บทที่ 3
สายตาคู่นั้นที่จ้องมองไปยังสามีของตัวเองนั่งอยู่ในห้องรับแขก มือที่เคยสัมผัสใบหน้าของเธอเคยอ่อนโยนในตอนนี้กลายเป็นของผู้หญิงคนอื่น ผ้าแพรได้เพียงแต่ยืนมองสามีของตัวเองอ่อนโยนต่อผู้หญิงหน้าด้านที่คิดจะแย่งสามีของเธอ มือทั้งสองข้างกำหมัดเข้าหากันแน่นไม่เคยคิดจะเป็นนางร้ายหรือตามรังควานใครแต่แน่นอนที่ของทุกอย่างรวมทั้งสามีที่เธอรักทั้งยังเป็นพ่อของลูก ผ้าแพรไม่มีวันยอมให้เป็นของคนอื่นอย่างแน่นอน
"ฉันไม่มีวันยอม" สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นปาดน้ำตาของตัวเองมองจ้องไปยังแม่นมหญิงสาววัยกลางคนมองหน้าคุณหนูที่เขารักและทะนุถนอมมาตั้งแต่เด็กด้วยความสงสาร เธอนั้นก้าวเดินตรงเข้ามาหาผ้าแพร
"อดทนนะคะ คุณหนูความรักที่คุณหนูมีให้กับคุณผู้ชายมันมากเกินกว่าผู้หญิงคนอื่นจะเข้ามาทำลายมันได้" ผ้าแพรฝืนยิ้มและพยักหน้าให้กับแม่นมของตัวเองทั้งๆ ที่หัวใจนั้นแตกสลายแต่ยังทำท่าทีแข็งแกร่งเหมือนกับคนที่ยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง
เมื่อผ้าแพรเดินกลับขึ้นมาบนห้องเพราะจะไปดูลูกสาวที่นอนอยู่บนเตียง แต่เธอหยุดชะงักตรงที่ผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นเดินมากขวางทางขึ้นบันได ใบหน้าที่สวยเฉิดฉายเจ้าเล่ห์ดั่งกับสุนัขจิ้งจอกจ้องมองมาพร้อมกับเบะปากไม่เหมือนกับตอนที่อยู่กับผู้ชายทำเป็นใสซื่ออ่อนแอ
ผ้าแพรได้เพียงแต่ส่ายหน้าไปมาเมื่อไร ขุนเพลิงจะรู้สักทีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนดีเธอเลือกที่จะเดินหลบแต่นับดาวก็ยังขวางทางเอาไว้
"เธอยอมแพ้แล้วเหรออย่างว่านะควรที่จะยอมแพ้มาตั้งนานแล้ว เขาไม่ได้รักเธอเลยสักนิดอยากรู้ไหมล่ะว่าเขาแต่งงานกับเธอเพราะอะไร" นับดาวขยับเข้ามาใกล้ๆ ใบหน้าของผ้าแพรทั้งยังกระซิบบอกข้างหูเบาๆด้วยน้ำเสียงยั่วประสาท
"อย่ามายุ่งกับฉัน" ผ้าแพรไม่ต้องการฟังประโยคที่กำลังใส่ร้ายหรือปั้นเรื่องให้เธอกับสามีตัวเองนั้นเกลียดกัน ผ้าแพรยกมือผลักไหล่นับดาวออกจากตัวเอง
"เธอไม่ยอมหย่าให้กับเขาง่ายๆ เธอก็คอยดูละครคุณธรรมก็แล้วกัน ฉันเตือนเธอแล้วนะถ้าเธอออกไปจากบ้านนี้แล้วพาลูกของเธอออกไปดีๆ จะได้ไม่เจ็บตัวหรือเจ็บใจ แต่ถ้าเธอยังยื้อที่จะอยู่ก็เตรียมตัวไว้ได้เลยอาจจะไม่มีหัวใจกลับออกไปด้วยก็ได้" ผ้าแพรไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงที่เขาบอกว่าเป็นคนรักในอดีตจะร้ายได้ขนาดนี้ ในแววตาที่ดูใสซื่อสำหรับเขาเปล่งประกายออกมาราวกับแม่มด
"ฉันไม่ใช่นางเอกที่จะให้เธอมาใส่ร้ายได้ง่ายๆแล้วฉันก็ไม่ได้ยอมเหมือนนางเอกในละครคุณธรรมที่เธอพูดถึง แน่นอนว่าถ้าร้ายกับฉันชีวิตของเธอก็ไม่รอด" เป็นถึงลูกสาวมาเฟียไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายง่ายๆ ในขณะที่ผ้าแพรขยับเดินเข้ามาใกล้ๆ นับดาวเธอต้องถอยหลังหนีด้วยแววตาของผ้าแพรที่จ้องมองโต้ตอบกัน
"กลัวเหรอ...ไม่ต้องกลัวกล้าเข้ามายุ่งกับผัวคนอื่นก็ต้องกล้าที่จะตายด้วยเหมือนกัน" ผ้าแพรยกมือข้างขวาแบมือออกเหมือนกับคนที่จะตบหน้าทำให้นับดาวนั้นรีบหลบแล้วใช้มือปิดหน้าของตัวเอง
ผ้าแพรไม่ตบนับดาวก็เพราะว่าไม่อยากให้สามีมาเห็นในจังหวะนี้ ผ้าแพรเลือกที่จะจับใบหน้าของนับดาวและบีบเข้าที่ปลายคางเสยหน้าของเธอให้เงยขึ้น
"เมื่อกี้เธอบอกว่าให้ฉันหย่าให้กับเขาแล้วออกไปใช่ไหม อย่างนั้นเธอก็เตรียมตัวดูละครคุณธรรมได้เลยเพราะผู้กำกับเรื่องนี้ไม่ใช่เธอแต่เป็นฉัน"
นับดาวผลักมือของผ้าแพรออกจากตัวเอง
"ก็ลองดูว่าใครเป็นผู้กำกับกันแน่ ในเมื่อฉันเตือนเธอดีๆ แต่เธอเลือกที่จะเป็นศัตรูกับฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะปราณีเธอกับลูกของเธออีกแล้ว เตรียมรับความเจ็บปวดทั้งแม่ทั้งลูกได้เลย"
"จะทำอะไรก็ทำกับฉัน อย่าไปยุ่งกับเด็กเขาไม่เกี่ยว"
"ฮ่าๆ ขอโทษนะ ฉันไม่ใช่แม่ชีที่จะปราณีเด็กน้อยใครที่มันอยู่ข้างเธอ มันก็เป็นศัตรูฉันเท่านั้น โอ๊ย" นับดาวร้ายกว่าที่คิด เธอกระแทกใบหน้าของตัวเองมาที่หน้าผากของผ้าแพรทั้งยังทำท่าทีล้มลงไปกับพื้นร้องกรี๊ดเสียงดังเหมือนจริง เหมือนนางร้ายในละครคุณธรรม
ผ้าแพรยืนกอดอกมองการแสดงของนับดาว เธอเจ็บหัวไม่ต่างจากนับดาวแต่ก็ไม่ได้เจ็บจนล้มลงไปกับพื้น ผ้าแพรนับในใจไม่ถึงสาม หลังจากเสียงกรี๊ดนั้นเกิดขึ้นสามีของเธอก็วิ่งเข้ามาด้วยความไม่พอใจ
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น" เสียงทุ้มในเชิงตะคอกดังมาก่อนที่เขาจะวิ่งเข้ามาแล้วคงจะเป็นห่วงผู้หญิงคนนี้มากแค่เสียงกรี๊ดที่ไม่ได้เห็นว่าเป็นอะไร เขายังวิ่งหน้าตาตื่นมาขนาดนี้ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรจริงๆ คงได้ฆ่าเมียตัวเอง
"ขุนเพลิงคะนับดาวแค่หวังดีอยากจะทำความรู้จักกับลูกสาวของคุณ แต่ภรรยาของคุณขวางไว้แล้วผลักนับดาวอย่างไม่ปราณีเลย นับดาวไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้วในสายตาของภรรยาคุณคงมองว่านับดาวเป็นชู้"
ขุนเพลิงพยุงนับดาวขึ้นทั้งยังโอบกอดเอาไว้ สายตาจ้องมาที่ผ้าแพรยังไม่พอใจใบหน้าแสดงสีหน้าเห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธเชื่อคำพูดจอมปลอมจนเหมือนกับควายที่ถูกดึงจมูกเอาไว้
"มันจะมากเกินไปแล้วนะผ้าแพร เธออยู่บ้านหลังนี้มันคงดีเกินไปสินะ เก็บข้าวของคุณผู้หญิงลงจากห้องแล้วพาเธอไปอยู่ที่ห้องของแม่บ้านอย่าให้เธอกลับขึ้นมาบนบ้านหลังใหญ่นี้อีก" คำสั่งของเจ้านายที่หันหน้าไปยังลูกน้องคนสนิทไล่เมียของตัวเองออกจากบ้านหลังใหญ่ไปอยู่ห้องคนใช้ด้านหลัง
"ป๊าไม่นะ" เด็กสาวตัวเล็กอายุเพียงสองขวบเศษๆ ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงขอให้พี่เลี้ยงนั้นอุ้มลงมาด้านล่าง เธอส่ายหน้าไปมาในขณะที่พ่อของเธอนั้นไล่ให้แม่ของเธอไปอยู่ที่อื่น เด็กสาวตัวเล็กปฏิเสธทันทีเมื่อพี่เลี้ยงอุ้มลงมาด้านล่าง เธอกางมือทั้งสองข้างเพื่อกอดพ่อตัวเองและขุนเพลิงก็อุ้มลูกสาวนั้นจากที่ประคองนับดาว ซึ่งทำให้นับดาวไม่พอใจมากๆ
"มามี๊จะต้องอยู่กับหนูบนห้องห้ามไล่มามี๊อีกนะคะ ไม่อย่างนั้นหนูจะไม่รักป๊าแล้วนะ"
เด็กสาวตัวเล็กจับใบหน้าของผู้เป็นพ่อจ้องมองด้วยแววตาใสซื่อเอ่ยบอกกับพ่อของเธอว่าห้ามไล่ ผ้าแพรเธอดีใจมากที่ลูกสาวของตนเองเก่งรู้เกินกว่าเด็กสะใจนับดาวที่ไม่สามารถทำอะไรได้
"ลงมาทำไมคะ"
"ลงมาหาป๊าลงมาทานข้าวกับป๊าแล้วก็มามี๊เราแค่สามคนในเฉพาะครอบครัวเท่านั้น" ดวงตาคู่น้อยที่ดูใสซื่อจ้องมองไปที่นับดาวดั่งกับเธอนั้นเป็นคนนอก
"พะพายน้าซื้อตุ๊กตาบาร์บี้มาจากออสเตรเลียตอนนี้น่าจะใกล้ถึงแล้ว ถ้ามาถึงแล้วน้าจะเอาตุ๊กตามาให้นะคะ" คำพูดอ่อนโยนกับเด็กซึ่งดูเสแสร้งแต่ทำไมเขาถึงดูไม่ออกกัน
"ไม่เอาค่ะ ไม่อยากได้ของคนอื่นเพราะว่ามันไม่ดีของคนอื่นก็คือของคนอื่น" ผ้าแพรเธอนั้นแอบสะใจเพราะลูกสาวของตนเองนั้นพูดในเชิงแอบด่าแทนจนหมด
"ไม่เอาสิคะ พะพายไม่พูดแบบนี้กับน้านับดาวนะลูก น้านับดาวจะมาอยู่ที่นี่กับเราด้วยนะ ถ้าพะพายพูดแบบนี้อีกป๊าจะส่งพะพายไปอยู่โรงเรียนประจำ"
"คุณมีสิทธิ์อะไรมาส่งลูกของฉันไป พะพายมาหามามี๊มาลูก" ผ้าแพรอุ้มลูกมาจากขุนเพลิงไม่มีวันที่เธอจะยอมให้ลูกสาวไปอยู่โรงเรียนประจำอย่างแน่นอนในขณะที่ผ้าแพรก้าวขาขึ้นบันไดพาลูกกลับมาที่ห้อง เธอหยุดชะงักด้วยเสียงของผู้หญิงไร้ยางอายด้านข้างขวามือตัวเอง
"ส่งไปอยู่โรงเรียนประจำก็ดีนะคะ ให้อยู่กับแม่เขาแบบนี้มารยาทต้องไม่ดีมากแน่ๆ เลยสงสารน้องพะพาย"
เมื่อผ้าแพรหันไปมองทั้งจับแขนแล้วกอดแขนของสามีเธอต่อหน้าภรรยาของเขาไม่มียางอายเลยสักนิด
เมื่อผ้าแพรพาลูกสาวกลับมาที่ห้อง เมื่อก่อนนี้น้องพะพายนอนแยกกับเธอแต่ต่อจากนี้ไปผ้าแพรจะไม่ยอมนอนแยกกับลูกสาวอีกแล้ว
"ทำไมมามี๊ถึงให้พะพายมานอนที่ห้องด้วยล่ะคะ แล้วป๊าไม่มานอนที่นี่เหรอ" คำพูดที่สงสัยของเด็กน้อยตัวเล็กในอ้อมกอดทำให้น้ำตาผู้เป็นแม่น้ำไหลริน
"มามี๊ไม่ร้องไห้นะคะ ไม่มีป๊าไม่เป็นไรแต่ยังมีหนู"
ในความอ่อนโยนของลูกสาวในความรักที่ใสซื่อจับใบหน้าของผู้เป็นแม่ด้วยมือน้อยอันนุ่มเช็ดน้ำตาออกจากแก้มให้ผู้เป็นแม่เบาๆ
บทที่ 15หน้าห้องฉุกเฉินหลังจากส่งตัวลูกสาวให้หมอดูอาการและทำการรักษาผ้าแพรและขุนเพลิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผุดลุกผุดนั่งกะวนกะวายเดินวนกันไปมาอยู่แถวนั้นยิ่งผ้าแพรเธอร้องไห้ไม่ยอมหยุดสายตาของผู้เป็นแม่พยายามชะเง้อมองผ่านกระจกบานเล็กอยู่บนหน้าประตู"ฮึ๊ก อย่าเป็นอะไรนะลูกแม่เหลือลูกอยู่แค่คนเดียวแล้วนะ" ผ้าแพรร้องไห้กุมมือเข้าหากันและพูดเพียงคนเดียวว่าเหลือแค่พะพายสิ้นสุดคำพูดขุนเพลิงหันมองหน้าภรรยาแต่ก็หันกลับโดยไม่มีคำปลอบใจเมื่อหมอเปิดประตูออกมาใบหน้าของหมอที่ดูกังวลและเครียดใช้คำพูดติดขัดยังไม่บอกอาการของพะพาย"คุณหมอคะลูกสาวของฉันเป็นยังไงบ้าง" พยายามฝืนด้วยถ้อยคำพูดที่เอ่ยถามน้ำเสียงติดขัดทั้งยังน้ำตาที่ไหลเอ่อล้นบนแก้ม"เด็กอาการแย่ด้วยที่เสียเลือดมากเป็นเวลานานเกร็ดน้ำเกลือต่ำ ถ้าเกิดเราหาเลือดได้ทันเวลาก็จะไม่เป็นอะไรด้วยที่เลือดกำลังมาแต่ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ยินดีที่จะให้เลือดน้องก็ได้ครับทางเราจะได้ไม่ต้องรอ""ฉันค่ะ...ฉันเป็นแม่ของเขาฉันเป็นแม่ของพะพายเอาเลือดของฉันไปเลย" ผ้าแพรยื่นแขนตัวเองให้กับหมอด้วยความกระวนกระวายและหวาดกลัว เธอเอ่ยบอกกับหมอให้เอาเลือดของตัวเองแต่ถูกขุนเพ
บทที่ 14 พรึ่บ เรือนร่างบางนอนอยู่บนโซฟาในขณะที่กำลังละเมออยู่ๆ น้ำเย็นสาดเข้ามาที่หน้าจนเธอสะดุ้ง ผ้าแพรรีบดีดตนเองนั้นลุกขึ้นมองคนตรงหน้าผู้เป็นสามียืนถือแก้วน้ำอยู่"คุณทำอะไรของคุณ" ใบหน้าน้อยขมวดคิ้วเพ่งเล็งไปยังหน้าของสามีตนเอง เมื่อวานนี้ก่อนจะกลับบ้านดันเกิดปัญหาและเขาก็พาตัวของเธอมาที่นี่เพื่อมาเคลียร์งาน"ก็ฉันปลุกให้ตื่น" "นี่คือการปลุกของคุณเหรอ ขุนเพลิงคุณเปลี่ยนไปมากรู้ไหม" การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ถึงแม้ว่าไม่เจ็บแต่เป็นการกระทำที่ย่ำยีหัวใจ การสาดน้ำใส่หน้าในขณะที่หลับมันดูทุเรศจนผ้าแพรนั้นโมโห"ถ้าไม่พอใจก็เซ็นใบหย่าให้กับฉันสิ" ครั้งที่ร้อยเพียงเวลาแค่ไม่กี่วันเขาพูดคำว่าหย่าจนนับไม่ถ้วนในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ท้าผ้าแพรไปหย่าแต่ยังมีเอกสารหย่าที่อยู่หน้าจอคอมนั้นตรงมาที่โซฟาแล้วโยนลงบนโต๊ะให้กับผ้าแพรด้วย"เซ็นซะใบหย่านี้" ปากกาในมือโยนลงมาทับกระดาษทั้งคำพูดในเชิงตะคอกให้รีบเซ็นใบหย่า ผ้าแพรที่มองกระดาษโกรธในการกระทำของขุนเพลิงจากกระดาษใบหย่านั้นชูขึ้นและฉีกต่อหน้าของขุนเพลิงทันที"ไม่ฉันยังไม่พร้อม ฆ่าฉันเลยสิเพราะยังไงฉันก็ไม่หย่า" ใบหน้าสวยที่เงยขึ้นเผชิญกับแววตาของขุน
บทที่ 13 ตัดมาทางด้านของนับดาวหลังจากที่เธอรู้ว่าขุนเพลิงออกไปข้างนอกเพราะว่าไปตามหาผ้าแพรภรรยาของเขา เธอโกรธมากเขวี้ยงข้าวของในห้องจนกระจายลงพื้นมีเพียงแต่แม่บ้านที่เธอเพิ่งรับเข้ามาทำงานพยายามห้ามแต่ก็ถูกตบหน้าด้วยความโมโห"ขุนเพลิง" เธอนั้นดั่งกับคนละคนที่อยู่กับขุนเพลิงอ่อนหวานและแสนดีนั้นหายไปทันที มือทั้งสองข้างที่กำหมัดเข้าหากันจนเนื้อตัวสั่นด้วยความโกรธในแววตาเเดงโดยที่เวลาผ่านไปนานขุนเพลิงยังไม่กลับเข้ามาในบ้าน"คุณนับดาวคะ รถของคุณผู้ชายกลับเข้ามาแล้ว" แม่บ้านคนสนิทของนับดาวรีบวิ่งมาที่หน้าต่างเห็นรถของขุนเพลิงกลับเข้ามาหน้าตาตื่นหันมองไปทางนับดาวและเอ่ยบอกทันที"รีบเก็บข้าวของให้เรียบร้อย" นับดาวเอ่ยสั่งให้กับแม่บ้านที่ตัวเองเพิ่งจะเขวี้ยงข้าวของนั้นเก็บของให้เรียบร้อยส่วนตัวเองรีบวิ่งลงมาจากห้องแม้ในตอนดึกมากเธอก็ยังไม่ยอมนอน นับดาวผิดหวังเมื่อลงมาถึงด้านล่างขุนเพลิงไม่ได้กลับมาที่บ้านทั้งยังผ้าแพรที่ไม่ได้กลับมาด้วยมีเพียงแต่ลูกน้องคนสนิทที่กลับมา"คุณผู้ชายทำไมถึงไม่กลับมา" ซูโจลูกน้องคนสนิทก้มหน้าลงและส่ายหน้าไปมา เขาไม่บอกอะไรกับนับดาวมีเพียงแต่การเดินหลีกทันทีนับ
บทที่ 12 "บอกให้ปล่อย...ฉันบอกให้ปล่อย กล้าดียังไงมาจับฉัน" ยิ่งผ้าแพรสะบัดมือของตัวเองมือที่จับเธอนั้นยิ่งบีบแน่น คนตัวเล็กถูกกระชากออกมาจากโต๊ะนั่งดื่ม"ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยด้วยไม่อื้อ" เตโชที่กล้ามากใช้ยานอนหลับใส่กับผ้าเช็ดหน้าปิดปากให้ผ้าแพรนั้นสลบก่อนที่เขาจะอุ้มเธอออกมาจากสถานบันเทิงแห่งนี้ไม่มีใครกล้าที่จะยุ่งกับเตโชสักคนปล่อยให้เขาอุ้มผู้หญิงออกไปต่อหน้าต่อตา"มันไม่สนใจเธอแล้วมาเป็นของฉันทุกอย่างก็จบ" เตโชรู้มาว่าเรื่องระหว่างผ้าแพรกับสามีของตัวเองกำลังจะหย่าจึงเข้าหาผ้าแพรอย่างไม่กลัว เขาพาผ้าแพรขับรถออกมาข้างนอกแต่รู้ตัวว่ามีรถประกบทางด้านหลังมาหลายคัน "ผัวเธอคงตามมาสินะ" ในวันนั้นเตโชถูกขุนเพลิงสามีของผ้าแพรนั้นต่อยจนล้มลงไปกับพื้นในวันนี้เขาต้องการเอาคืนเลยขับรถเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ด้วยความเร็วเลี้ยวไปเลี้ยวมาจนรถคันหลังตามมาไม่ทัน เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายของผ้าแพรดังขึ้นเรื่อยๆ ช่วงจังหวะที่เตโชนั้นตบไฟยกเลี้ยวเข้าโรงแรมเล็กๆ ในซอยพอดีหลังจากที่โรงแรมปิดผ้าม่านเตโชจึงหยิบกระเป๋านั้นมาดูโทรศัพท์เป็นเบอร์ของขุนเพลิงที่โทรมาหาภรรยาจริงๆเขากดรับสายอย่างไม่กลัว
บทที่ 11 ไม่เพียงแต่ตัวเองที่ไม่ปลอดภัยแต่ยังเป็นเด็กตัวเล็กผู้เป็นลูกถูกกระทำจากผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นหลังจากที่ผ้าแพรรู้ว่าลูกสาวของเธอนั้นถูกหลอกให้ไปเอาของเล่นในน้ำก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากนับดาว "ต่อจากนี้ไปห้ามเข้าใกล้ผู้หญิงคนนั้นอีกนะลูก" ผ้าแพรพยายามคิดว่าจะทำยังไงจะให้ลูกสาวของตัวเองปลอดภัยไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนแต่ถ้าจะปล่อยให้อยู่ที่นี่อีกลูกของเธอต้องเป็นอันตรายแน่ๆ "ป๊า" ถ้าแพรไม่รู้ว่าประตูลูกบิดถูกเปิดเข้ามาตอนไหน เธอนั่งอยู่ที่ห้องของตัวเองกับลูกสาวเสียงลูกสาวจึงพูดขึ้นเอ่ยเรียกผู้เป็นพ่อของเขาผ้าแพรจึงหันมองไปที่หน้าประตูเห็นขุนเพลิงยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อผ้าแพรกับลูกสาวรู้ตัวขุนเพลิงเดินเข้ามาด้านในก่อนที่จะปิดประตูห้องเขานั่งลงที่เตียงด้านข้างของลูกสาวลูบหัวของเด็กสาวเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน"ทีหลังอย่าลงไปเก็บของเล่นในน้ำอีกนะลูก รู้ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหนดีที่พี่ซูโจอยู่ไม่อย่างนั้นหนูจะต้องจมน้ำ ไม่มีใครช่วยหนูได้แม้แต่แม่ของหนูเองยังช่วยตัวเองไม่ได้เลย" คำพูดประชดของสามีเอ่ยว่าให้ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นสามีที่ห่วยแตก ผ้าแพรเธอได้เพียงแต่เงียบในครั้งนี้เธอเลือกที่จะเห
บทที่ 10 ผ้าแพรอาบน้ำแต่งตัวเตรียมที่จะพาลูกสาวนั้นไปเที่ยวข้างนอกพาไปโรงเรียนเด็กศูนย์ของประเทศโรงเรียนนานาชาติที่มีแต่ลูกคนรวยคนมีเงินเรียน "คุณผู้หญิงคะ...คุณผู้หญิงคุณหนูหายไปไหนไม่รู้ค่ะ" ผ้าแพรเธอเดินลงมาจากห้องยังไม่ทันก้าวขาไปไหนต้องหยุดชะงักด้วยที่พี่เลี้ยงทั้งสองคนวิ่งหน้าตาตื่นมองซ้ายและขวาตามหาพะพาย ในวินาทีที่เธอได้ยินแบบนั้นหัวใจแทบหยุดเต้นเหมือนฟ้าถล่มลงมาเพราะตั้งแต่พะพายเกิดมาไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลย"เป็นไปได้ยังไงไปตามหาให้เจอเดี๋ยวนี้" ผ้าแพรเอ่ยร้องส่งเสียงตามหาลูกสาวตามบ้านด้วยความเป็นเด็กเขาอาจจะซุกซนอยู่มุมไหนของบ้านสักที่ ทั้งในห้องทำงานของขุนเพลิงตามห้องนั่งเล่นก็ไม่มีเสียงตอบรับของพะพายเลย"นับดาว" เมื่อผ้าแพรเอ่ยชื่อของนับดาวเสียงร้องกรี๊ดดังมาจากสระน้ำกลางบ้านผ้าแพรจึงรีบหมุนตัวก้าวฝีเท้าวิ่งตรงไปที่เสียงร้องนั้น"คุณหนู" ผ้าแพรวิ่งมาที่สระน้ำเธอตกใจที่เห็นลูกตัวเองอยู่ในน้ำกำลังสำลักน้ำซูโจกระโดดลงไปช่วยเอาไว้ได้และรีบพาตัวของพะพายนั้นขึ้นมาด้านบน ผู้เป็นแม่หัวใจแทบแตกสลายเห็นลูกสาวตัวเล็กนั้นจมน้ำมือทั้งสองข้างโอบกอดลูกลูบหัวเบาๆ"เป็นอะไรหรือ