หลังจากจัดการไก่ในเล้าไปจนหมดบ้านรองก็ไม่จำเป็นต้องทนหิวอีกต่อไป แม้ยังเช้าอยู่เซี่ยจื่ออี้ก็ไม่ลืมตื่นมาอ่านตำรา ถึงจะขาพิการแต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยถอดใจ หวังวันหน้าจะสามารถรักษาขาและมีโอกาสเข้าสอบข้าราชการเป็นขุนนางทำคุณเพื่อแผ่นดิน
เซี่ยชิงหลีทำอาหารขึ้นโต๊ะเรียบร้อยแล้ว นางตักโจ๊กป้อนให้มารดา จากนั้นจะได้ทานยาที่หมอหลิวจัดเอาไว้ให้ ส่วนเด็กน้อยต่างวัยทั้งสองกำลังล้างหน้าอยู่ด้านข้างกระท่อม
ความสงบเงียบได้จากไปพลันเสียงอึกทึกก็เข้ามาแทนที่
ถังไม้ใบใหญ่ถูกขว้างตรงไปยังเซี่ยชิงเป่าที่ยืนรออาเหิงล้างหน้า ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเด็กน้อยไม่มีทางหลบได้ทันแน่ นางหลับตาเพื่อรอรับแรงกระแทก ก่อนตายหวังเพียงว่าถังไม้ใบนั้นจะไม่ทำให้ตนเองเจ็บปวดมากนัก
เซี่ยชิงเป่าอายุแปดขวบเตรียมใจที่จะจากโลกนี้ จากมารดา พี่ชาย พี่สาวแล้ว ทว่ารออยู่นานก็ไม่รู้สึกว่าตนเองเจ็บปวดตรงที่ใด เมื่อลืมตาขึ้นพบว่าอาเหิงใช้ร่างกายที่โตกว่าของตนขวางถังไม้ใบนั้นทำให้เด็กน้อยไม่ได้รับบาดเจ็บ ทว่าเป็นชายหนุ่มที่กระอักเลือดออกมา
“พี่อาเหิง!!”
เลือดสดๆ ของอาเหิงถูกพ่นลงบนหัวของเซี่ยชิงเป่า เมื่อเห็นเลือดมากมายขนาดนั้นภาพมารดาที่หายใจรวยรินก็ผุดขึ้นในหัว เด็กน้อยที่เคยเข้มแข็งมาโดยตลอด ชอบวางตัวเป็นผู้ใหญ่ทั้งที่อายุเพียงแปดปี บัดนี้ร้องไห้จ้าเสียงดังเพราะความกลัว
“เป่าเอ๋อ...ไม่เป็นไร อาเหิงไม่...เจ็บ”
ชายหนุ่มทรุดกายลงบนพื้นจากนั้นจึงหมดสติไป เซี่ยชิงหลีเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของน้องสาวก็รีบพุ่งออกจากกระท่อมทันที ภาพตรงหน้าทำให้นางสติขาดผึง
ในความคิดของนางเข้าใจว่าน้องสาวถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะเลือดที่อยู่บนกาย ยังมีอาเหิงที่บัดนี้นอนอยู่บนพื้นหมดสติไปแล้ว เซี่ยชิงหลีคว้าไม้คานหาบน้ำมากระชับมั่นในมือ นางพุ่งตัวเข้าหาชายฉกรรจ์สองคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
พี่ชายทั้งสองของจางซุนโหรวเคยทำงานอยู่ในสำนักคุ้มภัย พอมีวิชาการต่อสู้และกำลังภายในอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับเซี่ยชิงหลีแล้ววิชาการต่อสู้ของทั้งสองยังห่างชั้น แม้นางจะไม่มีกำลังภายในทว่าสายลับที่ถูกฝึกฝนร่างกายมานานปีมีหรือจะพ่ายแพ้ให้คนเหล่านี้
ไม้คานในมือหญิงสาวฟาดไปยังร่างหนาของแต่ละคนไม่ยั้ง ความเจ็บปวดที่ได้รับไม่ต่างจากถูกแซ่หนังเฆี่ยน ก่อนมาที่นี่พวกเขากระหยิ่มในใจรับเงินจากน้องสาวเพื่อทำงานง่าย ไม่คิดว่าจะชนเข้ากับตอ
เสียงร้องโหยหวนของชายฉกรรจ์ทั้งสองดังลั่นไปทั่วหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างแห่มาดูความสนุกไม่คิดว่าจะได้พบเหตุการณ์อันน่าสยดสยองเช่นนี้ ในภายหลัง การกระทำของเซี่ยชิงหลีในวันนี้จะถูกพูดถึงไปอีกนาน
ในขณะที่ทุบตีพี่ชายทั้งสองของจางซุนโหรว ดวงตาของหญิงสาวเริ่มแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ ราวกับสีของโลหิต
ท่าทางของนางไม่ต่างจากมัจจุราชที่ผุดขึ้นมาจากนรก การกระทำของหญิงสาวทำให้สามคนที่เฝ้าดูอยู่ไกลๆ อย่างแม่เฒ่าหวัง จางซุนโหรวและเซี่ยจื่อยวนขวัญผวา
ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปห้ามเพราะทุกคนต่างก็รักชีวิตของตน อาการของชายทั้งสองตอนนี้แทบจะทนการทุบตีของนางไม่ไหวแล้ว
“อ๊าก!! ขอร้อง!! แม่นางอย่าตีอีกเลย พวกเรายอมแล้ว ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว”
เสียงร้องของคนเหล่านั้นไม่ต่างจากเสียงของหมูยามถูกเชือด แม้จะดังก้องสะท้านไปทั่วหมู่บ้านทว่ากลับมิสามารถทำให้หญิงสาวหยุดมือ การทุบตียังคงดำเนินต่อไป กระทั่งร่างสูงคว้าแขนของนางเอาไว้ จากนั้นดึงเซี่ยชิงหลีเข้ามากอด
เป็นอีกครั้งที่อาเหิงสามารถทำให้นางสงบลงได้
“ภรรยา อย่าตีอีกเลย”
ดวงตาที่เคยแดงก่ำบัดนี้กลับมาเป็นปกติเช่นเดิม หญิงสาวแหงนหน้ามองร่างที่สูงกว่า พลันน้ำตาของนางได้ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ในชีวิตก่อน ตลอดชีวิตของหญิงสาวไม่เคยหลั่งน้ำตาอีกเลยหลังจากที่ถูกแม่แท้ๆ ทอดทิ้งให้อยู่กับพ่อเลี้ยง
บัดนี้เมื่อได้เห็นภาพของน้องสาวเลือดท่วมตัวทำให้นางสะเทือนใจจนไม่สามารถควบคุมตนเองได้
“เป่าเอ๋อ...น้องได้รับบาดเจ็บ”
เซี่ยชิงหลีเอ่ยน้ำเสียงสั่นเครือ หญิงสาวผละจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม เพื่อดูอาการของน้องเล็ก
“พี่รอง ท่านดูสิข้าไม่เป็นอะไรเลย เลือดพวกนี้เป็นของพี่อาเหิง”
ร่างบางเห็นว่าน้องสาวพูดความจริงจึงได้สงบลง ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หากนางไม่สงบลงคิดว่าชายสองคนนั้นจะต้องถูกตีจนตายคามือของนางแน่
“แก!! นางใบ้ แกพูดได้ตั้งแต่เมื่อใด”
หญิงสาวเพราะโมโหจึงลืมตัวพูดออกมา แต่เป็นเช่นนี้ก็ดี ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไปแล้ว เพราะเรื่องในวันนี้ทำให้นางหาสาเหตุพาครอบครัวไปจากที่นี่ได้โดยไม่ถูกครหา
แม่เฒ่าหวังที่ถูกสะใภ้ใหญ่พยุงเดินเข้ามาในลานหน้ากระท่อมชี้หน้าหญิงสาวด้วยความเดือดดาล จางซุนโหรวเห็นว่าเซี่ยชิงหลีเลิกมีอาการคลุ้มคลั่งจึงรีบพุ่งเข้าไปดูพี่ชายทั้งสองทันที
“พี่ใหญ่!!พี่รอง!! พวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
แม้ร่างกายจะไม่มีร่องรอยบาดแผลเหวอะหวะและไม่มีเลือดออก ทว่าทั้งตัวของพวกเขาต่างเขียวช้ำไม่เว้นแม้แต่ใบหน้า อาการบาดเจ็บภายในร้ายแรงกว่าที่เห็นภายนอก
บุรุษทั้งสองอยากจะตะโกนด่าทอน้องสาวที่ไม่ยอมบอกว่ามีนักสู้ที่แข็งแกร่งอยู่ที่นี่ ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากพวกเขาก็กระอักเลือดและหมดสติไป
“พี่ใหญ่!! พี่รอง!! หมอ!! เร็วเข้า…รีบตามหมอหลิวมาดูอาการของพี่ชายข้า”
“เซี่ยชิงหลี แกบอกมานะว่าแกพูดได้ตั้งแต่เมื่อใด”
แม่เฒ่าหวังยังไม่ยอมจบเรื่องง่ายๆ หญิงสาวผละจากน้องเล็กพลางเหลือบมองหญิงชราด้วยหางตา ท่าทางของนางเวลานี้ดูหยิ่งยโสจนทำให้คนเห็นแล้วอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้
“ข้าพูดได้หรือไม่เกี่ยวอันใดกับยายแกน่าตายเช่นท่าน”
น้ำเสียงเย็นเยียบถูกเปล่งออกจากริมฝีปากบาง แม่เฒ่าหวังกายสั่นเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กสาวตรงหน้าย่างสามขุมเข้าหาตน
“นางเด็กอกตัญญู กล้าเถียงคำไม่ตกฟาก นั่น!!...เจ้าคิดจะทำอะไร!! ถอยออกไปนะ!!”
“หุบปาก ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ให้คนไร้เหตุผลเช่นท่านมาโวยวาย”
หญิงสาวไม่สนใจแม่เฒ่าหวัง นางตะคอกหญิงชรา ก่อนจะเดินเข้าหาหัวหน้าหมู่บ้าน หญิงสาวคำนับชายชราตรงหน้าด้วยท่าทีอ่อนลง
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ทำให้ท่านต้องมาเห็นเรื่องน่าอายของบ้านเซี่ยแล้ว”
แม่เฒ่าหวังไม่คิดถอยเพียงเท่านี้ วันนี้จะต้องขับไล่เด็กสารเลวออกจากตระกูลเซี่ยของนางให้ได้ หากไม่มีบ้านเซี่ยแล้ว อยากจะรู้ว่าพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้านพวกท่านดูสิ ท่านดูเด็กสารเลวคนนี้ มีที่ไหนผู้น้อยด่าผู้อาวุโสไม่เห็นหัวกันเช่นนี้ ท่านจะต้องขับไล่มันออกจากหมู่บ้านของเรา ไม่อย่างนั้นหากเด็กๆ ในหมู่บ้านเอาเยี่ยงอย่าง บรรพบุรุษที่อยู่ในหลุมคงได้ตายตาไม่หลับ”
ชายชุดดำกระชากสาบเสื้อของหมอวัยกลางคนจนหลุดลุ่ย เวลานั้นเองเซี่ยชิงหลีได้เอ่ยแทรกขึ้น“นี่!...ให้ข้าลองดูได้หรือไม่”“เจ้าเป็นใคร!”ชายชุดดำหันขวับมาที่นางทันที สายตาที่จับจ้องมานั้นราวกับจะสังหารคนเสียให้ได้“ข้าคือคนที่ผ่านทางมาและพอรู้วิชาแพทย์อยู่บ้าง”หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“แม่นาง...เจ้าอย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเลย ไม่เห็นหรือว่าเขาตายไปแล้ว ถ้าหากเจ้าช่วยคนผู้นี้ไม่ได้เจ้าอาจต้องตาย เห็นหรือไม่เขามีอาวุธ”ชาวบ้านที่เข้ามามุงดูช่วยเอ่ยทัดทานหญิงสาว“ข้ารู้...”แม้จะรู้เช่นนั้น เซี่ยชิงหลีก็ไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมา ช่างผิดวิสัยของคนปกตินักหญิงสาวใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าของคนผู้นั้น นางพลันจดจำได้ทันที เขาคือชายชราที่อยู่กับอาจารย์ใหญ่จ้าว เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่นี่ ชายชุดดำเห็นสายตาของหญิงสาวดูเปลี่ยนไปเหมือนกับนางเคยรู้จักนายท่านของตนมาก่อน เขาทำท่าชักกระบี่ทว่าคนที่มาด้วยห้ามเอาไว้“เจ้าคนหนึ่งมานี่ ทำตามที่ข้าบอก”เซี่ยชิงหลีจัดท่าให้ชายชรานอนหงายแล้วเปิดทางหายใจให้โล่ง ด้วยการกดหน้าผากและยกขากรรไกรล่างขึ้น จากนั้นสั่งให้ชายชุดดำผายปอดให้ชายชราตามวิธีการของนางผู
“เนื้อกวางหรือ หอหว่านหรงของเรารับซื้อทว่าเห็ดป่านั้น...เจ้าให้ข้าดูก่อนได้หรือไม่”ชายหนุ่มมีท่าทีลังเล เซี่ยชิงหลีพอเข้าใจเพราะก่อนหน้านี้คนบ้านหลี่ก็แสดงสีหน้าไม่ต่างกัน ไม่ใช่เห็ดทุกชนิดที่จะสามารถกินได้“ได้แน่นอนเจ้าค่ะ”หญิงสาวเปิดผ้าคลุมตะกร้าออก เห็ดสนที่ถูกล้างอย่างดีวางเรียงภายในตะกร้าอย่างเรียบร้อย ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดมพบว่ามันส่งกลิ่นหอมชวนให้นึกถึงป่าเขียวชื้นในยามเช้า มันไม่ใช่กลิ่นหอมหวานฉุนหรือสดใสเหมือนดอกไม้ หากแต่เป็นกลิ่นหอมที่อบอุ่น ลุ่มลึก และเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว“นี่คือเห็ดอะไรหรือ”“สิ่งนี้คือเห็ดสนเจ้าค่ะ ชาวบ้านอย่างเราใช้ปรุงอาหารสามารถทำได้หลายอย่าง หากผู้ดูแลวางใจข้าจะลองทำให้ทานสักสองสามอย่าง”ชายหนุ่มครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นจึงพยักหน้าอนุญาต“ได้...เช่นนั้นเจ้าตามเขาเข้าไปในครัว”เซี่ยชิงหลีเดินตามเสี่ยวเอ้อเข้าไปด้านหลังร้าน ที่นั่นมีพ่อครัวอยู่สี่ห้าคนกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร เพียงหญิงสาวก้าวเข้าไปทุกอย่างก็หยุดชะงักลง“ต่อเลยเจ้าค่ะ ต่อเลย ไม่ต้องสนใจข้า ข้าเพียงแวะมาชั่วคราวเท่านั้น”หญิงสาวคำนับให้เหล่าพ่อครัว จากนั้นเริ่มทำอาหารของตนเมื่อ
เพราะการแต่งกายที่ดูซอมซ่อของทั้งสาม ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าหอกุ้ยเซียงก็ถูกไล่ตะเพิดออกมา เซี่ยชิงหลีแอบสบถในใจ วันหน้านางสัญญาว่าจะทำให้ที่นี่เจ๊งไม่เป็นท่าหลังจากออกจากหอกุ้ยเซียงทั้งสามก็ตรงไปเหลาอาหารและสุราที่ชื่อหว่านหรง ซึ่งชาวอำเภอหลิงหนานต่างรู้ดีว่าสองร้านนี้เป็นคู่แข่งกันมาช้านาน ทว่าหอกุ้ยเซียงนั้นมีทั้งหญิงสาวงดงามที่คอยให้บริการและยังมีกวีนักเล่าเรื่องมาคอยเล่านิทานให้เหล่าลูกค้าได้เพลิดเพลิน ทำให้หอหว่านหรงต้องตกเป็นรอง“เจ้ามาทำอะไรที่นี่!”ยังไม่ทันจากไปหญิงสาวก็ถูกขวางทางโดยคนที่เกลียดขี้หน้าที่สุด เซี่ยจิ่งเฉิง ที่พึงออกจากหอกุ้ยเซียงเดินโซเซตรงมายังนาง เมื่อได้พบคนที่ไม่ชอบหน้าหญิงสาวมีหรือจะยอมพูดดีด้วย“เกี่ยวอันใดกับเจ้า”“ก็เพราะ...ขะ...ข้าคือพี่ชายของเจ้า! เอ๊ะ!เหตุใดเจ้าพูดได้!...แล้วช่างเถอะ...เหตุใดจะไม่เกี่ยวกับข้า บอกมาว่าเจ้ามาทำอะไรที่อำเภอหลิงหนาน”เซี่ยจิ่งเฉิงคิดคว้าแขนหญิงสาวมาซักถามให้รู้เรื่อง ทว่านางกลับหมุนตัวหลบทำให้เขาเสียจังหวะล้มคว่ำไป“เจ้า!..”เมื่อถูกนางทำให้ต้องได้รับความอับอายบวกกับฤทธิ์สุราทำให้เขาลืมไปแล้วว่าก่อนหน้าหญิงสาวเคยทำอะไรเอ
ชายหนุ่มก้มตัวลงแตะริมฝีปากลงบนแก้มนวลแผ่วเบา ก่อนจะยิ้มกว้างและหัวเราะด้วยความดีใจ“เย้! อาเหิงได้รับรางวัลแล้ว”ทุกคนที่ยืนอยู่ในที่นั้นต่างมองการกระทำของเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง อาเหิงแม้จะดูใสซื่อและบริสุทธิ์ทว่ากลับทำให้คนกำหมัดอยากจะชกหน้าสักครั้งร่างบางถูกฉวยโอกาสโดยไม่ทันตั้งตัว ดวงตางามเบิกโพลงเล็กน้อย ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีราวกับเลือดทั้งหมดพุ่งตรงขึ้นมาที่พวงแก้มในเสี้ยวอึดใจ หัวใจของนางเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา“อ๊ะ…!”เซี่ยชิงหลีหันขวับไปมองร่างสูง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจปนเขินอาย ริมฝีปากบางขยับเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่างทว่าไม่มีคำใดหลุดออกเลยนอกจากเสียงพึมพำในลำคอ มือข้างหนึ่งยกขึ้นแตะแก้มของตนแผ่วเบา ราวกับยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเรื่องจริง… หรือฝันไป“ภรรยา เจ้าเป็นอะไรหรือ”ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาวด้วยดวงตาใสซื่อ“ขะ...ข้า พวกเรากลับกันได้แล้ว”ร่างบางรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาล้อเลียนของทุกคนภายหลังเมื่อคนตระกูลหลี่กลับมายังหมู่บ้าน ข่าวที่บ้านหลี่ล่ากวางตัวใหญ่ได้ก็ถูกลือกระฉ่อนในชั่วพริบตา เซี่ยชิงหลีคือเพชฌฆาตคนนั้น ทุกคนจึงรอฟั
“หลีเอ๋อ เจ้าจะบอกว่าตนเองรู้เรื่องสมุนไพรหรือ”“ใช่สิเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ข้าได้ไหว้หมอพเนจรท่านหนึ่งเป็นอาจารย์ กระทั่งตอนนี้ที่พูดได้ก็ไม่ใช่ฝีมือของอาจารย์ข้าหรือ”ชายชราหันมายิ้มกับหลานสาวผู้โชคดีของตน“ดี! ดีจริงๆ ไม่คิดว่าในความโชคร้ายของพวกเจ้าจะยังมีเรื่องดีๆ อยู่ด้วย นี่ท่านแม่ของเจ้ารู้เรื่องนี้หรือยัง”“อืม...ท่านแม่ของข้าจะรู้หรือไม่นั้น...บาดแผลของนางข้าก็เป็นคนรักษา อีกอย่างข้ายังคิดว่าจะใช้ความรู้ของตนพัฒนาเป็นอาชีพ ต่อไปครอบครัวของเราจะต้องร่ำรวยไปด้วยกัน”สองตาหลานเดินพูดคุยอย่างเพลิดเพลิน หูที่ได้รับการฝึกฝนของเซี่ยชิงหลีพลันได้ยินความเคลื่อนบางอย่างที่อยู่ห่างออกไป“ท่านตา!...รอสักครู่”หญิงสาวเปลี่ยนจากท่าทางที่ดูขี้เล่นเป็นจริงจังในทันที ร่างบางย่องตามเสียงนั้นไปเมื่อพ้นเขตป่าสมุนไพรกลายเป็นลานทุ่งกว้าง ที่นั่นมีสัตว์ป่ามากมายกำลังเล็มหญ้าอย่างเพลิดเพลินทันใดนั้นกวางหนุ่มตัวเขื่องค่อยๆ ก้าวเดินออกมาจากแนวพุ่มไม้มันเดินทอดน่องอย่างเชื่องช้า ด้วยจังหวะที่สงบและเปี่ยมด้วยความมั่นใจ จมูกของมันก้มลงเล็มยอดหญ้าอ่อนสีเขียวสดอย่างละเมียดละไม ทว่าทุกอิริยาบถเต็มไปด้วยความร
หลี่หมิงเจ๋อบุตรชายคนเล็กของลุงรองที่กำลังจะแต่งงานในปีหน้าถามหญิงสาวด้วยท่าทางสงสัย อาหารขึ้นโต๊ะวันนี้มีมากกว่าอาหารที่กินในวันปีใหม่เสียอีก แต่ส่วนใหญ่ทำจากเห็ดที่นางเก็บมาวันนี้“ทานได้แน่นอน ข้าจะทานให้ท่านดู...”หญิงสาวใช้ตะเกียบคีบเห็ดเข้าปาก“เห็ดเหล่านี้ล้วนเป็นเห็ดที่ขึ้นเฉพาะที่ที่มีต้นสนขึ้น มันเรียกว่าเห็ดสน นี่คือเห็ดสนผัดน้ำมัน ส่วนนี่เห็ดสนผัดไข่ นี่คือเห็ดสนผัดรวมมิตรเนื้อหมูป่า เห็ดสนคั่วพริกเกลือและเห็ดสนย่างราดน้ำจิ้มที่ข้าทำเอง และรายการอาหารเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นข้าคิดขึ้นมา”วันนี้เก็บเห็ดสนได้สองตะกร้าใหญ่ โชคดีที่ชาวบ้านสนใจหมูป่าจึงไม่มีใครตามมาดูว่าในตะกร้าของพวกเขามีอะไรบ้างแม้หญิงสาวจะเอ่ยเช่นนั้นทว่าคนบ้านหลี่ก็ไม่มีใครกล้าลงมือทาน มีเพียง อาเหิง เซี่ยจื่ออี้ และเซี่ยชิงเป่าที่ทานอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งยังชมฝีมือการทำอาหารของหญิงสาวไม่หยุดปาก“น่าจะทานได้ไม่มีพิษกระมัง ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ต้องมีอาการแล้ว”ตู้เฟิงอิงหันไปเอ่ยกับสามี“ข้าจะเป็นคนเสียสละทดลองเอง”หลี่เยว่หยางน้องชายของหลี่เยว่สิงลูกชายคนเล็กของบ้านใหญ่ ปีนี้อายุสิบหกอยู่ในวัยที่ใกล้เคียงกับเ