บทที่ 8 นางเพียงเสแสร้ง
ครานั้นอวิ๋นหลิงเดินตามหลังของหลวนฮวานจนมาถึงศาลารับลม เหลียงอวี้สายตาจ้องมองไปยังนางตอนนี้ไม่มีเค้าสตรีบุตรสาวขุนนางเสียแล้ว ใบหน้าที่เคยงดงามแจ่มใสเต็มไปด้วยเครื่องประทิ่นบนใบหน้าให้ชวนมอง บัดนี้มีเพียงใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากแห้งแตก ดวงตาหมองคล้ำคล้ายคนที่ไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ไร้ชีวิตชีวาเสมือนร่างไร้จิตวิญญาณ
“นางเปลี่ยนไปมากจริง ๆ เจ้าไม่เจ็บปวดบ้างหรือที่จ้องมองใบหน้าของนาง”
“ข้านะหรือจะเจ็บปวด ไม่! ข้ามีเพียงแต่ความแค้นเท่าที่รอวันสะสางไปทีละนิด”
“ท่านแม่ทัพข้าพาอวิ๋นหลิงมาแล้วขอรับ”
“มาแล้วหรือ ? เจ้ามานี่สิคิดว่าสองวันมานี้ข้าไม่สั่งงานเจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าใช้ชีวิตสุขสบายหรอกนะ ! นั่นเห็นดอกบัวในบึงนั่นหรือไม่ ? ข้าอยากได้มันเพื่อไปไหว้ป้ายชื่อท่านแม่ลงไปเอามาให้ข้าเดี๋ยวนี้” ปลายนิ้วของเขาชี้ไปที่ดอกบัวที่ออกดอกอยู่กลางบึงทันที่ที่อวิ๋นหลิงเห็นนางเริ่มใจสั่นเพราะนางว่ายน้ำไม่เป็นแต่หากเป็นเช่นนี้ก็ดีเช่นกันมิใช่หรือ ? นางจะได้ตายสมใจหวังและเป็นเขาเองที่เป็นคนสั่งให้นางทำ
“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบลงไปเอามาให้เดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเบาหวิวคล้ายคนหมดแรงจนเหลียงอวี้เริ่มเป็นห่วงและเห็นท่าไม่ดีจึงเอ่ยทักขึ้น
“ไท่หยางเพียงดอกบัวเจ้าให้ผู้อื่นหรือทหารที่แข็งแกร่งเอามาให้เจ้าไม่ดีกว่าหรือ ? ”
“ไม่หากข้าต้องการเช่นนั้นคงไม่ตามนางมาหรอก เจ้าไม่ต้องห่วงจางอวิ๋นหลิงนะนางว่ายน้ำเก่งเจ้าเองก็เคยเห็นมิใช่หรือ” น้ำเสียงเย็นยะเยือนเอ่ยออกมาไม่รู้ร้อนรู้หนาวเพราะเขาทั้งสามเคยเที่ยวเล่นด้วยกัน เหลียงอวี้คอยลอบมองอวิ๋นหลิงบ่อย ๆ และแอบชอบนางมาตลอดแต่เขาก็หักห้ามใจเมื่อรู้ว่าสหายของตนเองรักนางมากเพียงใด จึงยอมเป็นสหายอยู่ข้าง ๆ ทั้งสองมาโดยตลอด
ตู้ม !! เสียงน้ำที่ถูกร่างของอวิ๋นหลิงกระโดดลงกระเด็นเซ็นซ่าน ค่อย ๆ เดินลงไปที่กลางบึงบัว ตอนนี้จิตใจของนางเริ่มสงบเย็นเมื่อเดินไปกลางบึงระดับน้ำเริ่มถึงปลายคาง
‘ถึงเวลาแล้วที่ข้าจะได้ทำอย่างที่ข้าหวังมาตลอดความปรารถนาหนึ่งเดียวของข้า ใต้น้ำนี้คงเป็นที่ที่สงบเงียบและเย็นข้าชอบเหลือเกินที่จะหลุดพ้นจากชายโหดเหี้ยมอย่างเขา ไม่ว่าจะมีอีกกี่ภพกี่ชาติข้ามิขอเกิดอีกแล้ว สวรรค์โปรดเมตตาข้าด้วย’ นางครุ่นคิดในใจหลับตาลงใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะจมดิ่งลงใต้แม่น้ำที่ไหลเวียนไปเรื่อย ๆ สายตาเลือนลางหูได้ยินเสียงเพียงของกระแสน้ำที่ไหลวนและร่างกายของสตรีกำลังดิ่งลงใต้น้ำอย่างเชื่องช้าสองมือมิได้ตะเกียกตะกาย คว้าอะไรรอบๆ ขาของนางไม่พยายามถีบให้ตนเองลอยปล่อยให้เคลื่อนต่ำลงสู่ก้นบ่อ เมื่อจมูกอยู่ต่ำกว่าผิวน้ำทำให้ร่างกายกลั้นหายใจอย่างอัตโนมัติ ตอนนี้ร่างกายของนางเริ่มเหนื่อยหัวใจเต้นแรงขึ้น ชั่วพริบตาเดียวนางรู้สึกเหนื่อยมากจนกลั้นหายใจไม่ไหวอีกต่อไปจนทำให้น้ำเข้าสู่ลำคอจนนางสำลักออกมา
นางรู้สึกถึงความเงียบสงบภายในน้ำตอนนี้ร่างกายของนางเริ่มแสบจมูกแสบคอและแสบในศีรษะดวงตาเบิกโพลง นางไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ ทั้งสิ้น รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้นางได้หายใจเอาของเหลววิ่งผ่านหลอดลมเข้าไป ร่างกายของนางจมลงไปเรื่อย ๆ จนใกล้จะถึงก้นบ่อสมองตัดการรับรู้ สติเลือนรางก่อนที่นางจะหลับไป..
ความปรารถนาของนางได้สมหวังแล้ว
ทว่าบนบกกลับร้อนใจเมื่อเห็นนางเงียบหายไปในแม่น้ำ จึงเอ่ยถามสหายด้วยความมั่นใจอีกครา
“ไท่หยางเจ้าไม่ผิดสังเกตเลยหรือทำไมสายตาของข้ามองไม่เห็นอวิ๋นหลิงเลยหรือว่านางจะจมน้ำ”
“ฮึ สตรีที่ว่ายน้ำเก่งเช่นนางนะหรือจะจมน้ำ นางเพียงแค่แสร้งทำเท่านั้น” แม้วาจาจะเอ่ยไปเช่นนั้นทว่าใจของไท่หยางกลับร้อนรุ่มไม่ต่างกัน เขายืนขึ้นมองไปยังบึงบัวแม้แต่ฟองอากาศก็ไม่มีโผล่เหนือน้ำ ร่างของนางไม่มีแม้เงาครั้นนั้นเขาก็ฉุดคิดขึ้นมานางเคยคิดฆ่าตัวตายจากน้ำมาแล้วครั้งหนึ่งนี่คงมิใช่ว่านางจะตั้งใจจมดิ่งลงแม่น้ำเพื่อหนีจากเขาอีกหรอกหรือ? ใจของชายเหี้ยมโหดเริ่มกระวนกระวายกำลังออกคำสั่งให้ทหารลงไปนำนางขึ้นมา แต่ก็ไม่ทันการแล้วเพราะตอนนั้นเหลียงอวี้ที่อดทนดูความร้ายกาจและใจร้ายของสหายไม่ไหวและกลัวว่าอวิ๋นหลิงจะเกิดอันตรายเขากระโดดน้ำไปหาร่างของนางทันที
ตู้ม ! เขาพยายามลืมตาจ้องมองหาร่างของนางในน้ำอย่างทุลักทุเลแต่ไม่นานเขาได้เห็นร่างของอวิ๋นหลิงอยู่ไม่ไกล รีบแวกว่ายผ่านสายบัวไปโอบอุ้มร่างของอวิ๋นหลิงขึ้นบนฝั่ง
“อวิ๋นหลิง เจ้าฟื้นสิทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้” เหลียงอวี้อุ้มร่างของนางวางบนพื้นไม้ของศาลาก่อนจะใช้มือทั้งสองประสานกันดันที่อกของนางเพื่อช่วยชีวิต กดลงด้วยแรงทั้งหมดที่มีครั้งแล้วครั้งเล่าในใจภาวนาให้นางฟื้นขึ้นมาเขาไม่ชอบเลยที่นางต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้ ไม่ยุติธรรมต่อนางสักนิด
“นางเพียงสำออยเท่านั้นเจ้ามิเห็นต้องทำเป็นตื่นตระหนก”
“หากเจ้าไม่ช่วยนางสมควรหุบปากเสีย ๆ ของเจ้าไปซะคอยดูเอาไว้เถิดวันหนึ่งเจ้าจะเจ็บปวดยิ่งกว่านางร้อยเท่าพันเท่า” เหลียงอวี้หันขวับไปมองไท่หยางครู่หนึ่งก่อนที่จะจับจ้องสตรีที่อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าอย่างไรเขาจะช่วยให้นางรอดให้ได้และก็เป็นอย่างที่เขาหวังเมื่อร่างบางสำลักน้ำออกมา เขารีบประคองร่างของนางขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนทันที
“แค่ก ๆ เฮือก”
“เจ้าฟื้นแล้ว อวิ๋นหลิงเจ้าฟื้นแล้ว” อวิ๋นหลิงได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยน้ำเสียงตื่นเต้นระคนต่างจากอีกคนที่มีน้ำเสียงเย็นชาเอ่ยขึ้นด้วย
“ฮึ นางแค่เสแสร้งแกล้งทำให้เจ้าเห็นใจเท่านั้น อวิ๋นหลิงเจ้าช่างเป็นสตรีที่มารยาแพศยาเสียจริง ทั้ง ๆ ที่เจ้าว่ายน้ำเก่งกว่าพวกข้าทั้งสองแต่เจ้ากล้าปล่อยให้ตนเองดิ่งลงก้นบ่อหรือเจ้าตั้งใจทำเช่นนั้นเพื่อหนีข้ากัน” นางลืมตาจ้องมองดวงตาเริ่มคลอนี่นางทำไม่สำเร็จอีกแล้วเช่นนั้นหรือ ? ทว่ายามนี้นางเหนื่อยเหลือเกินที่จะต่อปากต่อคำถกเถียงกับเขา นางทำได้เพียงหลับตาลงอีกครั้งกับลมหายใจที่โรยริน
“ไท่หยางเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ หากเจ้าไม่ช่วยนางก็โปรดอย่าต่อว่ายามนี้ร่างกายของนางมิอาจจะต่อต้านหรือแม้แต่โต้เถียงกับเจ้าที่ไร้สติมีเพียงความเคียดแค้นบดบัง ห้องของนางอยู่ที่ใดข้าจะไปส่งนางเอง”
“ไม่ใช่หน้าที่ของท่านองค์ชายสาม นางเป็นเชลยในจวนข้าข้าจัดการเองได้ หลวนฮวานอุ้มนางไปที่ห้องและเรียกให้ไป๋หนิงซินช่วยจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ให้นางเสีย ” ไท่หยางหงุดหงิดใจเหลือทนจ้องมองไปที่เหลียงอวี้เขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับนางไฉนถึงทำตัวใกล้ชิดปานนางเป็นสตรีที่รักของเขาเช่นนี้ รีบสั่งการให้ลูกน้องพาร่างของอวิ๋นหลิงไปที่ห้องทันที เหลียงอวี้มองแผ่นหลังของหลวนฮวานที่อุ้มร่างอวิ๋นหลิงไปด้วยความเป็นห่วงและนึกโมโหสหายของเขา
“ครั้งนี้ข้าว่าเจ้าทำเกินไป ไม่ว่านางจะเป็นเชลยของเจ้าแต่อย่างน้อยนางก็เคยเป็นคนที่เจ้ารัก หากเจ้าหมดรักนางอย่างที่เจ้าว่าจริง ๆ ก็จัดการนางให้นางตามท่านพ่อของนางไปเสียที” เหลียงอวี้เดินชนแผ่นอกของไท่หยางเต็มแรงก่อนจะเดินไปยังคอกม้าและสั่งให้ทหารนำม้าออกมา เขาไม่อยากจะมองและเสวนากับแม่ทัพไร้ใจเช่นนี้อีกแล้ว
บทที่ 28 ปล่อยวางอวิ๋นหลิงเงยหน้าขึ้นมองไปด้านอื่นน้ำตาไหลรินไม่ต่างกัน ความเจ็บปวดที่นางพบเจอล้วนแต่เป็นเขาที่เป็นคนทำมัน ความปวดร้าวเรื่องราวที่ผ่านมาจะให้นางให้อภัยได้อย่างไร เขายังคงกอดขานางแน่น อวิ๋นหลิงไตร่ตรองเป็นอย่างดีก่อนจะเอ่ยมาทำลายความเงียบภายในห้อง“แต่มีทางหนึ่งที่ท่านสามารถทำให้ข้าให้อภัยท่านได้ ” ไท่หยางเงยหน้าขึ้นจ้องมองนาง รีบลุกขึ้นไม่ว่านางจะให้เขาทำอะไรข้ายอมทั้งนั้นหากมันจะทำให้นางให้อภัยเขาได้ และเขาจะได้ไถ่โทษกับตระกูลของนาง“ไม่ว่าเจ้าจะให้ข้าทำอะไร ข้าทำให้เจ้าได้ทั้งนั้นหากเจ้ายอมให้อภัยข้าในสิ่งที่ผ่านมา”“ปล่อย.. ปล่อยข้าไปอย่าได้รั้งกันไว้อีกเลย เพียงเท่านี้เราทั้งสองก็เจ็บปวดมามากพอแล้ว ข้าไม่อาจทนเห็นใบหน้าของท่านได้อีกความเกลียดความแค้นมันมากมายเหลือเกิน เพียงเห็นใบหน้าของท่าน ข้าก็อดที่จะคิดถึงเรื่องราวที่ท่านเคยทำไว้ไม่ได้ ได้โปรดปล่อยข้าไปเสีย ข้าจะอภัยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเราหมดวาสนาต่อกันเพียงเท่านี้เถิด ข้าเหน็ดเหนื่อยไม่อยากจะพบเจอเรื่องเช่นนี้อีกต่อไป ...” ไท่หยางหมดเรี่ยวแรงปล่อยมือออกจากกายของนาง ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมที่ตนเองก่อขึ้นมา“ข้ารู้ว
บทที่27 ความจริงที่แสนเจ็บปวดครั้นสองเท้าย่างกรายออกมาด้านนอกบัดนี้กองกำลังของเขาถูกล้อมไปด้วยทหารของแคว้นหยางอันจนหมดสิ้น โดยมีแม่ทัพหลิวไท่หยางยืนรอเขาอยู่ด้านหน้าจวน“เจ้าช้ากว่าข้าไปหนึ่งก้าว ยอมแพ้แต่โดยดีเพราะตอนนี้แคว้นของเจ้าถูกคนของข้าล้อมรอบไว้หมดแล้ว” ไท่หยางป่าวประกาศน้ำเสียงเข้มขรึมน่าเกรงขาม อีกฝ่ายกลับหัวเราะออกมาอย่างขบขัน นี่เขาพลาดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“ฮ่า ฮ่า เจ้าคิดว่าเพียงแค่นี้ข้าจะยอมแพ้หรือ แคว้นฉู่ของข้า ยอมตายแต่ไม่ยอมลดศักดิ์ศรีเด็ดขาด พวกเราลุกขึ้นสู้เพื่อแคว้นของเรา” ชางถิงพูดปลุกใจของเหล่าทหารชั่วพริบตาเดียวกองทัพทหารของแคว้นฉู่ได้วิ่งกรู่ออกมาอีกจำนวนมาก เริ่มปะทะสู้กันอย่างดุเดือด ยามนี้แคว้นฉู่นองเลือดจนกลิ่นคละคลุ้งผู้คนเริ่มล้มตายจากการต่อสู้ และแล้วเขาก็ตกอยู่ใต้ดาบของหลิวไท่หยาง กายเต็มไปด้วยเลือดของศัตรูอาบใบหน้า ถือดาบจ่อที่คอของชางถิง“ฮ่า ฮ่า ในที่สุดเจ้าก็ชนะข้า เอาสิบั่นคอข้าไปเลยเจ้าจะได้นำชัยชนะกลับไป เอ๊ะเดี๋ยวสิ! ข้าจะบอกแก่เจ้าก่อนแล้วกัน ข้าได้ยินมาว่าจับตัวบุตรสาวของจางชิงหลงแคว้นหนานไฮ้ไปเพื่อแก้แค้นนางใช่หรือไม่ อีกอย่างเจ้าเองก็ลงมื
บทที่ 26 รับไว้เพียงไมตรีมิอาจจะรับความรักของท่านได้ฝั่งด้านอวิ๋นหลิงตั้งแต่หลังจากกลับมาจากวันนั้น นางไม่ได้พบเจอหน้าไท่หยางอีกเลย ได้ยินผ่านจากไป๋หนิงซินว่าเขาปลอดภัยดีนางเองก็สบายใจทำงานเหมือนอย่างเคย แม้จะอยู่ห้องใกล้ ๆ กันกับเขาแต่ทว่านางไม่เคยคิดจะก้าวเข้าไปหาเขาเลยด้วยซ้ำ“เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ ? ” ไป๋หนิงซินยื่นหมั่นโถวให้นางพลางย่อนกายนั่งลงข้าง ๆ ช่วงนี้เหมือนหิมะจะหยุดตกแล้วทว่ายังมีความเยือกเย็นหลงเหลืออยู่ในอากาศ หมั่นโถวร้อน ๆ พอทำให้คลายหนาวได้บ้าง“ขอบใจนะ ข้าเพียงแค่คิดว่าหากข้าไม่กลับมาเจ้าจะเป็นอย่างไร คิดถึงข้าบ้างหรือไม่?”“ถามมาได้ขนาดเจ้าหายไปเพียงหนึ่งคืนข้าแทบนอนไม่หลับ กระวนกระวายไปหมดไม่เห็นหรือไงว่าข้าดีใจแค่ไหนที่เจ้ากลับมา ” ไป๋หนิงซินเอ่ยพลางกินหมั่นโถวเข้าปากคำใหญ่“นั่นสินะ ... ถ้าตอนนั้นข้าเลือกที่จะทิ้งไท่หยางและหนีไปตอนนี้ชีวิตของข้าจะเป็นอย่างไรนะ”“อย่าบอกนะว่าเจ้ามีโอกาสหนียามที่ท่านแม่ทัพได้รับบาดเจ็บนะ”“อื้ม ...แม่ทัพของเจ้าบอกให้ข้าหนีไปยามมีโอกาสแต่ไม่รู้ทำไมข้าถึงไม่หนีกันนะ อาจจะเป็นเพราะว่าข้าเกรงว่าเจ้าจะร่ำไห้เพราะเป็นห่วงข้านะสิ ฮึ ฮึ”
บทที่ 25 แม่ทัพถูกโจมตีจวนแม่ทัพหลิวไท่หยางไป๋หนิงซินเฝ้ามองไปที่ประตูจิตใจกระวนกระวายเป็นห่วงอวิ๋นหลิง นี่ก็ยามซวี (19.00) แล้วทั้งสองคนยังไม่กลับเข้าจวนอีกทั้งหิมะก็ตกแรงมากกว่าเดิม นางมิอาจจะเก็บความเป็นห่วงเอาไว้ได้รีบย่างกรายไปหาหลวนฮวานที่ยืนอยู่หน้าห้องของแม่ทัพไท่หยาง“หลวนฮวานทำไมท่านถึงใจเย็นได้ ไม่ร้อนใจเลยหรือ?เมื่อไหร่ท่านแม่ทัพจะพาอวิ๋นหลิงกลับจวน ข้าชักเป็นห่วงจริง ๆ หวังว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับท่านแม่ทัพหรอกใช่มั้ย”“เจ้าอย่าเป็นกังวลไปเลย ท่านแม่ทัพมีฝีมืออีกไม่นานก็คงกลับมา” แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้นแต่ใจของหลวนฮวานก็เป็นห่วงท่านแม่ทัพเช่นเดียวกัน ทว่ายามนั้นมีทหารใบหน้าแตกตื่นวิ่งเข้ามาแจ้งให้หลวนฮวานได้รับรู้“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“เรื่องอะไรกันทำไมเจ้าถึงได้รีบร้อนวิ่งมาถึงเพียงนี้”“ข้าออกไปดื่มสุราที่โรงเตี๊ยมมาเมื่อครู่ได้ยินเรื่องของท่านแม่ทัพ มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ หุบเขามาพูดคุยกันเรื่องของแม่ทัพไท่หยางเขาขึ้นไปเก็บสมุนไพรและเห็นว่าท่านแม่ทัพกำลังถูกคนของแคว้นฉู่ไล่ล่า คนของพวกนั้นมากันมาเหลือเกินไม่รู้ว่าป่านนี้ท่านแม่ทัพจะเป็น
บทที่ 24 หนีไปสิตอนที่เจ้ามีโอกาสสีหน้าของเขาเริ่มซีดเซียวขาวเผือกไร้เลือดฝาด นางพยุงเขาเข้ามาด้านในพร้อมจับเขานั่งลงพิงผนังหิน กลิ่นเลือดคละคลุ้งเต็มอากาศยังคงไหลไม่หยุด อวิ๋นหลิงจ้องมองฝ่ายตรงข้ามพร้อมครุ่นคิดหากนางจะใช้โอกาสนี้ในการหลบหนีคงไม่ยากเพราะเขาคงไม่มีเรี่ยวแรงจะตามนางได้ทันแน่ ๆ นางต้องการหลุดพ้นจากเขาจึงช่างใจคิดครู่ใหญ่ และเหมือนว่าไท่หยางจะรู้ถึงความคิดของนาง“เจ้าคงคิดอยากจะทิ้งข้าไว้และหนีข้าไปสินะ เอาสิยามนี้เป็นเวลาที่เจ้าจะได้หลุดพ้นจากเนื้อมือของข้าแล้ว โอกาสที่เจ้าจะหนีจากข้ามาถึงแล้วปล่อยให้ข้ารอความตายอยู่ที่นี่โดยมิต้องใส่ใจข้า แต่ถ้าหากว่าข้ารอดไปได้ข้าจะตามหาเจ้าต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินทั่วใต้หล้าข้าก็จะตามหาเจ้าให้เจอ เมื่อนั้นอย่าหวังว่าจะหนีข้าไปได้เพราะข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปอีก” น้ำเสียงแหบพร่าคล้ายคนกำลังหมดแรงเอ่ยออกมาโดยใช้กำลังทั้งหมด อวิ๋นหลิงเริ่มลังเล หากนางจะหนีเขาไปนางจะไม่มีทางให้เขาหานางได้พบเลย นางหันไปมองหน้าถ้ำก่อนจะหันกลับมามองไท่หยางอีกครา ถอนหายใจเฮือกใหญ่ลุกขึ้นยืนและวิ่งออกไปจากถ้ำทันที ปล่อยให้เขาอยู่ในถ้ำรอความตายและทนความเจ็บปวดที่กำ
บทที่ 23 จำไม่ได้‘คำพูดของนางทำให้จิตใจของข้าสั่นคลอนได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ ?’ “เฮ้อ ! เจ้าคิดว่าเจ้าพบเจอเพียงเท่านี้แล้วข้าจะหายโกรธแค้นหรืออย่างไรกัน เพียงเท่านี้ยังน้อยไปกับที่ท่านแม่ข้าพบเจอ เลิกทำสายตาสีหน้าเบื่อโลกเสียข้าบอกแล้วอย่างไรว่าข้าไม่มีทางให้เจ้าตายจากข้าไปง่าย ๆ ที่ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพราะอยากตอกย้ำความเจ็บปวดเจ้าเท่านั้น เจ้าจำที่นี่ไม่ได้เลยหรือ” อวิ๋นหลิงหมดสิ้นความหวังที่เขาจะผลักนางลงเหว เขาก็ยังคงเป็นเช่นนี้เสมอเป็นชายที่ไร้ใจอำมหิตไม่ยอมปล่อยให้นางได้ทำตามความปรารถนานางกวาดสายตามองไปด้านหน้า เทือกเขาสูงชันแม้ท้องฟ้าจะไร้แสงอาทิตย์แต่นางยังคงมองเห็นทิวทัศน์ด้านล่างได้อย่างชัดเจน แต่ทว่าความทรงจำของอวิ๋นหลิงกลับจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าที่นี่มีความหมายต่อนางอย่างไร แล้วทำไมนางต้องเจ็บปวดด้วยเล่า“ข้าไม่เห็นอันใดแม้แต่น้อยเห็นแต่หุบเขา ท่านต้องการสิ่งใดกับข้ากันแน่ หากไม่ต้องการผลักข้าตกเหวแล้วสิ่งใดกันในที่นี่จะทำให้ข้าเจ็บปวด ” น้ำเสียงนิ่งเรียบตอบกลับอย่างไร้ความรู้สึก ทำให้อีกฝ่ายโมโหขึ้นทันตา เพราะสถานที่นี้คือที่ที่เขาเคยพานางเมื่อยามที่รักกันปานจะกลืนกินก่อนที