Share

บทที่4 ที่แท้ก็...

last update Last Updated: 2024-11-27 17:51:25

ฟู่จื่อเหยียนนั่งรอองค์หญิงตัวน้อยเงียบ ๆ โดนมิได้พูดจาใด ๆ  โดยนิสัยใจคอแล้วคุณชายตระกูลฟู่นับว่าพูดน้อยและสุขุมกว่าเด็กชายในวัยเดียวกัน การที่คุณชายฟู่นั่งเงียบอยู่จึงมิใช่เรื่องชวนให้ประหลาดใจ ผู้ใดบ้างในตำหนักอันหนิงแห่งนี้มิทราบว่าแม้จะเป็นคุณชายที่สุขุมเช่นนี้หากแต่ยามอยู่ต่อหน้าองค์หญิงกลับอ่อนโยนและห่วงใยองค์หญิงใหญ่เป็นอย่างยิ่ง

“พี่เหยียน”

“อย่าวิ่งสิพะย่ะค่ะ เดี๋ยวจะทรงหกล้ม” เสียงนั้นอ่อนโยนแต่ก็แฝงความดุเล็กน้อย คล้ายกับยามที่เสด็จพ่อดุนาง องค์หญิงตัวน้อยยิ้มให้พร้อมกับบอกอย่างมั่นใจ

“หนิงเอ๋อร์ไม่ล้มหรอก ไม่อย่างแน่นอน”

“ทรงมั่นใจเกินไป”

“คิกคิก ท่านห่วงเกินไปแล้ว หนิงเอ๋อร์ไม่ล้มหรอก” ไม่ตรัสเปล่า องค์หญิงตัวน้อยยังทรงวิ่งไปรอบ ๆ ตัวเขาอย่างนึกสนุก

“โธ่”

“พี่เหยียนก็มาวิ่งด้วยกันสิ มา” นิ้วเล็ก ๆ เอื้อมมาจับแขนแข็งแรงก่อนจะออกแรงให้เขาวิ่งด้วย คล้ายกับทุก ๆ วัน ราวกับเด็กไร้เดียงสาวที่ในหัวมีเพียงเรื่องการเที่ยวเล่น กินและนอน ฟู่จื่อเหยียนแม้จะห่วงพระวรกายองค์หญิงน้อยทว่าก็มิได้ขัดใจคนเพิ่งหายไข้ ยอมวิ่งเล่นเป็นเพื่อนองค์หญิงโดยไม่อิดออด

องค์หญิงเพิ่งหายไข้ มิควรขัดใจ...มิควร ๆ 

ฟู่จื่อเหยียนอยู่เป็นเพื่อนเล่นให้ดรุณีตัวน้อยแต่สูงศักดิ์เหนือใครจนใกล้ค่ำจึงทูลลากลับ เฉินอันหนิงที่ไร้เดียงสาเปลี่ยนท่าทีเป็นนิ่งเงียบไร้ความสดใสทันทีที่ได้อยู่เพียงลำพัง

ชะตากรรมของพี่เหยียน นางจะขัดขวางอย่างไรดี ในเมื่อจนถึงยามนี้นางก็ยังไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

ในอดีตนางก็อาศัยเฉินซูเหมยช่วยกราบทูลเสด็จพ่อให้พลิกคดีหมายจะล้างมลทินให้ตระกูลฟู่ในยามที่ฮุยอี้ปรากฎตัวในฐานะคุณชายที่เหลืออยู่ของตระกูลฟู่ ทว่าผู้ที่จับได้กลับเป็นเพียงแค่ตัวเล็ก ๆ มิอาจสาวไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงได้ แม้ล้างมลทินได้แต่ก็มิอาจจะจับผู้กระทำผิดจริง ๆ  ได้ มิหนำซ้ำคนสารเลวฮุยอี้ยังไม่ต้องการให้สืบต่อ ทำให้คดีปิดลงเพียงแค่นั้น ทุกวันนี้นางจึงมิรู้ว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง และแผนการทำลายตระกูลฟู่เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร

หากเริ่มไปแล้ว นางจะขัดขวางที่ตรงไหนได้...

หรือจะต้องใช้ความสามารถประหลาดมาช่วย?

ในชาติที่แล้วมีเรื่องหนึ่งที่นางไม่เคยบอกแก่ผู้ใด นั่นก็คือนางมีความฝันประหลาด ในฝันเป็นภาพเหตุการณ์ที่น่ากลัว บางครั้งเป็นเหตุจราจล บางครั้งเป็นการฆ่าฟัน บางครั้งก็เป็นการตายของคนใดคนหนึ่ง และฝันนั้นจะเกิดขึ้นหลังจากที่นางฝันสามถึงห้าวัน นั่นคือสาเหตุที่นางช่วยเหลือน้องชายคนที่สามเอาไว้ได้ แต่น่าเสียดายที่กว่านางจะฉลาดนางก็หลงคิดว่าเป็นความฝันเพ้อเจ้ออยู่หลายปี

องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเฉินนึกย้อนอีกครั้งด้วยความเคร่งเครียด...ยามนั้นนางฝันสิ่งใดกัน

แล้วยามนี้นางจะยังฝันถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าเช่นชาติที่แล้วอีกหรือไม่?

คิดเช่นนั้นได้นางก็ไม่รอช้า รีบเข้าที่บรรทมในทันทีโดยไม่พูดไม่จา เล่นมาทั้งวัน คงจะหลับสนิทได้ไวเป็นแน่...ถ้าหลับไปแล้วฝันถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าได้เช่นกาลก่อนก็คงจะดีสินะ

เป็นดั่งที่เฉินอันหนิงคิด เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน ทันทีที่หลับตา นางก็หลับสนิทอย่างรวดเร็ว 

ยามดึกสงัด ทุกอย่างเงียบสงบ ทหารองครักษ์เดินตรวจตราอย่างเงียบเชียบยามมาใกล้ตำหนักอันหนิง ด้วยเกรงจะทำให้องค์หญิงผู้เป็นดั่งพระหทัยของฮ่องเต้ทรงสะดุ้งตื่น เฉินอันหนิงยังคงหลับสนิท ในห้วงฝันมิคล้ายกับความฝันที่ผ่านมา หญิงสาวในชุดแปลกตาผู้หนึ่งกำลังอ่านตำรารูปทรงประหลาด เสียงคำอ่านดังขึ้นภายในหัวจนองค์หญิงน้อยให้รู้สึกสับสนจนต้องขมวดคิ้ว

“ในที่สุดองค์ชายสามก็ทรงปราบกบฏได้สำเร็จ สองสามีภรรยาสารเลวถูกสำเร็จโทษ กองกำลังจากแคว้นเสิ่น และแคว้นไห่ที่มาช่วยเหลือถอนกำลังกลับหลงเหลือเพียงผู้บัญชาการกองกำลังที่ยังคงรั้งอยู่ตามคำเชื้อเชิญของพระชายาชิงหลั่ว ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ด้วยดี ทว่าราชวังกลับเต็มไปด้วยความโศกเศร้า องค์ชายสามประคองร่างไร้ลมหายใจขององค์หญิงใหญ่เอาไว้ด้วยหัวใจที่แทบจะแตกสลาย 

เหตุใดพี่หญิงใหญ่จึงมีชะตากรรมที่แสนเศร้าเช่นนี้เล่า

เหตุใดเขาจึงช่วยนางเอาไว้ไม่ได้

เพียงชั่วพริบตาบุรุษในอาภรณ์ดำสนิทก็ก้าวเข้ามาอย่างองอาจ บุรุษรูปงามทว่าสีหน้ากลับบ่งบอกถึงความเจ็บปวดก้าวมาหยุดตรงหน้าองค์ชายสามผู้ที่จะกลายเป็นฮ่องเต้แห่งเฉินในไม่ช้าก่อนจะ...”

“นี่คะนิ้ง แกจะอ่านนิยายอีกนานมั้ย ได้เวลาประชุมแล้ว” ไม่ทันทีเสียงอ่านนั้นจะได้อ่านจนจบเสียงของใครอีกคนก็ดังขึ้น ทำให้หญิงสาวในชุดแปลกตาต้องวางตำราเล่มนั้นไว้บนโต๊ะและลุกเดินตามคนที่มาเรียกไปอย่างหงุดหงิด

“โอ้ย กำลังถึงจุดสำคัญเลยนะ ประชุมอะไรตอนนี้เนี่ย”

เสียงบ่นไล่หลังยังคงดังอยู่ ผู้เดินจากไปยังคงพร่ำไม่ยอมหยุด เฉินอันหนิงเลิกสนใจผู้จากไปและมองไปที่ตำราปึกหนาแทน ตำราที่วางอยู่มีตัวอักษรทรงแปลกประหลาดทว่ากลับอ่านเข้าใจราวกับคุ้นเคยเป็นอย่างดีว่า “บัลลังก์เลือดลิขิตรัก” 

ความรู้สึกปวดที่ขมับเกิดขึ้นทันทีที่อ่านจนจบ เฉินอันหนิงสะดุ้งตื่น หอบหายใจจนตัวโยน ก่อนจะสงบจิตสงบใจและพยายามระงับความเจ็บปวด ความทรงจำแปลกประหลาดหลั่งไหลเข้ามาหัวราวกับน้ำป่าที่ไหลหลาก เวลานี้นางตระหนักและเข้าใจอย่างถ่องแท้ในทันทีถึงเรื่องราวทั้งหมด...ที่แท้เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นเพียงนิยายที่นางในภพชาติอื่นอ่านนี่เอง

กล่าวก็คือนางในชาตินั้นเป็นหญิงสาวชาวไทยที่คลั่งไคล้การอ่านนิยายจีนชื่อว่าคะนิ้ง สาวห้าวหัวร้อนง่ายที่ต้องสิ้นชื่อเพราะความห้าวของตัวเองและมาเกิดใหม่เป็นองค์หญิงใหญ่เฉินอันหนิงโดยไม่มีความทรงจำในชาติก่อนติดตัวแม้แต่น้อย ทว่ากลับมีความสามารถในการฝันถึงเหตุการณ์ล่วงหน้า แต่นางก็ได้ตายและย้อนกลับมาเกิดใหม่เป็นเฉินอันหนิงอีกครั้ง ทว่าในตอนนี้นางได้ความทรงจำในยุคสมัยใหม่กลับมาแล้ว รวมถึงนิสัยใจคอในชาตินั้นด้วย

นางตายแล้ว ตายอีก มาถึงสองครั้ง และมีชีวิตเป็นชาติที่สาม แต่ก็เป็นเพียงแค่ชีวิตในนิยายเช่นนั้นสินะ

ได้รู้เช่นนี้ก็นึกเศร้าเสียแล้ว ทั้งนาง ทั้งพี่เหยียน ทั้งเสด็จพ่อและตัวละครอื่น ๆ ต่างก็เป็นเพียงตัวประกอบที่ส่งเสริมให้เฉินอี้หลงและชายาที่เป็นพระนางของเรื่องได้แสดงศักยภาพเท่านั้น เหตุใดชะตากรรมของนางและพี่เหยียนถึงได้เลวร้ายกว่าพระนางหรือตัวร้ายเล่า

“องค์หญิง ทรงฝันร้ายหรือเพคะ หรือว่าพระวรกายร้อนอีก เหตุใดถึง...”

ต่อว่าโชคชะตาของตนได้ไม่เท่าไหร่นางกำนันที่สังเกตได้ถึงความเคลื่อนไหวก็เข้ามาสอบถามเสียก่อนฉุดให้ต้องพับเรื่องที่คิดเอาไว้และตอบกลับไปให้เป็นธรรมชาติที่สุด

“หนิงเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร ออกไปเถิด”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่11 นางแต่งให้ชินอ๋องมิได้

    หลังจากที่นายหญิงไป๋เซียนกลับมาถึงตำหนักฮวาเซียนซึ่งเป็นที่พำนักที่เสด็จน้าฮ่องเต้ของนางประทานให้นางก็ได้พบกับบุตรชายที่ถอดหน้ากากออกดื่มด่ำชารสชาติกลมกล่อมและโอวหยางจิ้นหลงผู้เป็นพ่อซึ่งถูกฮ่องเต้ขอร้องให้เข้ามาอยู่ในเมืองหลวงหลังจากมอบตำแหน่งให้แก่บุตรชายอยู่ภายในสวนนายหญิงไป๋เซียนมองไปยังบุตรชายที่ดูคล้ายเทพเซียนก่อนจะคลี่ยิ้ม บุตรีขุนนางที่นางเคยไปทาบทามสู่ขอไร้วาสนานักจึงไม่รู้ว่าภายใต้หน้ากากของลูกนางนั้นคือเทพเซียนที่หล่อเหลายิ่งกว่าพานอิน“เจ้ามาแล้วรึอาหลง”“ขอรับท่านแม่” เหวินหลงตอบรับก่อนจะถามกลับ “ท่านไปที่ใดมาหรือท่านแม่”“แม่ไปหาอาจิ้งมา ข่าวว่าบุตรสาวของเขากับฮวาเอ๋อร์จะกลับมาเข้าพิธีปักปิ่นหลังจากหายไปหลายปีแม่จึงอยากเห็นหน้าคร่าตาสักครั้ง อ้อ เจ้ามาผู้เดียวรึ เจ้าลูกเจี๊ยบทั้งห้าของเจ้ามาด้วยหรือไม่ มิได้เจอะเจอกันถึงสองปี นังหนูเฟยเฟยออกจากถ้ำฝึกตนรึยัง”“แล้วท่านได้เห็นหน้าคุณหนูใหญ่สกุลหยวนหรือไม่” เหวินหลงไม่ตอบแต่กลับถามกลับ ใบหน้าหล่อเหลายามนี้เคร่งเครียดขึ้นอย่างมิอาจห้ามได้...เขาลืมบอกมารดาไปเรื่องนึงสิน“เฮ้อ น่าเสียดาย ตอนแม่ไปชินอ๋องเองก็ไปแถมยังนำราชโองกา

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่10 นายหญิงไป๋เซียนและชินอ๋อง

    เมื่อจิวเฟยและทุกคนถูกนำไปยังที่พักหยวนจิ้งก็ต้องกลับมายังห้องโถงอีกครั้งเมื่อรับรู้ถึงการมาของสองบุคคลสำคัญ“หยวนจิ้งคารวะอาจารย์หญิง ถวายพระพรชินอ๋องพะย่ะค่ะ”บุคคลสำคัญที่ว่า หนึ่งคือลั่วหยางหยงฉี ชินอ๋องแห่งแคว้นลั่วหยาง บุรุษผู้เป็นรองเพียงฮ่องเต้และยังเป็นฐานอำนาจของลั่วหยางหยงจิ้น องค์ไท่จื่อแห่งแคว้นลั่วหยางส่วนอีกหนึ่งคือชุนไป๋เซียนหรือท่านหญิงไป๋เซียน ธิดาขององค์หญิงไป๋ซิงพระธิดาพระองค์เดียวของลั่วหยางหยงเจี้ยน อดีตฮ่องเต้พระองค์ก่อน กับฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนั้นนางคือหลานสาวที่หย่งไท่ฮ่องเต้ให้ความเอ็นดูที่สุดและนอกจากจะเป็นท่านหญิงที่ฮ่องเต้รักใคร่แล้วนางยังมีอีกตำแหน่งที่ผู้คนทั่วไปรู้จักกัน....นายหญิงแห่งสกุลโอวหยาง มารดาของโอวหยางเหวินหลง“ลุกขึ้นเถิดท่านแม่ทัพ” ชินอ๋องเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มให้กับบุคคลอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ภายในห้องโถง ซือซิงมองชินอ๋องวัยยี่สิบสี่ด้วยท่าทีเขินอาย นางพึงใจในตัวชินอ๋องและมาดหมายจะเป็นชินหวางเฟย นางจะได้มีอำนาจมากกว่าจิวเฟยที่ไม่แม้แต่จะเอ่ยอันใดกับนาง และนางต้องได้“ข้ามาวันนี้ก็เพื่อนำราชโองการของเสด็จพ่อมามอบให้ท่าน” ชินอ๋องกล่าวในขณะที่คนมาพร้

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่9 พบปะครอบครัว

    เมื่อก้าวเข้าไปภายในห้องโถงของจวนจิวเฟยก็ได้เห็นร่างกายสูงตระหง่านของบิดานั่งอยู่โดยมีสตรีไม่คุ้นหน้านั่งอยู่เคียงข้างถัดไปจึงเป็นจินลั่วอวี้ฮูหยินรองที่นางเรียกติดปากตั้งแต่เล็กว่านางจิ้งจอกและเด็กหนุ่มสองคนกับเด็กสาวอีกสองคนที่คงจะเป็นน้อง ๆ ของนาง“ซือซือ” หยวนจิ้งเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นก้าวเข้ามาหาจิวเฟย เขาดูแก่ขึ้นมาก ผิดกับรูปร่างสง่างามเมื่อยามที่นางยังเด็ก เมื่อได้เห็นหน้าบิดาใกล้ ๆ จิวเฟยก็รู้สึกคิดถึงขึ้นมาดื้อ ๆ ทว่านางหาได้ก้าวเข้าไปกอดบิดาไม่จิวเฟยทำเพียงคารวะตามธรรมเนียมด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “จิวเฟยคารวะบิดา”“จิวเฟย?”“สิบปีก่อนท่านยอบรับกฎดังนั้นแล้วตัวข้าคือจิวเฟย หาใช่ซือซือไม่” นางตอบกลับ หยวนจิ้งหน้าเสียไปครู่ก่อนจะยิ้มอีกครั้ง“นั่นสินะ ข้าเลอะเลือนเสียจริง มาเถอะจิวเฟย พ่อจะแนะนำให้เจ้ารู้จักน้อง ๆ”นางเดินตามบิดามาหยุดตรงหน้าเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่านางราวปีกว่าด้วยความรู้สึกคิดถึงก่อนที่หยวนจิ้งจะเอ่ย “นี่ซือจิ้น เจ้าจำน้องได้หรือไม่?”“หยวนซือจิ้น ข้าจำได้ เจ้าเหมือนบิดามากกว่าท่านแม่เสียอีก” นางเอ่ยพร้อมกับยื่นมือไปจับมือของเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีด้วยความคะนึงหา หยวน

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่8 หวนคืนสกุลหยวน

    หลักจากพ้นโทษจิวเฟยก็ต้องเตรียมตัวลงเขาเพื่อที่จะกลับไปเข้าพิธีปักปิ่นอย่างคนจำใจ ตั้งแต่ถึงวัยปักปิ่นบิดาเพียรส่งจดหมายอ้างเหตุผลร้อยแปดให้นางลงเขาแต่นางก็ไม่ตอบรับมาโดยตลอด คราวนี้นางก็ไม่คิดที่จะตอบรับเช่นเคยแต่เพราะคราวนี้ผู้เป็นอาจารย์มีเหตุผลให้ต้องลงเขานางจึงเลี่ยงอีกไม่ได้...จำต้องลงไปเข้าพิธีปักปิ่นทั้งที่ไม่เคยคิดว่าจำเป็นเพื่อไม่ให้อาจารย์ขุ่นเคืองจนส่งนางไปช่วยผู้เฒ่าหมื่นพิษทดสอบพิษลงเขาดีกว่าไปหุบเขาพิษยิ่งนักเหตุผลที่โอวหยางเหวินหลงลงเขาในครั้งนี้เป็นเพราะมารดาของเขาที่อยู่เมืองหลวงส่งข่าวมาให้เขาลงไปหา และอีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะจดหมายของหยวนจิ้งที่ส่งมาให้เขา...ศิษย์พี่ขอร้องให้เขาช่วยพาบุตรสาวลงเขาไปหาสักครั้งแน่นอนว่าเรื่องจดหมายขอร้องเขามิได้บอกเล่าให้ศิษย์หญิงเพียงคนเดียวได้ฟัง สิ่งที่เขาบอกจึงมีเพียงว่าเขาจะไปพบบิดาและมารดาและมีเรื่องที่จำเป็นต้องให้ศิษย์ทั้งห้าติดตามไปช่วยจัดการ...ด้วยเหตุนี้จิวเฟย จึงไม่มีข้ออ้างให้บ่ายเบี่ยงจิวเฟยเคยลงเขามาแล้วหลายครั้งเพื่อคุ้มกันคนและสืบข่าวลับ บ้างก็ลงไปเพื่อสืบดูหน้าตาคุณสมบัติของคุณหนูจวนขุนนางที่มารดาของอาจารย์คิดจะทาบท

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่7 เรียกตัวไปปักปิ่น

    ดวงตางดงามแต่แฝงความนิ่งสงบมองจดหมายประทับตราสกุลหยวนที่อยู่ในมือของผู้เป็นอาจารย์แล้วก็พลางอ่อนอกอ่อนใจ จดหมายเช่นนี้ถูกส่งมาบ่อยนักอ้างโน่นอ้างนี่มาในจดหมายจุดประสงค์ก็เพื่อให้นางหวนกลับ...วันนี้ก็ส่งมาอีกแล้วคราวนี้เอาอันใดมาอ้างอีกเล่า“บิดาเจ้าส่งจดหมายมาให้เจ้ากลับไปเข้าพิธีปักปิ่นพร้อมน้องสาว” เหวินหลงเอ่ยพร้อมกับยื่นจดหมายให้แก่ศิษย์เอกหญิงเพียงคนเดียวที่ยามนี้เติบโตขึ้นมาเป็นหญิงงามล่มเมืองจนศิษย์สายอื่นเพียรส่งถังหูลู่มาให้เป็นการเกี้ยวอยู่บ่อยครั้งจิวเฟยที่รับจดหมายมาเปลี่ยนสีหน้าจากอ่อนอกอ่อนใจเป็นสีหน้างุนงงอย่างโง่งมในทันที “ปักปิ่น?”“อะไรกันน้องเล็ก เจ้าไม่รู้รึว่าสตรีต้องผ่านพิธีปักปิ่นน่ะ” เมื่อจิวเฟยมีสีหน้าที่งุนงงศิษย์พี่ใหญ่จึงถามไปอย่างล้อเลียน“ใช่ การปักปิ่นเป็นการบ่งบอกว่าเจ้าพร้อมจะเป็นเจ้าสาวแล้ว พอเจ้าปักปิ่นแล้วเจ้าก็จะมีเหย้ามีเรือนได้ เอ๋ เอ๋ เอ๋ หรือบิดาเจ้าจะคิดให้เจ้าแต่งงาน อ่า ข้าสงสารน้องเขยในอนาคตของข้ายิ่ง ที่จะได้เจ้าไปเป็นฮูหยิน” จิวหลินเสริมก่อนจะถูกน้องหญิงคนเดียวมองค้อน“ได้ข้าเป็นฮูหยินแล้วมันเป็นอย่างไรกัน!”“ก็เจ้ามันนางปีศาจอย่างไรเล่

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่6 หลายปีผ่านไป

    ‘โอวหยางเหวินหลง ข้าไม่อยากเป็นศิษย์ท่านแล้ว!!!’กว่าสิบสองปีที่จิวเฟยคิดว่าไม่อยากเป็นศิษย์ของปีศาจร้ายผู้นี้รวมถึงพูดให้คนเป็นอาจารย์ได้ยินก็หลายครั้งแต่ก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่นางได้เลิกเป็นศิษย์ของอาจารย์ที่นางเรียกลับหลังว่าปีศาจร้าย นางยังคงเป็นศิษย์ของเหวินหลงมาจนกระทั่งล่วงเลยถึงวัยสิบแปดหนาวได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในห้าศิษย์เอกของเจ้าสำนักศึกษาเฟยผิง และเป็นศิษย์หญิงเพียงผู้เดียวของผู้เป็นอาจารย์ปัจจุบันนางและศิษย์พี่ทั้งสี่ต่างก็สำเร็จการศึกษาวิชาสูงสุดแล้ว อาจารย์มิได้รับศิษย์เพิ่มมา นางจึงเป็นศิษย์น้องเล็กของพี่ ๆ และสำเร็จวิชาทั้งศาสตร์แพทย์ ศาสตร์พิษ และศาสตร์การต่อสู้เป็นคนสุดท้ายในบรรดาศิษย์ทั้งห้า...เพิ่งออกจากถ้ำฝึกตนซึ่งเป็นสถานที่ต้องห้ามไว้ฝึกเคล็ดวิชาขั้นสูงมาสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนนี้เองเมื่อสำเร็จการศึกษาศิษย์ของสำนักมิมีสิ่งใดผูกมัดกับสำนักนอกเสียจากจะเข้าเป็นสมาชิกสำนักคุ้มภัยเหว่ยผิงหรือหอขายข่าวเหอผิงซึ่งเป็นสำนักคุ้มภัยและหอขายข่าวของสำนึกศึกษาเฟยผิง บางคนจึงไปเป็นแม่ทัพนายกอง หรือขุนนาง แต่สำหรับศิษย์ของเจ้าสำนักนั้นได้สิทธิ์พิเศษมากกว่านั้น หากอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status