แชร์

บทที่1 หวนคืนวันวาน

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-27 17:49:25

ความอบอุ่นอันคุ้นเคยปลุกให้เฉินอันหนิงรู้สึกตัวตื่น นางลืมตาขึ้นอย่างมึนงงก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งเพราะความหนักอึ้งที่เปลือกตา นี่คือโลกหลังความตายเช่นนั้นหรือ ไยดูคุ้นเคยยิ่ง…

“เจ้าก้อนแป้งขี้เซาจะให้พ่อรออีกนานเพียงใดกัน” สุรเสียงอันคุ้นเคยและเต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นดังขึ้นจากใกล้ ๆ เรียกให้นางต้องลืมตาขึ้นอีกครั้ง

นั่นเสียงของเสด็จพ่อมิใช่หรือ…

ไม่เพียงแค่เสียงแต่บุรุษผู้สูงศักดิ์ที่นางรักยิ่งกว่าผู้ใดยังมาอยู่ตรงหน้านางอีกด้วย ดวงตาของนางร้อนผ่าว เฉินอันหนิงแทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าเสด็จพ่อในยามยังหนุ่มจะยิ้มอ่อนโยนอยู่เบื้องหน้านาง

“เสด็จพ่อ อะ” ความปิติยินดีที่ได้พบบิดาอีกครั้งชะงักกึกยามที่เอื้อนเอ่ยเรียกออกไปทว่าเสียงที่ได้ยินกลับแปลกประหลาด

“เป็นอันใดไปเจ้าก้อนแป้งน้อย ฝันร้ายหรือ เหตุใดจึงร้องไห้เล่า” เฉินไท่เสียน ฮ่องเต้แห่งแคว้นเฉินเอ่ยถามพร้อมกับยื่นพระหัตถ์อบอุ่นมาลูบศีรษะเล็ก ๆ ของธิดาองค์โตเป็นการปลอบประโลมยามที่เห็นหยดน้ำตาเม็ดโตกำลังจะไหลอาบแก้ม

ยามพระหัตถ์คุ้นเคยของพระบิดายื่นมาสัมผัสเฉินอันหนิงทั้งสับสนและอบอุ่นในคราเดียวกัน นี่คือความอบอุ่นที่นางคุ้นเคยอย่างแน่นอย หากแต่เหตุใดสัมผัสนี้จึงคล้ายยามเด็กเล่า

ซ้ำเสด็จพ่อยังมิได้เรียกขานนางว่าเจ้าก้อนแป้งน้อยมาแสนนานแล้ว ไยจึงเรียกขานนางราวกับนางเป็นเด็กกันเล่า

ผู้คิดว่าตนอยู่ในโลกหลังความตายฉุกคิดก่อนจะก้มลงสำรวจเรือนกายของตน ไม่มีบาดแผลจากการถูกฮุยอี้แทง และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ…แขนขานางก็ยังเล็กลงมากอีกด้วย

นี่มันเรื่องอันใดกัน!

“ฝ่าบาท หรงกุ้ยเฟยเสด็จมาพะย่ะค่ะ” เสียงจากขันทีด้านนอกเรียกให้เฉินอันหนิงต้องมึนงงเพิ่มขึ้น หรงกุ้ยเฟยเช่นนั้นหรือ หรงกุ้ยเฟยถูกเสด็จพ่อลดขั้นเป็นเจาอี๋ไปแล้วมิใช่หรือ ในตอนที่พระนางจากไปก็ถูกเรียกขานเพียงหรงเจาอี๋ ในโลกหลังความตายเสด็จพ่อคืนตำแหน่งให้พระนางเช่นนั้นหรือ

“ให้นางเข้ามา” 

“พะย่ะค่ะ” ขันทีด้านนอกรับคำสั่งก่อนที่ประตูตำหนักจะเปิดกว้างออก เฉินอันหนิงมองไปก่อนจะต้องอ้าปากค้างยามที่ร่างระหงเยื้องย่างเข้ามาภายในห้อง ท่วงท่าของสตรีในอาภรณ์หรูหราสมฐานันดรกุ้ยเฟยสง่างามและน่าเกรงขามมากกว่าอ่อนโยน แต่ก็ให้ความรู้สึกถึงความสูงศักดิ์ ทว่าท่าทีเหล่านั้นมิได้ทำให้เฉินอันหนิงตกใจได้เท่ากับใบหน้าของผู้เป็นกุ้ยเฟย

ใบหน้ายามนี้อ่อนเยาว์ยิ่งนัก ซ้ำมิได้ซูบผอม

ราวกับกลับไปยามที่นางยังเล็กอย่างไรอย่างนั้น

หรงซูหลาน อัครชายาตำแหน่งกุ้ยเฟยตระกูลหรงคือพระมารดาขององค์ชายสามเฉินอี้หลงที่แต่งเข้าตำหนักรัชทายาท ตั้งแต่ฮ่องเต้เฉินไท่เสียนยังเป็นเพียงองค์รัชทายาท 

นางเติบโตมาในตระกูลแม่ทัพซึ่งเป็นตระกูลฝั่งมารดาโดยมิมีผู้ใดรับรู้ว่าแท้จริงแล้วนางคือบุตรสาวอีกคนของจวนเซี่ยและยังเป็นพี่สาวต่างมารดาของเซี่ยฮองเฮา ซึ่งเป็นพระมารดาของเฉินอันหนิง

เสด็จป้าซูหลานในสายตาของเฉินอันหนิงเป็นสตรีที่งดงามไม่แพ้เสด็จแม่ และทรงสง่างามอย่างบุตรหลานตระกูลแม่ทัพหากแต่ทรงเย็นชาและเฉยชามิได้อ่อนหวานเสด็จพ่อจึงมิได้โปรดปรานนักและพระนางก็คล้ายจะมิได้รู้สึกอันใดกับกระกระทำของโอรสสวรรค์ พระนางเพียงเลี้ยงพระโอรสเงียบ ๆ โดยไม่ข้องเกี่ยวกับผู้ใด 

แต่สุดท้ายพระนางก็ถูกเฉินซูเหมยและมารดากล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตายขององค์ชายใหญ่เพื่อให้โอรสได้ตำแหน่งรัชทายาทซ้ำยังมีพยานและหลักฐานมัดตัวจนดิ้นไม่หลุด จึงถูกลดขั้นเป็นเจาอี๋และขับไล่ไปอยู่ตำหนักเย็น ก่อนจะพระราชทานผ้าขาวในเวลาต่อมา

เฉินอันหนิงจดจำยามนั้นได้ดี ก่อนจะมีการเชิญพระราชโองการพระราชทานผ้าขาวนางคุกเข่าต่อหน้าเสด็จพ่อเพื่อไปยังตำหนักเย็นเพื่อพบผู้เป็นป้าเป็นครั้งสุดท้าย

สภาพของเสด็จป้าซูหลานที่นางได้พบเห็นซุบผอมและยังเจ็บป่วยไร้เรี่ยวแรง แตกต่างไปจากยามนี้…

ยามนี้พระนางสง่างามและเยาว์วัยมากทีเดียว

“ได้ยินว่าองค์หญิงใหญ่ทรงประชวร หม่อมชั้นจึงมาเยี่ยม มิคิดว่าฝ่าบาทจะอยู่ที่นี่ด้วย” เสียงเจือความเรียบเฉยเอื้องเอ่ยหลังจากที่หยอบกายทำความเคารพผู้เป็นโอรสสวรรค์เป็นที่เรียบร้อย

“เจ้าก้อนแป้งป่วยไข้ เจิ้นจะไม่มาหาได้เช่นไร”

“ได้ยินว่าองค์หญิงใหญ่ประชวรเพราะพระองค์ทรงใช้เวลาอยู่กับสนมและพระธิดาที่ประสูตินอกวังที่เพิ่งรับเข้าวังจนลืมแม้กระทั่งสัญญาพาองค์หญิงใหญ่ไปดูงานเทศกาลนอกวังมิใช่หรือเพคะ” ประโยคที่หรงกุ้ยเฟยกล่าวมาทำเอาโอรสสวรรค์ถึงกับพูดสิ่งใดไม่ออก เป็นประโยคที่น้ำเสียงตำหนิแต่ตัดพ้ออยู่ในทีจนพระองค์มิอาจจะโต้แย้งใด ๆ ได้

เฉินอันหนิงพยายามขบคิดด้วยใจที่สั่นระทึก  นางประชวรเพราะเสด็จพ่อผิดสัญญาไปสนใจธิดาอีกคนเช่นนั้นหรือ

นี่มันเหตุการณ์ตอนที่เฉินซูเหมยและมารดาถูกรับเข้าวังมิใช่หรือ…ตอนนั้นนางเพียงเจ็ดหนาวเท่านั้น

นี่คือโลกหลังความตายจริง ๆ หรือว่านางย้อนเวลากลับมาในช่วงที่ความวุ่นวายยังมิเกินขึ้นกันนี่

นางย้อนเวลากลับมาหรือ?

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทส่งท้าย

    หกเดือนต่อมา...ในที่สุดงานมงคลของกู้หลุนอันหนิงกงจู่อันเป็นที่รักของผู้คนและราชวงศ์ก็เกิดขึ้น ฟู่จื่อเหยียนในชุดสีแดงปักเย็บอย่างดีขี่ม้าคู่ใจนำหน้าแห่ขบวนเจ้าสาวอันยาวเหยียดด้วยสีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มกว่าจะมีวันนี้ มิใช่ง่าย ๆ เลย แม้ว่าบิดาของเขาจะใช้หลายคำพูดทำให้ฮ่องเต้ไท่เสียนยินยอมให้เขาและบุตรสาวอันเป็นที่รักออกเรือนได้แต่เหล่าอ๋องมิใช่จะยินยอมง่าย ๆ แม้จะทำสิ่งใดเขาไม่ได้แต่ก็พยายามขัดขวางอย่างถึงที่สุดกว่าที่จะยินยอมให้พี่สาวได้ออกเรือน ก็ล่วงเลยมาถึงครึ่งปีทีเดียวฟู่จื่อเหยียนในตอนที่กลับมาต้าเฉินในฐานะบุตรชายคนโตของสกุลฟู่มิได้มีตำแหน่งใดนอกจากสถานะคุณชายฟู่ แต่ระยะเวลาหกเดือนจากคุณชายฟู่ก็ได้เปลี่ยนแปลงไป ผู้คนเรียกขานเขาว่าแม่ทัพฟู่ อันเนื่องมาจากแม้เหตุการณ์หลายอย่างจะเปลี่ยนไป แต่แคว้นฉีก็ยังดันทุรังจะตีต้าเฉิน เหล่าอ๋องต้องการยื้อเวลาไม่ให้พี่ใหญ่ของตนได้ออกเรือนเร็วเกินไป จึงเสนอให้เขาออกรบและกำราบแคว้นฉีเสียแม้การทำศึกกับฉีไม่ได้ยากเย็น แต่ก็กินเวลาไปหลายเดือน

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่98 อำลาต้าไห่

    เรื่องราวทุกสิ่งจบลงที่การแต่งตั้งหยางอ้ายฉิงเป็นหยางฮองเฮา ก่อนกำหนดพิธีอภิเษกสมรสในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเรื่องงานอภิเษกเป็นเรื่องภายใน ฮ่องเต้ไท่เสียนแม้เอ็นดูไห่ซุนหลิงดั่งบุตรชายแต่ก็ไม่อาจรั้งอยู่ต่อรอถึงงานอภิเษกได้ ครั่นจะเดินทางกลับก่อนแล้วค่อยมาก็ไม่ทันอย่างแน่นอน จึงได้แต่ตัดใจ ไม่รั้งอยู่กำหนดเดินทางกลับต้าเฉินจึงเป็นเช้าวันรุ่งขึ้น หลังเสร็จการประชุมฮ่องเต้และฮองเฮาบอกลาคนเป็นดุจบุตรชายและขอตัวกลับตำหนักรับรองไปแล้ว เหลือเพียงเฉินอันหนิงและจิวหูที่ยังอยู่รับน้ำชากับฮ่องเต้ซุนหลิงและว่าที่ฮองเฮา วันนี้เองที่เฉินอันหนิงได้พูดคุยกับหยางอ้ายฉิงอีกครั้ง ทั้งคู่เข้ากันได้ดีเมื่อได้พูดคุยขอโทษขอโพยที่ต่างล่วงเกินกันในวันแรกที่เจอก่อนที่เฉินอันหนิงจะกล่าวขออภัยที่ไม่อาจอยู่ร่วมงานอภิเษกได้“ขออภัยพี่ใหญ่จิว และคุณหนูหยาง ที่มิอาจอยู่ร่วมงานอภิเษกได้”“อย่าได้คิดมาก ข้ามิใช่คนคิดเล็กคิดน้อย” จิวหลิงพูดแล้วก็ยกยิ้มและเอายคล้ายจะแกล้งเย้า “แต่งานของเจ้ากับเขา ช่วยเผื่อเวลาให้

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่97 ไม่มีคำปฏิเสธ

    “เห็นได้ชัดว่าท่านยังโง่งมอยู่ ท่านจะป้อนยาล้ำค่าที่มีเพียงหกเม็ดให้พี่ใหญ่ได้อย่างไรกัน นั่นคือของสำคัญของท่านนะ” เป็นเฉินไป๋เสวี่ยที่มาห้ามเอาไว้ ในขณะที่สถานการณ์รอบข้างคลี่คลายลงได้แล้วด้วยฝีมือของหานอ๋องและเหล่าองครักษ์ร่วมมือกับคนของพรรคเมฆาสุริยันต์เฉินไป๋เสวี่ยส่ายหน้าพร้อมกับกำข้อมือของผู้เป็นศิษย์สำนักเดียวกันเอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยให้จิวหูได้ทำตามใจ เขาเป็นศิษย์หมอเทวดาย่อมรู้ว่ายาลูกกลอนในมือของอีกฝ่ายนั้นเป็นยาล้ำค่าที่สามารถรักษาคนที่อาการสาหัสให้ฟื้นคืนได้ ทว่าสิ่งนั้นมีเพียงน้อยนิด หลายปีก่อนเจ้าสำนักโอวหยางเหวินหลงปรุงยาขึ้นมาได้หกเม็ด เก็บเอาไว้เองหนึ่งเม็ดและมอบให้กับลูกศิษย์ทั้งห้าคนละเม็ดและไม่คิดจะปรุงเพิ่มอีก หวังให้ศิษย์ใช้ยานี้เมื่อถึงคราวคับขันแต่คราวคับขันนั้นมิใช่ให้ใช้กับผู้อื่น...คนผู้นี้ไม่รักชีวิตถึงขั้นจะแลกเพื่อพี่สาวของเขาเชียวหรือ หากวันหน้าเป็นอันใดไปจะทำอย่างไรเล่า“ยานี้ไม่สำคัญอันใด ถ้าไม่มีนาง ต่อให้ต้องแลกกับโลกใบนี้เพื่อนาง ข้าก็จะแลก” ไม่มีสิ่งใดม

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่96 มีคนร้าย

    รถม้าเคลื่อนไปแล้ว แต่ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งอยู่ ไม่ได้เข้าไปภายในตำหนักรับรอง และไม่ได้จากไปที่ใดมิใช่เพราะลังเลอันใดอีก แต่เพราะกำลังขบคิดกับคำของอาจารย์ สิ่งที่อาจารย์ตักเตือนเขาและเหล่าเศิษย์พี่น้องไม่เคยไม่เชื่อ ด้วยว่าอาจารย์ไม่เคยมองสิ่งใดผิดพออาจารย์เอ่ยเช่นนี้ เขาก็ชักสังหรณ์ใจไม่ดีเสียแล้ว“อะ พี่ใหญ่” ไม่ทันจะได้คิดสิ่งใดมากไปกว่านั้นเสียงเรียกจากด้านหลังก็ดังขึ้น“เหยาเหยา” จิวหูส่งเสียงให้น้องสาวที่ส่งเสียงเรียกก่อนจะได้เห็นว่าด้านหลังของฟู่จื่อเหยายังมีเฉินอันหนิง เฉินลี่หลิน และอ๋องทั้งสอง กับฟู่จื่อหมิงและฟู่จื่อหลิงอยู่ด้วย“จะออกไปที่ใดกัน”“หอเมฆาเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ก็ไปด้วยกันนะเจ้าคะเหยาเหยาอยากอยู่กับพี่ใหญ่” ฟู่จื่อเหยามิได้ชักชวนแต่ดึงแขนผู้เป็นพี่ให้เดินตามเหล่าเชื้อพระวงศ์ทั้งสี่ที่เดินนำไปก่อนแล้ว นั่นย่อมหมายถึงนางไม่เปิดโอกาสให้จิวหูได้ปฏิเสธ บุรุษผู้ไม่มีสิ่งใดให้ต้องลังเลอีกก้าวตามไปด้วยโดยไร้คำใดโต้แย้ง

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่95 ที่แท้เป็นเช่นนี้

    เฉินอันหนิงเป็นฝ่ายก้าวนำบุรุษหน้ากากออกไปด้านนอกก่อนจะนำเขาไปยังสวนด้านหลังซึ่งเงียบสงบ แค่เพียงหยุดเดินบทสนทนาก็เริ่มต้นขึ้นจากฝ่ายของผู้หยั่งรู้ฟ้าดินในทันที“เขายังสบายดีได้ ย่อมเพราะชะตาของท่านยังปลอดภัย”“หมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?”“เจ้าสามจะอยู่รอดปลอดภัยหรือไม่ขึ้นอยู่ที่ชะตาของท่าน”คำบอกเล่าของคนตรงหน้ามิได้แตกต่างจากหนิงอันมากนัก ทว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องรองในใจของนาง เฉินอันอันหนิงมองสบตาคู่คมกริบก่อนจะสอบถามออกไปโดยตรง “ท่านพอจะบอกได้หรือไม่ ว่าเหตุใดข้าจึงได้รับโอกาส”“ต้าเฉินมีมังกรและหงส์เพลิงพิทักษ์อยู่ เรื่องนี้ข้าคงไม่ต้องบอกท่านกระมัง”ตำนานมังกรและหงส์พิทักษ์ต้าเฉิน ผู้คนทั้งต้าเฉินล้วนเคยได้ยิน ยิ่งมีตำนานว่าราชวงค์คือลูกหลานของมังกรและหงผู้พิทักษ์ นางย่อมได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ๆ ในชาติก่อนแล้ว เฉินอันหนิงไม่ได้มีคำถามใด ๆ นางพยักหน้าให้เท่านั้นอีกฝ่ายก็บอกเล่าต่อ “ยามใดที่ต้าเฉินลุกเป็นไ

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่94 เซียนทวน

    “เมื่อก่อนข้าคิดว่าฮวาเอ๋อร์จะรักกับฟู่เสวียน แต่นางกลับเลือกหยวนจิ้ง ชะตาของคนเราช่างแปลกนัก” ฮ่องเต้ไท่เสียนที่ผายมือเชิญแขกผู้มาเยือนให้ไปนั่งเอ่ยก่อนจะหัวเราะอย่างขบขันขึ้นมาและพูดต่อถึงโชคชะตาที่เล่นตลก “ส่วนฟู่เสวียน ไปตกหลุมรักบุตรสาวเซียนทวนจนถึงขั้นขโทยบุตรสาวผู้อื่นกลับบ้าน”“ห๊า ท่านพ่อ...ท่านแม่เป็นถึงบุตรสาวเซียนทวนเชียวหรือเจ้าคะ” ฟู่จื่อเหยาแทรกขึ้นก่อนมองบิดาด้วยความสงสัย ทั้งยังหันไปสะกิดพี่สาวบุตรธรรมเพื่อบอกเล่า “พี่หญิง ท่านแม่เป็นบุตรสาวเซียนทวนล่ะ”“บิดาเจ้ายังไม่ได้ตอบเลย” เฉินลี่หลินแทรกขึ้นบ้างแต่สายตาก็บ่งบอกว่าสนใจเรื่องนี้เช่นกันด้วยอายุนาง ในยามเด็กนางย่อมทันฟู่ฮูหยินที่ผู้คนกล่าวว่างดงามเป็นที่ต้องตาของบุรุษ และรับรู้เพียงแค่นั้นมาโดยตลอด...เรื่องที่ว่าฟู่ฮูหยินเป็นบุตรสาวเซียนทวนแห่งสำนักเฟยผิง นั่นย่อมน่าสนใจไม่เพียงแค่เฉินลี่หลินที่สนใจ เฉินอันหนิงเองก็คิดไม่ต่างกันและนั่นทำให้สายตาแทบทุกคู่มองไปยังฟู่เสวี

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status