ช่วงเช้าของวันใหม่แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องทำให้เกิดความสว่างขึ้นมาเล็กน้อย โจวลี่อินลุกขึ้นก่อนจะเตรียมผ้าไปอาบน้ำ ร่างบางยื่นมือไปเปิดประตูแล้วเดินตรงไปที่ห้องน้ำ โจวลี่อินต้องรีบตื่นก่อนใครเพราะกลัวว่าตื่นสายแล้วจะต้องมาแย่งเข้าห้องน้ำกับคนอื่น
หญิงสาวใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็เปิดประตูออกมา ได้ยินเสียงกุกกักอยู่ทางห้องครัว คงจะเป็นเยว่ซื่อที่ตื่นลุกขึ้นมาทำอาหาร โจวลี่อินเดินเข้าไปในครัวเพราะอยากจะทำอาหารให้กับลูกสาว พอเข้าไปก็เห็นแม่สามีกำลังต้มโจ๊กอยู่ หญิงสาวจึงเดินเข้าไปที่ตู้กับข้าว หวังจะหยิบไข่มาทำข้าวผัดให้กับหลี่อิงอิง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงตวาดของเยว่ซื่อดังลั่นห้องครัว "นั่นแกจะทำอะไร" เยว่ซื่อเห็นสะใภ้คนเล็กเข้ามาในห้องครัวแล้วแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ พอเห็นว่าอีกฝ่ายเดินไปที่ตู้แถมยังจะเปิดตู้ที่เก็บพวกอาหารเอาไว้ก็ทำให้เกิดความโมโหขึ้นมาทันที "ฉันจะเอาไข่มาทำข้าวผัดให้กับเด็กๆ ค่ะ" โจวลี่อินเอ่ยบอกอย่างใจเย็น เธอไม่ใช่คนที่โกรธผู้ใหญ่แล้วจะไปลงกับเด็ก ถึงแม้จะไม่ชอบหนิงเหมยกับเยว่ซื่อแค่ไหนแต่ก็จะทำข้าวผัดเผื่อหลานๆ ทั้งสองคนด้วย "ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันทำให้หลานๆ เอง แกจะไปทำอะไรก็ไป" เยว่ซื่อเอ่ยบอกพร้อมกับเดินมาล็อกตู้กับข้าวเอาไว้เพราะกลัวว่าโจวลี่อินจะเอาของในตู้ออกมาได้ "ถ้าอย่างนั้นฉันไปปลุกอิงอิงก่อนนะคะ" โจวลี่อินเอ่ยบอกจบก็เดินไปที่ห้องก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ร่างบางเดินไปที่เตียงก็เห็นเด็กน้อยกำลังหลับอยู่ มือบางจึงยื่นไปเขย่าแขนของหลี่อิงอิงเพื่อปลุกให้ตื่น "อิงอิง ตื่นได้แล้วจ้ะ" "เช้าแล้วเหรอคะ" หลี่อิงอิงตื่นขึ้นมาเอ่ยถามด้วยท่าทางงัวเงีย พยายามลืมตาสู้กับแสงไฟในห้อง "เช้าแล้วจ้ะ รีบไปล้างหน้าแปรงฟันเถอะ เดี๋ยวใกล้จะกินอาหารมื้อเช้าแล้ว" โจวลี่อินเอ่ยบอกกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หลี่อิงอิงได้ยินก็รีบลงจากเตียงไปเตรียมแปรงสีฟันก่อนจะไปเข้าห้องน้ำอย่างรู้ความไม่ต้องให้คนเป็นแม่ต้องพูดมาก แตกต่างจากห้องข้างๆ ที่หนิงเหมยพยายามปลุกลูกๆ ทั้งสองคนให้ตื่นเตรียมตัวไปโรงเรียน แต่ไม่ว่าจะเขย่าตัวแรงแค่ไหนทั้งสองคนก็ไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาล้างหน้าเตรียมตัว ทำเอาหนิงเหมยโมโหจนอยากจะใช้ไม้ฟาดเด็กสองคนนี้เหลือเกิน "อาหลิน อาชิง ถ้าหากว่ายังไม่ตื่น แม่จะตีให้ตัวลายเลย" เพี๊ยะ! หนิงเหมยเอ่ยบอกพร้อมกับฟาดไม้ไปที่ก้นของหลี่ชิงทำเอาเด็กชายตื่นขึ้นมาทันที หลี่หลินเห็นพี่ชายโดนตีก็รีบตื่นและลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำอย่างไว หลี่หยวนกำลังแต่งตัวอยู่ในห้อง ไม่ได้สนใจหนิงเหมยที่มีเรื่องเหมือนจะพูดด้วย พอแต่งตัวเสร็จชายหนุ่มก็เดินออกไปข้างนอกทันที ทำเอาหนิงเหมยอยากจะตะโกนด่าว่าสามีด้วยความโมโห เช้าวันนี้ที่โต๊ะอาหาร พอทุกคนมาครบแล้ว เยว่ซื่อก็ยกหม้อมาก่อนจะตักโจ๊กใส่ถ้วยให้ทุกคน วันนี้บนโต๊ะวางถ้วยผัดกาดเอาไว้ให้กินกับโจ๊ก "อาหลิน อาชิง วันนี้ย่าทอดไข่ให้ด้วยนะ รีบกินจะได้ไม่ไปโรงเรียนสาย" เยว่ซื่อเอ่ยบอกพร้อมกับยกจานที่ใส่ไข่ทอดเอาไว้มาให้หลานทั้งสองคน โจวลี่อินเห็นความลำเอียงของเยว่ซื่อก็โมโหขึ้นมาทันที ตอนแรกเธอจะทำความผัดให้กับเด็ก แต่แม่สามีบอกจะเตรียมอาหารให้เด็กๆ เอง เธอไม่คิดว่าจะเตรียมให้แต่หลี่หลินกับหลี่ชิงโดยไม่สนใจหลี่อิงอิงลูกของเธอแบบนี้ "แล้วส่วนของอิงอิงล่ะคะแม่" โจวลี่อินพยายามควบคุมอารมณ์ก่อนจะเอ่ยถามออกไป ก่อนหน้านี้ก็ครั้งหนึ่งแล้วที่ลูกของเธอไม่ได้กินกระดูกหมูกับไข่ต้ม "นังเด็กไร้ประโยชน์อยู่แต่บ้าน ยังไม่เข้าเรียนสักหน่อย จะกินไข่ไปบำรุงอะไรกัน สมองก็ไม่ได้ใช้ สิ้นเปลืองเปล่าๆ" เยว่ซื่อเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดที่โดนถาม หลานทั้งสองคนของเธอต้องใช้สมองเรียนหนังสือ ต้องบำรุงให้มากๆ ก็ถูกต้องแล้ว "อิงอิงเป็นเด็กที่สมควรได้รับการบำรุงเหมือนกัน อิงอิงเป็นหลานของแม่เหมือนกันนะ อย่าลืมสิว่าเงินที่ซื้อของกินก็เป็นเงินส่วนหนึ่งที่สามีของฉันส่งมา ถ้าหากเขารู้ว่าลูกของตัวเองไม่ได้กินอาหารดีๆ จะยังส่งเงินมาให้แม่อีกหรือเปล่า" โจวลี่อินเอ่ยเสียงดังอย่างไม่เกรงใจใคร จะให้เธอเกรงใจคนในบ้านแล้วปล่อยให้ลูกอดเหรอ เธอไม่มีทางยอมเสียหรอก คนอย่างเยว่ซื่อช่างน่ารังเกียจจริงๆ "นี่แกกำลังขู่ฉันอย่างนั้นเหรอ อย่าคิดที่จะไปฟ้องอาเหว่ยเลย ไม่ว่าอย่างไงอาเหว่ยก็ไม่มีทางเชื่อคนอย่างแกหรอก" เยว่ซื่อเองก็อดไม่ได้ที่จะโมโห จึงตะคอกเสียงใส่โจวลี่อิน อาเหว่ยเกลียดนังจิ้งจอกนี่เข้าไส้ ไม่มีทางที่ลูกชายของเธอจะเชื่อลมปากของโจวลี่อินเด็ดขาด "จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ฉันก็ต้องบอกเรื่องนี้กับสามีของฉัน ไปลูก เข้าไปเล่นในห้องนะ เดี๋ยวแม่จะไปทำงาน ตอนเย็นแม่จะรีบกลับมานะจ้ะ" โจวลี่อินเอ่ยบอกแม่สามีก่อนจะพูดกับลูกสาวเมื่อเห็นว่าหลี่อิงอิงกินโจ๊กหมดถ้วยแล้ว ร่างบางเดินสะพายกระเป๋าออกจากบ้านเตรียมตัวขึ้นรถประจำทางไปทำงาน โดยไม่สนใจว่าคนในบ้านจะมองเธออย่างไร มีอะไรให้ต้องเกรงใจคนพวกนี้กัน ฝากกดเข้าชั้นคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะเวลาผ่านไปโจวลี่อินได้ทำการเช่าร้านหน้าโรงเรียนเพื่อเปิดขายบะหมี่ แรกๆ ยังไม่ค่อยมีลูกค้าสักเท่าไร แต่หญิงสาวก็ไม่ท้อจนปัจจุบันมีลูกค้ามากมายจนหญิงสาวทำไม่ทันจึงต้องจ้างคนงานมาช่วย ร้านบะหมี่ของโจวลี่อินเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อยๆ วัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารหญิงสาวก็เอาออกมาจากมิติ ทำให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำหญิงสาวจึงตัดสินใจให้สามีเป็นคนทำเรื่องซื้อบ้านก่อนจะย้ายออกจากบ้านเช่า หลี่อิงอิงดีใจมากที่ได้อยู่บ้านหลังใหญ่แล้วมีห้องนอนส่วนตัวตอนนี้ขาของหลี่เหว่ยหายดีแล้ว ชายหนุ่มช่วยงานหญิงสาวในร้าน ถึงแม้ทางกองทัพจะอยากให้ชายหนุ่มกลับไปทำงานให้ แต่หลี่เหว่ยก็ปฏิเสธเพราะอยากอยู่ใกล้ชิดกับภรรยาและลูกสาวมากกว่าเมื่อปิดร้านบะหมี่เรียบร้อยแล้วโจวลี่อินกับหลี่เหว่ยก็ไปรับลูกสาวที่โรงเรียน ตอนนี้หลี่อิงอิงโตขึ้นมากแล้ว เมื่อเห็นพ่อกับแม่มารอรับก็รีบวิ่งมาหาทันที ทั้งสามเดินไปรอรถประจำทาง ระหว่างรอหลี่อิงอิงก็เล่าเรื่องในโรงเรียนไม่หยุดจนกระทั่งรถมาจอดตรงหน้าหลี่อิงอิงถึงได้หยุดพูด ทั้งสามคนขึ้นไปหาที่นั่ง ก่อนที่โจวลี่อินจะเอ่ยบอกกับลูกสาวว่าวันนี้จะพาไปกินข้าวข้างนอกบ้าน หลี่อิงอิงได้ยินก็ดีใจเป็นอ
หลี่เหว่ยขึ้นไปบนเตียงแล้วจับเขาเรียวแยกออกจากกันเผยให้เห็นดอกไม้งามที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวาน มือหนาจับแก่นกายขนาดใหญ่ไปจ่อกลางร่องก่อนจะลากขึ้นลงทำเอาโจวลี่อินส่งเสียงครางออกมา ปลายหยักชุ่มไปด้วยน้ำหวานชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะดันแก่นกายเข้าไปในโพรงสวาท ด้วยความคับแน่นทำเอาโจวลี่อินรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกหลี่เหว่ยครางอยู่ในลำคอด้วยความทรมานเมื่อแก่นกายโดนตอดรัดอย่างหนัก ชายหนุ่มจึงตัดสินใจยกสะโพกขึ้นก่อนจะกระแทกกลับลงไปอย่างแรงทำให้แก่นกายจมหายเข้าไปในกายสาวจนมิดลำนิ้วร้อนสัมผัสกับเกสรดอกไม้ที่กำลังบวมเป่ง หลี่เหว่ยออกแรงเขี่ยไปมาเบาๆ ก่อนจะขยี้ ทำเอาโจวลี่อินดิ้นพล่านไปมาด้วยความเสียวซ่าน สะโพกสอบขยับขึ้นลงจากช้าเป็นเร็วขึ้นแก่นกายผลุบเข้าออกกลางกายสาวจนกลีบสวาทยับยู่ยี่ไปตามแรงกระแทกชายหนุ่มก้มใบหน้าลงไปแลบลิ้นออกมาไล้เลียที่ปลายถันก่อนจะอ้าปากดูดดึงเข้าไปในอุ้งปากส่วนสะโพกสอบก็ขยับขึ้นลงทำเอาหญิงสาวเสียวสะท้านไปทั้งตัวโจวลี่อินแอ่นสะโพกขึ้นสู้แรงกระแทกของชายหนุ่มด้วยความรัญจวน มันช่างดีเหลือเกิน แขนเรียวยื่นไปกอดรัดร่างหนาเอาไว้แน่น ยิ่งชายหนุ่มสร้างความเสียวให้มากเท่าไรเล็บคมก
ผ่านไปหลายเดือน เช้าวันนี้โจวลี่อินตื่นขึ้นมาแต่เช้าปลุกลูกสาวให้ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน วันนี้เป็นเปิดเรียนวันแรก หลี่อิงอิงที่ตื่นเต้นจะได้ไปโรงเรียนก็รีบลุกขึ้นอาบน้ำ โจวลี่อินช่วยลูกสาวแต่งตังเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปทำอาหารเช้าหลังจากทำอาหารเสร็จก็ยกไปวางบนโต๊ะก่อนจะเรียกสามีกับลูกสาวมากินข้าว สองพ่อลูกพากันเดินมานั่งที่เก้าอี้ โจวลี่อินจึงตักข้าวใส่ถ้วยให้กับทั้งสองคนก่อนจะตักให้ตัวเองหลังจากกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็เก็บถ้วยบนโต๊ะไปล้างก่อนจะเปลี่ยนชุดเตรียมพาลูกสาวไปส่งโรงเรียนทั้งสามคนเดินออกจากบ้านไปรอรถประจำทาง ไม่นานรถก็มาจอดตรงหน้า ทั้งสามคนจึงเดินขึ้นรถก่อนจะหาที่นั่ง รถแล่นเข้าสู่ท้องถนน หลี่อิงอิงที่ตื่นเต้นเป็นพิเศษพูดกับพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วไม่นานก็มาถึงโรงเรียนที่ก่อนหน้านี้หลี่เหว่ยกับโจวลี่อินพาลูกสาวมาสมัครเรียน ลงจากรถเรียบร้อยแล้วโจวลี่อินก็จูงมือลูกสาวไปหน้าโรงเรียนที่มีครูผู้หญิงมายืนต้อนรับเด็กนักเรียนหลี่อิงอิงทำความเคารพคุณครูก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนด้วยความตื่นเต้น โจวอินจึงฝากฝังให้ครูช่วยดูแลลูกสาว คุณครูก็รับปากว่าจะดูและหลี่อิงอ
หลังจากส่งของถึงมือของเพื่อนหลี่เหว่ย ฝ่ายนั้นก็พอใจกับสินค้ามาก จึงทำการส่งเงินมาจ่ายค่าของ ครั้งนี้โจวลี่อินได้เงินมาเยอะพอสมควรจึงชวนสามีกับลูกสาวไปกินข้าวข้างนอกบ้าน ทั้งสามคนกำลังเตรียมตัวก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากหน้าบ้านพร้อมกับเสียงเคาะประตูตอนแรกโจวลี่อินจะไปดู แต่หลี่เหว่ยอาสาจะไปดูแทน พอเปิดประตูออกไปก็เห็นเยว่ซื่อยืนร้องไห้ดวงตาแดงก่ำอยู่หน้าบ้าน"อาเหว่ย ต้องช่วยพี่ชายของลูกนะ" เยว่ซื่อเอ่ยบอกหลี่เหว่ยด้วยน้ำเสียงสะอื้น"คุณจะมาที่นี่อีกทำไม ผมบอกแล้วว่าห้ามมาข้องเกี่ยวกันอีก" หลี่เหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เตรียมจะปิดประตูห้องแต่เยว่ซื่อก็รีบเอามือดันประตูไว้ไม่ยอมให้ชายหนุ่มปิด"อย่าใจร้ายกับแม่กับพี่ชายของลูกมากนักเลย ตอนนี้อาหยวนกำลังลำบาก โดนนังตัวดีอย่างหนิงเหมยแจ้งทางการว่าอาหยวนมีชู้ แถมนังนั่นยังจ้างนักสืบหาหลักฐานมาด้วย ทางการเลยให้อาหยวนหย่ากับนังนั่นพร้อมจ่ายค่าเลี้ยงดู แต่ตอนนี้อาหยวนไม่มีเงินเลย ลูกต้องมีเงินเก็บอยู่แล้วใช่ไหม เอามาให้อาหยวนจ่ายค่าเสียหายก่อนได้ไหม" เยว่ซื่อพูดเสียยืดยาว สรุปก็คืออยากจะได้เงินของหลี่เหว่ยเพื่อไปให้หลี่หยวน โจวลี่อินที
หลังจากกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้วโจวลี่อินก็ออกไปข้างนอก หญิงสาวไปในที่ลับตาคนก่อนจะหยิบของออกมาจากมิติมากมายตามรายการที่เพื่อนของหลี่เหว่ยสั่งเอาไว้ พอเอาออกมาเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ว่าจ้างคนให้แบกของไปส่งที่สถานีรถไฟ รออีกฝ่ายได้รับของหลังจากนั้นก็จะส่งเงินมาจ่ายค่าของโจวลี่อินทำธุระเสร็จแล้วก็ขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน ไม่นานรถก็มาถึง หญิงสาวเดินลงจากรถก็ต้องชะงักเมื่อเจอเข้ากลับหนิงเหมย โจวลี่อินทำเป็นมองไม่เห็น กำลังจะเดินผ่านหนิงเหมยไป แต่อีกฝ่ายก็ร้องเรียกพร้อมกับเข้าไปจับแขนเรียวเอาไว้"เธอมาที่นี่ทำไม" โจวลี่อินเอ่ยถามเสียงแข็งก่อนจะสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของหนิงเหมย"คือว่าฉันอยากจะมาขอยืมเงินน่ะ" หนิงเหมยเอ่ยบอกถึงความต้องการของตนเองออกไปทันที ความจริงแล้วเธอก็ไม่อยากจะทำแบบนี้ แต่เพราะไม่มีทางออกจริงๆ ก็เลยต้องบากหน้ามาขอยืมเงินจากโจวลี่อิน"ฉันไม่มีเงินมากถึงขนาดให้ใครยืมหรอก กลับไปซะเถอะ" โจวลี่อินบอกปัดอย่างไร้เยื่อใย เรื่องอะไรเธอจะต้องให้คนที่เกลียดเธอยืมเงินด้วย"แต่ว่าฉันจำเป็นจริงๆ นะ ถ้าหากว่าไม่ได้เงินกลับไปฉันต้องตายแน่ๆ" ก่อนหน้านี้เธอโดนไล่ออกจากงานเพราะทำงานผ
หลี่เหว่ยเห็นภรรยาต้องไปขายของที่ตลาดมืดทุกวันก็รู้สึกสงสาร วันนี้ชายหนุ่มจึงออกจากบ้านเพื่อไปใช้โทรศัพท์ที่ศูนย์บริการ ชายหนุ่มโทรหาเพื่อนสนิทที่กองทัพ ตอนแรกว่าจะขอความช่วยเหลือแต่พอได้ยินว่ากองทัพกำลังขาดแคลนอาหาร ชายหนุ่มจึงคิดว่าเป็นโอกาสดีที่เขาจะหาเงินได้จากเรื่องนี้ หลี่เหว่ยจึงลองเสนอความคิดของตนเองให้เพื่อนฟังว่าเขานั้นจะหาทางส่งเสบียงอาหารไปให้แต่ของที่หายากอาจจะมีราคาแพงนิดหน่อย เพื่อนชายหนุ่มได้ฟังก็ดีใจมากบอกเพียงว่าถ้ามีอาหารส่งมาให้เขาก็พร้อมที่จะจ่ายหลี่เหว่ยจึงบอกกับเพื่อนว่าจะโทรไปแจ้งความคืบหน้าอีกทีเมื่อหาเสบียงอาหารได้ หลังวางสายจากเพื่อนชายหนุ่มก็เดินไปรอรถประจำทาง ระหว่างยืนรอรถอยู่นั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหา"ใช่พี่เหว่ยไหมคะ" หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจว่าจะใช่คนที่ตนเองรู้จักหรือไม่ เพราะเธอก็ไม่ได้เจออีกฝ่ายมานานแล้วหลี่เหว่ยมองคนตรงหน้าก่อนจะพยายามนึกว่าเคยรู้จักหญิงสาวมาก่อนไหม แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ชายหนุ่มจึงตอบรับว่าตนเองนั้นคือหลี่เหว่ยก่อนจะเอ่ยถามกลับว่าหญิงสาวเป็นใคร"ฉันถิงถิงไงคะ เคยเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนของพี่เหว่ย" หญิงสาวเอ่ยแนะ