไล่ไปตามตัวอักษรทีละบรรทัด แล้วความจริงก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น ใจของคนอ่านเต้นแรงเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เขาฟูมฟายไปเป็นอาทิตย์ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เขาปรุงแต่งขึ้นมาเอง ตัดสินอีกฝ่ายโดยที่ไม่ซักถามความสงสัย“คุณทิ ตื่นแล้วเหรอ” เสียงเรียกจากด้านหลังเรียกให้ทิพากรหันไปดูชายหนุ่มร่างสูงเพรียวที่เขาเคยเห็นก่อนจะหลับไปปรากฏขึ้นที่ประตูหน้าห้อง ทิพากรเคยเห็นเขาคนนี้มาก่อนหน้านี้แล้วกับอติกานต์ที่ร้านประจำของเขาเมื่อนานมาแล้ว แต่ไม่ร
ร่างสูงเพรียวยืนพิงหลังกับผนังหน้าประตูห้องรับรองของลูกค้า VIP ข้างกายมีเด็กหนุ่มผิวสีแทนสวมเพียงกางเกงชั้นในหนังสีน้ำตาลนั่งหมอบอยู่แทบเท้า ที่คอมีปลอกคอหนังสีเดียวกับชั้นในสวมใส่อยู่ซึ่งมันถูกโซ่สีเงินวาวคล้องเอาไว้ โดยที่ปลายของมันอยู่ในมือของคนที่ยืนมองบานประตูด้วยใบหน้าเคร่งเครียดสุนัขหนุ่มคลอเคลียใบหน้ากับหน้าแข้งเรียวภายใต้กางเกงเนื้อผ้านิ่มราคาแพงของเจ้าของบาร์แห่งนี้อย่างเอาใจ เมื่อได้ยินเสียงเจ้านายถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้ง เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วที่เจ้านายของเขายืนมองบานประตูฟังเสียงร้องครวญครางที่เขาเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่า คนด้านในกำลังสุขสมหรือเจ็บปวดไดจิยืนกอดอกครุ่นคิดว่าจะเอาอย่างไรดีกับดวงใจของเพื่อนสนิทที่เจ้าตัวละทิ้งไว้ในห้องรับรองภายในบาร์ตนเอง ก้มมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ นานแล้วที่อติกานต์เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงประโยคสั้น ๆ กับเขาแค่ว่า…“ฝากดูแลทิด้วย เขาอยากได้อะไรก็หาให้ด้วย ค่าใช้จ่ายมาคิดที่กู”ไดจิคลายมือออกลดมือลงไปลูบหัวสุนัขตัวโปรด จากนั้นจึงกระตุกโซ่จูงหนึ่งครั้งก่อนจะก้าวขาเดินไปยังบานประตู
ภาพเบื้องหน้าของผู้ต้องหาคือฉากเซ็กซ์อันเร่าร้อนของกระต่ายน้อยกับเหยี่ยวหนุ่ม ซึ่งกำลังใช้เข็มขัดฟาดลงที่ก้นงอนงามหลายต่อหลายทีอยู่ที่กลางเวทียกสูง ช่างดูสวยงามและกระตุ้นอารมณ์ของผู้คนภายในงานเป็นอย่างยิ่งหากทิพากรได้เป็นผู้ชมอยู่ในปาร์ตี้ข้างล่าง เขาก็คงอยู่ในอารมณ์ไม่ต่างจากผู้คนมากมายที่รายล้อมเวทีกลมนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรจากนักโทษที่กำลังจะถูกตัดสินเสียงโซ่ดังทุกครั้งที่ร่างกายเขาไหวสะท้านกับแส้หนังที่อติกานต์ฟาดลงมาทั่วทั้งตัว มันไม่ได้เจ็บมาก แต่เมื่อโดนฟาดซ้ำที่เดิมอยู่บ่อยครั้งก็ทิ้งความแสบร้อนและรอยแดงที่ผิวได้เช่นกัน น้ำลายสายเล็กไหลย้อยออกมาจากช่องว่างระหว่างลูกบอลที่ปิดปากเขาไว้ หยดลงที่พื้นพรมสีแดงเบอร์กันดีนุ่มเท้าจนขึ้นเป็นวงสีเข้มทุกครั้งที่เส้นหนังฟาดลงมาที่ผิวเนื้อ มันทั้งสร้างความเจ็บปวดและกระตุ้นความต้องการบางอย่างให้ก่อเกิด ทั้งที่ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลยสักนิด แต่ร่างกายของทิพากรกลับตอบสนองตรงกันข้ามความเจ็บที่เกิดขึ้นที่ผิวเนื้อจึงย้ายเข้ามาเกาะกุมที่หัวใจดวงเล็กของเขาแทน แล้วปล่อยให้อวัยวะ
ไวน์ ค็อกเทล วิสกี้ และเครื่องดื่มอีกมากมายมีสำหรับบริการให้ผู้ร่วมงานซึ่งซื้อบัตรเข้างานมาในราคาแพงอย่างไม่อั้น จะสั่งกี่อย่างหรือกี่แก้วก็ได้ ทุกอย่างถูกบริการเพื่อเสริมสร้างความมอมเมาเท่าที่แขกผู้มีเกียรติต้องการปกติทิพากรไม่ค่อยได้ดื่มเครื่องดื่มพวกนี้บ่อยนัก จึงไม่ค่อยรู้ว่าเครื่องดื่มแบบไหนเป็นอย่างไรบ้าง เขาเลือกหยิบจากบริกรมาหนึ่งแก้วที่มองดูแล้วสีถูกใจเขาที่สุด หลังจากจิบไปเพียงอึกแรก ตั้งแต่ลำคอลงไปถึงท้องเขาก็ร้อนวูบวาบ ทิพากรวางแก้วทรงแปดเหลี่ยมนั้นลงไม่ได้กินต่ออีก มันคงแรงไปสำหรับเขา แต่หากคิดอีกแง่ ก็ดีเหมือนกัน เพราะอย่างน้อยความร้อนของมันก็คลายความหนาวจากการสวมใส่เสื้อผ้าเพียงน้อยชิ้นได้ใต้แสงไฟสะท้อนจากลูกบอลดิสโก้ขนาดใหญ่เหนือฟลอร์เต้นรำ กระต่ายขาว นายพรานหนุ่ม และเหยี่ยวดำหลายคนกำลังกอดรัดกันนัวเนียอยู่บนนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบรรยากาศ ความตื่นเต้น หรือเพราะเครื่องดื่มที่เพิ่งดื่มไปที่ทำให้ทิพากรรู้สึกร้อนผะผ่าวขึ้นมาจึงถึงกกหูเขาเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม เมื่อวางมันลงบนโต๊ะ ขนนกสีเทาปนน้ำตาลอันหนึ่งก็ถูกยื่นมาตรง
Bunny Night Partyค่ำคืนของกระต่ายป่า นั่นเป็นชื่อปาร์ตี้ของคนที่มีรสนิยมคล้ายกันจะมารวมตัว ค่ำคืนที่เหล่าผู้กระหายอยากสัมผัสและอยากถูกสัมผัสได้มาพบปะกันอย่างอิสระ ปาร์ตี้ที่นาน ๆ ทีจะจัดขึ้นสักครั้ง และทิพากรเคยใฝ่ฝันว่าจะได้มาร่วมงานนี้สักหน เพียงแต่เขาไม่เคยกล้าพอ จนกระทั่งงานนี้หายเงียบไปในวงการ BDSM ต่างรู้กันดีว่าบาร์ของคุณไดจิเป็นอันดับหนึ่งสำหรับคนในวงการเสมอ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าบาร์นี้จะจัดกิจกรรมด้านนั้นอย่างเป็นปกติและเปิดเผย ค่ำคืนแห่งกระต่ายป่าจึงเป็นกิจกรรมที่ทุกคนที่มีความชอบแบบเดียวกันต่างรอคอยโดยปกติแล้วจะจัดเดือนละหนึ่งครั้ง แต่ไม่รู้ทำไมตั้งแต่กลางปีก่อนกิจกรรมนี้ก็ถูกยกเลิกไป การกลับมาจัดใหม่ในรอบเกือบปีจึงเป็นที่พูดถึงกันมาก ทิพากรเคยคิดว่าหากได้เข้าร่วมงานนี้พร้อมกับคนรักก็คงจะดี ไม่คิดว่าพอถึงเวลาได้มาจริง ๆ เขาจะไม่มีใครคนนั้นยืนข้างกาย“คุณซันใช่ไหมครับ”เสียงเรียกจากทางด้านหลังเรียกให้ทิพากรหันไปมอง เขายืนอยู่ที่ข้างบาร์หรูสาขาใหญ่สุด ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีของเมืองหลวง สวมเสื้อ