บทที่ 4
ผ้าแพรพาลูกสาวลงมาด้านล่างเพื่อที่จะมาทานข้าวแต่เห็นสามีของตัวเองนั่งอยู่โต๊ะอาหารทานข้าวโดยที่ไม่รอเธอกับลูก เกินไปหรือเปล่าแล้วคนเป็นเมียจะต้องยอมกินของเหลือๆ จากผู้หญิงคนอื่นเหรอ เธอนั่งยองๆ เสมอกับลูกสาวทั้งยังลูบหัวของลูกเบาๆ ไม่ไกลจากโต๊ะอาหารนั้นมาก
"พะพายหนูอยากทานกุ้งไหมลูก วันนี้มามี๊พาไปทานชาบูเอาไหมคะ" เด็กสาวตัวเล็กยิ้มหวานรีบพยักหน้าให้กับผู้เป็นแม่ เธอไม่เคยได้ออกไปเที่ยวข้างนอกไม่เคยได้กินชาบูถึงแม้ว่าจะอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวยแต่ทุกคนนั้นทำงานคุณตาของเธอป่วยก่อนที่จะเสียไปก็ไม่ได้ออกไปไหนเลย
"ไปค่ะ"
ผ้าแพรลุกขึ้นจับมือของลูกสาวอย่างไม่ทันได้เดินไปไหน เธอหยุดชะงักด้วยเสียงทุ้มที่พูดขึ้น
"ข้าวที่บ้านกินไม่ได้เหรอต้องไปหาอย่างอื่นกินหรือว่าเธอถนัดซื้อกิน" ต่อหน้าลูกยังใช้คำดูถูกได้ขนาดนี้ขุนเพลิงไม่เคยไว้หน้าผ้าแพรเลยสักนิด
"ฉันเป็นเมียไม่มีวันกินของเหลือจากชู้อยู่แล้ว คิดว่าทำถูกก็ทำไปถ้าผู้หญิงคนอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านทั้งๆ ที่ฉันยังไม่ได้หย่า ถ้าฉันฟ้องคุณทั้งสองคนไม่ติดคุกแน่" ขุนเพลิงลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินตรงเข้ามาหาผ้าแพรกับลูกสาว เขาอุ้มลูกสาวด้วยสองมือยื่นให้กับพี่เลี้ยง
"ถ้าอยากกินชาบูเดี๋ยววันหลังป๊าพาไปนะลูก วันนี้มันมืดแล้วหนูไม่ควรออกจากบ้านอย่าเอานิสัยของผู้หญิงแถวนี้มาใช้ หาอะไรให้กับคุณหนูทานอย่าให้คุณหนูออกมาข้างนอก"
"ไม่เอาค่ะ หนูจะไปกับมามี๊" เด็กสาวตัวเล็กพยายามที่จะไปกับผู้เป็นแม่ของตัวเองแต่ถูกสายตาของผู้เป็นพ่อนั้นขวางใส่จนเธอต้องก้มหน้าลง
"มันจะมากเกินไปหรือเปล่า แค่ฉันจะพาลูกออกไปทานข้าวข้างนอกมันผิดเหรอ" ผ้าแพรทนไม่ได้ที่สามีของตัวเองจ้องมองหน้าลูกแบบนั้น เธอจึงรีบผลักหน้าอกของสามีออกหลังจากที่พี่เลี้ยงพาลูกสาวของเธอกลับขึ้นไปบนห้อง
"คุณผ้าแพรคะ คุณทำแบบนี้เกินไปหรือเปล่าขุนเพลิงเขาเจ็บนะคะ" ผ้าแพรได้เพียงแต่ยิ้มสมเพชตัวเองผู้หญิงคนนั้นเป็นห่วงสามีของเธอจนต้องรีบลุกมาจับดูที่หน้าอกทั้งๆ ที่มือเธอทุบหน้าอกสามีไม่ได้แรง
"เลิกหน้าด้านในบ้านของฉันสักทีแสดงตัวเป็นเมียน้อยขึ้นทุกวันมันดูทุเรศ"
ผ้าแพรละสายตาออกจากสามีเพ่งไปที่หน้าของนับดาวผู้หญิงหน้าด้านคนนี้
"เลิกทำตัวต่ำสักที เธอจะไปไหนก็ไปแต่อย่าเอาลูกของฉันไป"
"ที่คุณอยากออกไปข้างนอกคุณนัดใครไว้หรือเปล่าคะ ไม่อยากทานข้าวกับสามีไม่รู้สึกแปลกๆ ได้เลยนะถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น เขาก็จะเรียกว่ามีชู้" ประโยคที่พ่นออกมาจากปากผู้หญิงไร้ยางอายพยายามใส่ร้ายให้สามีของเธอมองว่าเมียนั้นเป็นคนไม่ดี ไม่รอช้าพี่ผ้าแพรจะพุ่งตัวและตบหน้าของนับดาวจนล้มลงไปกับพื้นในครั้งนี้แรงจนริมฝีปากของเธอเลือดออก
"ฮื่อๆ ขุนเพลิง" ในแววตาแดงก่ำจับใบหน้าและริมฝีปากที่เลือดออกนั้นหันกลับมามองผ้าแพร ที่ร้องไห้คงไม่ได้เสแสร้งเพราะความเจ็บจริงๆ แม้กระทั่งมือของผ้าแพรยังรู้สึกได้
"มันจะมากเกินไปแล้วนะ"
เมื่อสามีของตัวเองหันมาด้วยความไม่พอใจ แต่เขาไม่ได้ลงมือหรือว่าจะตบแน่นอนว่าขุนเพลิงไม่ใช่แมงดาที่ทำร้ายร่างกายเพศตรงข้าม
"แล้วยังไงคุณจะตบหน้าฉันไหมล่ะ ตบเลยสิ ตบเลย" ผ้าแพรยื่นใบหน้าขยับเข้ามาใกล้ๆ สามีของตัวเองทั้งยังท้าให้เขาตบแต่ขุนเพลิงไม่ทันได้เพียงแต่กำหมัดแน่น
ผ้าแพรเดินออกมาจากบ้านด้วยความโมโหจะพาลูกออกมาทานข้าว แต่ต้องเห็นสามีอยู่กับผู้หญิงคนอื่นที่โต๊ะอาหารและก็พากันทานข้าวไปก่อนแล้วแต่พอจะพาลูกออกมาทานชาบูก็ยังถูกสามีห้ามเอาไว้และไม่ให้พาลูกออกมา หยดน้ำตาที่ไหลออกจากดวงตานั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
"คุณหนูเป็นยังไงบ้างคะ" แม่นมรีบเข้ามาหาคุณหนูของเขาทั้งยังรีบจับมือกลัวว่าคุณหนูนั้นจะเจ็บผ้าแพรดึงมือของตนเองออกจากแม่นม
"ในตู้เย็นมีอาหารที่สามารถทำชาบูทานได้ไหมคะ แม่นมทำให้พะพายทานทีค่ะ ผ้าเเพรขออกไปข้างนอกสักพัก"
ในความรู้สึกตอนนี้เธอไม่สามารถยับยั้งอารมณ์โกรธได้ แต่ถ้าเธอโผงผางทุกอย่างก็ต้องจบลงคนอย่างขุนเพลิงอยู่ๆ เขาจะเปลี่ยนเป็นแบบนี้คงไม่ใช่ มันต้องมีอะไรบางอย่าง
ผ้าแพรเธอมานั่งดื่มที่ร้านประจำนั่งชิวอยู่เพียงคนเดียวคิดอะไรหลายๆ อย่างสามีที่เคยแสนดีนั้นหายไปเป็นคนละคน มีผู้หญิงคนอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านในสถานะชู้เธอต้องพยายามเก็บอารมณ์และใจดีมากแค่ไหนถึงยอมให้ผู้หญิงคนอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านได้
"ขอดื่มด้วยได้ไหมครับ" เสียงทุ้มดังขึ้นจากทางด้านข้างเมื่อผ้าแพรหันมองไปยังเจ้าของเสียง เธอตกตะลึงในความหล่อของเขาเพียงเล็กน้อยถ้าเทียบกับขุนเพลิงสเปกของผ้าแพรก็ยังคือเขาหรือว่าเป็นที่หัวใจมันคงไม่สามารถรักใครได้อีกนอกจากสามี
"ฉันต้องการดื่มคนเดียวขอโทษนะคะ" ผ้าแพรปฏิเสธผู้ชายคนที่เดินเข้ามาขอดื่มด้วยตรงๆ แต่เขากลับไม่ถอยออกและยังนั่งลงที่โซฟาด้านข้างของผ้าแพรอีกด้วย
เรือนร่างบางถอนหายใจมือขวาหยิบกระเป๋าเตรียมที่จะลุก ด้วยที่เธอเคยถูกพ่อของเธอสั่งสอนมาโดยตลอดว่ามีแฟนให้ตั้งใจรักแฟนหลังจากแต่งงานพ่อของเธอก็ยังเคยสอนเที่ยวได้แต่ห้ามนอกใจห้ามคิดกับผู้ชายคนอื่นหรือเข้าใกล้นอกจากสามี
"ขอโทษนะคะปล่อย" ทันทีที่ผ้าแพ้คว้าหยิบกระเป๋าสะพายของตนเอง มือหนาของผู้ชายที่เข้ามานั้นจับมือของเธอเอาไว้จึงทำให้ผ้าแพรไม่พอใจมาก เธอกวาดสายตามองด้วยแววตาที่เคร่งครัดทั้งยังรีบบอกให้เขาปล่อยมือเธอ
"จำผมไม่ได้จริงๆ เหรอ"
ดวงตาคู่น้อยที่เพ่งเล็งไปยังใบหน้าของผู้ชายคนนั้น เขาเอ่ยถามว่าจำไม่ได้จริงๆ เหรอซึ่งต้องเป็นคนที่รู้จักกับเธอมาก่อนคิ้วน้อยที่ขมวดเข้าหากันพยายามคิดนึกถึงใบหน้าและแววตาที่จ้องมองอยู่
"ฉันจำไม่ได้ขอโทษนะคะ" เธอกระชากมือของตนเองออกจากมือของเขาและลุกขึ้นยืนผู้ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นทันที เขายิ้มและหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกางเกงทางด้านหลังยื่นรูปใบหนึ่งที่ใส่ชุดนักเรียนสมัยเด็กประถมให้กับผ้าแพร
"จำไม่ได้จริงๆ เหรอ"
คนตัวโตยังคงเอียงคอให้มาที่ใบหน้าน้อยจ้องมองในระยะใกล้ชิด
"เราเคยเป็นเพื่อนกันตอนเรียนเหรอ" เวลามันผ่านไปนานมากซึ่งผ้าแพรจำได้บ้างไม่ได้บ้างด้วยที่ชั้นของเธอมีเกือบร้อยคนและผ่านมานาน
"เตโชไงเด็กผู้ชายที่เคยปกป้องน้องผ้าแพรที่ถูกคนอื่นรังแกจำไม่ได้เหรอ" เมื่อเขาเอ่ยพูดว่าตนเองนั้นชื่อเตโช ผ้าแพรเริ่มจำได้ถึงแม้ว่าจะไม่มากในช่วงเวลานั้น
"อ๋อ จำได้แล้วแต่ทำไมนายถึงจำเราได้??"
ผ้าแพรมองหน้าเตโชด้วยความสงสัยทำไมเขาถึงจำเธอได้ทั้งๆ ที่เธอก็ไปเรียนต่อต่างประเทศหลายปีและแยกย้ายตั้งแต่มัธยม
"ฉันยังคอยดูเธออยู่ต่างหากไม่ใช่ว่าแค่จำได้ แต่รู้ทุกอย่างเธอแต่งงานได้สามปี พ่อของเธอเสียไปเมื่อเดือนที่แล้ว??"
ผ้าแพรนั่งลงที่โซฟาเมื่อพูดถึงพ่อของเธอที่เสียไปเดือนที่แล้วทำให้คนตัวเล็กนั้นน้ำตาคลอ
"ไม่ร้องไห้สิ ทุกอย่างมีเกิดก็ต้องมีดับคนที่อยู่ก็ต้องสู้เพื่ออนาคตที่ดี" เตโชเห็นผ้าแพรนั้นน้ำตาไหลเขาจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อสูทของตนเองออกมาจะซับน้ำตาให้กับเธอแต่ผ้าแพรคว้าจับผ้าเช็ดหน้าเอาไว้
"ไม่เป็นไรเราเช็ดเองได้" จะต่อหน้าหรือลับหลังผ้าแพรไม่เคยทรยศในความรักที่มีต่อขุนเพลิงเลยสักครั้งต่อให้เที่ยวกลางคืนเป็นบางครั้งก็ไม่เคยเข้าใกล้ผู้ชาย
"อะไรเข้าตาหรือเปล่า" เมื่อผ้าแพรเช็ดน้ำตาของตัวเองในช่วงจังหวะเดียวกันเศษมาสคาร่าหล่นเข้าไปในดวงตา เธอจึงพยายามเอาออกและเตโชก็พยายามที่จะช่วย
"นี่ไงออกมาแล้ว" ช่วงจังหวะที่เตโชก้มหน้าลงไปช่วยเอาเศษมาสคาร่าออกนั้นเป็นจังหวะที่เขาถูกจับไหล่และกระชากกระเด็นออกไปจากโซฟา
พรึ่บ! "เฮ้ยมึงเป็นใครวะ!!"
บทที่ 15หน้าห้องฉุกเฉินหลังจากส่งตัวลูกสาวให้หมอดูอาการและทำการรักษาผ้าแพรและขุนเพลิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผุดลุกผุดนั่งกะวนกะวายเดินวนกันไปมาอยู่แถวนั้นยิ่งผ้าแพรเธอร้องไห้ไม่ยอมหยุดสายตาของผู้เป็นแม่พยายามชะเง้อมองผ่านกระจกบานเล็กอยู่บนหน้าประตู"ฮึ๊ก อย่าเป็นอะไรนะลูกแม่เหลือลูกอยู่แค่คนเดียวแล้วนะ" ผ้าแพรร้องไห้กุมมือเข้าหากันและพูดเพียงคนเดียวว่าเหลือแค่พะพายสิ้นสุดคำพูดขุนเพลิงหันมองหน้าภรรยาแต่ก็หันกลับโดยไม่มีคำปลอบใจเมื่อหมอเปิดประตูออกมาใบหน้าของหมอที่ดูกังวลและเครียดใช้คำพูดติดขัดยังไม่บอกอาการของพะพาย"คุณหมอคะลูกสาวของฉันเป็นยังไงบ้าง" พยายามฝืนด้วยถ้อยคำพูดที่เอ่ยถามน้ำเสียงติดขัดทั้งยังน้ำตาที่ไหลเอ่อล้นบนแก้ม"เด็กอาการแย่ด้วยที่เสียเลือดมากเป็นเวลานานเกร็ดน้ำเกลือต่ำ ถ้าเกิดเราหาเลือดได้ทันเวลาก็จะไม่เป็นอะไรด้วยที่เลือดกำลังมาแต่ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ยินดีที่จะให้เลือดน้องก็ได้ครับทางเราจะได้ไม่ต้องรอ""ฉันค่ะ...ฉันเป็นแม่ของเขาฉันเป็นแม่ของพะพายเอาเลือดของฉันไปเลย" ผ้าแพรยื่นแขนตัวเองให้กับหมอด้วยความกระวนกระวายและหวาดกลัว เธอเอ่ยบอกกับหมอให้เอาเลือดของตัวเองแต่ถูกขุนเพ
บทที่ 14 พรึ่บ เรือนร่างบางนอนอยู่บนโซฟาในขณะที่กำลังละเมออยู่ๆ น้ำเย็นสาดเข้ามาที่หน้าจนเธอสะดุ้ง ผ้าแพรรีบดีดตนเองนั้นลุกขึ้นมองคนตรงหน้าผู้เป็นสามียืนถือแก้วน้ำอยู่"คุณทำอะไรของคุณ" ใบหน้าน้อยขมวดคิ้วเพ่งเล็งไปยังหน้าของสามีตนเอง เมื่อวานนี้ก่อนจะกลับบ้านดันเกิดปัญหาและเขาก็พาตัวของเธอมาที่นี่เพื่อมาเคลียร์งาน"ก็ฉันปลุกให้ตื่น" "นี่คือการปลุกของคุณเหรอ ขุนเพลิงคุณเปลี่ยนไปมากรู้ไหม" การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ถึงแม้ว่าไม่เจ็บแต่เป็นการกระทำที่ย่ำยีหัวใจ การสาดน้ำใส่หน้าในขณะที่หลับมันดูทุเรศจนผ้าแพรนั้นโมโห"ถ้าไม่พอใจก็เซ็นใบหย่าให้กับฉันสิ" ครั้งที่ร้อยเพียงเวลาแค่ไม่กี่วันเขาพูดคำว่าหย่าจนนับไม่ถ้วนในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ท้าผ้าแพรไปหย่าแต่ยังมีเอกสารหย่าที่อยู่หน้าจอคอมนั้นตรงมาที่โซฟาแล้วโยนลงบนโต๊ะให้กับผ้าแพรด้วย"เซ็นซะใบหย่านี้" ปากกาในมือโยนลงมาทับกระดาษทั้งคำพูดในเชิงตะคอกให้รีบเซ็นใบหย่า ผ้าแพรที่มองกระดาษโกรธในการกระทำของขุนเพลิงจากกระดาษใบหย่านั้นชูขึ้นและฉีกต่อหน้าของขุนเพลิงทันที"ไม่ฉันยังไม่พร้อม ฆ่าฉันเลยสิเพราะยังไงฉันก็ไม่หย่า" ใบหน้าสวยที่เงยขึ้นเผชิญกับแววตาของขุน
บทที่ 13 ตัดมาทางด้านของนับดาวหลังจากที่เธอรู้ว่าขุนเพลิงออกไปข้างนอกเพราะว่าไปตามหาผ้าแพรภรรยาของเขา เธอโกรธมากเขวี้ยงข้าวของในห้องจนกระจายลงพื้นมีเพียงแต่แม่บ้านที่เธอเพิ่งรับเข้ามาทำงานพยายามห้ามแต่ก็ถูกตบหน้าด้วยความโมโห"ขุนเพลิง" เธอนั้นดั่งกับคนละคนที่อยู่กับขุนเพลิงอ่อนหวานและแสนดีนั้นหายไปทันที มือทั้งสองข้างที่กำหมัดเข้าหากันจนเนื้อตัวสั่นด้วยความโกรธในแววตาเเดงโดยที่เวลาผ่านไปนานขุนเพลิงยังไม่กลับเข้ามาในบ้าน"คุณนับดาวคะ รถของคุณผู้ชายกลับเข้ามาแล้ว" แม่บ้านคนสนิทของนับดาวรีบวิ่งมาที่หน้าต่างเห็นรถของขุนเพลิงกลับเข้ามาหน้าตาตื่นหันมองไปทางนับดาวและเอ่ยบอกทันที"รีบเก็บข้าวของให้เรียบร้อย" นับดาวเอ่ยสั่งให้กับแม่บ้านที่ตัวเองเพิ่งจะเขวี้ยงข้าวของนั้นเก็บของให้เรียบร้อยส่วนตัวเองรีบวิ่งลงมาจากห้องแม้ในตอนดึกมากเธอก็ยังไม่ยอมนอน นับดาวผิดหวังเมื่อลงมาถึงด้านล่างขุนเพลิงไม่ได้กลับมาที่บ้านทั้งยังผ้าแพรที่ไม่ได้กลับมาด้วยมีเพียงแต่ลูกน้องคนสนิทที่กลับมา"คุณผู้ชายทำไมถึงไม่กลับมา" ซูโจลูกน้องคนสนิทก้มหน้าลงและส่ายหน้าไปมา เขาไม่บอกอะไรกับนับดาวมีเพียงแต่การเดินหลีกทันทีนับ
บทที่ 12 "บอกให้ปล่อย...ฉันบอกให้ปล่อย กล้าดียังไงมาจับฉัน" ยิ่งผ้าแพรสะบัดมือของตัวเองมือที่จับเธอนั้นยิ่งบีบแน่น คนตัวเล็กถูกกระชากออกมาจากโต๊ะนั่งดื่ม"ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยด้วยไม่อื้อ" เตโชที่กล้ามากใช้ยานอนหลับใส่กับผ้าเช็ดหน้าปิดปากให้ผ้าแพรนั้นสลบก่อนที่เขาจะอุ้มเธอออกมาจากสถานบันเทิงแห่งนี้ไม่มีใครกล้าที่จะยุ่งกับเตโชสักคนปล่อยให้เขาอุ้มผู้หญิงออกไปต่อหน้าต่อตา"มันไม่สนใจเธอแล้วมาเป็นของฉันทุกอย่างก็จบ" เตโชรู้มาว่าเรื่องระหว่างผ้าแพรกับสามีของตัวเองกำลังจะหย่าจึงเข้าหาผ้าแพรอย่างไม่กลัว เขาพาผ้าแพรขับรถออกมาข้างนอกแต่รู้ตัวว่ามีรถประกบทางด้านหลังมาหลายคัน "ผัวเธอคงตามมาสินะ" ในวันนั้นเตโชถูกขุนเพลิงสามีของผ้าแพรนั้นต่อยจนล้มลงไปกับพื้นในวันนี้เขาต้องการเอาคืนเลยขับรถเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ด้วยความเร็วเลี้ยวไปเลี้ยวมาจนรถคันหลังตามมาไม่ทัน เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายของผ้าแพรดังขึ้นเรื่อยๆ ช่วงจังหวะที่เตโชนั้นตบไฟยกเลี้ยวเข้าโรงแรมเล็กๆ ในซอยพอดีหลังจากที่โรงแรมปิดผ้าม่านเตโชจึงหยิบกระเป๋านั้นมาดูโทรศัพท์เป็นเบอร์ของขุนเพลิงที่โทรมาหาภรรยาจริงๆเขากดรับสายอย่างไม่กลัว
บทที่ 11 ไม่เพียงแต่ตัวเองที่ไม่ปลอดภัยแต่ยังเป็นเด็กตัวเล็กผู้เป็นลูกถูกกระทำจากผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นหลังจากที่ผ้าแพรรู้ว่าลูกสาวของเธอนั้นถูกหลอกให้ไปเอาของเล่นในน้ำก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากนับดาว "ต่อจากนี้ไปห้ามเข้าใกล้ผู้หญิงคนนั้นอีกนะลูก" ผ้าแพรพยายามคิดว่าจะทำยังไงจะให้ลูกสาวของตัวเองปลอดภัยไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนแต่ถ้าจะปล่อยให้อยู่ที่นี่อีกลูกของเธอต้องเป็นอันตรายแน่ๆ "ป๊า" ถ้าแพรไม่รู้ว่าประตูลูกบิดถูกเปิดเข้ามาตอนไหน เธอนั่งอยู่ที่ห้องของตัวเองกับลูกสาวเสียงลูกสาวจึงพูดขึ้นเอ่ยเรียกผู้เป็นพ่อของเขาผ้าแพรจึงหันมองไปที่หน้าประตูเห็นขุนเพลิงยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อผ้าแพรกับลูกสาวรู้ตัวขุนเพลิงเดินเข้ามาด้านในก่อนที่จะปิดประตูห้องเขานั่งลงที่เตียงด้านข้างของลูกสาวลูบหัวของเด็กสาวเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน"ทีหลังอย่าลงไปเก็บของเล่นในน้ำอีกนะลูก รู้ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหนดีที่พี่ซูโจอยู่ไม่อย่างนั้นหนูจะต้องจมน้ำ ไม่มีใครช่วยหนูได้แม้แต่แม่ของหนูเองยังช่วยตัวเองไม่ได้เลย" คำพูดประชดของสามีเอ่ยว่าให้ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นสามีที่ห่วยแตก ผ้าแพรเธอได้เพียงแต่เงียบในครั้งนี้เธอเลือกที่จะเห
บทที่ 10 ผ้าแพรอาบน้ำแต่งตัวเตรียมที่จะพาลูกสาวนั้นไปเที่ยวข้างนอกพาไปโรงเรียนเด็กศูนย์ของประเทศโรงเรียนนานาชาติที่มีแต่ลูกคนรวยคนมีเงินเรียน "คุณผู้หญิงคะ...คุณผู้หญิงคุณหนูหายไปไหนไม่รู้ค่ะ" ผ้าแพรเธอเดินลงมาจากห้องยังไม่ทันก้าวขาไปไหนต้องหยุดชะงักด้วยที่พี่เลี้ยงทั้งสองคนวิ่งหน้าตาตื่นมองซ้ายและขวาตามหาพะพาย ในวินาทีที่เธอได้ยินแบบนั้นหัวใจแทบหยุดเต้นเหมือนฟ้าถล่มลงมาเพราะตั้งแต่พะพายเกิดมาไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลย"เป็นไปได้ยังไงไปตามหาให้เจอเดี๋ยวนี้" ผ้าแพรเอ่ยร้องส่งเสียงตามหาลูกสาวตามบ้านด้วยความเป็นเด็กเขาอาจจะซุกซนอยู่มุมไหนของบ้านสักที่ ทั้งในห้องทำงานของขุนเพลิงตามห้องนั่งเล่นก็ไม่มีเสียงตอบรับของพะพายเลย"นับดาว" เมื่อผ้าแพรเอ่ยชื่อของนับดาวเสียงร้องกรี๊ดดังมาจากสระน้ำกลางบ้านผ้าแพรจึงรีบหมุนตัวก้าวฝีเท้าวิ่งตรงไปที่เสียงร้องนั้น"คุณหนู" ผ้าแพรวิ่งมาที่สระน้ำเธอตกใจที่เห็นลูกตัวเองอยู่ในน้ำกำลังสำลักน้ำซูโจกระโดดลงไปช่วยเอาไว้ได้และรีบพาตัวของพะพายนั้นขึ้นมาด้านบน ผู้เป็นแม่หัวใจแทบแตกสลายเห็นลูกสาวตัวเล็กนั้นจมน้ำมือทั้งสองข้างโอบกอดลูกลูบหัวเบาๆ"เป็นอะไรหรือ