ทันทีที่เท้าเหยียบแผ่นดินของเมืองเชียงใหม่ในประเทศไทย อนรรฆ เอียน แบรนดอน ก็รีบเดินทางไปยังโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ สีหน้าของชายหนุ่มเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก ตลอดการเดินทางอนรรฆไม่เอ่ยอะไรออกมาทั้งสิ้นจนแดนไทยไม่กล้าที่จะชวนคุย อนรรฆหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมากดหามารดาของตัวเองทันที
“แม่ครับ...ตอนนี้พ่อเป็นยังไงบ้างครับ”
ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงของคนเป็นลูก คุณอรรดาถึงกับน้ำตาคลอหน่วยตาทั้งสอง เมื่อคิดว่าเธอไม่ต้องอยู่ตามลำพังอีกแล้ว
“ปลอดภัยแล้วลูก...กันต์ก็ปลอดภัยแล้ว เอียนอยู่ไหนแล้วลูก”
น้ำเสียงสั่นสะท้านน้อย ๆ ของมารดาทำให้คนเป็นลูกกัดสันกรามตัวเองแน่น ถ้าหายตัวได้เขาก็อยากหายตัวไปหามารดาตอนนี้เลย เพราะคิดว่ามารดาคงตกใจน่าดูที่ต้องเผชิญเหตุการณ์นี้เพียงลำพัง
“ใกล้ถึงโรงพยาบาลแล้วครับ...เดี๋ยวเจอกันนะครับแม่”
อนรรฆกดตัดสายมารดาและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนแดนไทยเดินจนเกือบจะวิ่งอยู่แล้ว แต่บอดี้การ์ดหนุ่มหัวใจสาวก็ไม่ได้บ่นเพราะเป็นห่วงผู้เป็นเจ้านายและเพื่อนรักอย่างกันต์ด้วยเช่นเดียวกัน
“คุณคริสเป็นยังไงบ้างครับบอส”
แดนไทยเก็บความอยากรู้เอาไว้ไม่ไหวจึงถามออกไปด้วยความเป็นห่วงคนทั้งสอง
“ปลอดภัยแล้วทั้งพ่อฉัน ทั้งกันต์”
บอดี้การ์ดหนุ่มหัวใจสาวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะเร่งฝีเท้าให้ทันเจ้านายที่จ้ำอ้าวเดินไปยังห้องพักฟื้นของบิดาอย่างรวดเร็ว มือหนาผลักประตูห้องพักฟื้นออกก่อนร่างสูงจะถลาเข้าไปยืนข้างเตียงบิดา แล้วมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่เคร่งเครียดเมื่อเห็นสภาพบิดาที่แข็งแรงของตัวเองนอนนิ่งไม่ไหวติงบนเตียงแบบนี้
“เอียน...มาแล้วหรือลูก”
ทันทีที่ได้ยินสั่นพร่าของมารดา คนเป็นลูกก็เข้าไปกอดมารดาตัวเองเอาไว้อย่างปลอบโยน เรียกขวัญและกำลังใจของมารดาให้กลับคืนมา
“ไม่มีอะไรแล้วนะครับแม่...พ่อปลอดภัยแล้ว...ผมก็อยู่ตรงนี้แล้ว”
เพียงเท่านี้ผู้เป็นมารดาก็หลั่งน้ำตาออกมาทันทีด้วยความโล่งอก หัวใจที่หนักอึ้งด้วยความห่วงใยในตัวคนเป็นสามีเบาโหวงราวกับมีใครยกก้อนหินก้อนยักษ์ออกจากอกของนางเลยก็ว่าได้
“แม่ตกใจเหลือเกินลูก...ทำอะไรไม่ถูกเลย...ดีนะที่ได้แม่หนูคนนั้นอยู่เป็นเพื่อน”
คิ้วหนาได้รูปของอนรรฆขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อได้ยินมารดาพูดถึงบุคคลที่สาม
“แม่หนูคนไหนครับแม่...เธอเป็นใคร”
“เป็นคนที่ช่วยพาพ่อมาส่งโรงพยาบาลไงลูก”
อนรรฆพยักหน้าทันทีก่อนจะประคองมารดาให้นั่งบนโซฟาสำหรับเป็นที่นอนพักของคนมาเฝ้าไข้คนเจ็บอย่างอ่อนโยน สายตาเคร่งเครียดของคนเป็นลูกก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนด้วยเช่นเดียวกันยามมองคนเป็นมารดา
“แม่ไม่เข้าใจเลย นพขับรถให้พ่อกับแม่มาตั้งหลายปี ไม่เคยมีประวัติชนหรือเฉี่ยวด้วยซ้ำ แต่ทำไมมันถึงได้เกิดอุบัติเหตุแบบนี้ขึ้นได้”
ไม่ใช่แค่คุณอรรดาเพียงเท่านั้นที่สงสัย อนรรฆด้วยก็เช่นเดียวกัน เขาไม่เชื่อแน่นอนว่ามันคืออุบัติเหตุมีเพียงกันต์คนเดียวที่จะตอบความสงสัยของเขาได้
“บอสฮะ...กันต์ฟื้นแล้วฮะ”
แดนไทยยกมือขึ้นไหว้คุณอรรดาก่อนจะเอ่ยปากบอกคนเป็นเจ้านายเพราะก่อนเข้ามาชายหนุ่มย้ำนักหนาว่าถ้ากันต์ฟื้นแล้วให้เรียกเขาทันที ร่างสูงของอนรรฆลุกขึ้นยืนและเดินไปยังห้องพักฟื้นคนป่วยที่อยู่ติดกันกับห้องของบิดาของเขา กันต์ยกมือขึ้นไหว้อนรรฆทันทีที่ร่างสูงเดินเข้ามายืนอยู่หน้าเตียงคนป่วย
“ดีใจนะกันต์ที่นายปลอดภัย”
กันต์ยิ้มให้อนรรฆอย่างขอบคุณ
“ขอบคุณครับบอส...คุณคริสเป็นยังไงบ้างครับ”
สีหน้าของกันต์เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดยามที่ถามถึงอาการของบิดาของอนรรฆซึ่งถือว่าเป็นเจ้านายของเขาคนหนึ่งด้วยเหมือนกัน เขาทำงานกับครอบครัวนี้มานาน...นานจนเกือบจะคิดว่าครอบครัวนี้เป็นญาติของเขาด้วยซ้ำ ด้วยความที่เขาเป็นเด็กกำพร้าและเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ชีวิตของเขามีแต่ความลำบาก ดิ้นรนเอาตัวรอดในวงการมาเฟีย เขายังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้ดี...เขาบาดเจ็บแทบตายเนื่องจากโดนลอบทำร้ายหมายจะฆ่าปิดปากเขา อนรรฆกับแดนไทยเป็นคนช่วยเขาเอาไว้ เขาจึงสาบานกับตัวเองว่าจะรับใช้ครอบครัวนี้ไปจนตาย
“ปลอดภัยแล้ว...มันเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่เชื่อหรอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ เพราะนพทำงานกับฉันมานาน พวกเรารู้ดีว่า นพระมัดระวังแค่ไหน”
คิ้วหนาของกันต์ขมวดเข้าหากันเมื่อคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงแม้มันจะเกิดขึ้นเร็วมากแต่เขาก็ยังจำได้เลือนรางว่ามีรถบรรทุกคันหนึ่งพยายามปาดหน้ารถของพวกเขา...นพพยายามแซงให้พ้นออกมา และเมื่อแซงได้นพก็พยายามเหยียบคันเร่งให้ทิ้งระยะห่างจากรถบรรทุกคันนั้น แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือรถบรรทุกคันนั้นตั้งใจที่จะชนท้ายรถยนต์ของพวกเขาให้ตกเหว แต่โชคดีที่มันพลิกคว่ำอยู่บนถนน
“ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอนครับ...นพตั้งใจที่จะแซงรถบรรทุกที่ขับฉวัดเฉวียนไปมา พอแซงพ้นแล้วรถบรรทุกคันนั้นกลับตั้งใจพุ่งมาชนท้ายหวังจะให้รถที่พวกเรานั่งตกเหว...มันไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างแน่นอนครับบอส”
เมื่อได้ยินคำพูดของกันต์ สีหน้าเคร่งเครียดของอนรรฆกลับเพิ่มมากยิ่งขึ้น ดวงตาสีน้ำเงินเกือบดำวาวโรจน์ด้วยโทสะ สันกรามบดเข้าหากันแน่น ถ้าเป็นการจงใจฆ่าก็แสดงว่ามีคนที่จะจ้องทำร้ายครอบครัวเขาอยู่
“นพเป็นยังไงบ้างครับบอส...ปลอดภัยไหม”
แดนไทยถึงกับถอนหายใจออกมายาวเหยียดเป็นฝ่ายตอบคำถามของกันต์แทนอนรรฆเอง
“นพตายแล้ว...ตายคาที่”
กันต์มองหน้าแดนไทยอย่างตกตะลึง สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยนึกสงสารเพื่อนร่วมงานที่โชคร้าย
“นายคิดว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้กันต์”
ดวงตาของกันต์วาวโรจน์ด้วยโทสะด้วยเช่นเดียวกันเมื่อนึกถึงคนที่อนรรฆพูดถึง ใช่...ศัตรูทางการค้าและศัตรูที่จ้องจะทำร้ายครอบครัวแบรนดอนมีเพียงคนเดียว นั่นก็คือคนที่ให้คนมาทำร้ายหมายจะฆ่าปิดปากเขาด้วยเช่นเดียวกัน พวกมันคงแค้นที่ไม่สามารถฆ่าเขาได้ แถมเขายังทำงานให้กับศัตรูหมายเลขหนึ่งของพวกมันอย่างตระกูลแบรนดอนของอนรรฆความแค้นเลยเพิ่มเป็นสองเท่า
“มันเป็นใครไปไม่ได้หรอกครับ...นอกจากไอ้จอร์จ”
สันกรามของอนรรฆบดเข้าหากันแน่น สองตาวาวโรจน์ จอร์จ เดวา คือศัตรูหมายเลขหนึ่งของเขาตั้งแต่สมัยบิดาของเขาประมูลการนำเข้าและส่งออกซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ได้ และการประมูลครั้งนั้นก็สร้างรายได้ให้กับพวกเขาอย่างมหาศาล ใครหลายคนเล็งไว้ว่าบริษัทของจอร์จจะต้องเป็นผู้ที่ประมูลการขายครั้งนี้ได้ และจอร์จเองก็เอ่ยปากบอกใครต่อใครหลายคนอย่างมั่นใจว่าบริษัทเอ็นอีโอของจอร์จต้องชนะการประมูล แต่ทุกอย่างกลับผิดคาดพลิกหน้ามือเป็นหลังมือเพราะคนที่ประมูลการขายครั้งนี้ได้คือบริษัทของเขานั่นเอง จอร์จเสียหน้าและแค้นใจเป็นอย่างมาก และความแค้นก็บวกเพิ่มเป็นทวีคูณเมื่ออนรรฆเป็นคนช่วยชีวิตของกันต์เอาไว้ให้พ้นจากการถูกฆ่าปิดปาก ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเขาคงต้องรีบจัดการปัญหาตรงนี้ให้จบสิ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะนำอันตรายมาให้ครอบครัวและคนในปกครองของเขา
ทันทีที่เท้าเหยียบแผ่นดินของเมืองเชียงใหม่ในประเทศไทย อนรรฆ เอียน แบรนดอน ก็รีบเดินทางไปยังโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ สีหน้าของชายหนุ่มเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก ตลอดการเดินทางอนรรฆไม่เอ่ยอะไรออกมาทั้งสิ้นจนแดนไทยไม่กล้าที่จะชวนคุย อนรรฆหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมากดหามารดาของตัวเองทันที“แม่ครับ...ตอนนี้พ่อเป็นยังไงบ้างครับ”ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงของคนเป็นลูก คุณอรรดาถึงกับน้ำตาคลอหน่วยตาทั้งสอง เมื่อคิดว่าเธอไม่ต้องอยู่ตามลำพังอีกแล้ว“ปลอดภัยแล้วลูก...กันต์ก็ปลอดภัยแล้ว เอียนอยู่ไหนแล้วลูก”น้ำเสียงสั่นสะท้านน้อย ๆ ของมารดาทำให้คนเป็นลูกกัดสันกรามตัวเองแน่น ถ้าหายตัวได้เขาก็อยากหายตัวไปหามารดาตอนนี้เลย เพราะคิดว่ามารดาคงตกใจน่าดูที่ต้องเผชิญเหตุการณ์นี้เพียงลำพัง“ใกล้ถึงโรงพยาบาลแล้วครับ...เดี๋ยวเจอกันนะครับแม่”อนรรฆกดตัดสายมารดาและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนแดนไทยเดินจนเกือบจะวิ่งอยู่แล้ว แต่บอดี้การ์ดหนุ่มหัวใจสาวก็ไม่ได้บ่นเพราะเป็นห่วงผู้เป็นเจ้านายและเพื่อนรักอย่างกันต์ด้วยเช่นเดียวกัน“คุณคริสเป็นยังไงบ้างครับบอส”แดนไทยเก็บความอยากรู้เอาไว้ไม่ไหวจึงถามออกไปด้วยความเป็นห่วงคนทั้งสอ
“ญาติของคนเจ็บหรือเปล่าครับ...ตอนนี้คนเจ็บปลอดภัยแล้วนะครับ”ทั้งกมิตตรากับคุณอรรดายิ้มออกมาอย่างยินดี ดวงตาของคุณอรรดาชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความปีติ มือของนางจับกอบกุมจับมือบางของกมิตตราแน่น“เห็นไหมคะ...แก้มบอกแล้วว่าคุณลุงต้องปลอดภัย คุณหมอกำลังย้ายคุณลุงไปห้องพักฟื้น เราไปรอที่ห้องกันก่อนดีกว่าไหมคะ...คุณป้าจะได้พักด้วย”คุณอรรดามองหน้ากมิตตราด้วยแววตาขอบคุณก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ ทั้งสองประคองกันไปยังห้องพักในขณะที่คนไข้ยังมาไม่ถึง กมิตตราประคองร่างของคุณอรรดาลงนั่ง เพียงครู่ร่างของคนป่วยก็ถูกบุรุษพยาบาลเข็นเข้ามาก่อนที่ทุกอย่างจะชุลมุนเล็กน้อย ในที่สุดร่างของคุณคริสก็นอนบนเตียงคนป่วยรอบศีรษะถูกพันด้วยผ้าพันแผล สายน้ำเกลือระโยงระยางยิ่งทำให้คู่ชีวิตอย่างคุณอรรดาสงสารผู้เป็นสามีจับใจกมิตตรามองภาพคุณอรรดาจับมือหนาของสามีไว้แน่นยิ่งสะท้อนในหัวใจ ถ้าเธอมีพ่อกับแม่อยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้ก็คงอบอุ่น ดวงตากลมโตของหญิงสาวร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อคิดถึงเรื่องรันทดของตัวเองถึงแม้เธอจะพยายามบอกตัวเองว่าเธอมีความสุขที่มีคุณแม่อธิการทั้งสองดูแล และมีคุณพ่ออาเธอร์ที่เปรียบเสมือนบิดาของเธอเลี้ยงดู แต่ส่ว
“บอสฮะ...แดนนี่สับขาหลอกบรรดาสาว ๆ ของบอสจนเก่งกว่านักฟุตบอลแล้วนะ แดนนี่มาเป็นบอดี้การ์ดนะฮะ...ไม่ใช่นักสับรางรถไฟ”แดนไทยจีบปากจีบคอพูดกับคนเป็นเจ้านายพร้อมกับค้อนให้อีกฝ่ายเล็กน้อย ยามพูดถึงบรรดานังชะนีสองขาของอนรรฆ บอดี้การ์ดหนุ่มหัวใจสาวเห็นสายตาคมเข้มของผู้เป็นเจ้านายมองเขาเขม็ง ร่างสูงของแดนไทยถึงกับถอยหลังไปอีกเล็กน้อยเพื่อให้พ้นระยะปลายเท้า ถ้าหากผู้เป็นเจ้านายจะเหวี่ยงมาที่เขา แต่อนรรฆก็ยังไม่ได้ทำอะไรเพราะโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของเขาดังขึ้นเสียก่อนซึ่งโทรศัพท์เครื่องนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เบอร์ ส่วนมากก็เป็นคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทจริง ๆ ของเขาเท่านั้น รอยยิ้มของอนรรฆแย้มออกมาทันทีเมื่อเห็นชื่อของคนที่โทร. เข้ามา“ว่าไงครับแม่”เสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มดังออกมาจนคนที่ยืนฟังอีกคนถึงกับยิ้มออกมาด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ต้องเดาแดนไทยก็รู้ว่าน้ำเสียงแบบนี้อนรรฆพูดกับใครเพราะมีอยู่คนเดียวที่ทำให้อนรรฆเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังนั่นก็คืออรรดา มารดาของเขานั่นเอง“เอียน...เกิดเรื่องใหญ่แล้วลูก...พ่อ...พ่อ...”น้ำเสียงสะอื้นไห้ของมารดาทำให้อนรรฆหุบยิ้มทันที ใบหน้าอ่อนโยนเมื่อส
“คุณคะ...คุณ”กมิตตราพยายามส่งเสียงเรียกคนเจ็บที่เริ่มหายใจรวยริน เห็นจากหน้าตาแล้วเขาไม่ใช่คนไทยอย่างแน่นอน คงจะเป็นนักท่องเที่ยว...แต่นักท่องเที่ยวที่ไหนทำไมถึงได้โดนรถบรรทุกคันนั้นตั้งใจขับชนหมายจะเอาชีวิต“คุณลุงคะ...อดทนนิดนะคะ รถพยาบาลกำลังจะมาถึง”เปลือกตาที่จะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ของคนบาดเจ็บพยายามมองหญิงสาวตรงหน้าให้ชัดเจน แต่มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเขา ในที่สุดเปลือกตาหนาของผู้บาดเจ็บก็ปิดลงทันทีพร้อมกับลมหายใจรวยรินที่ทำให้กมิตตราต้องหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหารถพยาบาล และทันใดนั่นเองเสียงหวอของรถกู้ภัยฉุกเฉินก็ดังขึ้นมา“คุณลุงคะ...รถพยาบาลมาแล้ว แข็งใจอีกนิดนะคะ”มือเล็กของหญิงสาวบีบมือหนาที่เริ่มเย็นเพราะความเปียกชื้นของละอองฝน เธอพยายามส่งกำลังใจให้คนเจ็บเผื่อว่าแรงใจของเธอมันจะช่วยทำให้ชายสูงวัยคนนี้มีพลังขึ้นมาบ้าง“เจ้านายผม...ช่วยเจ้านายผมด้วย”กันต์พยายามเอ่ยปากขอร้องชายหนุ่มที่ช่วยเหลือเขาออกมาจากรถให้ช่วยเจ้านายของเขาซึ่งอาจจะติดอยู่ในรถหรือเปล่าเขาก็ไม่รู้...เขากับนพขับรถพาคริสออกจากท่าอากาศยานเพื่อไปยังบ้านพัก ในขณะที่ขับรถออกมาพอเห็นว่าฝนตกเขาก็กำชับนพบอกให้ขับอย่างระ
บทที่ 1 เริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดคิ้วเรียวราวกับปีกนกของสาวน้อยคนหนึ่งขมวดเข้าหากัน เมื่อท้องฟ้าที่เคยสวยงามเมื่อสักครู่แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นมืดครึ้ม สายลมที่พัดโชยเอื่อยเปลี่ยนเป็นแรงจนโบกสะบัดเส้นผมยาวสลวยจรดกลางแผ่นหลังบอบบางปลิวสยายจนเจ้าตัวต้องใช้โบว์มัดผมที่ใส่ข้อมือเอาไว้ออกมารัด ไม่ให้สายลมตีผมเธอจนยุ่ง ดวงตากลมโตประดุจกวางป่าล้อมกรอบด้วยแพขนตาสีดำสนิทเหมือนเส้นผมหรี่ลงเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองปลิดปลิวเข้าดวงตาทั้งสองข้างของเธอ กมิตตราเร่งฝีเท้าของตัวเองให้เร็วขึ้นเพราะถ้าขืนช้าไปกว่านี้เธอคงหนีไม่ทันฝน“โอ๊ย...พี่ฝนขา อย่าเพิ่งตกลงมานะคะ ขอให้แก้มกลับถึงบ้านก่อน”แต่ดูเหมือนพี่ฝนของกมิตตราจะไม่ให้ความร่วมมือ เพราะตอนนี้พี่ฝนเริ่มตกมาเป็นละอองฝอย ๆ เสียแล้ว เมื่อไม่กี่นาทีก่อนตอนที่เธอกำลังปั่นจักรยานไปยังตลาดนัดเล็ก ๆ ข้างหมู่บ้านซึ่งตลาดแห่งนี้จะมีทุกวันพุธ มีทั้งอาหารคาวหวานจากแม่ค้าที่อาศัยอยู่ละแวกนี้ ตอนนั้นอากาศยังดีอยู่เลย ท้องฟ้าแจ่มใสจนไม่ส่อแววว่าจะมีฝนตกด้วย ดวงตากลมโตมองข้าวของหน้าตะกร้าจักรยานด้วยสีหน้าที่ร้อนรน เธอต้องรีบนำผักสดพวกนี้ไปให้คุณแม่อธ