ตอนที่ห้า
พระสวามีหรือ
“หามิได้ ด้วยบารมีขององค์หญิง ถึงอย่างไรย่อมผ่านพ้นไปได้แน่พ่ะย่ะค่ะ”
แหนะ ยังจะมาประจบอีก
ฟากฟ้าในร่างจ้าวเฟยเฟิ่งมองใบหน้ายิ้มกริ่มท่าทีประจบเอาใจด้วยคิดว่าตนเองหล่อเหลาเอาการและเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆของการเป็นพระสวามีอย่างอยากจะจิ้มลูกตาวาววับนั้นให้สาแก่ใจ
งานการไม่ทำ วันวันเอาแต่ทำตัวหล่อ กินเหล้า ป้อสาว ผู้ชายแบบนี้จะเอามาทำไมให้รกหูรกตา
“หากยังเก็บอากรไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องมีเจ้ากรมอากร ปลดฉีเซี่ยหลิวออก งานที่ค้างให้รองเจ้ากรมดูแลไปก่อน หลังจากนี้ให้ส่งรายงานตรงมาที่ข้า และเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมมาให้คัดเลือกตั้งเป็นเจ้ากรมคนใหม่ด้วย” คำสั่งสายฟ้าฟาดดังออกมาจากปากบางแดงระเรื่ออันสวยสด
ฉีเซี่ยหลิวยังยืนตะลึงค้างแข็งด้วยไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน จนขันทีเดินมาปลดหมวกประจำตำแหน่งและลากแขนออกมาจากห้อง เขาจึงเพิ่งรู้ตัวทิ้งร่างคุกเข่าโขกหัวร้องไห้เสียงดัง
“ขอโปรดทรงอภัยด้วย กระหม่อมผิดไปแล้ว ขอองค์หญิงทรงอภัยด้วย”
“น่ารำคาญลากออกไปไกลๆ” เสียงที่ตวาดออกมาแสดงถึงความหนักแน่นแห่งการตัดสินใจ
หลี่จิ่นติ้ง ซึ่งยืนรออยู่ด้านข้างถึงกับต้องก้มศีรษะลงกว่าเดิมด้วยแน่ใจแล้วว่าองค์หญิงพระองค์นี้ไม่ธรรมดาดั่งเช่นที่ได้ยินข่าวมา
“หลี่จิ่นติ้ง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เรื่องอาวุธที่ต้องส่งไปเสริมกำลังของแม่ทัพใหญ่ที่ชายแดนเรียบร้อยแล้วหรือไม่”
“บางส่วนจัดส่งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ บางส่วนกำลังเร่งจัดทำและเตรียมการพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงตอบโต้รวดเร็วดังออกมา จนจ้าวเฟยเฟิ่งพึงพอใจ
ไม่เลว ชายหนุ่มคนนี้ทำงานใช้ได้
“ดี ข้ามีแบบร่างอาวุธใหม่ให้ท่านลองจัดทำดู เอาไป หากไม่เข้าใจที่ใดให้รีบสอบถามมา”
หลี่จิ้นติ้งก้าวเข้าไปรับแผนภาพจากมือขันทีส่วนพระองค์ก่อนจะต้องเงยหน้าอย่างแตกตื่น
“ภาพนี้องค์หญิงทรงเขียนเองหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ย่อมใช่ มีสิ่งใดแปลกหรือ”
“อาวุธนี้หน้าตาประหลาด แต่ดูแล้วน่าจะใช้งานได้ดี กระหม่อมจะรีบนำไปให้ช่างฝีมือเร่งผลิตออกมาพ่ะย่ะค่ะ”
“ดีมาก ข้ายังมีอาวุธอีกมากที่อยากให้จัดทำ เอาไว้มีเวลาจะค่อยๆเขียนภาพออกมา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เจ้ากรมอาวุธก้าวออกจากห้องอักษรด้วยความรู้สึกที่ต่างจากเดิม
องค์หญิงน้อยนางนี้มีความสามารถหลากหลาย และยังมั่นใจในตนเอง แคว้นเรามีผู้ปกครองเยี่ยงนี้ย่อมอยู่รอดแล้ว
เรื่องการปลดเจ้ากรมอากรกลายเป็นเรื่องโต้เถียงกันในท้องพระโรงช่วงเช้ารุ่งขึ้น แต่จ้าวเฟยเฟิ่งไม่ใส่ใจเดินออกไปหน้าตาเฉย
หลังจากนั้นขุนนางทั้งหลายต่างแย่งกันพูดแย่งกันช่วงชิง ต่างฝ่ายต่างคิดว่าบุตรชายของตนเป็นที่โปรดปรานด้วยโดนเรียกตัวเข้าไปพบมากครั้งกว่า และจบที่การพยายามถวายฎีกาเร่งรัดให้จ้าวเฟยเฟิ่งเลือกพระสวามีเสียที
จ้าวเฟยเฟิ่งมองดูกองรายชื่อและภาพวาดของชายหนุ่มซึ่งตั้งเป็นภูเขาอยู่ตรงหน้าอย่างเฉยชา
อยากเป็นสวามีของนางหรือ
นั่นต้องดูก่อนว่ามีความสามารถใด
หากพอใช้ได้ นางก็จะให้รับใช้อยู่ข้างกาย
หากใช้ไม่ได้ ก็ปลดออกไป สรรหาเข้ามาใหม่
หญิงสาวค้นหาประวัติศาสตร์แต่โบราณจนพบว่ามีสมัยหนึ่งซึ่งฮ่องเต้หญิงขึ้นครองบัลลังก์ นางเก่งกาจสามารถทั้งการรบและการปกครอง ที่สำคัญคือนางมีสวามีเป็นขุนนางหลายคน โดยไม่แต่งตั้งผู้ใดเป็นฮ่องเต้ บ้านเมืองในยุคนั้นเจริญรุ่งเรืองอีกทั้งหญิงสาวทั้งหลายยังเอาเยี่ยงอย่างการอยู่ด้วยตนเองและแต่งสามีเข้าบ้านหลายคน
อยากทำแบบนี้บ้าง แต่ตาแก่พวกนั้นจะเอาแต่ประท้วงจนไม่เป็นอันทำอะไรไหมนะ
ฟากฟ้าในร่างจ้าวเฟยเฟิ่งคิดตัดสินใจ เพราะบทบาทต่อไปเธอต้องเขียนให้ดี หากผิดพลาดพลั้งไปจะเป็นโอกาสให้เหตุการณ์พลิกผัน
จะมีหลายสามี กินรวบผู้ชายหลายคน
อืม...จะเอาแต่ใจไปหน่อย คนอ่านอาจจะรับไม่ได้
แต่นิยายเรื่องนี้เป็นของเธอคนเดียว จะคิดมากไปทำไม
อย่างน้อยก็ยังดีกว่ายัยหวังกุ้ยเฟยที่จับเด็กชายโอรสบุญธรรมของจ้าวฮองเฮากินรวบทั้งสามคน
นั่นยิ่งน่าเกลียดกว่าตั้งเยอะ
ถ้าอย่างนั้น เอาตามนี้แหละ จับกินเสียให้หมด
จ้าวเฟยเฟิ่งนั่งวางแผนกินรวบอย่างตั้งอกตั้งใจ ชายหนุ่มเหล่านี้มีชีวิตจิตใจไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมหรือการกำกับของนาง
จะจับพวกเขากินให้เป็นข้ารับใช้ หรือนางจะโดนเขาจับกินแทนแล้วก้าวขึ้นเป็นฮ่องเต้ก็ต้องวางแผนให้ละเอียด ขืนสุ่มสี่สุ่มห้าจะโดนกินกลางตลอดตัวไม่เหลือแม้แต่ก้าง
องค์หญิงน้อยนั่งเลือกสรรกองภาพวาดอย่างตั้งอกตั้งใจ จนเหล่าขุนนางที่ได้ข่าวต่างตีปีกลุ้นระทึกด้วยความลำพองว่าฝ่ายตนย่อมได้รับเลือกแน่
คนแรกที่จ้าวเฟยเฟิ่งตัดทิ้งคือ’หวงฮุ่ยจือ’ อดีตฮ่องเต้ในเค้าโครงเรื่องเดิม นางไม่อยากได้เขามาเป็นสวามี แต่อยากจิกใช้กลั่นแกล้งด้วยความไม่ชอบใจ หญิงสาวคิดให้เขาเข้ามาจดบันทึกเรื่องราวอย่างใกล้ชิดและเพียงแค่ได้มองนางสนิทสนมแนบชิดกับชายอื่นเท่านั้น
นี่ย่อมเป็นการแก้แค้นของนาง
คนต่อไป ‘จางชงเมิ่ง’ บุตรชายคนโตของอัครเสนาบดี สายข่าวของนางแจ้งว่าเขาเพิ่งเปลี่ยนใจขอส่งชื่อเข้าชิงหลังจากเข้าพบนางในห้องอักษรครั้งแรก คงชอบใจในความเก่งกาจและชาญฉลาดของนางเข้าแล้ว
ความจริงเขาเป็นตัวเลือกที่ดีในด้านฐานอำนาจ หากได้เขามาสนับสนุนส่งเสริม ขุนนางอื่นย่อมไม่กล้าวางก้ามข่มเหงรังแกนาง
แต่เขาจะยอมเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งของนางหรือไม่ หรือนางจะโดนเขาใช้เป็นบันไดก้าวขึ้นสู่อำนาจ
คงต้องประลองกำลังกันสักตั้ง
ตอนที่สามสิบสอง เนื้อเรื่องที่เปลี่ยนไปจ้าวเฟยเฟิ่งมองไปทางคนสกุลหวังสองพ่อลูกซึ่งนั่งพิงกันอยู่โดยไม่เอ่ยขอความเมตตา“เสนาบดีหวังเล่า ไม่แก้ตัวสักหน่อยหรือ”“ข้าไม่มีสิ่งใดจะแก้ตัว ขอเพียงประหารในคราวเดียวอย่าได้เจ็บปวดจนเกินไปจะเป็นพระกรุณายิ่งแล้ว”“แล้วคุณหนูหวังเล่า”“ผู้แพ้เป็นมาร ผู้ชนะย่อมเป็นพระ ครั้งนี้เจ้าได้ชัยไปก็ด้วยโชคดีที่มีอนุหลายคนคอยช่วยเหลือ ครั้งหน้าอย่าหวังว่าเรื่องจะดำเนินไปเช่นนี้อีก ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าได้มีโอกาสดีดีเช่นนี้อีกแน่” วาจาถูกเอ่ยด้วยความเคียดแค้นและไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ สายตาของหวังลี่ถิงถูกส่งออกมาสื่อให้เห็นว่านางไม่ยินยอมและจะหาโอกาสกลับมาอีกแน่หรือว่านิยายเรื่องนี้จะวนกลับไปใหม่และต้องเดินเรื่องวนไปวนมาอยู่อย่างนี้หรือ ไม่...ฟากฟ้าในร่างจ้าวเฟยเฟิ่งไม่ยอม เธอเข้ามาเดินเรื่องและสวมบทบาทของจ้าวฮองเฮามาจนใกล้จบเรื่องแล้ว เธอจะไม่ยอมให้เรื่องวนกลับไปเริ่มต้นใหม่แน่จ้าวฮองเฮาออกราชโองการสั่งประห
ตอนที่สามสิบเอ็ด ผิดแผนอัครเสนาบดีจาง เสนาบดีคลัง เสนาบดีกรมพิธีการ ขุนนางคนสำคัญอีกสามสี่คนซึ่งทยอยเดินเข้ามาต่างแยกย้ายกันไปนั่งเรียงสองฝั่งห้องโถง ในขณะที่จางชงเมิ่ง ข่งซีห่าวและไป๋ชุนกังเดินไปยืนด้านหลังจ้าวฮองเฮาในฐานะอนุชายเกากงกงก้าวออกมาจากด้านข้างพร้อมประกาศเสียงดัง“ถวายบังคมจ้าวฮองเฮา”เสียงทำความเคารพและถวายพระพรดังขึ้นกึกก้องพร้อมเพรียง“พวกเจ้ายังไม่รีบคุกเข่าลงอีก” เกากงกงตวาดกลุ่มคนที่โดนควบคุมอยู่ตรงกลางอย่างโมโห คนพวกนี้สั่งการให้จับกุมเขาไปขังไว้ในตำหนักร้าง กว่าจะมีคนไปช่วยออกมาก็อดข้าวอดน้ำอยู่หลายวันทหารต่างช่วยกันใช้อาวุธกระแทกเข้าที่หลังและขาจนคนทั้งกลุ่มต้องคุกเข่าลงอย่างไม่เต็มใจ“ข้าไม่เกี่ยวข้องด้วย เพียงถูกเชิญมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ถึงอย่างไรข้าก็มีฐานะเป็นอ๋องคนหนึ่ง เจ้าควรให้เกียรติข้าบ้างนะจ้าวฮองเฮา” อ๋องหย่งรีบเอ่ยขึ้นเมื่อโดนกระแทกจนจำต้องคุกเข่าเป็นคนสุดท้าย“ไม่รู้เรื่องหรือ ให้เกียรติหรือ ท่านทำสิ่งใดไว้ย่อมร
“เจ้าเนี่ยนะ ข้าไม่เชื่อ” จ้าวเฟยเฟิ่งเอ่ยคำดูหมิ่นออกมา“ไม่เชื่อก็ถามพวกเขาดูสิ แผนทั้งหมดข้าเป็นคนคิดแล้วบอกให้ท่านพ่อทำตามโดยการติดต่อกับอ๋องหย่ง ส่วนหวงฮุ่ยจือก็เห็นด้วยกับข้า แม้จะอยากแต่งงานกันแต่เขาถูกเจ้าทำลายเกียรติไปแล้ว จึงยอมช่วยงานเพื่อเร่งส่งเจ้าไปยมโลกโดยเร็ว”“หมอไป๋ไม่มีเหตุผลที่ต้องช่วยเจ้า” จ้าวเฟยเฟิ่งข้องใจ“เดิมทีไม่มี แต่บิดาของเขาอยู่ในกำมือข้า หากเขาไม่ทำย่อมกลายเป็นบุตรอกตัญญู อีกทั้งหลังจากนี้ ข้าย่อมตอบแทนด้วยตำแหน่งลาภยศอย่างจุใจ”“เจ้าซื้อหนิงเหอด้วยสิ่งใดหรือ”“ด้วยสิ่งที่นางไม่เคยได้จากเจ้าอย่างไรเล่า พี่หนิงเหออยากได้การยอมรับและอยากได้ชีวิตครอบครัวที่ดี ข้ารับปากจะยกฉีเซี่ยหลิวให้พวกเขาได้แต่งงานกัน หลังจากนี้นางก็จะกลายเป็นฮูหยินเอกสกุลฉีมีชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่ต้องคอยรับใช้คนเอาแต่ใจเช่นเจ้า”“หากข้าตาย คิดหรือว่าจะได้บัลลังก์และตำแหน่งฮ่องเต้ไปง่ายๆ ยังมีอัครเสนาบดีจางอยู่อีกทั้งคน”“ย่อมง่ายดายด้วยพวกเราจะยัด
ตอนที่สามสิบ เจ้าแผนการเมื่อเห็นว่าองครักษ์เงาถูกส่งออกไปแล้ว หวงฮุ่ยจือจึงรีบลุกขึ้นเดินออกไปอย่างรวดเร็วจ้าวเฟยเฟิ่งสบตานิ่งเฉยของไป๋ชุนกังก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรงไม่นานก็มีเสียงคนหลายคนเดินตรงมายังห้องบรรทมโดยมีนางกำนัลหนิงเหอเปิดประตูนำเข้ามาจ้าวฮองเฮามองใบหน้าที่เดินเรียงกันมาอย่างพร้อมเพรียงด้วยสายตาฉงนสงสัยโดนเฉพาะคนสุดท้ายซึ่งนางไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน“หนิงเหอ เหตุใดจึงเป็นเจ้าที่พาคนพวกนี้เข้ามา เกากงกงเล่า อยู่ที่ใด ไยไม่มากราบทูลขออนุญาตก่อน” จ้าวฮองเฮาตรัสถามเสียงอ่อนแรงความจริงนางสงสัยอยู่แต่แรกแล้วว่า ช่วงหลายวันมานี้ เหตุใดนางกำนัลหนิงอันและหนิงอ้ายจึงหายหน้าไป อีกทั้งเกากงกงเองก็หายไปเช่นกัน มีเพียงหนิงเหอซึ่งอยู่ดูแลรับใช้ แต่ด้วยอ่อนแรงเต็มทนจึงไม่อยากถามให้มากความ “พวกเราคงรบกวนเวลาฮองเฮาไม่นาน ไม่ต้องสร้างความยุ่งยากให้เกากงกงหรอกพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีหวังเอ่ยตอบเสียงระรื่น“พวกเจ้ามีเรื
ตอนที่ยี่สิบเก้าเจ็บป่วยหลังจากคืนนั้น จ้าวเฟยเฟิ่งจึงแสร้งแวะไปที่ตำหนักของอนุข่งซีห่าวและอนุไป๋ชุนกัง เพื่อไม่ให้ผู้คนครหานินทาว่านางไม่โปรดปรานพวกเขา แต่หญิงสาวเพียงนั่งกินอาหารและจับจูงกันเข้าห้องนอนเพื่อสร้างภาพเท่านั้นภายในห้องนอนกลับเป็นการนั่งลงพูดคุยกันของสองหนุ่มสาวเพื่อถกสถานการณ์ในช่วงนี้ผ่านการแวะเวียนยังตำหนักของเหล่าอนุทุกค่ำคืน ไม่นานจ้าวเฟยเฟิ่งก็มีอาการป่วยไข้จนสังเกตได้แค่ก แค่ก แค่ก“น้องเฟย ช่วงนี้เจ้าดูอ่อนเพลียและมีสีหน้าซีดเซียวมาก อีกทั้งยังไอไม่หยุดเช่นนี้ กลับไปพักก่อนดีหรือไม่”จางชงเมิ่งซึ่งเพิ่งมาถึงยังห้องอักษรทันได้ยินเสียงไอของฮองเฮาสาวจึงรีบก้าวเข้ามาถามอย่างห่วงใยแม้เขาจะไม่พอใจที่หญิงสาวแวะเวียนไปหาชายอื่น แต่ไม่อาจว่ากล่าวอันใดได้ด้วยนางมีตำแหน่งเป็นถึงฮองเฮา“หมอหลวงไป๋ตรวจดูแล้ว บอกว่าเพียงโดนไอเย็นมากไปหน่อย กินยาฝังเข็มแล้ว อีกไม่กี่วันก็ดีขึ้นเอง”“งานพวกนี้ไม่ได้เร่งมากนัก พี
ตอนที่ยี่สิบแปด หาหลักฐาน“เชอะ ทำลายหลักฐานมาแล้วล่ะสิ จึงกล้าท้าทายเช่นนี้”“ทำลายที่ใด กลับจากจวนสกุลหวังพี่ก็ตรงมาที่นี่ จะมีเวลาใดทำอย่างที่เจ้าว่า น้องเฟย เจ้าฟังพี่หน่อยเถิด หวังลี่ถิงมีเจตนาไม่ดีต้องการยุแยงให้พวกเราแตกคอกัน พี่ย่อมรู้ตัวอยู่ก่อนไม่ปล่อยให้นางได้ทำสำเร็จตามแผนแน่” “แล้วในห้องนั่น เข้าไปทำสิ่งใดกัน” “นางแสร้งว่ามีของสำคัญจึงให้พี่ช่วยค้นหา พี่ทำทีเป็นช่วยหาของแต่สังเกตท่าทางของนางโดยตลอด จู่ๆนางก็แสร้งทำถ้วยน้ำชาหกใส่ชุดเสื้อผ้าแล้วขอตัวไปเปลี่ยนที่หลังฉากเพื่อยั่วยวน แต่นางหรือจะงดงามเท่าน้องเฟย พี่ไม่มีวันหลงกลตื้นๆพวกนี้ จึงฉวยโอกาสค้นข้าวของในห้องของนางจนทั่ว”