ณ ตอนนี้ เซี่ยชิงหลีกำลังยืนอยู่หน้าหม้อต้มสมุนไพรใบใหญ่ กลิ่นใบมะกรูดแห้งผสมกับกลิ่นหอมอ่อนของกลีบดอกบัวที่กำลังเคี่ยวเข้ากันลอยคลุ้งอบอวลไปทั่วลานด้านหลังเรือน
มือเรียวของหญิงสาวคนไปอย่างต่อเนื่องด้วยไม้พาย ในขณะที่เหงื่อผุดซึมบนหน้าผากอย่างไม่อาจเลี่ยง
ผ่านไปแล้วหลายวัน...
ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ นางทดลองผสมอัตราส่วนใหม่ ลองอุณหภูมิที่ต่างกัน ทดลองการตาก การกวน การแยกชั้นของน้ำมันกับสมุนไพร
ทุกครั้งที่ล้มเหลว สบู่จับตัวไม่ขึ้นหรือแชมพูกลายเป็นน้ำเหนียวข้นกลิ่นเหม็นเปรี้ยวนางก็ต้องเริ่มใหม่...ตั้งแต่ต้น
ยามตะวันบ่ายคล้อย สายลมเอื่อยพัดชายแขนเสื้อที่เลอะเปื้อนของนางอย่างแผ่วเบา เซี่ยชิงหลีค่อยๆ วางไม้พายลงพลางถอนหายใจเงียบๆ และทรุดตัวนั่งพิงข้างถังน้ำอย่างเหนื่อยล้า
สายตาของนางทอดมองสบู่ก้อนเล็กๆ ที่พอใช้การได้ก้อนแรกในรอบหลายวัน กลิ่นหอมของมันยังอ่อนนัก รูปทรงไม่สวย เนื้อไม่เนียน
แต่มัน...สามารถชำระล้างได้จริง
“ทำไมกันนะ…”
ร่างบางพึมพำกับตนเองเบาๆ เสียงนั้นแฝงไว้ทั้งความเหนื่อยล้าและเศร้าสร้อย
“คนอื่นพอเกิดใหม่ก็มีกระบี่เทพติดมือ มีพลังปราณฟ้าฟาด ฝึกแค่ไม่กี่วันก็กวาดล้างทั้งตระกูลศัตรู…แต่ข้า...มีแค่ความจำกับสองมือเปล่า”
นางหัวเราะในลำคอ พลางเหน็บแนมตนเองเบาๆ
“ทำไมข้าถึงไม่มีมิติ ไม่มีพลัง ไม่มีระบบ ไม่มีครูเทพตกลงมาจากฟ้าสอนสั่ง…มีแค่หม้อต้มกับฝีมือต้มยา กลิ่นสมุนไพร และความพยายามอันไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อใด”
แม้นางจะประชดประชันตนเองเช่นนั้น ทว่าดวงตาของเซี่ยชิงหลียังคงเปล่งประกาย เพราะแม้จะไม่มีพลัง ไม่มีอาวุธ ไม่มีวรยุทธ์อันใด นางก็สร้างของบางอย่างที่ไม่มีใครในยุคนี้ทำได้ สร้างด้วยสติปัญญา ความรู้ และมือที่เปื้อนเหงื่อของตนเอง
และนั่น…อาจจะไม่หรูหราเหมือนพลังเหนือโลก แต่สำหรับนางมันคือสิ่งที่มั่นคงและแท้จริงที่สุด เซี่ยชิงหลีลุกขึ้นอีกครั้งคว้าไม้พายในมือ
“ดี...ถ้าไม่มีพลัง ข้าก็จะสร้างมันด้วยสองมือนี่แหละ ข้าจะเปลี่ยนแผ่นดินนี้ ด้วยสบู่ กับแชมพูและหัวใจของข้าเอง”
หญิงสาวพึมพำกับตนเองเบาๆ ร่างสูงโปร่งที่เฝ้ามองภรรยาพยายามทำบางสิ่งที่ไม่มีใครเข้าใจด้วยสายตาสงสาร เขาก้าวเข้ามาด้านหลังยึดไม้พายไปจากหญิงสาวไป
ร่างบางเหลือบมองชายหนุ่มด้วยสายตาเหนื่อยล้า
“อาเหิง...เด็กดี เจ้าออกไปเล่นที่อื่นก่อนดีหรือไม่ ตอนนี้ข้ากำลังยุ่งอยู่ เอาไว้ว่างเมื่อใดข้าจะไปเล่นกับเจ้า เป่าเอ๋อ!!...พาอาเหิงไปเล่นข้างนอก ที่นี่อันตราย”
“ไม่เอา อาเหิงจะอยู่ที่นี่กับภรรยา”
เซี่ยชิงหลียิ้มอ่อนกับท่าทางดื้อดึงของชายหนุ่ม ทว่าก็ไม่ได้ดุด่าเขา สายตาเหนื่อยล้ายังคงมองไปยังบุรุษตรงหน้าอย่างเปล่งประกายไม่เคยเปลี่ยน
“ได้ๆ ...เช่นนั้นอาเหิงต้องทำตามที่ข้าสั่งรู้หรือไม่”
“เย้ ภรรยาดีที่สุด”
สายตาหลายคู่เฝ้ามองการกระทำของสองสามีภรรยาอยู่ห่างๆ แม้คนตระกูลหลี่จะกังวลว่าหญิงสาวอาจล้มป่วยจากการหักโหมทำงานหนัก ทว่าเซี่ยชิงหลีเป็นคนดื้อรั้น หากนางไม่ประสบความสำเร็จก็จะไม่ยอมหยุดมือ
หลังจากอาเหิงได้กลายมาเป็นลูกมือประจำตัวของเซี่ยชิงหลีอย่างเป็นทางการ แม้ว่าเขาจะยังคงมีนิสัยร่าเริงไร้เดียงสาดั่งเด็กห้าขวบ
ทว่ากลับเป็นลูกมือที่ไม่เคยบ่น ไม่เคยเกียจคร้าน แถมยังอดทนและใส่ใจในรายละเอียดที่นางสอนให้แบบไม่มีขาดตกบกพร่อง“ภรรยา~ อาเหิงต้องคนจนสบู่ขึ้นฟอง ต้องกวนแบบวนกลมๆ ใช่ไหม”
“ใช่แล้ว เจ้าจำเก่งขึ้นทุกวันเลยนี่นา”
เสียงพูดคุยสลับกับเสียงกวนสบู่ที่เดือดอยู่ในหม้อใหญ่ดังแว่วออกมาจากเรือนหลี่แทบทุกวัน ยามเช้านั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนของมะกรูดและกลีบดอกไม้ที่อบแห้ง ยามบ่ายก็จะได้กลิ่นสะอาดหอมเย็นของน้ำมันงาผสมขี้เถ้าไม้ไผ่ที่ค่อยๆ กลายเป็นเนื้อสบู่กึ่งแข็งกึ่งเหลว
เซี่ยชิงหลีเองก็เริ่มยิ้มได้มากขึ้นในแต่ละวัน การทดลองที่เคยล้มเหลวหลายสิบครั้ง...ทว่าครั้งนี้กลับประสบความสำเร็จอย่างราบรื่นจนน่าประหลาดใจ
อาเหิงไม่เพียงช่วยในงานแรงมือ เขายังมีความคิดบางอย่างที่ดูเหมือนไร้เดียงสา แต่กลับเป็นประโยชน์อย่างน่าอัศจรรย์
เช่น
“ภรรยาๆ! ข้าลองใส่ดอกไม้ลงไปในแม่พิมพ์สบู่แบบที่ท่านแม่เคยทำขนม ข้ามีลายดอกไม้ด้วย~!”
เซี่ยชิงหลีที่เดินกลับเข้ามาเห็นเข้า ถึงกับชะงัก สบู่ก้อนเล็กๆ มีลายกลีบดอกวาง อยู่ตรงกลางพอดิบพอดี นางเผลอยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“เจ้าทำดีมาก อาเหิง…”
วันนั้นเป็นวันที่พวกเขาตัดสบู่ได้เกือบห้าสิบก้อน มีทั้งขนาดสำหรับใช้งานทั่วไป และขนาดเล็กจิ๋วสำหรับเป็นของฝากชาวเมือง
กลิ่นหอมละมุนติดผิวยาวนาน ผิวสัมผัสลื่น และเนื้อสบู่ไม่ละลายง่ายด้านแชมพูสมุนไพรนั้นก็ได้สัดส่วนลงตัวเช่นกัน เมื่อนำมาลองใช้กับเส้นผมของนางและเซี่ยชิงเป่า พบว่าผมไม่พันกันแถมยังมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นใบไม้หลังฝนตก
“สำเร็จแล้ว…”
เซี่ยชิงหลีพึมพำเบาๆ พลางวางมือที่ยังเปื้อนฟองลงบนขอบโต๊ะ
แววตาเปล่งประกายเป็นครั้งแรกหลังจากหลายวันของความเหนื่อยล้า อาเหิงที่ยืนข้างๆ แม้ไม่เข้าใจทั้งหมด แต่กลับยิ้มกว้างเพราะได้เห็นใบหน้าของนางกลับมามีความสุขอีกครั้ง“ภรรยาทำของหอมได้แล้ว~! อย่างนี้พวกคนในเมืองต้องอยากใช้แน่เลย!”
เซี่ยชิงหลีหันไปมองเขาพลางหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นลูบเส้นผมของชายหนุ่มที่เปื้อนฟองสบู่
“ใช่…เพราะเจ้า ข้าถึงทำสำเร็จได้เร็วขึ้น เจ้าคือมือขวาที่ดีที่สุดของข้าเลยนะ อาเหิง”
ในยามนั้น แม้ไม่มีพลังวิเศษ ไม่มีโชคชะตาฟ้าลิขิต แต่นางก็ได้ลิ้มรสความสำเร็จที่เกิดจากสองมือของตนเอง และหัวใจที่มีคนจริงใจคอยอยู่ข้างเคียง
หลังจากสร้างวัตถุดิบสำหรับขายเรียบร้อยแล้ว ต่อมาสิ่งที่ทำให้คนต้องการซื้อคือบรรจุภัณฑ์ ยุคนี้สิ่งแปลกใหม่มักเป็นที่ตื่นตาตื่นใจ
เห็นทีคงต้องไปเยือนร้านเครื่องปั้นดินเผาสักครั้งแสงแดดยามสายส่องลอดผ่านพุ่มไม้ริมทาง ถนนลูกรังทอดยาวสู่ตำบลเหอสุ่ยซึ่งตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้านสือโถวไปราวสิบลี้ แม้จะไม่ใช่เส้นทางหลักแต่ก็เป็นที่รู้กันว่าตำบลแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องปั้นดินเผา ที่มีฝีมือประณีตที่สุดในละแวกสิบลี้แปดตำบล
วันนี้เซี่ยชิงหลีเดินทางมาพร้อมกับอาเหิงที่ตอนนี้กลายเป็นเงาติดตามนางทุกย่างก้าว และเซี่ยชิงเป่าน้องสาวจอมซนผู้มักอาสาตนเองไปทุกเรื่องที่ได้เดินทางไกล
“พี่รอง ถ้าพวกเขาทำเครื่องปั้นได้สวย ข้าจะสั่งให้ปั้นเป็นหน้าพี่อาเหิงแล้วเอามาทุบเล่น!”
“ปั้นหน้าเจ้าน่ะสิ!!”
ในเช้าตรู่ของวันหนึ่ง หลังจากหอหว่านหรงสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง ถึงเวลาที่หญิงสาวต้องกลับบ้านเสียที รถม้าสีเทาเรียบหรูคันหนึ่งแล่นออกจากตัวเมืองหลิงหนาน มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบใต้เงาภูเขาเขียวภายในรถม้า เซี่ยชิงหลีนั่งเงียบๆ มือถือกล่องไม้เล็กใส่ของฝากจากในเมือง ข้างกายนางคือมู่หรงหนานเฟิงผู้เงียบไม่แพ้กัน ทว่าแววตากลับอ่อนลงกว่าเมื่อเดือนก่อน“เจ้าแน่ใจหรือว่าเขายังอยากพบข้า”ชายหนุ่มถามเสียงเบา ขณะทอดสายตามองออกไปยังทิวทุ่งข้าวเขียวขจีที่ทอดยาว เซี่ยชิงหลีเหลือบมองเขาดวงตานิ่งสงบ แต่แฝงแววล้อเลียนเล็กน้อย“พี่ชายข้า...อาจไม่พูดออกมาตรงๆ แต่ท่านเองก็ควรรู้ว่าเขาเฝ้ามองข่าวจากหอหว่านหรงทุกคืน”หลังจากได้ร่วมงานกัน หญิงสาวจึงได้รู้ว่ามู่หรงหนานเฟิงใส่ใจพี่ชายของนางไม่น้อย ทว่าสิ่งที่ทั้งสองรู้สึกไม่อาจเอ่ยปากได้โดยง่าย เพียงเพราะเพศเดียวกันจึงไม่สามารถครองคู่หญิงสาวยกยิ้มบางเบาเมื่อยามนึกถึงสิ่งที่พี่ชายของตนกระทำ“ข้าเคยเห็นเขาอ่านแผนการที่ข้าเขียนในกระดาษซ้ำหลายครั้งในทุกคืน เพียงเพราะบนกระดาษแผ่นนั้นมีชื่อของท่านอยู่”มู่หรงหนานเฟิงยิ้มบางๆ ลมหายใจในอกพลันอบอุ่น
เซี่ยชิงหลีนั่งลงบนม้านั่งไม้ริมหน้าต่าง แขนขวาของนางมีรอยแดงช้ำตรงปลายข้อศอกถลอกเล็กน้อยจากแรงปะทะ มู่หรงหนานเฟิงนั่งตรงข้าม มือของเขาถือผ้าผืนเล็กกับน้ำสะอาดเตรียมล้างแผลให้ตนเองแววตาของเขาในตอนนี้…ว่างเปล่าเสียจนชวนให้นางรู้สึกหนักอึ้งในอก เขากำลังคิดอะไรอยู่…ไม่ต้องเดาก็รู้ดวงตาคู่นั้นไม่มีเป้าหมาย ไม่มีไฟ ไม่มีแม้แต่ความเคียดแค้น มันคือแววตาของคนที่หมดแรงเดินต่อแม้จะยังยืนอยู่ เซี่ยชิงหลีมองเขาเงียบๆ ปล่อยให้เสียงเช็ดแผลเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ดังอยู่ในห้องนั้นภาพชายหนุ่มตรงหน้าแตกต่างจากตอนที่นางพบเขาครั้งแรกโดยสิ้นเชิง ตอนนั้นเขาคือเจ้าของหอสุราที่สง่างาม สุขุม และแฝงแรงใจเข้มแข็งในแววตา ทว่าวันนี้…เขาไม่ต่างจากคนที่ถูกบีบจนไม่เหลือทางเดิน“มีบ้านก็กลับไม่ได้ มีตระกูลแต่ไร้ที่ยืน”หากเขายังจมอยู่กับความสิ้นหวังเช่นนี้...เขาอาจจะไม่ใช่คู่ค้าที่นางพึ่งพาได้ในวันหน้า“คุณชายมู่หรง”เซี่ยชิงหลีเอ่ยเสียงเบา“ข้าไม่ใช่คนดีมากพอจะให้คำปลอบใจอันเลิศหรู แต่ในโลกแห่งการค้า หากเจ้าหยุดเดินเพียงเพราะเส้นทางข้างหน้ามีคนขวาง…เจ้าจะไม่มีวันไปถึงจุดที่เขาไม่กล้าตามไปเหยียบ”มู่หรงหนานเฟิงเงยหน
อาเหิงเอ่ยอย่างเคืองๆ เซี่ยชิงหลีมองคนต่างวัยทั้งสองที่ไม่ต่างจากเพื่อนในวัยเดียวกันแล้วอดหัวเราะไม่ได้เมื่อถึงร้านเครื่องปั้นดินเผาต้าเหอยิ่น ร้านเก่าแก่ที่มีโรงเผาอยู่ด้านหลัง เซี่ยชิงหลีก็ยื่นกระดาษแบบร่างให้กับเถ้าแก่ผู้เป็นเจ้าของกิจการชายวัยกลางคนผู้มีหนวดเคราสีดำน้ำตาล คิ้วเข้มท่าทางค่อนข้างดุร้าย แต่พอเห็นกระดาษที่หญิงสาวยื่นให้ สีหน้ากลับแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังในทันทีแบบที่นางส่งให้ไม่ใช่ไหดินเผาทั่วไป หากแต่เป็นบรรจุภัณฑ์รูปทรงกลมเตี้ย ฝาปิดแน่น ขนาดพอเหมาะสำหรับบรรจุสบู่ แชมพู หรือแป้งสมุนไพร ผิวภายนอกขอให้เผาแบบไม่เคลือบเพื่อให้มีผิวสัมผัสธรรมชาติ แต่ขอฝังตราประทับรูปดอกเหมย ที่มุมหนึ่งของฝาเพื่อเป็นเอกลักษณ์“แบบนี้...ไม่เคยมีใครสั่งมาก่อน แต่ข้าชอบความคิดเจ้านะ ดูเรียบง่ายแต่มีจุดเด่น”เซี่ยชิงหลีประสานมือคำนับ“ข้าขอสั่งทำชุดแรก หนึ่งพันใบก่อนเจ้าค่ะ เพื่อดูทิศทางตลาดหากผลตอบรับออกมาดีข้าอยากร่วมมือกับร้านท่านเป็นคู่ค้าถาวร รับรองข้าจะไม่หันไปหาที่อื่นแน่นอน”เถ้าแก่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้าช้า ๆ“หนึ่งพันใบข้าจัดให้ได้ ภายในสิบห้าวัน แต่ขอให้เจ้ามารับด้วยต
ณ ตอนนี้ เซี่ยชิงหลีกำลังยืนอยู่หน้าหม้อต้มสมุนไพรใบใหญ่ กลิ่นใบมะกรูดแห้งผสมกับกลิ่นหอมอ่อนของกลีบดอกบัวที่กำลังเคี่ยวเข้ากันลอยคลุ้งอบอวลไปทั่วลานด้านหลังเรือนมือเรียวของหญิงสาวคนไปอย่างต่อเนื่องด้วยไม้พาย ในขณะที่เหงื่อผุดซึมบนหน้าผากอย่างไม่อาจเลี่ยงผ่านไปแล้วหลายวัน...ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ นางทดลองผสมอัตราส่วนใหม่ ลองอุณหภูมิที่ต่างกัน ทดลองการตาก การกวน การแยกชั้นของน้ำมันกับสมุนไพรทุกครั้งที่ล้มเหลว สบู่จับตัวไม่ขึ้นหรือแชมพูกลายเป็นน้ำเหนียวข้นกลิ่นเหม็นเปรี้ยวนางก็ต้องเริ่มใหม่...ตั้งแต่ต้นยามตะวันบ่ายคล้อย สายลมเอื่อยพัดชายแขนเสื้อที่เลอะเปื้อนของนางอย่างแผ่วเบา เซี่ยชิงหลีค่อยๆ วางไม้พายลงพลางถอนหายใจเงียบๆ และทรุดตัวนั่งพิงข้างถังน้ำอย่างเหนื่อยล้าสายตาของนางทอดมองสบู่ก้อนเล็กๆ ที่พอใช้การได้ก้อนแรกในรอบหลายวัน กลิ่นหอมของมันยังอ่อนนัก รูปทรงไม่สวย เนื้อไม่เนียนแต่มัน...สามารถชำระล้างได้จริง“ทำไมกันนะ…”ร่างบางพึมพำกับตนเองเบาๆ เสียงนั้นแฝงไว้ทั้งความเหนื่อยล้าและเศร้าสร้อย“คนอื่นพอเกิดใหม่ก็มีกระบี่เทพติดมือ มีพลังปราณฟ้าฟาด ฝึกแค่ไม่กี่วันก็กวาดล้างทั้งตระกูลศัตรู…
คำพูดนั้นทำให้หลายคนเบิกตากว้าง จินละห้าร้อยเหวิน ไม่ใช่จำนวนเล็กๆ สำหรับชาวบ้านเลย“หลีเอ๋อ...แล้วพวกเราล่ะ”“เวลาว่างของทุกคน…ข้าอยากให้มาเรียนรู้วิธีบดสมุนไพรเตรียมวัตถุดิบไว้สำหรับการทำยาสีฟันชุดใหญ่ เราจะเริ่มขายที่อำเภอหลิงหนานก่อน”ทุกคนเริ่มมองหน้ากันด้วยความตื่นเต้น ต่างมองเห็นแววความหวังที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันกำลังเริ่มเปล่งประกายในดวงตาของพวกเขา หญิงสาวหันไปมองฟ้ากว้างพลางวางหมากต่อในใจ“และแน่นอน...หากจะส่งขายในเมืองหลิงหนาน ข้าคงต้องขอความร่วมมือจากคนผู้นั้น มู่หรงหนานเฟิง เจ้าของหอหว่านหรงที่ตระกูลหลี่ของเราเคยร่วมมือทำการค้า”เมื่อได้ยินชื่อของมู่หรงหนานเฟิง เซี่ยจื่ออี้ก็นิ่งไปทันที“หลีเอ๋อ น้องทำการค้ากับคุณชายมู่หรงหรือ”เซี่ยชิงหลีหัวเราะน้อยๆ นางลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้มู่หรงหนานเฟิงเคยบอกว่ารู้จักกับพี่ชายของนาง ตัวนางเองหลังจากกลับมาจากอำเภอหลิงหนานก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท“พี่ใหญ่ข้ายังไม่ได้บอกท่านใช่หรือไม่ มู่หรงหนานเฟิงบอกว่าจะมาเยี่ยมท่านที่นี่ คิดว่าหลังจากกลับมาที่เรือนจะบอกท่านแต่ข้ากลับลืมไปเสียได้”เมื่อได้ยินน้องสาวบอกว่ามู่หรงหนานเฟิงเอ่ยถึงตนทั้งยัง
บัดนี้เซี่ยชิงหลีมองชายชราในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมเพียงเพราะเขาเอ่ยปากชมสามีของนาง“ท่านจะเข้ามาดื่มชาในเรือนก่อนหรือไม่”“ไม่เป็นไรข้ายังมีธุระต่อ ที่มาวันนี้เพียงต้องการมาขอบคุณเจ้าอย่างจริงใจสักครั้งเท่านั้น อีกอย่างข้าอยากให้เจ้ารับสิ่งของเหล่านี้จากข้า ถือเสียว่าเป็นของขวัญสำหรับงานแต่งของเจ้าสองคน”คำพูดนั้นราวกับมีระเบิดถูกปามาที่นาง เสียงบึ้มดังขึ้นในหัวพลันใบหน้าของหญิงสาวเห่อร้อนและแดงก่ำอย่างห้ามไม่อยู่ ชายชรามองหลานสะใภ้ตัวน้อยด้วยสีหน้าชอบใจ นานแล้วที่ตนไม่ได้เอ่ยเล่นหัวกับลูกหลานหากวันหน้าหลานชายผู้นี้ไม่มีทางหายดี แต่เขาได้แต่งงานกับหญิงสาวที่ดีเช่นนั้นตนก็วางใจ เซี่ยชิงหลีมองหีบไม้มากมายตรงหน้า นางตัดสินใจเพียงชั่วอึดใจก่อนพยักหน้ารับ“เช่นนั้นข้าจะขอรับเอาไว้ ขอบคุณท่านเจ้าค่ะ”“ท่านอันใดกัน ต่อไปเจ้าเรียกข้าว่าท่านปู่เมิ่งก็พอ”ชายชรากลับขึ้นรถม้าไปด้วยสีหน้าอิ่มเอม ในที่สุดภาระที่เคยหนักอึ้งในหลายเดือนนี้ก็ได้ถูกวางลงแล้วต่อไปก็จัดการตัวต้นเรื่องที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ขึ้น ชายชราตัดสินใจกลับเมืองหลวงเพื่อจัดการกับคนที่เป็นสาเหตุให้หลานชายของตนต้องกลายเป็นค