Home / รักโบราณ / เชลยรักสองพยัคฆ์ / บทที่ 6 หมากกระดานใหม่ 2

Share

บทที่ 6 หมากกระดานใหม่ 2

last update Last Updated: 2025-12-06 12:04:43

          หลังจากกินข้าวต้มจนหมดถ้วย นางก็ปล่อยให้เสี่ยวเหลียนเก็บถาดออกไป แล้วกลับสู่ความเงียบงันอีกครั้ง นางตัดสินใจที่จะสำรวจกรงของตนเองอย่างละเอียด นั่นคือเรือนไผ่เร้นที่นางเพิ่งกลับมาถึง...

          นางเดินออกไปที่สวนเล็ก ๆ ด้านนอก ลานดินกว้างเพียงไม่กี่ก้าวถูกล้อมรอบไว้ด้วยกำแพงหินสูงทึบ ที่มุมหนึ่งของสวนมีต้นเหมยต้นหนึ่งยืนต้นอยู่อย่างโดดเดี่ยว มู่ตานเดินเข้าไปลูบไล้กลีบดอกอันบอบบางนั้นเบา ๆ นางรู้สึกเหมือนกำลังมองดูเงาสะท้อนของตนเอง บุปผาที่ถูกพรากมาอยู่ในดินแดนอันหนาวเหน็บ แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงต้องเบ่งบานต่อไป

          นางใช้เวลาที่เหลืออยู่ทั้งหมดในการวางแผน การทบทวนทุกข้อมูลที่นางมีอยู่อย่างละเอียดถี่ถ้วน หลี่เฉียงคือพยัคฆ์ร้าย เขาตรงไปตรงมา บ้าอำนาจ กลยุทธ์ที่ต้องใช้กับเขาก็คือการปฏิเสธที่จะมอบความพึงพอใจให้เขา

          ส่วนอิงเฟิง คือเหยี่ยวพิษที่ซ่อนอยู่ในเงามืด เขาฉลาด เจ้าเล่ห์ และอดทน เขาคือผู้ที่นางต้องระวังมากที่สุด

          เป้าหมายของนางมีเพียงหนึ่งเดียวคือการเอาชีวิตรอดและหาทางแก้แค้น

          ปัง!

          เสียงประตูเรือนถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรงจนนางสะดุ้งสุดตัว ทำลายภวังค์ความคิดของนางจนหมดสิ้น

          หลี่เฉียงก้าวเข้ามาในเรือน ร่างกายของเขายังคงมีเหงื่อซึมจากการฝึกซ้อมยามเช้า สายตาของเขาจับจ้องมาที่นางซึ่งยืนอยู่กลางสวนเพียงผู้เดียว

          เขาเดินตรงเข้ามาหานา มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้านาง ร่างสูงใหญ่ของเขาบดบังแสงแดดยามสายจนหมดสิ้น

          “ข้าได้ยินจากจางมามาว่าเจ้ากินอาหารจนหมดถ้วย” เขากล่าวขึ้นน้ำเสียงเย้ยหยัน “ดูเหมือนคืนเดียวก็เพียงพอที่จะสั่งสอนให้เชลยศักดิ์สูงเช่นเจ้าเรียนรู้ที่จะเจียมตัวได้แล้วสินะ”

          มู่ตานเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างใจเย็น “ข้าเพียงแค่ต้องรักษาเรี่ยวแรงไว้เพื่อที่จะได้มีชีวิตอยู่ปรนนิบัติท่านแม่ทัพต่อไปให้ได้นานที่สุดมิใช่หรือเจ้าคะ”

          คำตอบที่สุภาพแต่แฝงไปด้วยหนามแหลมคมทำให้นัยน์ตาของหลี่เฉียงหรี่ลง เขายื่นมือออกมา แตะปลายนิ้วลงบนรอยช้ำที่ยังคงปรากฏเด่นชัดอยู่บนต้นแขนของนางอย่างแผ่วเบา

          “รอยนี่ช่างงดงาม...มันทำให้เจ้างดงามยิ่งขึ้น”

          มู่ตานรู้สึกขยะแขยงจนอยากจะอาเจียนออกมา แต่นางกลับบังคับให้ตัวเองยืนนิ่ง

          “หากมันเป็นที่พอใจของท่านแม่ทัพ ก็นับว่าเป็นเกียรติของข้าเจ้าค่ะ”

          “หึ...” เขาดึงมือกลับ “เจ้ายังคงเป็นเจ้า องค์หญิงผู้ปากดีไม่เคยเปลี่ยน” เขามองนางด้วยสายตาที่หยั่งเชิงอย่างล้ำลึก “แต่การแสดงเช่นนี้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนกันเชียว”

          เขาหันหลังให้แก่นาง เดินไปเด็ดดอกเหมยดอกหนึ่งขึ้นมาถือไว้ในมือ แล้วบดขยี้มันอย่างช้า ๆ

          “ข้าเริ่มเบื่อการแสดงของเจ้าแล้ว” เขากล่าวโดยไม่หันกลับมามอง

          ความทระนงจอมปลอมนั่นมันน่ารำคาญสิ้นดี ยิ่งเห็นก็ยิ่งหงุดหงิด เมื่อคืนเขาต้องการทำลายนางให้แหลกสลาย แต่กลับล้มเหลว บัดนี้เขาจึงต้องการเห็นนางถูกทำลายด้วยวิธีอื่น

          “ข้าอยากจะรู้ว่า... หากเปลี่ยนวิธีการเจ้าจะยังคงรักษาท่าทีเช่นนี้ไว้ได้อีกหรือไม่”

          มู่ตานนิ่งเงียบ หัวใจของนางเริ่มเต้นแรงขึ้นมาด้วยความสังหรณ์ใจที่ไม่ดี

          หลี่เฉียงหันกลับมาเผชิญหน้ากับนางอีกครั้ง บนใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มที่โหดเหี้ยมและคาดเดาไม่ได้

          “น้องชายของข้า...เขามีรสนิยมชมชอบของที่งดงาม เขาเฝ้ารอคอยอย่างอดทนมาหลายวันแล้ว”

          เลือดในกายของมู่ตานเย็นเยียบลงในทันที

          “คืนนี้เจ้าจงไปที่เรือนของเขา” เขากล่าวต่อช้า ๆ ชัด ๆ “ไปดูซิว่าวิธีการอันแยบยลและอ่อนโยนของเขา จะสามารถทำให้เจ้าส่งเสียงร้องออกมาได้หรือไม่ หรือบางทีอาจจะทำให้เจ้ายอมศิโรราบอย่างแท้จริงก็เป็นได้”

          มันคือคำสั่งที่โหดร้ายยิ่งกว่าการลงทัณฑ์ใด ๆ คือการโยนนางจากกรงพยัคฆ์ที่เพิ่งจะเริ่มจะเรียนรู้ที่จะตั้งรับ ไปสู่รังเหยี่ยวที่นางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยแม้แต่น้อย

          หลี่เฉียงเดินจากไป ทิ้งให้มู่ตานยืนแข็งทื่ออยู่กลางสวนเพียงลำพัง เกราะป้องกันที่นางเพิ่งสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากพังทลายลงไม่มีชิ้นดี

          ความหวาดกลัวระลอกใหม่ที่รุนแรงและเย็นเยียบกว่าเดิมถาโถมเข้าใส่จิตใจของนางอย่างบ้าคลั่ง นางรับมือกับพยัคฆ์ร้ายที่โจมตีซึ่งหน้าได้ แต่จะรับมือกับพญาเหยี่ยวที่ซ่อนพิษร้ายไว้ใต้ปีกได้อย่างไร

          เสียงกรีดร้องที่ไร้สุรเสียงดังก้องอยู่ในลำคอของนาง ความเยือกเย็นที่เพิ่งก่อตัวขึ้นเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความหวาดหวั่นอันมืดมิด หมากกระดานนี้เพิ่งจะถูกพลิกใหม่ทั้งหมด และนางก็กำลังจะกลายเป็นเบี้ยที่ถูกส่งไปตายอีกครั้ง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เชลยรักสองพยัคฆ์   บทที่ 13 ระบำหน้ากาก 3

    เขาช้อนร่างเปลือยเปล่าของนางขึ้นสู่อ้อมแขน แล้ววางลงบนตั่งเตียงกว้างอย่างทะนุถนอมราวกับนางเป็นเครื่องกระเบื้องล้ำค่าที่เปราะบางที่สุด เมื่อแผ่นหลังสัมผัสกับเบาะแพรหนานุ่ม มู่ตานก็ปลดเปลื้องความแข็งกร้าวทิ้งไป เหลือไว้เพียงจริตมารยาที่นางจงใจปรุงแต่งขึ้นมาลวงล่อ นางปรือตาขึ้นมองพญาอินทรีย์ด้วยแววตาที่ฉ่ำหวานระคนหวาดหวั่น ริมฝีปากแดงระเรื่อเผยอขึ้นเล็กน้อย ปล่อยให้ลมหายใจสั่นพร่ายามที่อิงเฟิงโน้มกายลงมาทาบทับ “ท่านช่างงดงามจนข้ามิอาจละสายตา” เสียงกระซิบของเขาพร่าเลือนชิดใบหู ก่อนที่ริมฝีปากอุ่นชื้นจะเริ่มประทับตราลงบนซอกคอขาวผ่อง มันมิใช่การขบกัดที่ดุดัน แต่เป็นการดูดดึงและเล็มเลียอย่างอ้อยอิ่ง ลิ้นของเขาตวัดไล้ไปตามชีพจรที่เต้นตุบ ๆ ของนาง ลากไล้ต่ำลงมายังเนินอกอวบอิ่ม “อื้อ...ท่านอิงเฟ

  • เชลยรักสองพยัคฆ์   บทที่ 13 ระบำหน้ากาก 2

    พวกเขาเดินหมากกันไปอย่างเงียบเชียบ ผ่านไปหลายสิบตามีเพียงเสียงหมากกระทบกระดานไม้ดังขึ้นเป็นจังหวะ บรรยากาศตึงเครียดประหนึ่งแม่ทัพสองนายกำลังบัญชาการรบอยู่ในกระโจมกลางสมรภูมิ จนกระทั่งมู่ตานเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อน นางวางหมากดำเม็ดหนึ่งลงไปในตำแหน่งที่ดูประหนึ่งการฆ่าตัวตาย เป็นการเดินหมากที่บุกทะลวงเข้าไปในใจกลางวงล้อมศัตรูอย่างหุนหันพลันแล่น แววตาของอิงเฟิงทอประกายวูบหนึ่ง “เป็นการเดินหมากที่กล้าหาญยิ่งนัก แต่ก็อันตรายยิ่งเช่นกัน การบุกทะลวงเข้าไปในแดนศัตรูโดยไร้ทัพหนุนเปรียบเสมือนการส่งทหารไปตายโดยเปล่าประโยชน์” “บางครา...” มู่ตานตอบกลับเสียงเรียบ สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่กระดาน “การสร้างความปั่นป่วนในใจกลางทัพของศัตรู แม้จักต้องสูญเสียไพร่พลไปบ้าง ก็อาจจะสามารถเปิดช่องทางรอดใหม่ที่เรามิเคยคาดคิดมาก่อนได้”&n

  • เชลยรักสองพยัคฆ์   บทที่ 13 ระบำหน้ากาก 1

    ความมืดมิดและความเงียบงันภายในเรือนไผ่เร้นนั้นหนักอึ้งดุจผืนผ้ากำมะหยี่สีนิลที่กดทับลงมาบนร่างระหง แสงเทียนไขบนโต๊ะเตี้ยสั่นไหววูบวาบทุกคราที่สายลมหนาวเล็ดลอดผ่านหน้าต่างฉลุลายเข้ามา ส่งผลให้เงาของนางที่นั่งสงบนิ่งอยู่บนตั่งไม้ทอดยาวบิดเบี้ยวไปบนผนัง ราวกับเป็นเงาของภูตพรายที่กำลังเฝ้ารอคอยบางสิ่ง มู่ตานนั่งอยู่ในท่วงท่านี้มานานนับชั่วยามแล้ว นานจนร่างกายเริ่มชาหนึบ ทว่าสติสัมปชัญญะกลับตื่นตัวและเฉียบคมถึงขีดสุด ในห้วงความคิด นางกำลังซ้อมรบในสมรภูมิแห่งวาจา ทบทวนแผนการซ้ำแล้วซ้ำเล่า จินตนาการถึงทุกหมากที่พญาเหยี่ยวอาจจะเดิน เตรียมถ้อยคำโต้ตอบสำหรับทุกคำถามที่เขาอาจจะเอ่ย และตอกย้ำปณิธานของตนให้แข็งแกร่งดุจกำแพงเมืองที่หล่อหลอมจากเหล็กกล้า นางจักมิยอมให้มายาภาพจากราตรีก่อนกลับมาบดบังสติปัญญาได้อีก นางรู้แจ้งแก่ใจว่าความอ่อนโยนนั้นเป็นเพ

  • เชลยรักสองพยัคฆ์   บทที่ 12 กระดานหมากชี้ชะตา 2

    จุดอ่อนของเขายังไม่ปรากฏแน่ชัด เป้าหมายของเขาคือสิ่งใดกันแน่ เขาต้องการเพียงเอาชนะพี่ชาย หรือเขามีความรู้สึกเสน่หาต่อนางจริง ๆ หรือทั้งหมดนี้เป็นเพียงกลลวงซ้อนกลเพื่อเป้าหมายอื่นที่นางยังมองไม่เห็น ความไม่รู้นี้เปรียบเสมือนการเดินปิดตาอยู่ริมหน้าผา ‘ต้องระวังตัวให้ถึงที่สุด...’ นางย้ำเตือนตนเอง ‘ต้องไม่เผยความรู้สึกที่แท้จริง ต้องเป็นดั่งกระจกเงาที่สะท้อนเล่ห์เหลี่ยมของเขากลับไป ต้องเร่งค้นหาเจตจำนงที่แท้จริงของเขาให้พบ และที่สำคัญที่สุด ต้องก่อกำแพงปกป้องสติของตนให้แข็งแกร่ง อย่าได้หลงกลไปกับความสะดวกสบายและความอ่อนโยนจอมปลอมที่เขาหยิบยื่นให้ จงตระหนักเสมอว่าภายใต้รอยยิ้มนั้นคือยาพิษรสหวาน ที่มุ่งหมายจะกัดกร่อนเขี้ยวเล็บและความระแวดระวังของนางให้ทื่อลงโดยไม่รู้ตัว ซึ่งนั่นอาจเป็นคมดาบที่สังหารนางได้เลือดเย็นกว่าพละกำลังของหลี่เฉียงเสียอีก’ และท้ายที่สุด หมากสีขาวเพียงหนึ่งเดียวที่วางอย

  • เชลยรักสองพยัคฆ์   บทที่ 12 กระดานหมากชี้ชะตา 1

    การเดินทางกลับจากเรือนของหลี่เฉียงในรุ่งอรุณครั้งนี้ช่างแตกต่างจากครั้งแรกโดยสิ้นเชิง แม้ร่างกายทุกส่วนจะยังคงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดระบมไม่ต่างกัน แต่จิตใจของนางนั้นกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มู่ตานก้าวเดินไปตามทางเดินหินที่เย็นเฉียบด้วยท่วงท่าที่มั่นคงและสงบนิ่ง นางไม่ได้ก้มหน้าหลบสายตาผู้คนอีกต่อไป แต่กลับเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย มองตรงไปเบื้องหน้าอย่างไม่หวั่นไหว สายลมยามเช้าที่พัดมาปะทะร่างทำให้ชายแขนเสื้อที่กว้างของนางปลิวไสวไปด้านหลัง เผยให้เห็นรอยแดงจาง ๆ ที่ข้อมือ ร่องรอยแห่งการต่อสู้ที่บัดนี้นางมองมันไม่ใช่ในฐานะสัญลักษณ์ของความอัปยศ แต่เป็นเครื่องเตือนใจถึงความแค้นที่ต้องชำระ นางสังเกตเห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวด้วยประสาทสัมผัสที่เฉียบคมขึ้นอย่างน่าประหลาด นางเห็นสายตาของทหารยามที่ยืนประจำการณ์อยู่ไกล ๆ ที่มองมายังนางเปลี่ยนไป ความเหยียดหยามในวันแรก ๆ เลือนหายไป ถูกแทนที่ด้วยความระแวดระวังและอาจจะมีความ

  • เชลยรักสองพยัคฆ์   บทที่ 11 พายุที่หวนคืน 2

    ทว่าเนิ่นนานไปขณะที่เขายังคงครอบครองเรือนร่างอันอ่อนระทวยนั้น โทสะที่เคยลุกโชนก็ค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยสิ่งอื่น ความอยากเอาชนะเริ่มจางหาย เหลือเพียงความปรารถนาอันดิบเถื่อนที่มืดมิดและลึกซึ้งกว่าเดิม เขากำลังดำดิ่งโดยไม่รู้ตัว สติสัมปชัญญะของแม่ทัพผู้ต้องการเอาชนะกำลังถูกกลืนกินโดยสัญชาตญาณของบุรุษ เขาลืมเลือนการต่อสู้ ลืมเลือนกำแพงที่นางสร้าง รับรู้เพียงความนุ่มลื่นของผิวเนื้อภายใต้ฝ่ามือ กลิ่นหอมจาง ๆ ของนางที่ผสมกับกลิ่นสุรา และร่างกายที่ตอบสนองเขาอย่างไม่เต็มใจ จังหวะของเขาเริ่มเปลี่ยนไป จากการลงทัณฑ์ที่เกรี้ยวกราดกลายเป็นการแสวงหาที่ลึกซึ้งและไม่รู้จักพอ มู่ตานผู้ซึ่งบัดนี้เป้าหมายได้เปลี่ยนไปแล้วไม่ได้พยายามจะหลีกหนีอีกต่อไป แต่นางกำลังเฝ้ารอ อดทนรอคอยให้พายุลูกนี้พัดผ่านไป&n

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status