“นางกลับไปพร้อมกับคนของข้าใช่ไหม” ได้โปรดให้มันเป็นอย่างที่เขาถามด้วยเถอะ.. แต่ความหวังก็พังทลายลงในพริบตา เมื่อเห็นหลงจู๊ส่ายหน้า ก่อนที่จะล้วงเข้าไปในอกเสื้อและยื่นซองจดหมายมาให้
เขารีบรับมาเปิดอ่าน
‘ต้าเสิน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน จะใกล้หรือไกล จงรู้ไว้ว่าข้ารักท่านหมดหัวใจและจะรักตลอดไป และถ้าท่านรักข้า ได้โปรดอย่าตามหาข้า ซูวี่’
ใจของเขาแทบสลายเมื่อได้อ่านเนื้อหาสั้น ๆ ในจดหมาย ไหล่ที่เคยผึ่งผาย หลังที่เคยตั้งตรง ห่อเหี่ยวอย่างหมดอาลัย
“นางฝากให้ข้าบอกท่านว่าหัวใจของนางอยู่กับท่านเสมอ นางมีความสุขที่สุดที่ได้รักกับท่าน นางมีเหตุจำเป็นที่ต้องไป ได้โปรดอย่าตามหานาง” ชุยหังบอกกับบุรุษรูปงาม
ต้าเสินมองบุรุษที่ครั้งหนึ่งเคยเจอกันที่ร้านขายเสื้อผ้าสตรี “ข้าคิดว่าท่านรู้จักความรักดีพอ ๆ กับข้านะหลงจู๊”
“ข้ารู้ซึ้งดี” ชุยหังตอบอย่างไม่ปิดบัง
“แล้วถ้าเป็นท่าน ท่านจะยอมตัดใจเพราะจดหมายฉบับเดียว เพราะคำพูดแค่ไม่กี่คำนี้ไหม”
“ไม่เด็ดขาด ต่อให้ต้องตามหานา
“ก็พูดจาให้เหมือนคนเขาพูดกันหน่อยสิ”“ข้าก็พูดภาษาคนอยู่นี่ไง”“พอได้แล้วลู่ลู่” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมปรามลูกสาวพร้อมกับเข้าไปจับข้อมือนาง “ถ้าเจ้าพูดออกมาอีกแค่คำเดียว ข้าจะเอาแส้ฟาดหลังเจ้าให้ลายเลย ไม่เชื่อก็ลองดูสิ” ขู่ก่อนที่นางจะอ้าปากพูดไม่คิดออกมาอีก “ไปกับข้า..” ลู่ลู่ไม่ยอมเดินตามแรงรั้งของบิดา “ท่านต้องให้อาหม่าลงไปกับเราด้วย โอ๊ย! ท่านตีข้าทำไม ข้าเจ็บนะ” นางโวยวายพร้อมกับลูบก้นที่โดนฝ่ามือกรำงานหนักฟาดใส่เต็มแรง เจ็บจนน้ำตาคลอเบ้า“อยากจะโดนอีกทีใช่ไหม” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมถามพร้อมกับยกมือเตรียมประเคนใส่ลูกสาวที่เอาแต่ใจจนไร้เหตุผล ทำให้เขาต้องมาเสียหน้าต่อหน้าแขก“ก็ข้ากลัวนางล่อลวงอาหม่าของข้านี่ท่านพ่อ” ต่อให้ถูกตีจนก้นแตกนางก็ยอม แต่ไม่ยอมให้อาหม่าอยู่กับนางสองต่อสองเด็ดขาด“พอสักทีเถอะ!” เสียงทุ้มดุดันดังขึ้นก่อนที่ประตูห้องข้าง ๆ จะเปิดกว้างเต็มบานทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหันไปมอง ความเงียบเข้าครอบคลุมพื้นที่ไปชั่วขณ
สุวิมลเหลืออดกับนิสัยเอาแต่ใจของหญิงสาวเต็มกลืน จึงดันนางให้พ้นทางแล้วเดินไปตรงระเบียงหน้าห้อง มองลงไปที่ชั้นล่างของโรงเตี๊ยม“เถ้าแก่” เรียกบุรุษวัยกลางคนที่กำลังเดินกลับไปที่โต๊ะเก็บเงินพอดี“เจ้า!” ลู่ลู่อุทานด้วยความตกใจพร้อม ๆ กับได้ยินเสียงขานรับของบิดา“ขอรับแม่นาง”“ลูกสาวของท่านมาระรานข้าถึงหน้าห้อง พานางไปอบรมสั่งสอนมารยาทหน่อยนะ”“หา!” เถ้าแก่อุทานตาตั้ง รีบกระวีกระวาดก้าวขึ้นบันไดทีละสองขั้นเลยทีเดียว “ลู่ลู่!” เขาชี้นิ้วข่มขู่ลูกสาวที่ขยันสร้างแต่เรื่องเสียงคำรามลั่นกับหน้าตาที่โกรธจัดของบิดา ทำให้ลู่ลู่กลัวจนต้องรีบวิ่งเข้าไปในห้องพักของศัตรูหัวใจ แล้วปิดประตูขังตัวเองอยู่ในนั้นสุวิมลหันไปมองทางด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงดังปังสนั่นหู.. อารมณ์ของเธอถึงกับพุ่งปรี๊ดด้วยความไม่พอใจ ยกมือเท้าเอว มองบานประตูที่ปิดสนิท“ออกมาจากห้องข้าเดี๋ยวนี้เลยนะ” แม้จะไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ใส่อารมณ์ลงไปในคำพูด แต่น้ำเสียงก็ไม่ได้ระรื่นหูนัก“
“จะบ้าหรือไง!” ต้าหม่าตะคอกใส่หญิงสาวที่เป็นลูกสาวของเถ้าแก่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ แห่งนี้อย่างไม่พอใจ “เจ้าว่างมาจับผิดข้าแบบนี้แสดงว่าว่างงานใช่ไหม ข้าจะได้บอกกับเถ้าแก่ให้เพิ่มงานให้เจ้า”“งานของข้าก็คือจับผิดเจ้าไงล่ะ”“จับผิดข้าทำไม... นี่เจ้า..เจ้ายังไม่เลิกคิดบ้า ๆ กับข้าอีกเหรอ” ความเงียบของนางคือคำตอบที่ทำให้ต้าหม่าถึงกับถอนหายใจ มองนางด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว “เลิกคิดบ้า ๆ แล้วไปทำงานของเจ้าซะ อย่ามากวนใจข้า ข้าจะรีบกินข้าวรีบไปทำงาน”“อาหม่า น้ำที่เจ้าต้มเดือดแล้วนะ จะเอาไปให้ฮูหยินคนงามก็รีบ ๆ หน่อย อากาศเย็นจัดแบบนี้น้ำจะเย็นเร็วนะ” คนงานที่ทำงานในส่วนครัวตะโกนออกมา“อือ” ต้าหม่ารีบวางชามข้าวแล้วไปเตรียมน้ำลู่ลู่มองอาการกระตือรือร้นของชายหนุ่มที่ตัวเองมีใจให้ด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก รีบวิ่งไปดักหน้าแล้วปัดอ่างน้ำในมือเขาจนตกลงกับพื้น อ่างคว่ำน้ำหกจนหมด“อาลู่!”“ก็ไปต้มให้นางใหม่สิ!” นางตะโกนใส่หน้าเขาแล้วสะบัดหน้าเดินจากไป
ต้าเสินยกมือบอกลา กระตุกบังเหียนม้าให้มันวิ่งเร็วขึ้น.. ระหว่างทางก็คิดไปต่าง ๆ นานา ทั้งเป็นห่วงและโมโหนางผู้เป็นที่รัก และนึกไปถึงคำพูดสุดท้ายของหลงจู๊‘ถ้าเจอนางแล้วข้าอยากให้ท่านใจเย็น ค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ จากับนาง อย่าให้อารมณ์และความหึงหวงมาบังตา เพราะอาจจะทำให้เรื่องราวมันแย่ยิ่งกว่าเดิม’บุรุษบนหลังม้าถอนหายใจหนักหน่วง จะทำอย่างไรกับเมียรักที่กล้าหักหาญน้ำใจเขาถึงเพียงนี้ นางมีเหตุผลอะไรถึงต้องหนีจากเขาทั้งที่ยังรักเขาครุ่นคิดไปตลอดการเดินทางจนกระทั่งมาถึงโรงเตี๊ยมตามที่ระบุไว้ในจดหมาย ร่างใหญ่กระโดดลงจากหลังม้าเมื่อเห็นเสี่ยวเอ้อร์รูปร่างผอมแห้งคนหนึ่งวิ่งมาต้อนรับ“คารวะนายท่าน เดินทางมายามวิกาลแบบนี้ ต้องการเข้าพักหรือว่า”“ที่นี่มีห้องว่างไหม” ถามก่อนที่เสี่ยวเอ้อร์จะพูดจบ“มีขอรับ ส่งม้าให้ข้าและเชิญนายท่านเข้าไปด้านในก่อนนะขอรับ”“ดูแลมันให้ดี” เขาหยิบเงินยื่นให้เด็กหนุ่มเป็นสินน้ำใจ“ขอบคุณนายท่าน ข้าจะดูแลมันอย่างดี” เสี่ยวเอ้อร์รีบซ่
“นางกลับไปพร้อมกับคนของข้าใช่ไหม” ได้โปรดให้มันเป็นอย่างที่เขาถามด้วยเถอะ.. แต่ความหวังก็พังทลายลงในพริบตา เมื่อเห็นหลงจู๊ส่ายหน้า ก่อนที่จะล้วงเข้าไปในอกเสื้อและยื่นซองจดหมายมาให้เขารีบรับมาเปิดอ่าน‘ต้าเสิน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน จะใกล้หรือไกล จงรู้ไว้ว่าข้ารักท่านหมดหัวใจและจะรักตลอดไป และถ้าท่านรักข้า ได้โปรดอย่าตามหาข้า ซูวี่’ใจของเขาแทบสลายเมื่อได้อ่านเนื้อหาสั้น ๆ ในจดหมาย ไหล่ที่เคยผึ่งผาย หลังที่เคยตั้งตรง ห่อเหี่ยวอย่างหมดอาลัย“นางฝากให้ข้าบอกท่านว่าหัวใจของนางอยู่กับท่านเสมอ นางมีความสุขที่สุดที่ได้รักกับท่าน นางมีเหตุจำเป็นที่ต้องไป ได้โปรดอย่าตามหานาง” ชุยหังบอกกับบุรุษรูปงามต้าเสินมองบุรุษที่ครั้งหนึ่งเคยเจอกันที่ร้านขายเสื้อผ้าสตรี “ข้าคิดว่าท่านรู้จักความรักดีพอ ๆ กับข้านะหลงจู๊”“ข้ารู้ซึ้งดี” ชุยหังตอบอย่างไม่ปิดบัง“แล้วถ้าเป็นท่าน ท่านจะยอมตัดใจเพราะจดหมายฉบับเดียว เพราะคำพูดแค่ไม่กี่คำนี้ไหม”“ไม่เด็ดขาด ต่อให้ต้องตามหานา
สุวิมลมองตามแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินห่างออกไปด้วยใจที่เศร้าหมองและเจ็บปวด และฝืนคลี่ยิ้มหวานส่งให้เมื่อเขาหันกลับมามองก่อนจะเดินพ้นฉากกั้น“ข้ารักท่านนะ” บอกเขาและโบกมือลา“ข้าก็รักเจ้า” ต้าเสินตอบกลับ ตัดใจที่จะไม่เดินกลับไปขึ้นเตียงระเริงรักกับนางอย่างที่ต้องการ เพราะอยากรีบไปทำธุระให้เสร็จจะได้รีบกลับมาอยู่กับนาง “นอนซะ ขืนยังมองข้าแบบนี้ ข้าคงต้องเปลี่ยนใจกลับขึ้นเตียงกับเจ้าแน่” แล้วยิ้มพอใจเมื่อนางหลับตาลงหญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงปิดประตู คิดถึงเรื่องของเขากับตัวเองแล้วน้ำตาก็ค่อย ๆ ไหลรินออกทางหางตา เธอนอนร้องไห้เงียบ ๆ อยู่นานจนน้ำตาเริ่มแห้ง แล้วจึงลุกจากเตียงไปที่โต๊ะหนังสือด้านนอก หยิบกระดาษกับพู่กันแล้วเริ่มเขียนจดหมายถึงเขาแต่นอกจากคำว่าต้าเสินแล้วเธอกลับไม่กล้าที่จะเขียนคำอื่นลงไปอีก มีแต่น้ำตาที่แข่งกันทะลักออกมา“ทำไมการจากลาทั้งที่ยังรักมันถึงได้เจ็บปวดทรมานแบบนี้นะต้าเสิน” ถามคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วยเสียงสะอื้น ปาดน้ำตาให้แห้งแล้วเริ่มจรดพู่กันลงบนแผ่นกระดาษ