Home / รักโบราณ / เชลยรักสองพยัคฆ์ / บทที่ 4 เพลิงแค้นเพลิงปรารถนา 1

Share

บทที่ 4 เพลิงแค้นเพลิงปรารถนา 1

last update Last Updated: 2025-12-02 11:45:40

          ความเงียบที่โรยตัวลงมาหลังจากอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายร่วงหล่นสู่พื้นนั้น หนักอึ้งและตึงเครียดยิ่งกว่าความเงียบในสนามรบก่อนการประจัญบาน มู่ตานยืนนิ่งสงบอยู่ตรงนั้น ร่างเปลือยเปล่าของนางอาบไล้ด้วยแสงสีส้มสลัวจากคบไฟ ทำให้ผิวขาวผ่องของนางดูราวกับหยกเนื้อดีที่ส่องประกายเรืองรอง ทว่าความงามนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความเย็นชาที่น่าขนลุก

          หลี่เฉียงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง เขาคาดหวังว่าจะได้เห็นน้ำตา ความอัปยศอดสู การอ้อนวอน หรือแม้กระทั่งการกรีดร้องด่าทอ แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับเป็นเพียงความเงียบงันและสายตาที่ทระนงองอาจคู่เดิม นางไม่ได้ยอมจำนน นางเพียงแค่เลือกสนามรบใหม่ สนามรบที่นางใช้ร่างกายของตนเป็นปราการด่านสุดท้าย และใช้ศักดิ์ศรีเป็นอาวุธที่มองไม่เห็น

          ความขบขันในตอนแรกของเขาค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิดที่คุกรุ่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ นางกำลังท้าทายเขา ท้าทายอำนาจของเขาด้วยวิธีที่แยบยลที่สุด!

          “เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะทำให้ข้าพึงพอใจรึ” เขาก้าวเข้ามาประชิดร่างนางในชั่วพริบตา กลิ่นสุราและกลิ่นอายบุรุษที่แข็งแกร่งปะทะเข้าหน้านางอย่างจัง ไออุ่นจากร่างกายของเขาแผ่ซ่านจนนางรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว

          มู่ตานไม่ได้ถอยหนี นางเพียงเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย “ท่านแม่ทัพเป็นผู้ออกคำสั่ง ข้าเป็นเพียงเชลยที่ทำตามบัญชา”

          “ปากดี!” มือใหญ่หยาบกร้านคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของนางอย่างแรง ผิวเนื้ออ่อนนุ่มของนางถูกบีบเคล้นจนขึ้นรอยแดงจัดในทันที “ข้าต้องการเห็นเจ้าแตกสลาย ไม่ใช่เห็นเจ้าเล่นละครเป็นราชินีผู้สูงส่ง!”

          ความเจ็บปวดแล่นปราดจากต้นแขน แต่กลับเทียบไม่ได้กับความอัปยศที่แล่นริ้วอยู่ในใจ มู่ตานเบือนหน้าหนี แต่ถูกมืออีกข้างของเขาจับปลายคางไว้มั่นแล้วบีบให้หันกลับมาสบตา

          “มองข้า!” เขาสั่งเสียงคำราม “จดจำใบหน้าของบุรุษที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของเจ้าไว้ให้ดี!”

          ในชั่วเวลานั้นเอง มู่ตานก็ตัดสินใจได้ นางจะจดจำ...นางจะจดจำทุกสัมผัสที่น่ารังเกียจ ทุกคำพูดที่เหยียดหยาม ทุกความเจ็บปวดที่เขามอบให้ นางจะสลักมันไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจ เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหล่อเลี้ยงไฟแค้นที่จะไม่มีวันมอดดับ

          นางบังคับให้ตัวเองหยุดต่อต้าน ปล่อยร่างกายให้นิ่งสงบราวกับรูปสลักหยก จิตใจของนางล่องลอยออกจากร่างที่กำลังจะถูกย่ำยี ไปสู่ท้องพระโรงในความทรงจำ ไปสู่รอยยิ้มของพระบิดา ไปสู่ทุ่งดอกโบตั๋นหลังพระราชวัง...จิตวิญญาณของนางยังคงเป็นอิสระ

          การไม่ตอบสนองของนางยิ่งทำให้หลี่เฉียงคลั่ง เขาช้อนร่างนางขึ้นอุ้มอย่างง่ายดายราวกับนางเป็นเพียงตุ๊กตาตัวหนึ่ง แล้วก้าวไปยังเตียงขนาดมหึมาที่ปูทับด้วยหนังหมีสีดำสนิท เขาทุ่มร่างของนางลงบนเตียงอย่างไม่ปรานี ความหยาบกระด้างและเย็นเฉียบของขนสัตว์เสียดสีกับแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนางจนเจ็บแสบ

          เขาตามขึ้นมาทาบทับร่างนางไว้ในทันที น้ำหนักตัวของเขากดทับนางจนแทบหายใจไม่ออก สองแขนของนางถูกตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขา ส่วนมืออีกข้างก็เริ่มลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของนางอย่างจาบจ้วงและหิวกระหาย เป็นสัมผัสที่ไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อย มีเพียงการสำรวจเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

          มู่ตานข่มตานิ่ง พยายามอย่างสุดกำลังที่จะไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกไป นางกัดริมฝีปากล่างของตนเองจนได้รสเค็มปร่าของโลหิต ความเจ็บปวดทางกายช่วยให้นางยังคงสติไว้ได้ แต่น่ารังเกียจ...

          น่ารังเกียจที่สุด!

          ร่างกายที่นางเคยภาคภูมิใจ บัดนี้มันกำลังทรยศต่อจิตวิญญาณของนางอย่างเลือดเย็นที่สุด มันกำลังสั่นสะท้าน ไม่ใช่เพียงเพราะความกลัว แต่เป็นเพราะไออุ่นจากร่างของบุรุษผู้นี้ ความแข็งแกร่งที่กดทับลงมามันกำลังปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบที่นางไม่เคยรู้จักให้ตื่นขึ้น

          น่ารังเกียจเหลือเกินที่ส่วนหนึ่งในร่างกายของนางกำลังพอใจในสัมผัสอันหยาบโลนนี้!

          ความร้อนวาบที่แล่นผ่านคือการทรยศที่น่าสมเพชที่สุด ในขณะที่ร่างกายของนางกำลังสั่นสะท้านด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจปฏิเสธ จิตใจของนางก็กรีดร้องประณามความอ่อนแอของตนเองจนแทบคลั่ง

          การที่ต้องรับรู้ถึงความสุขสมอันบิดเบี้ยวจากสัมผัสของปีศาจร้ายผู้สังหารบิดาและเหยียบย่ำบ้านเมืองของนาง มันคือความอัปยศที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย คือยาพิษที่กรีดลึกลงไปในศักดิ์ศรีของนาง

          หลี่เฉียงรู้สึกได้ถึงการสั่นเทาเล็กน้อยนั้น และมันทำให้เขายิ่งได้ใจ เขากระซิบข้างหูนางด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ในที่สุดก็เริ่มรู้สึกแล้วสินะ ไม่ว่าเจ้าจะแสร้งทำเป็นสูงส่งเพียงใด แต่ร่างกายของเจ้าก็ซื่อสัตย์เสมอ”

         แล้วเขาก็เข้าครอบครองนาง...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เชลยรักสองพยัคฆ์   บทที่ 13 ระบำหน้ากาก 3

    เขาช้อนร่างเปลือยเปล่าของนางขึ้นสู่อ้อมแขน แล้ววางลงบนตั่งเตียงกว้างอย่างทะนุถนอมราวกับนางเป็นเครื่องกระเบื้องล้ำค่าที่เปราะบางที่สุด เมื่อแผ่นหลังสัมผัสกับเบาะแพรหนานุ่ม มู่ตานก็ปลดเปลื้องความแข็งกร้าวทิ้งไป เหลือไว้เพียงจริตมารยาที่นางจงใจปรุงแต่งขึ้นมาลวงล่อ นางปรือตาขึ้นมองพญาอินทรีย์ด้วยแววตาที่ฉ่ำหวานระคนหวาดหวั่น ริมฝีปากแดงระเรื่อเผยอขึ้นเล็กน้อย ปล่อยให้ลมหายใจสั่นพร่ายามที่อิงเฟิงโน้มกายลงมาทาบทับ “ท่านช่างงดงามจนข้ามิอาจละสายตา” เสียงกระซิบของเขาพร่าเลือนชิดใบหู ก่อนที่ริมฝีปากอุ่นชื้นจะเริ่มประทับตราลงบนซอกคอขาวผ่อง มันมิใช่การขบกัดที่ดุดัน แต่เป็นการดูดดึงและเล็มเลียอย่างอ้อยอิ่ง ลิ้นของเขาตวัดไล้ไปตามชีพจรที่เต้นตุบ ๆ ของนาง ลากไล้ต่ำลงมายังเนินอกอวบอิ่ม “อื้อ...ท่านอิงเฟ

  • เชลยรักสองพยัคฆ์   บทที่ 13 ระบำหน้ากาก 2

    พวกเขาเดินหมากกันไปอย่างเงียบเชียบ ผ่านไปหลายสิบตามีเพียงเสียงหมากกระทบกระดานไม้ดังขึ้นเป็นจังหวะ บรรยากาศตึงเครียดประหนึ่งแม่ทัพสองนายกำลังบัญชาการรบอยู่ในกระโจมกลางสมรภูมิ จนกระทั่งมู่ตานเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อน นางวางหมากดำเม็ดหนึ่งลงไปในตำแหน่งที่ดูประหนึ่งการฆ่าตัวตาย เป็นการเดินหมากที่บุกทะลวงเข้าไปในใจกลางวงล้อมศัตรูอย่างหุนหันพลันแล่น แววตาของอิงเฟิงทอประกายวูบหนึ่ง “เป็นการเดินหมากที่กล้าหาญยิ่งนัก แต่ก็อันตรายยิ่งเช่นกัน การบุกทะลวงเข้าไปในแดนศัตรูโดยไร้ทัพหนุนเปรียบเสมือนการส่งทหารไปตายโดยเปล่าประโยชน์” “บางครา...” มู่ตานตอบกลับเสียงเรียบ สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่กระดาน “การสร้างความปั่นป่วนในใจกลางทัพของศัตรู แม้จักต้องสูญเสียไพร่พลไปบ้าง ก็อาจจะสามารถเปิดช่องทางรอดใหม่ที่เรามิเคยคาดคิดมาก่อนได้”&n

  • เชลยรักสองพยัคฆ์   บทที่ 13 ระบำหน้ากาก 1

    ความมืดมิดและความเงียบงันภายในเรือนไผ่เร้นนั้นหนักอึ้งดุจผืนผ้ากำมะหยี่สีนิลที่กดทับลงมาบนร่างระหง แสงเทียนไขบนโต๊ะเตี้ยสั่นไหววูบวาบทุกคราที่สายลมหนาวเล็ดลอดผ่านหน้าต่างฉลุลายเข้ามา ส่งผลให้เงาของนางที่นั่งสงบนิ่งอยู่บนตั่งไม้ทอดยาวบิดเบี้ยวไปบนผนัง ราวกับเป็นเงาของภูตพรายที่กำลังเฝ้ารอคอยบางสิ่ง มู่ตานนั่งอยู่ในท่วงท่านี้มานานนับชั่วยามแล้ว นานจนร่างกายเริ่มชาหนึบ ทว่าสติสัมปชัญญะกลับตื่นตัวและเฉียบคมถึงขีดสุด ในห้วงความคิด นางกำลังซ้อมรบในสมรภูมิแห่งวาจา ทบทวนแผนการซ้ำแล้วซ้ำเล่า จินตนาการถึงทุกหมากที่พญาเหยี่ยวอาจจะเดิน เตรียมถ้อยคำโต้ตอบสำหรับทุกคำถามที่เขาอาจจะเอ่ย และตอกย้ำปณิธานของตนให้แข็งแกร่งดุจกำแพงเมืองที่หล่อหลอมจากเหล็กกล้า นางจักมิยอมให้มายาภาพจากราตรีก่อนกลับมาบดบังสติปัญญาได้อีก นางรู้แจ้งแก่ใจว่าความอ่อนโยนนั้นเป็นเพ

  • เชลยรักสองพยัคฆ์   บทที่ 12 กระดานหมากชี้ชะตา 2

    จุดอ่อนของเขายังไม่ปรากฏแน่ชัด เป้าหมายของเขาคือสิ่งใดกันแน่ เขาต้องการเพียงเอาชนะพี่ชาย หรือเขามีความรู้สึกเสน่หาต่อนางจริง ๆ หรือทั้งหมดนี้เป็นเพียงกลลวงซ้อนกลเพื่อเป้าหมายอื่นที่นางยังมองไม่เห็น ความไม่รู้นี้เปรียบเสมือนการเดินปิดตาอยู่ริมหน้าผา ‘ต้องระวังตัวให้ถึงที่สุด...’ นางย้ำเตือนตนเอง ‘ต้องไม่เผยความรู้สึกที่แท้จริง ต้องเป็นดั่งกระจกเงาที่สะท้อนเล่ห์เหลี่ยมของเขากลับไป ต้องเร่งค้นหาเจตจำนงที่แท้จริงของเขาให้พบ และที่สำคัญที่สุด ต้องก่อกำแพงปกป้องสติของตนให้แข็งแกร่ง อย่าได้หลงกลไปกับความสะดวกสบายและความอ่อนโยนจอมปลอมที่เขาหยิบยื่นให้ จงตระหนักเสมอว่าภายใต้รอยยิ้มนั้นคือยาพิษรสหวาน ที่มุ่งหมายจะกัดกร่อนเขี้ยวเล็บและความระแวดระวังของนางให้ทื่อลงโดยไม่รู้ตัว ซึ่งนั่นอาจเป็นคมดาบที่สังหารนางได้เลือดเย็นกว่าพละกำลังของหลี่เฉียงเสียอีก’ และท้ายที่สุด หมากสีขาวเพียงหนึ่งเดียวที่วางอย

  • เชลยรักสองพยัคฆ์   บทที่ 12 กระดานหมากชี้ชะตา 1

    การเดินทางกลับจากเรือนของหลี่เฉียงในรุ่งอรุณครั้งนี้ช่างแตกต่างจากครั้งแรกโดยสิ้นเชิง แม้ร่างกายทุกส่วนจะยังคงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดระบมไม่ต่างกัน แต่จิตใจของนางนั้นกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มู่ตานก้าวเดินไปตามทางเดินหินที่เย็นเฉียบด้วยท่วงท่าที่มั่นคงและสงบนิ่ง นางไม่ได้ก้มหน้าหลบสายตาผู้คนอีกต่อไป แต่กลับเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย มองตรงไปเบื้องหน้าอย่างไม่หวั่นไหว สายลมยามเช้าที่พัดมาปะทะร่างทำให้ชายแขนเสื้อที่กว้างของนางปลิวไสวไปด้านหลัง เผยให้เห็นรอยแดงจาง ๆ ที่ข้อมือ ร่องรอยแห่งการต่อสู้ที่บัดนี้นางมองมันไม่ใช่ในฐานะสัญลักษณ์ของความอัปยศ แต่เป็นเครื่องเตือนใจถึงความแค้นที่ต้องชำระ นางสังเกตเห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวด้วยประสาทสัมผัสที่เฉียบคมขึ้นอย่างน่าประหลาด นางเห็นสายตาของทหารยามที่ยืนประจำการณ์อยู่ไกล ๆ ที่มองมายังนางเปลี่ยนไป ความเหยียดหยามในวันแรก ๆ เลือนหายไป ถูกแทนที่ด้วยความระแวดระวังและอาจจะมีความ

  • เชลยรักสองพยัคฆ์   บทที่ 11 พายุที่หวนคืน 2

    ทว่าเนิ่นนานไปขณะที่เขายังคงครอบครองเรือนร่างอันอ่อนระทวยนั้น โทสะที่เคยลุกโชนก็ค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยสิ่งอื่น ความอยากเอาชนะเริ่มจางหาย เหลือเพียงความปรารถนาอันดิบเถื่อนที่มืดมิดและลึกซึ้งกว่าเดิม เขากำลังดำดิ่งโดยไม่รู้ตัว สติสัมปชัญญะของแม่ทัพผู้ต้องการเอาชนะกำลังถูกกลืนกินโดยสัญชาตญาณของบุรุษ เขาลืมเลือนการต่อสู้ ลืมเลือนกำแพงที่นางสร้าง รับรู้เพียงความนุ่มลื่นของผิวเนื้อภายใต้ฝ่ามือ กลิ่นหอมจาง ๆ ของนางที่ผสมกับกลิ่นสุรา และร่างกายที่ตอบสนองเขาอย่างไม่เต็มใจ จังหวะของเขาเริ่มเปลี่ยนไป จากการลงทัณฑ์ที่เกรี้ยวกราดกลายเป็นการแสวงหาที่ลึกซึ้งและไม่รู้จักพอ มู่ตานผู้ซึ่งบัดนี้เป้าหมายได้เปลี่ยนไปแล้วไม่ได้พยายามจะหลีกหนีอีกต่อไป แต่นางกำลังเฝ้ารอ อดทนรอคอยให้พายุลูกนี้พัดผ่านไป&n

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status