งานแต่งงานถูกยกเลิกกลางครัน เมื่อเจ้าสาวหายตัวไป ครอบครัวเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่างก็ขอโทษแขกเหรื่อที่มาในงาน ศราวุธเองก็ตกใจไม่น้อย เมื่อรู้ว่าปานิศาหายตัวไป มีเพียงภีรณีเท่านั้นที่สะใจ เมื่อได้เห็นวิวาห์ล่ม
"ยังหาปลื้มไม่เจอเหรอ" ประภาภรณ์ยกมือทาบอก หลังจากให้คนช่วยกันออกตามหาจนทั่วโรงแรม แต่ไม่มีใครพบปานิศา ศราวุธกับภีรณีมองหน้ากัน ในขณะพ่อแม่ฝั่งเจ้าบ่าวเริ่มโวยวาย
"ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ คุณภพคุณเกด ยายปลื้มคงไม่ไปไหนหรอกค่ะ" ประภาภรณ์บอกกับพ่อแม่เจ้าบ่าว แต่ภายในใจร้อนรนเป็นห่วงลูกสาวที่สุด
"จะให้ผมใจเย็นได้ยังไง งานพังลงไม่เป็นท่า ผมกับครอบครัวจะเอาหน้าไปไว้ไหน ชื่อเสียงป่นปี้ก็คราวนี้" ไตรภพโวยวาย เพราะอับอายกับเรื่องที่เกิดขึ้น นักข่าวพากับประโคมข่าวไปในทางลบ
"คือฉันคิดว่า ยายปลื้มคงมีเหตุผลนะคะ" ประภาภรณ์แก้ตัวแทนลูกสาว
"เหตุผลอะไรจะสำคัญไปกว่างานแต่ง ถ้าไม่แน่ใจก็ไม่ต้องแต่ง นี่อะไรหนีไปจากงาน ทิ้งให้คนข้างหลังต้องอับอาย" การะเกดเห็นดีเห็นงามไปกับสามี เพราะอยากได้สินสอดคืน
"ใจเย็น ๆ นะครับคุณลุงคุณป้า ปลื้มก็เสียหายเหมือนกัน ต้องมีอะไรบางอย่างถึงทำให้ปลื้มหายไป ผมกำลังให้คนตรวจสอบกล้องวงจรปิด ทุกคนใจเย็นก่อนนะครับ" คำว่ากล้องวงจรปิดที่ได้ยินจากปฐวี ทำให้ศราวุธกับภีรณีมองหน้ากัน
"จริงด้วยค่ะ รอดูกล้องวงจรปิดก่อนนะคะ" ประภาภรณ์เห็นด้วยกับลูกชายคนโต ต้องมีเบาะแสของปานิศาอยู่ในกล้องวงจรปิด
"ผมขอตัวนะครับ" ศราวุธขอตัว ภาพในกล้องวงจรปิดคือหลักฐานสำคัญ ถ้ามีการตรวจสอบ ทุกคนจะต้องรู้ว่าเขากับภีรณีทำอะไรเอาไว้
"อย่าเพิ่งไปไหนเลยครับ รอดูกล้องพร้อม ๆ กันดีกว่า" ปฐวีห้ามเอาไว้ เขาคิดว่าสาเหตุที่น้องสาวหายตัวไป ศราวุธน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง นิสัยของว่าที่น้องเขยเป็นอย่างไร เขารู้ดี
"มือถือก็ไม่ได้เอาไป เงินก็ไม่มีติดตัว เราจะทำยังไงกันดี แม่เป็นห่วงน้อง" ประภาภรณ์หันมาถามลูกชาย
"ผมให้เพื่อนสนิทของยายปลื้มโทรหาเพื่อน ๆ สมัยเรียนด้วยกัน เผื่อมีใครรู้ว่าปลื้มหายไปไหน"
"แพมกับเพื่อน ๆ ก็อยู่ในงานนะคะ คงไม่มีใครรู้ว่าปลื้มไปไหนหรอกค่ะ" ภีรณีเสนอความคิดเห็น เพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทของปานิศา
"อยู่ในงานแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดนี่ครับ" ปฐวีหันมาพูดกับภีรณี แล้วมองเลยไปยังศราวุธ ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองเป็นอย่างไร เขารู้ดี มีเพียงปานิศาเท่านั้นที่ปิดหูปิดตาตัวเอง
"แพมเป็นห่วงปลื้มจังเลยค่ะ" ภีรณีเปลี่ยนเรื่อง เพราะกลัวจะวกเข้าหาตัว ท่าทางที่แสดงออกว่าห่วงใยเพื่อน ตบตาปฐวีไม่ได้เลยสักนิด
บทสนทนาต้องจบลง เมื่อเจ้าหน้าที่ของโรงแรมเข้ามาแจ้งว่า กล้องวงจรปิดพร้อมแล้ว ภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดทำให้ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวโกรธจัด ปานิศาหนีไปกับเตวิทย์ แถมเธอยังเป็นคนฉุดกระชากเตวิทย์ไปอีกด้วย กล้องวงจรปิดในโรงแรมเสียหลายจุด จึงทำให้ศราวุธกับภีรณีรอดตัว ภาพที่เห็นทำให้ภีรณีกำหมัด เป็นแบบนี้ได้ยังไง ทำไมคนที่พาปานิศาไปคือเตวิทย์
"เป็นแบบนี้แล้วทางคุณจะรับผิดชอบยังไงคะ เจ้าสาวหนีไปกับผู้ชาย ฉันรับไม่ได้จริง ๆ ถ้าไม่อยากแต่งก็น่าจะบอกกันดี ๆ นี่เล่นหนีไปกับชู้ ฉันไม่ฟ้องเรียกค่าเสียหายก็บุญแล้ว" ได้ทีการะเกดก็ใส่ฝั่งเจ้าสาวเป็นชุด คุณประภาภรณ์หน้าเสียเพราะภาพในกล้องวงจรปิดมันฟ้อง ผิดกับปฐวีที่ยืนกำหมัดแน่น เขารู้ว่าปานิศาต้องเห็นอะไรบางอย่างจึงหนีไป ถึงจะไม่มีหลักฐานมาแก้ตัวให้น้อง แต่ก็สบายใจเพราะคนที่พาปานิศาไปคือเตวิทย์ ปฐวีรู้ว่าเตวิทย์รู้สึกยังไงกับน้องสาวของเขา เคยเปิดโอกาสให้เตวิทย์กับปานิศาใกล้ชิดกัน แต่ปานิศาไม่เคยเปิดใจ หัวใจของเธอมีแค่ศราวุธคนเดียวเท่านั้น
"ปัด รู้เรื่องของน้องกับคุณเตหรือเปล่า" ประภาภรณ์ถาม เพราะคิดว่าปฐวีน่าจะรู้เรื่องนี้
"ปลื้มกับคุณเตเคยทำงานด้วยกันครับแม่"
"แบบนี้ไม่น่าจะใช่ผู้ร่วมงานธรรมดานะ" ไตรภพพูดขึ้น
"แล้วทางคุณจะเอายังไง" อานนท์ที่นั่งฟังมานานพูดขึ้น ไม่ชอบใจที่ฝั่งเจ้าบ่าวต่อว่าหลานสาวเสีย ๆ หาย ๆ ถึงปานิศาจะหนีไปกับเตวิทย์จริงก็เถอะ แต่เขาเชื่อว่าหลานต้องมีเหตุผล
"ไม่มีอะไรซับซ้อนนี่ครับ ทางเราขอสินสอดคืนทั้งหมด ดีนะที่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส ผมคงรับปานิศาเป็นสะใภ้ไม่ได้"
"พ่อครับ ผมว่า..." ศราวุธเอ่ยขึ้นเมื่อพ่อเริ่มโวยวาย ปานิศาร่ำรวยเป็นบ่อเงินบ่อทองของครอบครัว เขามีอะไรกับภีรณีเพราะภีรณียั่วยวนจนห้ามใจไม่ไหว และที่สำคัญภีรณีไม่เรียกร้องอะไร เธอย่อมเป็นเมียเก็บของเขา
"หยุดเลยนะตาวุธ พ่อทำถูกแล้ว แม่ก็รับไม่ได้เหมือนกัน ขอโทษที่ต้องพูดตรง ๆ นะคะ" พูดกับลูกชายแต่ท้ายประโยคประชดให้ฝ่ายเจ้าสาว
"ผมว่ารอให้ปลื้มกลับมา แล้วค่อยคุยเรื่องสินสอดดีกว่านะครับ ทางเราไม่ได้มีเจตนาจะโยกโย้ แต่สินสอดบางส่วนเป็นของเรา ถ้าจะเอาคืนตอนนี้ผมเกรงว่า" คำพูดที่เหลือของปฐวีค้างไว้แค่ริมฝีปาก เมื่อการะเกดขัดขึ้น
"ภาพในกล้องวงจรปิด น่าจะเป็นหลักฐานให้ทางเราฟ้องเรียกค่าเสียหายได้นะคะ เจ้าสาวหนีไปกับชู้ ศาลน่าจะมีคำตอบดี ๆ ให้เรา" จงใจเน้นคำว่าชู้ ให้ปฐวีและมารดาได้ยินชัด ๆ
"ช่างเถอะปัด คืนส่วนของเขาไปให้หมด แม่ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ ตกลงเอาตามนี้นะคะ ทางเราคืนสินสอดส่วนที่เป็นของคุณทั้งหมด เรื่องค่าใช่จ่ายในงาน ฉันจะรับผิดชอบเอง" ประภาภรณ์ตัดปัญหาเพราะยิ่งคุยก็ยิ่งมากเรื่อง ปฐวีทำท่าจะค้านเพราะรู้ว่าเงินที่ฝ่ายชายนำมาเป็นสินสอด คือเงินของน้อง ปานิศาไม่อยากให้
ศราวุธเสียหน้า จึงให้ยืมเงินและทองหมั้นบางส่วน"เอาตามนี้ก็ได้ค่ะ ไม่ใช่ฉันไม่รักไม่เอ็นดูหนูปลื้มนะคะ แต่หนีไปกับผู้ชายแบบนี้ ฉันรับไม่ไหวจริง ๆ" พูดจบการะเกดก็ดึงแขนสามีออกไปจากห้อง ศราวุธกับภีรณีตามออกไปด้วย ทุกคนที่อยู่ในห้องถอนหายใจออกมา จะว่าโล่งอกก็น่าจะใช่ ที่ปานิศาไม่ต้องตกนรกทั้งเป็น ศราวุธกับภีรณีคืองูพิษ ที่ปานิศาเก็บไว้ข้างกาย
"ไม่ต้องห่วงนะครับแม่ ยายปลื้มจะปลอดภัย" บอกกับมารดาเพราะอยากให้ท่านคลายความกังวล
"อธิบายให้แม่ฟังได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น ปัดติดต่อคุณเตได้ไหม แม่เป็นห่วงน้อง"
"แม่สบายใจเถอะครับ ปลื้มสบายใจก็กลับมาเอง"
"ถ้าปัดติดต่อคุณเตได้ ฝากบอกคุณเตด้วยนะ ว่าแม่ฝากน้องด้วย" ประภาภรณ์บอกกับลูกชาย เป็นแบบนี้ก็ดีคืนสินสอดไปจะได้จบสิ้นกันเสียที
...................................................................................
"งามหน้าจริง ๆ ดีนะที่ได้สินสอดมาด้วย" การะเกดเดินบ่นมาเรื่อยทาง แต่ก็ดีใจที่ได้เงินกลับมามากมาย
"เลิกบ่นเถอะคุณ ได้เงินแล้วก็จบกันไป" ไตรภพบอกกับภรรยา แม้จะเสียดายฐานะทางครอบครัวของว่าที่ลูกสะใภ้ แต่เงินที่ได้มาก็จำนวนไม่น้อย สามารถนำมาตั้งตัวได้เลย
"แพมขอตัวนะคะ" ภีรณีเอ่ยขอตัวเมื่อเดินมาถึงลานจอดรถ
"ไม่กลับด้วยกันเหรอ" ศราวุธถาม
"แพมนึกได้ว่ามีงานด่วน เจอกันคืนนี้นะคะ" พูดจบภีรณีก็เดินจากไป หัวใจของหญิงสาวร้อนระอุด้วยความอิจฉา เตวิทย์คือผู้ชายที่เธอหมายปอง ถึงแม้จะมีศราวุธแต่คนที่เธออยากใช้ชีวิตด้วยคือเตวิทย์ ที่เธอทนอยู่กับศราวุธเพราะอยากเอาชนะปานิศา เธอพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ปานิศาเสียใจ
เสียงไก่ขัน เสียงนกร้องที่ดังไปรอบ ๆ บริเวณ ปลุกปานิศาให้ตื่นขึ้น หญิงสาวขยับตัวออกจากอ้อมแขนแกร่ง ใบหน้าสวยเห่อร้อน เมื่อคืนเตวิทย์นอนกอดเธอทั้งคืน "คุณเต เช้าแล้วค่ะ" ปลุกเตวิทย์ให้ตื่นขึ้น เธอตั้งใจกลับกรุงเทพวันนี้ เดินทางแต่เช้าจะได้ไม่มืดค่ำ กลับไปเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วค่อยกลับมาที่นี่อีก ถ้าเขายังอยากให้เธอมา "เช้าแล้วเหรอ เร็วจัง" เตวิทย์ขยับตัวอย่างเกียจคร้าน มือหนาเกี่ยวเอวบาง แล้วดึงเธอกลับไปบนที่นอน แต่ปานิศาฝืนตัวเอาไว้ ถ้านอนต่อวันนี้คงไม่ได้กลับ "เมื่อยจังเลย" เพราะเมื่อคืนนอนท่าเดียว เช้ามาจึงเมื่อยขบไปทั้งตัว "นวดให้หน่อยสิ" "ไม่ค่ะ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย กลับกรุงเทพวันนี้นะคะ ฉันอยากไปทำให้มันจบ มีงานต้องทำด้วย ฉันพักร้อนแค่สามวัน" "เป็นแฟนเจ้าของบริษัท ไม่ต้องทำเยอะก็ได้" เจ้าของบริษัทที่เตวิทย์พูดถึงคือตัวเขาเอง "ฟงแฟนอะไรกันคะ ไม่คุยกับคุณแล้ว ลุกค่ะไปอาบน้ำ จะได้กลับกัน" "ไม่อยากกลับเลย อยากอยู่กับคุณที่นี่ แต่งงานกันนะ แล้วย้ายมาอยู่ที่นี่กัน" เตวิทย์ชวน แต่ป
อากาศยามค่ำคืนเหน็บหนาว แม้จะมีผ้าห่มแต่ก็ไม่ทำให้หายหนาว เตวิทย์ใช้อ้อมแขนของเขาคลายหนาวให้เธอ ปานิศาไม่ขัดขืน หญิงสาวขดตัวอยู่ในอกของเขา เธอไม่เคยใกล้ชิดกับศราวุธถึงขั้นนี้ แต่พอเป็นเขากลับยอมอย่างง่ายดายจมูกโด่งเป็นสันฝังลงที่ศีรษะทุยสวย จูบแล้วกระชับอ้อมแขน กอดเธอหลับไปพร้อมกัน เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน ชายหนุ่มสมน้ำหน้าตัวเองที่อยากเป็นสุภาพบุรุษ หนาวอย่างนี้ถ้าได้ทำอะไรที่เสียเหงื่อบ้างคงทำให้อุ่นขึ้น "ปลื้มครับ" กระซิบถามเพราะรู้ว่าเธอยังไม่หลับ "คะ" ปานิศาขานรับ หัวใจเต้นระส่ำ เมื่อได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจของเขา "ขอได้ไหม"ปึก "อุ๊บ"คำถามของเขาได้หมัดหนัก ๆ เป็นคำตอบ ปานิศาฟาดมือลงบนชายโครงของเขา เตวิทย์จุกจนพูดไม่ออก เห็นตัวเล็กอย่างนี้หมัดหนักเหลือเกินแม่คุณ "มีให้เลือกสองอย่างค่ะ" เธอพูดท่ามกลางความเงียบ "ครับ" ขานรับแล้วคอยฟังอย่างตั้งใจ "จะนอนในนี้ หรือจะออกไปนอนตากยุงข้างนอกคะ" "นี่บ้านผม" เขาเถียงทันควัน "บ้านคุณแล้วไงคะ เลือก!" "นอนในนี
เตวิทย์แกะมือเธอออกจากลำคอ แล้วฉุดมือหญิงสาวให้ลุกขึ้นนั่ง ปานิศาหน้าแดงด้วยความอับอายที่ถูกปฏิเสธ เตวิทย์จูบลงมาที่หน้าผากมนฟอดใหญ่ จับใบหน้าของเธอให้หันมามองหน้าเขา "ปล่อยค่ะ" แกะมือเขาออกเพราะไม่มีอะไรจะคุย "โกรธเหรอ" "เปล่าค่ะ" ปฏิเสธพร้อมกับขยับหนี เขาเป็นคนเริ่มก่อน เธอไม่ได้เป็นคนเสนอให้เขา "ฟังผมนะ ที่ผมหยุดเพราะผมไม่อยากฉวยโอกาสตอนที่คุณกำลังสับสน ผมจะพิสูจน์ให้เห็นว่าผมจริงใจกับคุณ ผมไม่ต้องการเซ็ก แต่ผมต้องการคุณ" "คุณเต" เรียกชื่อชายหนุ่ม เมื่อเขาพูดประโยคนั้นออกมา "ปลื้ม คุณก็รู้ว่าผมรักคุณ ให้โอกาสผมนะ" "ฉัน..." สับสนไปหมด ไม่รู้ว่าจะตอบเขายังไงดี โอกาสที่เขาขอคืออะไร เธอเพิ่งแต่งงาน แม้จะเป็นการแต่งแค่ครึ่งทางก็ตาม "กลับไปเราคงไม่พ้นข้อหาชู้ แต่ผมจะทำให้คนเหล่านั้นเห็นว่าผมไม่ใช่ชู้ แต่ผมเป็นตัวจริงของคุณ เป็นแฟนกับผมนะครับ" "นี่คุณกำลังจีบฉันอยู่เหรอคะ" เธอถามเพราะไม่เข้าใจคำพูดของเขา เธอยอมเป็นของเขา ในขณะที่เขาขอแค่คบ "ใช่ครับ ถ้าผมทำมากกว่าจีบคุณก็
เตวิทย์พาปานิศาซ้อนท้ายรถเอทีวี ที่ข้างหลังมีกระเป๋าผ้าและกล่องใบกะทัดรัดผูกติดเอาไว้ แล้วขับเข้ามาในไร่ชา ปานิศาตื่นตาตื่นใจกับไร่ชาที่กว้างจนสุดตา ตอนนี้เป็นเวลาเย็นจึงไม่มีคนงานเก็บใบชา จะมีก็แต่คนที่ดูแลไร่เท่านั้น ชายหนุ่มขับลัดเลาะเข้าไปในส่วนที่เป็นป่า แต่ยังมีต้นชาขึ้นเรียงกันเป็นแถว ปานิศาอึ้งกับที่นี่มาก ขนาดเป็นป่ายังใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า "ข้างหลังนั่นเป็นน้ำตก ได้ยินเสียงน้ำไหลไหม" เขาหันมาถามเมื่อขับรถเข้าไปด้านใน ปานิศาส่ายหัวเป็นคำตอบ เธอไม่ได้ยินเสียงน้ำตกเพราะเสียงรถดังกว่า "ผมรักที่นี่มาก ทุกครั้งที่มา ก็จะเข้ามาที่นี่ คืนนี้เราจะนอนที่บ้านหลังนั้น" เตวิทย์ชี้ไปที่บ้านไม้ยกพื้น ขนาดหนึ่งห้องนอน ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ น้ำตก "ไม่อันตรายเหรอคะ" ถามเพราะเห็นว่าอยู่กลางป่า "ไม่ครับที่นี่เป็นที่ของผม มีแต่คนของผม ไม่มีใครทำอันตรายเราหรอก" "แน่ใจนะคะ" ถึงแม้เขาจะยืนยันมาอย่างนั้น แต่ปานิศาก็ยังกังวล "สบายใจเถอะ ลงไปได้แล้ว ไว้ใจผมนะครับ" "ทำไมไม่บอกก่อน ว่าจะมาค้างคืน ฉันจะได้เตรียมตัว ดูสิไม
ศราวุธนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่เดิมอย่างมีความสุข ในที่สุดเขาก็ได้ใช้ชีวิตกับคนที่เขารักอย่างเปิดเผย แถมยังได้เงินก้อนโตมาเป็นทุนอีกด้วย บนโลกใบนี้ไม่มีใครโง่เท่าปานิศาอีกแล้ว อยู่ ๆ ก็หายไปแล้วทิ้งเงินทองไว้ให้เขา เขาไม่เคยอยากแต่งงานเลยสักนิด แต่เพราะขัดเธอไม่ได้ จึงตกลงเออออไปกับเธอ ไม่คิดเลยว่ามันจะดีขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าแต่งแล้วจะได้เงินมาใช้ง่าย ๆ เขาแต่งไปนานแล้วในขณะที่ศราวุธกำลังดื่มด่ำกับความสุข ภีรณีกลับรู้สึกตรงกันข้าม เมื่อรู้ว่าคนที่พาปานิศาไปจากงานแต่คือเตวิทย์ เช้านี้สื่อทุกช่องต่างประโคมข่าวว่าสองคนนั่นเป็นชู้กัน ปานิศาแอบคบกับเตวิทย์แล้วตัดสินใจล้มงานแต่ง แล้วหนีไปกับคนที่เธอรัก มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง เธอจะไม่รู้สึกอะไรเลย ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เตวิทย์ ต่อมอิจฉาทำงานทันที เมื่อปานิศากำลังจะได้ดีกว่าเธอ ที่เธอเป็นชู้กับศราวุธก็ไม่ใช่เพราะความรัก เธออยากแย่งทุกอย่างที่ปานิศามีต่างหาก ตั้งแต่เด็กจนโตปานิศาจะได้สิ่งที่ดีกว่าเธอเสมอ "ที่ร้ากกก มาทำอะไรตรงนี้ค้าบบบ" เสียงอ้อแอ้มาพร้อมกับคนเมา ที่กำลังเดินมาทางเธอ ทำให้ภีรณีเบื่อหน่ายหนักขึ้นกว่าเดิม ศราวุธดื่มต่อเนื่องมา
ปานิศาขยับตัวเมื่อรู้สึกเมื่อยขบ เพราะมีของหนักทับอยู่ที่เอวและช่วงขา ตากลมโตเบิกขึ้น เมื่อเห็นว่าของหนักที่ทับอยู่คืออะไร "คุณเต..." อุทานออกมาพร้อมกับขยับหนีด้วยความตกใจ มองคนที่ยังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง ของหนักที่ทับอยู่ที่เอวคือแขน ส่วนที่ขาคือขาแกร่งของเขา เตวิทย์ปรือตาขึ้นอย่างงัวเงีย เมื่อวานเขาเพลียเพราะขับรถทั้งวัน จากที่ตั้งใจว่าจะนอนกอดแค่แป๊บเดียว แต่เมื่อได้สัมผัสกับความอุ่นของเนื้อนุ่ม และกลิ่นหอมของกายสาว รวมกับที่นอนนุ่ม ๆ และความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ก็ทำให้เขาเผลอหลับไป "กี่โมงแล้วครับ" ถามพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง บิดขี้เกียจไปมา ปานิสาตาโตให้กับท่าทางเป็นกันเองของเขา "เป็นอะไรครับ" ถามแล้วมองคนที่ยืนกอดตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ ปานิศาอยากจะข่วนหน้าหล่อ ๆ นั่นสักที เตวิทย์ลืมไปหรือเปล่าว่าเธอกับเขาก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า เขาเป็นเพื่อนปฐวีก็จริง แต่เธอคุยกับเขาแค่เรื่องงาน เขามานอนกอดเธอแบบนี้ เธอก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา "คุณเข้ามาทำไมคะ" ถามเมื่อตั้งสติได้ "ผมเป็นห่วงเลยเข้ามาดู เห็นคุณหลับ ผมก็เลย..." "พ