ช่วงเช้าของวันใหม่แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องทำให้เกิดความสว่างขึ้นมาเล็กน้อย โจวลี่อินลุกขึ้นก่อนจะเตรียมผ้าไปอาบน้ำ ร่างบางยื่นมือไปเปิดประตูแล้วเดินตรงไปที่ห้องน้ำ โจวลี่อินต้องรีบตื่นก่อนใครเพราะกลัวว่าตื่นสายแล้วจะต้องมาแย่งเข้าห้องน้ำกับคนอื่น
หญิงสาวใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็เปิดประตูออกมา ได้ยินเสียงกุกกักอยู่ทางห้องครัว คงจะเป็นเยว่ซื่อที่ตื่นลุกขึ้นมาทำอาหาร โจวลี่อินเดินเข้าไปในครัวเพราะอยากจะทำอาหารให้กับลูกสาว พอเข้าไปก็เห็นแม่สามีกำลังต้มโจ๊กอยู่ หญิงสาวจึงเดินเข้าไปที่ตู้กับข้าว หวังจะหยิบไข่มาทำข้าวผัดให้กับหลี่อิงอิง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงตวาดของเยว่ซื่อดังลั่นห้องครัว "นั่นแกจะทำอะไร" เยว่ซื่อเห็นสะใภ้คนเล็กเข้ามาในห้องครัวแล้วแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ พอเห็นว่าอีกฝ่ายเดินไปที่ตู้แถมยังจะเปิดตู้ที่เก็บพวกอาหารเอาไว้ก็ทำให้เกิดความโมโหขึ้นมาทันที "ฉันจะเอาไข่มาทำข้าวผัดให้กับเด็กๆ ค่ะ" โจวลี่อินเอ่ยบอกอย่างใจเย็น เธอไม่ใช่คนที่โกรธผู้ใหญ่แล้วจะไปลงกับเด็ก ถึงแม้จะไม่ชอบหนิงเหมยกับเยว่ซื่อแค่ไหนแต่ก็จะทำข้าวผัดเผื่อหลานๆ ทั้งสองคนด้วย "ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันทำให้หลานๆ เอง แกจะไปทำอะไรก็ไป" เยว่ซื่อเอ่ยบอกพร้อมกับเดินมาล็อกตู้กับข้าวเอาไว้เพราะกลัวว่าโจวลี่อินจะเอาของในตู้ออกมาได้ "ถ้าอย่างนั้นฉันไปปลุกอิงอิงก่อนนะคะ" โจวลี่อินเอ่ยบอกจบก็เดินไปที่ห้องก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ร่างบางเดินไปที่เตียงก็เห็นเด็กน้อยกำลังหลับอยู่ มือบางจึงยื่นไปเขย่าแขนของหลี่อิงอิงเพื่อปลุกให้ตื่น "อิงอิง ตื่นได้แล้วจ้ะ" "เช้าแล้วเหรอคะ" หลี่อิงอิงตื่นขึ้นมาเอ่ยถามด้วยท่าทางงัวเงีย พยายามลืมตาสู้กับแสงไฟในห้อง "เช้าแล้วจ้ะ รีบไปล้างหน้าแปรงฟันเถอะ เดี๋ยวใกล้จะกินอาหารมื้อเช้าแล้ว" โจวลี่อินเอ่ยบอกกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หลี่อิงอิงได้ยินก็รีบลงจากเตียงไปเตรียมแปรงสีฟันก่อนจะไปเข้าห้องน้ำอย่างรู้ความไม่ต้องให้คนเป็นแม่ต้องพูดมาก แตกต่างจากห้องข้างๆ ที่หนิงเหมยพยายามปลุกลูกๆ ทั้งสองคนให้ตื่นเตรียมตัวไปโรงเรียน แต่ไม่ว่าจะเขย่าตัวแรงแค่ไหนทั้งสองคนก็ไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาล้างหน้าเตรียมตัว ทำเอาหนิงเหมยโมโหจนอยากจะใช้ไม้ฟาดเด็กสองคนนี้เหลือเกิน "อาหลิน อาชิง ถ้าหากว่ายังไม่ตื่น แม่จะตีให้ตัวลายเลย" เพี๊ยะ! หนิงเหมยเอ่ยบอกพร้อมกับฟาดไม้ไปที่ก้นของหลี่ชิงทำเอาเด็กชายตื่นขึ้นมาทันที หลี่หลินเห็นพี่ชายโดนตีก็รีบตื่นและลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำอย่างไว หลี่หยวนกำลังแต่งตัวอยู่ในห้อง ไม่ได้สนใจหนิงเหมยที่มีเรื่องเหมือนจะพูดด้วย พอแต่งตัวเสร็จชายหนุ่มก็เดินออกไปข้างนอกทันที ทำเอาหนิงเหมยอยากจะตะโกนด่าว่าสามีด้วยความโมโห เช้าวันนี้ที่โต๊ะอาหาร พอทุกคนมาครบแล้ว เยว่ซื่อก็ยกหม้อมาก่อนจะตักโจ๊กใส่ถ้วยให้ทุกคน วันนี้บนโต๊ะวางถ้วยผัดกาดเอาไว้ให้กินกับโจ๊ก "อาหลิน อาชิง วันนี้ย่าทอดไข่ให้ด้วยนะ รีบกินจะได้ไม่ไปโรงเรียนสาย" เยว่ซื่อเอ่ยบอกพร้อมกับยกจานที่ใส่ไข่ทอดเอาไว้มาให้หลานทั้งสองคน โจวลี่อินเห็นความลำเอียงของเยว่ซื่อก็โมโหขึ้นมาทันที ตอนแรกเธอจะทำความผัดให้กับเด็ก แต่แม่สามีบอกจะเตรียมอาหารให้เด็กๆ เอง เธอไม่คิดว่าจะเตรียมให้แต่หลี่หลินกับหลี่ชิงโดยไม่สนใจหลี่อิงอิงลูกของเธอแบบนี้ "แล้วส่วนของอิงอิงล่ะคะแม่" โจวลี่อินพยายามควบคุมอารมณ์ก่อนจะเอ่ยถามออกไป ก่อนหน้านี้ก็ครั้งหนึ่งแล้วที่ลูกของเธอไม่ได้กินกระดูกหมูกับไข่ต้ม "นังเด็กไร้ประโยชน์อยู่แต่บ้าน ยังไม่เข้าเรียนสักหน่อย จะกินไข่ไปบำรุงอะไรกัน สมองก็ไม่ได้ใช้ สิ้นเปลืองเปล่าๆ" เยว่ซื่อเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดที่โดนถาม หลานทั้งสองคนของเธอต้องใช้สมองเรียนหนังสือ ต้องบำรุงให้มากๆ ก็ถูกต้องแล้ว "อิงอิงเป็นเด็กที่สมควรได้รับการบำรุงเหมือนกัน อิงอิงเป็นหลานของแม่เหมือนกันนะ อย่าลืมสิว่าเงินที่ซื้อของกินก็เป็นเงินส่วนหนึ่งที่สามีของฉันส่งมา ถ้าหากเขารู้ว่าลูกของตัวเองไม่ได้กินอาหารดีๆ จะยังส่งเงินมาให้แม่อีกหรือเปล่า" โจวลี่อินเอ่ยเสียงดังอย่างไม่เกรงใจใคร จะให้เธอเกรงใจคนในบ้านแล้วปล่อยให้ลูกอดเหรอ เธอไม่มีทางยอมเสียหรอก คนอย่างเยว่ซื่อช่างน่ารังเกียจจริงๆ "นี่แกกำลังขู่ฉันอย่างนั้นเหรอ อย่าคิดที่จะไปฟ้องอาเหว่ยเลย ไม่ว่าอย่างไงอาเหว่ยก็ไม่มีทางเชื่อคนอย่างแกหรอก" เยว่ซื่อเองก็อดไม่ได้ที่จะโมโห จึงตะคอกเสียงใส่โจวลี่อิน อาเหว่ยเกลียดนังจิ้งจอกนี่เข้าไส้ ไม่มีทางที่ลูกชายของเธอจะเชื่อลมปากของโจวลี่อินเด็ดขาด "จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ฉันก็ต้องบอกเรื่องนี้กับสามีของฉัน ไปลูก เข้าไปเล่นในห้องนะ เดี๋ยวแม่จะไปทำงาน ตอนเย็นแม่จะรีบกลับมานะจ้ะ" โจวลี่อินเอ่ยบอกแม่สามีก่อนจะพูดกับลูกสาวเมื่อเห็นว่าหลี่อิงอิงกินโจ๊กหมดถ้วยแล้ว ร่างบางเดินสะพายกระเป๋าออกจากบ้านเตรียมตัวขึ้นรถประจำทางไปทำงาน โดยไม่สนใจว่าคนในบ้านจะมองเธออย่างไร มีอะไรให้ต้องเกรงใจคนพวกนี้กัน ฝากกดเข้าชั้นคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะเมื่อมาถึงโรงงานโจวลี่อินก็เดินเข้าไปที่แผนกเย็บรองเท้า ภายในห้องมีจักรตั้งอยู่หลายโต๊ะ ตอนนี้มีพนักงานนั่งอยู่ประจำตำแหน่งไม่กี่คนเพราะยังไม่ถึงเวลาเข้างาน โจวลี่อินเดินไปนั่งที่โต๊ะของตนเอง ไม่นานก็มีหญิงสาวรูปร่างอวบเดินเข้ามาหาเธอที่โต๊ะ เท่าที่จำได้ผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่าจางซิน จางซินเป็นหญิงสาวที่มีนิสัยโผงผาง โจวลี่คิดคนเก่าแกล้งทำดีด้วยเพราะอยากคบหญิงสาวเอาไว้เป็นเพื่อน เพราะจางซินคอยทำหน้าที่เป็นลูกน้องของโจวลี่อินมาตลอด ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรกับใครจางซินก็พร้อมที่จะออกหน้าให้กับโจวลี่อินเสมอ"ลี่อินทำไมวันนี้ถึงได้มาทำงานเช้าขนาดนี้ล่ะ" จางซินเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีวันไหนเลยที่โจวลี่อินจะมาเช้า ถ้าหากไม่มาสายก็มาตอนได้เวลาเข้างานแล้วทำเอาหัวหน้าเรียกไปตักเตือนอยู่หลายครั้งจนเกือบจะโดนไล่ออกจากงาน"ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากลองมาทำงานเช้าดูบ้างก็เท่านั้นเอง" โจวลี่อินตอบพร้อมกับหยิบรองเท้าเตรียมจะเอามาเย็บแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงของหนิงเหมยดังขึ้น"ถ้าหากว่ามาสายอีกครั้งเดียวก็คงได้โดนไล่ออกน่ะสิ ถึงต้องรีบมาเช้าขนาดนี้" หลายคนที่อยู่ในห้องต่างพากันหั
ช่วงเย็นโจวลี่อินกลับมาบ้าน หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน ก็เห็นเด็กน้อยกำลังนั่งเล่นอยู่บนโต๊ะ พอหันมาเห็นเธอเท่านั้นแหละก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที"แม่กลับมาแล้ว" หลี่อิงอิงกอดโจวลี่อินเอาไว้แน่น รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่แม่กลับมา"หนูได้กินข้าวกลางวันไหมจ๊ะ" โจวลี่อินเอ่ยถามลูกสาวขึ้น"กินค่ะ อิงอิงกินโจ๊ก" หลี่อิงอิงกินโจ๊กที่เหลือเมื่อเข้านี้เป็นอาหารกลางวัน โจวลี่อินรู้สึกโล่งใจที่เด็กน้อยได้กินข้าว เป็นเพราะความประมาทของเธอเองที่ไม่ได้เอานมกับขนมในมิติออกมาไว้ให้ลูกกิน"อิงอิงเด็กดี แม่มีไก่ทอดมาให้ลูกด้วยนะ" โจวลี่อินเอ่ยบอกพร้อมกับหยิบห่อข้าวกับไก่ทอดในกระเป๋าออกมา เดิมเธอไม่รู้ว่าสามารถนำอาหารกลางวันกลับมากินที่บ้านได้ ยังดีที่ได้รู้จากเพื่อนร่วมงาน พรุ่งนี้เธอคงจะเอาอาหารกลับมากินกับลูก"จริงเหรอคะ" หลี่อิงอิงได้ยินที่แม่บอกก็เอ่ยถามออกมาด้วยความตื่นเต้น ก่อนหน้านี้เธอเคยเห็นแต่พี่หลินกับพี่ชิงได้กิน ไม่คิดมาก่อนเลยว่าตนเองจะมีโอกาสได้กินบ้าง แม่ช่างดีกับเธอจริงๆ"จริงสิ แม่ไม่โกหกหรอกจ้ะ รีบมากินเร็ว" โจวลี่อินเอ่ยบอกพร้อมกับเดินเอาห่อข้าวไปวางที่โต๊ะแล้วแกะห่อข้าวออกเผยให้เ
โจวลี่อินตื่นแต่เช้า เตรียมนมกับขนมเอาไว้ให้ลูกกินเป็นอาหารเช้าและสั่งไม่ให้ลูกสาวบอกกับใครว่าได้กินนมกับขนมหญิงสาวรีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะขึ้นรถประจำทางไปศูนย์ให้บริการโทรศัพท์ หญิงสาวกดเบอร์โทรหาหลี่เหว่ย รอสายอยู่นานนึกว่าจะไม่มีคนรับแล้ว กำลังจะวางสายก็ได้ยินเสียงทุ้มดังผ่านมาทางสาย"สวัสดีครับ""สามี นี่ภรรยาเองนะคะ" โจวลี่อินรีบเอ่ยบอกชายหนุ่มด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอโทรมาหาเขา"โทรมามีอะไร หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูก" หลี่เหว่ยเอ่ยถามออกไปด้วยความแปลกใจ เพราะอีกฝ่ายไม่เคยโทรมาหาเขามาก่อน"ฉันมีเรื่องจะบอกคุณค่ะ" หญิงสาวเอ่ยบอกถึงความต้องการของตนเองทันที"มีเรื่องอะไร""สิ่งที่ฉันจะบอกกับคุณ คุณจะเชื่อฉันหรือไม่ก็ตามแต่ฉันต้องบอกความจริงให้คุณรับรู้ว่าตอนนี้ฉันกับลูกลำบากมาก แม่ไม่ยอมแบ่งเงินที่คุณส่งมาให้สักหยวนเดียว อีกอย่างแม่และทุกคนก็ดูจะไม่ชอบอิงอิงด้วย" หญิงสาวเอ่ยบอกความในใจทั้งหมดให้ชายหนุ่มได้รับรู้หวังว่าเขาจะเชื่อและสงสารเธอกับลูกบ้าง"คุณพูดจริงเหรอ" ชายหนุ่มเอ่ยถามออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าแม่ของตนเองจะมีนิสัยร้ายกาจแบบนั้น เขาส่งเงินให้แม่หวังว่าแม่จะแบ
โจวลี่อินปลอบลูกสาวอยู่นานก่อนจะ เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าตาที่มอมแมมของหลี่อิงอิงด้วยความรักใคร่ หลังจากนั้นก็เอานมกับขนมมาให้เด็กน้อยกินก่อนจะให้นอนพักผ่อนเมื่อเห็นว่าลูกหลับแล้วหญิงสาวก็เปิดประตูออกไปจากห้อง ร่างบางเดินไปเคาะห้องของเยว่ซื่อเสียงดังปัง! ปัง! ปัง!"มีอะไรถึงได้มาเคาะห้องฉันเสียงดังแบบนี้ น่ารำคาญซะจริงๆ" เยว่ซื่อเปิดประตูออกมาถามด้วยความหงุดหงิด ยิ่งเห็นว่าเป็นโจวลี่อินก็ยิ่งไม่ชอบใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลย มีลูกสะใภ้ที่ไหนกันมองแม่สามีเหมือนจะกินเลือดกินเนื้ออย่างนั้น"วันนี้แม่ตีอิงอิงทำไม แถมยังปล่อยให้ลูกของฉันยืนอยู่นอกบ้านด้วย ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับอิงอิง แม่จะเอาอะไรมาชดใช้" โจวลี่อินตะคอกออกมาเสียงดังอย่างไม่เกรงใจแม่สามีอีกต่อไป ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับอิงอิง อยากจะรู้นักว่าแม่สามีของเธอจะแก้ตัวว่าอย่างไง"ฉันก็แค่แกล้งเด็กมันเล่นก็เท่านั้นเอง แกจะมาโวยวายอะไรนักหนา" เยว่ซื่อยังคงเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ เธอไม่ยอมรับเสียอย่างใครจะทำอะไรเธอได้ บ้านหลังนี้ก็เป็นบ้านของเธอ ถ้าหากว่าวุ่นวายนักจะไล่ออกไปอยู่ข้างถนนทั้งแม่ทั้งลูกเลย"แม่ใช้คำว่าแก
หลังจากที่หลี่เหว่ยได้รับโทรศัพท์จากพี่ชาย ชายหนุ่มก็นั่งนิ่งอย่างใช้ความคิด จะจริงหรือที่โจวลี่อินจะทำร้ายมารดาของเขา ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พี่ชายเล่ามากนัก แต่เขาสั่งทุกคนว่าห้ามทำอะไรภรรยากับลูกของเขาเด็ดขาด แล้วอีกไม่กี่วันทำภารกิจเสร็จเขาจะรีบขอกลับไปเยี่ยมบ้านหลี่หยวนกลับมาบ้านด้วยใบหน้าบึ้งตึงที่ดูเหมือนหลี่เหว่ยน้องขายของตนเองจะไม่เชื่อในสิ่งที่เล่าออกไป"เป็นอย่างไรบ้างอาหยวน อาเหว่ยได้บอกให้จัดการกับนังนั่นอย่างไรบ้าง" เยว่ซื่อเอ่ยถามอย่างคาดหวังว่าลูกชายคนเล็กจะต้องบอกให้ไล่โจวลี่อินออกไปจากบ้าน"น้องชายบอกว่าห้ามทำอะไรภรรยากับลูกของมันเด็ดขาด แล้วอีกไม่กี่วันมันจะกลับมาเยี่ยมบ้าน""อาเหว่ยได้บอกไหมว่าจะกลับมาหย่ากับมัน" ถึงจะฟังแล้วไม่ชอบใจแต่ผู้เป็นแม่ก็ยังคงถามต่อไป"ไม่ได้บอกอะไรครับ""อาเหว่ยจะต้องไม่ว่างเป็นแน่ก็เลยยังไม่ได้บอกอะไร เอาไว้รออาเหว่ยกับมาก่อนแล้วให้หย่าจากนังนั่นก็ยังไม่สาย" เยว่ซื่อพูดขึ้นเสียงดังเพราะอยากจะให้โจวลี่อินที่อยู่ในห้องได้ยิน"เอาไว้อาเหว่ยกลับมาค่อยปรึกษาเรื่องนี้กันอีกทีก็แล้วกัน" หลี่กุ้ยเอ่ยบอกก่อนจะเดินเข้าห้องไปเปลี่ยนชุดเพร
โจวลี่อินพาหลี่เหว่ยเข้าไปในห้องนอน ขณะนั้นเด็กน้อยกำลังนั่งเล่นอยู่เพียงลำพัง พอเห็นว่าคนเป็นแม่พาใครเข้ามาก็รีบกระโดนลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปหาคนร่างสูงทันที"พ่อกลับมาหาอิงอิงแล้ว" หลี่อิงอิงกอดคนเป็นพ่อเอาไว้แน่นด้วยความดีใจ ชายหนุ่มก้มตัวลงไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาด้วยความรัก เขาที่ไม่ได้เห็นลูกสาวมานาน ไม่คิดเลยว่าอิงอิงของเขาจะตัวสูงและรู้ความขนาดนี้"ลูกสาวคนสวยของพ่อ" ชายหนุ่มเอ่ยจบก็ยื่นใบหน้าเข้าไปหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่ทำเอาหลี่อิงอิงเขินอายคนเป็นพ่อ"พ่อจะกลับมาอยู่กับอิงอิงแล้วใช่ไหมคะ" เด็กน้อยเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา ถ้าหากว่าพ่อกลับมาอยู่กับเธอตลอดไปก็คงจะดี"ใช่แล้วครับ ต่อไปพ่อจะอยู่กับอิงอิงตลอดไปเลย" ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นไปลูบผมของลูกสาวด้วยความเอ็นดู ลูกคงจะคิดถึงเขามากถึงอยากให้เขาอยู่ด้วย"ดีจังเลยค่ะ อิงอิงจะมีพ่อเหมือนพี่หลินกับพี่ชิงแล้ว เพราะตอนอิงอิงไม่มีพ่อไม่ดีเลย คุณย่าก็ไม่ชอบอิงอิง ชอบตีอิงอิงกับแม่ด้วย" เด็กน้อยเอ่ยออกมาด้วยความดีใจ แต่คนได้ฟังถึงกับขมวดคิ้วทันที ที่ลูกของเขาพูดออกมาหมายความว่าอย่างไร ทำไมแม่จะต้องตีลูกสาวของเขาด้วย"ที่ลูกพูดห
บนโต๊ะอาหารมื้อเย็น คนโตต่างกินข้าวด้วยความเงียบ จะมีก็แต่หลี่หลินกับหลี่ชิงที่พูดคุยกันตามภาษาเด็ก กระทั่งอิ่มแล้วทุกคนจึงแยกย้ายกันไปเข้าห้องหลังจากล็อกประตูห้องแล้ว โจวลี่อินก็เดินไปหยิบนมกับขนมมาให้ลูกสาวกับสามี"คุณกับลูกคงจะกินข้าวไม่อิ่ม กินนมกับขนมนี่สิคะ จะได้ไม่หิวตอนดึก""ผมอิ่มแล้ว คุณกับลูกกินเถอะ คุณก็น่าจะกินข้าวไม่อิ่มเหมือนกัน" ชายหนุ่มมองขนมที่มือของภรรยาก่อนจะเอ่ยบอก รู้สึกแปลกใจที่โจวลี่อินรู้จักเป็นห่วงเขา ไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนเห็นแก่ตัวหรือไง เกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวกันแน่ ถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้"คุณเป็นผู้ชายกินแค่นั้นจะไปอิ่มได้อย่างไร กินนมกับขนมนี่เถอะค่ะ ฉันอิ่มแล้วจริงๆ" หญิงสาวเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับยัดนมกับขนมใส่มือหนาแล้วเอาขนมกับนมอีกกล่องยื่นให้หลี่อิงอิงหลี่เหว่ยแกะขนมมาใส่ปากก่อนจะดูดนม ความจริงแล้วเขาก็กินข้าวไม่อิ่มจริงๆ นั่นแหละ พอได้กินขนมกับนมที่ภรรยาให้มาก็ทำให้รู้สึกอิ่มขึ้น"ก่อนหน้านี้คุณกับลูกไม่เคยได้กินอาหารดีๆ เลยใช่ไหม" หลี่เหว่ยเอ่ยถามออกไป ทั้งที่เขานั้นพอจะรู้แล้วว่าภรรยากับลูกคงไม่เคยได้กินอาหารดีๆ เป็นแน่ ขนาดเขาที
ช่วงเช้าของวันใหม่ โจวลี่อินที่คิดว่าเมื่อคืนนี้จะนอนไม่ค่อยหลับกลับหลับสนิทเสียจนแทบจะตื่นสาย ร่างบางลุกขึ้นนั่งขยับตัวจะลงจากเตียงทำเอาชายหนุ่มที่นอนอยู่อีกฝั่งรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา"เช้าแล้วเหรอ" หลี่เหว่ยลุกขึ้นมาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย นี่ก็เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขารู้สึกหลับสนิทขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะไม่ต้องกังวลกับงานก็เป็นไปได้"คุณจะนอนพักผ่อนต่อก็ได้นะคะ เดี๋ยวฉันจะไปทำอาหารเช้าเอาไว้รอ""ไม่ต้องหรอก ถึงออกไป แม่ก็ไม่ยอมให้เธอหยิบจับของตามใจ อย่าเข้าไปยุ่งเลยจะดีกว่า" ชายหนุ่มเห็นฤทธิ์ของแม่ตนเองแล้วก็เลยไม่อยากให้ภรรยาต้องไปข้องเกี่ยว"ฉันขอพูดกับคุณตามตรงนะคะ ที่ฉันยอมแม่มาตลอดก็เพราะเห็นแก่คุณและอิงอิง แต่ตอนนี้แม่ไม่ได้เห็นคุณเป็นลูกและเห็นอิงอิงเป็นหลาน ฉันก็จะไม่ไว้หน้าแม่ของคุณเหมือนกัน" โจวลี่อินเอ่ยบอกความในใจของตนเองออกมา ก่อนหน้านี้เธอยอมมามากพอแล้ว ต่อไปถ้าหากเยว่ซื่อยังหาเรื่องไม่หยุด เธอก็จะไม่ทนอีกต่อไป ด่ามาก็ด่ากลับแค่นั้นเอง"เอาที่คุณทำแล้วสบายใจเถอะ" หลี่เหว่ยเอ่ยขึ้น เขาเองก็รู้สึกผิดมากที่ทำให้ลูกต้องลำบาก อีกอย่างภรรยาก็เป็นอีกคนที่ต้องอดทนอดกลั
เวลาผ่านไปโจวลี่อินได้ทำการเช่าร้านหน้าโรงเรียนเพื่อเปิดขายบะหมี่ แรกๆ ยังไม่ค่อยมีลูกค้าสักเท่าไร แต่หญิงสาวก็ไม่ท้อจนปัจจุบันมีลูกค้ามากมายจนหญิงสาวทำไม่ทันจึงต้องจ้างคนงานมาช่วย ร้านบะหมี่ของโจวลี่อินเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อยๆ วัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารหญิงสาวก็เอาออกมาจากมิติ ทำให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำหญิงสาวจึงตัดสินใจให้สามีเป็นคนทำเรื่องซื้อบ้านก่อนจะย้ายออกจากบ้านเช่า หลี่อิงอิงดีใจมากที่ได้อยู่บ้านหลังใหญ่แล้วมีห้องนอนส่วนตัวตอนนี้ขาของหลี่เหว่ยหายดีแล้ว ชายหนุ่มช่วยงานหญิงสาวในร้าน ถึงแม้ทางกองทัพจะอยากให้ชายหนุ่มกลับไปทำงานให้ แต่หลี่เหว่ยก็ปฏิเสธเพราะอยากอยู่ใกล้ชิดกับภรรยาและลูกสาวมากกว่าเมื่อปิดร้านบะหมี่เรียบร้อยแล้วโจวลี่อินกับหลี่เหว่ยก็ไปรับลูกสาวที่โรงเรียน ตอนนี้หลี่อิงอิงโตขึ้นมากแล้ว เมื่อเห็นพ่อกับแม่มารอรับก็รีบวิ่งมาหาทันที ทั้งสามเดินไปรอรถประจำทาง ระหว่างรอหลี่อิงอิงก็เล่าเรื่องในโรงเรียนไม่หยุดจนกระทั่งรถมาจอดตรงหน้าหลี่อิงอิงถึงได้หยุดพูด ทั้งสามคนขึ้นไปหาที่นั่ง ก่อนที่โจวลี่อินจะเอ่ยบอกกับลูกสาวว่าวันนี้จะพาไปกินข้าวข้างนอกบ้าน หลี่อิงอิงได้ยินก็ดีใจเป็นอ
หลี่เหว่ยขึ้นไปบนเตียงแล้วจับเขาเรียวแยกออกจากกันเผยให้เห็นดอกไม้งามที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวาน มือหนาจับแก่นกายขนาดใหญ่ไปจ่อกลางร่องก่อนจะลากขึ้นลงทำเอาโจวลี่อินส่งเสียงครางออกมา ปลายหยักชุ่มไปด้วยน้ำหวานชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะดันแก่นกายเข้าไปในโพรงสวาท ด้วยความคับแน่นทำเอาโจวลี่อินรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกหลี่เหว่ยครางอยู่ในลำคอด้วยความทรมานเมื่อแก่นกายโดนตอดรัดอย่างหนัก ชายหนุ่มจึงตัดสินใจยกสะโพกขึ้นก่อนจะกระแทกกลับลงไปอย่างแรงทำให้แก่นกายจมหายเข้าไปในกายสาวจนมิดลำนิ้วร้อนสัมผัสกับเกสรดอกไม้ที่กำลังบวมเป่ง หลี่เหว่ยออกแรงเขี่ยไปมาเบาๆ ก่อนจะขยี้ ทำเอาโจวลี่อินดิ้นพล่านไปมาด้วยความเสียวซ่าน สะโพกสอบขยับขึ้นลงจากช้าเป็นเร็วขึ้นแก่นกายผลุบเข้าออกกลางกายสาวจนกลีบสวาทยับยู่ยี่ไปตามแรงกระแทกชายหนุ่มก้มใบหน้าลงไปแลบลิ้นออกมาไล้เลียที่ปลายถันก่อนจะอ้าปากดูดดึงเข้าไปในอุ้งปากส่วนสะโพกสอบก็ขยับขึ้นลงทำเอาหญิงสาวเสียวสะท้านไปทั้งตัวโจวลี่อินแอ่นสะโพกขึ้นสู้แรงกระแทกของชายหนุ่มด้วยความรัญจวน มันช่างดีเหลือเกิน แขนเรียวยื่นไปกอดรัดร่างหนาเอาไว้แน่น ยิ่งชายหนุ่มสร้างความเสียวให้มากเท่าไรเล็บคมก
ผ่านไปหลายเดือน เช้าวันนี้โจวลี่อินตื่นขึ้นมาแต่เช้าปลุกลูกสาวให้ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน วันนี้เป็นเปิดเรียนวันแรก หลี่อิงอิงที่ตื่นเต้นจะได้ไปโรงเรียนก็รีบลุกขึ้นอาบน้ำ โจวลี่อินช่วยลูกสาวแต่งตังเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปทำอาหารเช้าหลังจากทำอาหารเสร็จก็ยกไปวางบนโต๊ะก่อนจะเรียกสามีกับลูกสาวมากินข้าว สองพ่อลูกพากันเดินมานั่งที่เก้าอี้ โจวลี่อินจึงตักข้าวใส่ถ้วยให้กับทั้งสองคนก่อนจะตักให้ตัวเองหลังจากกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็เก็บถ้วยบนโต๊ะไปล้างก่อนจะเปลี่ยนชุดเตรียมพาลูกสาวไปส่งโรงเรียนทั้งสามคนเดินออกจากบ้านไปรอรถประจำทาง ไม่นานรถก็มาจอดตรงหน้า ทั้งสามคนจึงเดินขึ้นรถก่อนจะหาที่นั่ง รถแล่นเข้าสู่ท้องถนน หลี่อิงอิงที่ตื่นเต้นเป็นพิเศษพูดกับพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วไม่นานก็มาถึงโรงเรียนที่ก่อนหน้านี้หลี่เหว่ยกับโจวลี่อินพาลูกสาวมาสมัครเรียน ลงจากรถเรียบร้อยแล้วโจวลี่อินก็จูงมือลูกสาวไปหน้าโรงเรียนที่มีครูผู้หญิงมายืนต้อนรับเด็กนักเรียนหลี่อิงอิงทำความเคารพคุณครูก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนด้วยความตื่นเต้น โจวอินจึงฝากฝังให้ครูช่วยดูแลลูกสาว คุณครูก็รับปากว่าจะดูและหลี่อิงอ
หลังจากส่งของถึงมือของเพื่อนหลี่เหว่ย ฝ่ายนั้นก็พอใจกับสินค้ามาก จึงทำการส่งเงินมาจ่ายค่าของ ครั้งนี้โจวลี่อินได้เงินมาเยอะพอสมควรจึงชวนสามีกับลูกสาวไปกินข้าวข้างนอกบ้าน ทั้งสามคนกำลังเตรียมตัวก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากหน้าบ้านพร้อมกับเสียงเคาะประตูตอนแรกโจวลี่อินจะไปดู แต่หลี่เหว่ยอาสาจะไปดูแทน พอเปิดประตูออกไปก็เห็นเยว่ซื่อยืนร้องไห้ดวงตาแดงก่ำอยู่หน้าบ้าน"อาเหว่ย ต้องช่วยพี่ชายของลูกนะ" เยว่ซื่อเอ่ยบอกหลี่เหว่ยด้วยน้ำเสียงสะอื้น"คุณจะมาที่นี่อีกทำไม ผมบอกแล้วว่าห้ามมาข้องเกี่ยวกันอีก" หลี่เหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เตรียมจะปิดประตูห้องแต่เยว่ซื่อก็รีบเอามือดันประตูไว้ไม่ยอมให้ชายหนุ่มปิด"อย่าใจร้ายกับแม่กับพี่ชายของลูกมากนักเลย ตอนนี้อาหยวนกำลังลำบาก โดนนังตัวดีอย่างหนิงเหมยแจ้งทางการว่าอาหยวนมีชู้ แถมนังนั่นยังจ้างนักสืบหาหลักฐานมาด้วย ทางการเลยให้อาหยวนหย่ากับนังนั่นพร้อมจ่ายค่าเลี้ยงดู แต่ตอนนี้อาหยวนไม่มีเงินเลย ลูกต้องมีเงินเก็บอยู่แล้วใช่ไหม เอามาให้อาหยวนจ่ายค่าเสียหายก่อนได้ไหม" เยว่ซื่อพูดเสียยืดยาว สรุปก็คืออยากจะได้เงินของหลี่เหว่ยเพื่อไปให้หลี่หยวน โจวลี่อินที
หลังจากกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้วโจวลี่อินก็ออกไปข้างนอก หญิงสาวไปในที่ลับตาคนก่อนจะหยิบของออกมาจากมิติมากมายตามรายการที่เพื่อนของหลี่เหว่ยสั่งเอาไว้ พอเอาออกมาเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ว่าจ้างคนให้แบกของไปส่งที่สถานีรถไฟ รออีกฝ่ายได้รับของหลังจากนั้นก็จะส่งเงินมาจ่ายค่าของโจวลี่อินทำธุระเสร็จแล้วก็ขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน ไม่นานรถก็มาถึง หญิงสาวเดินลงจากรถก็ต้องชะงักเมื่อเจอเข้ากลับหนิงเหมย โจวลี่อินทำเป็นมองไม่เห็น กำลังจะเดินผ่านหนิงเหมยไป แต่อีกฝ่ายก็ร้องเรียกพร้อมกับเข้าไปจับแขนเรียวเอาไว้"เธอมาที่นี่ทำไม" โจวลี่อินเอ่ยถามเสียงแข็งก่อนจะสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของหนิงเหมย"คือว่าฉันอยากจะมาขอยืมเงินน่ะ" หนิงเหมยเอ่ยบอกถึงความต้องการของตนเองออกไปทันที ความจริงแล้วเธอก็ไม่อยากจะทำแบบนี้ แต่เพราะไม่มีทางออกจริงๆ ก็เลยต้องบากหน้ามาขอยืมเงินจากโจวลี่อิน"ฉันไม่มีเงินมากถึงขนาดให้ใครยืมหรอก กลับไปซะเถอะ" โจวลี่อินบอกปัดอย่างไร้เยื่อใย เรื่องอะไรเธอจะต้องให้คนที่เกลียดเธอยืมเงินด้วย"แต่ว่าฉันจำเป็นจริงๆ นะ ถ้าหากว่าไม่ได้เงินกลับไปฉันต้องตายแน่ๆ" ก่อนหน้านี้เธอโดนไล่ออกจากงานเพราะทำงานผ
หลี่เหว่ยเห็นภรรยาต้องไปขายของที่ตลาดมืดทุกวันก็รู้สึกสงสาร วันนี้ชายหนุ่มจึงออกจากบ้านเพื่อไปใช้โทรศัพท์ที่ศูนย์บริการ ชายหนุ่มโทรหาเพื่อนสนิทที่กองทัพ ตอนแรกว่าจะขอความช่วยเหลือแต่พอได้ยินว่ากองทัพกำลังขาดแคลนอาหาร ชายหนุ่มจึงคิดว่าเป็นโอกาสดีที่เขาจะหาเงินได้จากเรื่องนี้ หลี่เหว่ยจึงลองเสนอความคิดของตนเองให้เพื่อนฟังว่าเขานั้นจะหาทางส่งเสบียงอาหารไปให้แต่ของที่หายากอาจจะมีราคาแพงนิดหน่อย เพื่อนชายหนุ่มได้ฟังก็ดีใจมากบอกเพียงว่าถ้ามีอาหารส่งมาให้เขาก็พร้อมที่จะจ่ายหลี่เหว่ยจึงบอกกับเพื่อนว่าจะโทรไปแจ้งความคืบหน้าอีกทีเมื่อหาเสบียงอาหารได้ หลังวางสายจากเพื่อนชายหนุ่มก็เดินไปรอรถประจำทาง ระหว่างยืนรอรถอยู่นั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหา"ใช่พี่เหว่ยไหมคะ" หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจว่าจะใช่คนที่ตนเองรู้จักหรือไม่ เพราะเธอก็ไม่ได้เจออีกฝ่ายมานานแล้วหลี่เหว่ยมองคนตรงหน้าก่อนจะพยายามนึกว่าเคยรู้จักหญิงสาวมาก่อนไหม แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ชายหนุ่มจึงตอบรับว่าตนเองนั้นคือหลี่เหว่ยก่อนจะเอ่ยถามกลับว่าหญิงสาวเป็นใคร"ฉันถิงถิงไงคะ เคยเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนของพี่เหว่ย" หญิงสาวเอ่ยแนะ
พอทั้งสามคนกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว โจวลี่อินก็พาสามีกับลูกสาวไปร้านขายเสื้อผ้า หญิงสาวเลือกชุดให้สองพ่อลูกคนละชุดก่อนจะจ่ายเงินพร้อมกับคูปอง หลังจากนั้นก็ขึ้นรถประจำทางกลับบ้านพอมาถึงหน้าบ้านชายหนุ่มก็ไขกุญแจก่อนจะเปิดประตูบ้าน ทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้อง โจวลี่อินก็เอ่ยปากให้ลูกสาวไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน หลี่อิงอิงก็ว่าง่ายเดินถือชุดเข้าห้องอาบน้ำทันทีพอหลี่อิงอิงอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลี่เหว่ยก็ให้ภรรยาเป็นคนอาบน้ำก่อน โจวลี่อินก็ไม่อิดออดรีบเข้าไปอาบน้ำเพราะสามีจะได้อาบเป็นคนต่อไปแล้วก็เป็นเหมือนเช่นทุกวันที่คนเป็นแม่จะนอนอ่านนิทานให้ลูกสาวฟัง พอหลี่อิงอิงหลับแล้วโจวลี่อินก็หลับตาลง เธอรู้สึกอีกแล้วว่ากำลังโดนชายหนุ่มกอด แต่ครั้งนี้เธอกลับรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก มันช่างมีความสุขเหลือเกินเช้าวันต่อมา โจวลี่อินที่ทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ยกถ้วยมาวางบนโต๊ะ เตรียมจะเดินไปเรียกสามีกับลูกสาวมากินข้าวก็ได้ยินเสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้นโจวลี่อินรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากเพราะเธอเพิ่งมาอยู่ที่นี่ ใครกันนะที่มาเคาะประตูบ้านหรือว่าจะเป็นป้าหวัง หญิงสาวคิดจบก็เดินไปเปิดประตูห้อง พอ
เช้าวันต่อมาโจวลี่อินก็ตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าก่อนจะเรียกสามีกับลูกมากินข้าว หลังจากอิ่มหญิงสาวก็เดินทางไปขายของที่ตลาดมืด ก่อนเข้าตลาดหญิงสาวก็ไปยังจุดที่ไม่มีคนก่อนจะเข้าไปในมิติเอาของออกมาแล้วเดินเข้าไปในตลาดมืดวันนี้เพียงโจวลี่อินเดินเข้าไปป้าเฉินก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร หญิงสาวจึงปูผ้าก่อนจะนำของในตะกร้ามาวาง"วันนี้มีของมาขายเยอะเลยนะนังหนู" ป้าเฉินมองดูของที่วางอยู่ตรงหน้าของโจวลี่อินก่อนจะเอ่ยขึ้น ถ้าหากว่ามีของมาขายเยอะทุกวันแบบนี้ จะต้องได้เงินเป็นกอบเป็นกำแน่ๆ เพราะของที่ขายในตลาดมืดต่างมีราคาสูงกว่าข้างนอก"ฉันอยากรีบเก็บเงินให้ได้เยอะๆ น่ะค่ะ ก็เลยรับของมาเยอะ ไม่รู้ว่าวันนี้จะขายหมดไหม" โจวลี่อินเอ่ยขึ้น เธอคงมาขายของในตลาดมืดอีกไม่นาน เพราะนี่ก็ใกล้ถึงปี 1976 แล้วที่จะเปิดประเทศให้ประชาชนทั่วไปสามารถค้าขายได้ หลังจากนั้นเธอจะนำเงินที่ได้จากขายของไปลงทุนเปิดร้านค้า"มีใครบ้างไม่อยากได้เนื้อหมูกับผักสวยๆ แถมราคายังถูกกว่าร้านอื่นอีก นังหนูต้องขายหมดแผงเป็นแน่" ป้าเฉินเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ราคาเนื้อหมูกับพวกผลไม้ของนังหนูนี่ถึงแม้ราคาจะแพงกว่าข้างนอกแต่ก็ถูกกว่าร้านอื่นใตตลาดมืด
โจวลี่อินเดินเลือกซื้อขนมไปฝากหลี่อิงอิงเรียบร้อยแล้วก็ออกจากตลาดมืดไปยืนรอรถประจำทาง ไม่นานรถประจำทางก็เคลื่อนมาจอดตรงหน้า หญิงสาวจึงเดินขึ้นไปหาที่นั่ง วันนี้บนรถผู้คนไม่ถึงกับเยอะมาก ยังมีที่นั่งว่างอยู่ ร่างบางจึงเดินเข้าไปนั่ง รถแล่นเข้าสู่ท้องถนนไม่นานก็มาถึงบ้าน หญิงสาวลงจากรถก่อนจะเดินเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ ระหว่างทางเดินกลับห้องก็เห็นเด็กน้อยกับหญิงวัยกลางคนยืนอยู่"เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่เหรอหนู ป้าไม่เคยเห็นหนูมาก่อนเลย" ป้าหวังเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะไม่เคยเห็นหญิงสาวตรงหน้ามาก่อน แล้วอีกอย่างเธอก็ได้ข่าวว่าเพิ่งมีคนมาเช่าบ้าน โจวลี่อินยิ้มตอบก่อนจะเอ่ยบอกว่าตนเองนั้นเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ มือบางหยิบขนมส่งให้กับเด็กน้อยที่ป้าหวังจูงมืออยู่ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวเข้าบ้านทันทีที่โจวลี่อินเปิดประตูเข้าไปในบ้าน หลี่อิงอิงที่กำลังนั่งเล่นอยู่กับบิดาก็รีบวิ่งเข้ามาหาคนเป็นแม่ด้วยความดีใจ โจวลี่อินยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะหยิบขนมออกมาให้ลูกสาว หลี่อิงอิงดีใจเป็นอย่างมากที่ได้ขนม เด็กน้อยจึงรีบวิ่งเอาไปอวดพ่อทันที หลี่เหว่ยเอ่ยบอกไม่ให้ลูกสาวกินขนมเยอะจนเกินไปเพราะกลัวว่าจะอิ่ม