Share

แข่งเก็บสมุนไพร

last update Last Updated: 2025-09-25 12:14:26

...หลินเซียนก้าวเข้าสู่ป่าลึกที่รกร้างและร่มรื่นสุดสายตา หมอกสีเทาเข้มปกคลุมทุกเส้นทาง พื้นปกคลุมด้วยโคลนเหนียวและรากไม้พันกันเป็นตาข่าย แสงแดดลอดผ่านยอดไม้สูงส่องลงเป็นลำแสงเล็ก ๆ เฉพาะบนพื้น ทำให้เห็นเพียงเศษสมุนไพรแปลกประหลาดบางต้น ทุกเสียงในป่าเต็มไปด้วยเสียงร้องของสัตว์ประหลาดและเสียงกิ่งไม้หัก

ผู้เข้าสมัครทุกคนถูกสั่งให้เก็บสมุนไพรในป่าแห่งนี้ ใครหาสมุนไพรที่หายากที่สุดอันดับต้นๆ ก็จะสอบผ่านเข้าเป้นศิษย์สำนักได้

แต่ที่นี่เต็มไปด้วยอันตรายสุดขีด สัตว์อสูรพรางตัวในเงามืด รอจู่โจมผู้ไม่ทันระวัง ดอกไม้พิษหลายต้นปล่อยกลิ่นยั่วยวนแต่มีพิษแรงถึงชีวิต แมลงพิษบินวน เขี้ยวเล็กแต่แรงเพียงครั้งเดียวทำให้มือชาและหัวใจแทบหยุด หน้าผาสูงเสียวสันหลัง ลมแรงพัดเกือบพัดตกทุกวินาที

หลินเซียนค่อย ๆ ก้าวด้วยความระมัดระวัง ใช้สายตาและสติเต็มที่เพื่อสังเกตทุกความเคลื่อนไหว บางครั้งสัตว์อสูรโจมตีแบบทันทีทันใด เขาต้องกระโดดหลบ ใช้รากไม้โหนตัว หรือแม้กระทั่งกลิ้งลงโคลนเพื่อรอดชีวิต

คู่แข่งคนคนหนึ่งหักกิ่งไม้หลินเซียนเกือบตกต้นไม้ บางคนปล่อยแมลงพิษเข้าหา บางครั้งเก็บสมุนไพรได้แล้วแต่ถูกยาสลบแล้วโดนขโมยไป

แม้รากวิญญาณเซียนต่ำที่สุดในบรรดาผู้เข้าสอบ หลินเซียนก็ใช้สมองและไหวพริบเต็มที่ เขาพกสมุนไพรมาป้องกันพิษได้ชั่วคราว เลี่ยงสัตว์อสูรด้วยการสังเกตพฤติกรรม และใช้รากไม้กับเถาวัลย์ปีนขึ้นหน้าผาสูงอย่างมั่นคง

....แรงกดดันไม่ได้มาจากธรรมชาติเพียงอย่างเดียว ผู้เข้าสมัครคนอื่นหัวเราะเยาะและล้อเลียนเต็มที่ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยเลือด เหงื่อ และความเจ็บปวดจากพิษ มือสั่นเทา ร่างเกือบทรุด แต่ดวงตาใสแจ๋วเต็มไปด้วยประกายฝืนฟ้าและความมุ่งมั่นสุดชีวิต

แรงใจจากความรักของแม่ ย่า หวังให้พวกท่านได้สุขสบายเมื่อเขาเข้าสำนักได้สำเร็จเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังใจ รากวิญญาณที่แทบดับมอดถูกกระตุ้น ภาพสัตว์อสูรและดอกไม้พิษที่เคยน่ากลัว เริ่มถูกเขาควบคุมด้วยสติ กล้าที่จะฟันฝ่าไปข้างหน้า

ผู้เข้าสมัครคนอื่นเริ่มหวาดกลัวและระวัง บางคนคลั่งเพราะแรงกดดันและพิษ บางคนเริ่มสังเกตว่าขยะบ้านนอกคนนี้ฝืนฟ้าและฝ่าความอันตรายสุดขีดได้

หลินเซียนค่อย ๆ เคลื่อนตัวอย่างมั่นคง เลือดซึมตามมือและปาก มือเท้าเจ็บปวดจากพิษ แต่ดวงตาไม่เคยพร่าเลือน ทุกย่างก้าวคือการเอาชนะอันตราย ฝึกสติ และพิสูจน์หัวใจที่ไม่ยอมแพ้

ใช้เวลานาน ในที่สุดหลินเซียนก็เพิ่งเก็บสมุนไพรหายากสมุนไพรเซียนระดับ 2 "ใบมะรุมเงิน" ต้นหนึ่งเก็บไว้ในถุงสะพายข้างเอว

แต่แล้ว ก็ผู้แข่งขันคนหนึ่ง แอบตามเงียบ ๆ เขาลอบเข้ามาใกล้ แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์

ทันทีที่หลินเซียนหมุนตัวเก็บสมุนไพรอีกต้น ผู้แข่งขันเลวนั่น ฉวยโอกาสหยิบสมุนไพรของหลินเซียนไป

“ขยะบ้านนอก… ของนี้ของเราแล้ว!” เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังขึ้น

หลินเซียนรีบตามไป แต่ผู้แข่งขันคนนั้น เรียกเพื่อนๆที่ซ่อนตัวอยู่แถวนั้นอีก 2 คน

เสียงฝีเท้าหนักสามคู่ดังขึ้นพร้อมกับเงาร่างผู้เข้าแข่งขันสามคนที่ก้าวออกมาล้อมรอบ หลินเซียน แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาต พวกมันไม่คิดจะเก็บสมุนไพรอีกต่อไป แต่จ้องเพียงจะจัดการศัตรูตรงหน้า

“สมุนไพรชั้นสูงนี้ไม่คู่ควรกับเจ้า… ยกมาให้พวกเรานั่นแหละดีแล้ว!”

หนึ่งในนั้นตะโกนเสียงห้าว ก่อนจะพุ่งเข้ามาโจมตี

หลินเซียนที่บอบช้ำจากการปีนป่ายหาสมุนไพรตั้งแต่เช้าพยายามตั้งท่าป้องกัน ทว่าถูกอีกสองคนประสานกันบุกจากด้านข้าง หมัด เท้า และแรงผลักกระแทกใส่เขาไม่หยุด เสียงปะทะดังก้องกลางหน้าผาสูงชัน

“อั่ก!”

เลือดสดพุ่งจากมุมปาก หลินเซียนกัดฟันสู้แต่เรี่ยวแรงถดถอยลงทุกขณะ

ในจังหวะชุลมุน หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันเหวี่ยงฝ่ามือแรงเกินไปโดยไม่ทันคิด ร่างของหลินเซียนถูกซัดกระแทกไปที่ขอบหน้าผา ดินกรวดร่วงกราวลงเบื้องล่าง เสียงลมหวีดหวิวดังแทรกเข้ามา

“เฮ้ย! ระวังสิ!”

หนึ่งในพวกนั้นร้อง แต่สายไปแล้ว

หลินเซียนพยายามคว้าหินขอบหน้าผา ทว่ามันเปราะเกินไป นิ้วมือที่เต็มไปด้วยเลือดและฝุ่นดินไม่อาจยึดเกาะได้มั่น ร่างของเขาโอนเอน แล้วพลัดตกจากหน้าผาสูงชันลงสู่ความมืดเบื้องล่าง!

เสียงกรีดร้องแว่วสะท้อนหายไปกับสายลม…

หลินเซียนตกหน้าผา!

"ตายไปซะเจ้าขยะยาจก อย่ามาทำให้การสอบอันทรงเกียรติ์นี้แปดเปื้อน"

พวกมันหัวเราะแล้วเดินจากไปพร้อมสมุนไพรของหลินเซียนอย่างไม่ใยดี

แต่…คนพวกนั้นไม่รู้เลยว่าใต้เหว หลินเซียนใช้สติและสัญชาตญาณฝืนฟ้าช่วยดึงตัวเองกลับ

เขากระชับรากไม้และเถาวัลย์ปีนตัวขึ้น ร่างสั่นมือเท้าเจ็บจากพิษและเลือดไหล แต่ สายตาไม่พร่า

“ข้า… ไม่ยอม! ข้า…ต้องไม่ตาย! หากยังไม่ได้เป็นเซียน เพื่อแม่และย่าของข้า!”

แม้แรงกดดันจากผู้แข่งขันโหดร้าย พิษสัตว์อสูร และความสูงเสียวสันหลังยังรายล้อม

หลินเซียนก็ ขยับตัวปีนหน้าผาทีละก้าวอย่างมั่นคง

ทุกย่างก้าวคือ ความอดทน ความฝืนฟ้า และการเอาชนะความโหดร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ

....เช้าวันใหม่พระอาทิตย์ขึ้นอรุณรุ่ง หมอกค่อย ๆ จางและแสงแดดส่องลงบนสมุนไพรที่ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนเก็บมาได้ พวกเขาออกมาจากป่ากันหมดแล้ว ยกเว้นหลินเซียน

"ข้าว่ามันคงตายไปในป่าแล้ว ขยะยากจนที่ไม่มีแม้แต่สมบัติเซียนสักชิ้นป้องกันตัว เหอะ!"

เซียนผู้คุมสอบดูเวลา ขณะที่กำลังจะแจ้งว่าหมดเวลา

"เดี๋ยว! รอเดี๋ยวก่อนขอรับ!"

ทุกคนหันไปมอง เป็นภาพเด็กหนุ่มแต่งตัวโทรมๆ เสื้อผ้าบางส่วนขาดวิ่น ตามร่างกายมีบาดแผลขีดข่วนมากมาย เผยให้เห็นผิวขาวเนียนใสของร่างกายและกล้ามเนื้อที่ดูเย้ายวนใจ ราวกับเขาคือคุณชายชาติตระกูลสูงส่งผู้กินหรูอยู่สบาย

ใบหน้าของหลินเซียนยิ้ม …เป็นรอยยิ้มที่นุ่มละมุนใครเห็นก็รู้สึกหลงไหล เขารีบวิ่งมายื่นดอกไม้สมุนไพรให้ท่านเซียนผู้คุมสอบ

ผู้คุมสอบตะลึง และตามองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ

"ดอกบัวหยกฟ้า สมุนไพรเซียนระดับ 3 เจ้าเก็บมันมาได้ยังไง??"

"เผอิญข้าตกหน้าผาไป แต่โชคดีที่เห็นดอกบัวสีชมพูเรืองแสงดอกนี้ที่หน้าผา ข้าเลยปีนไปเก็บขอรับ"

ผู้คุมสอบมองหน้าหลินเซียน ใบหน้าของเขาแม้จะเหนื่อยอ่อนและบาดแผลทั้งร่างกาย แต่เขายิ้มแย้มมีความสุขมาก

“เด็กบ้านนอก… แม้พรสวรรค์ต่ำที่สุด แต่ฝืนฟ้าและเอาชนะอันตรายได้จริง เจ้าสอบผ่าน”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   สัตว์เลี้ยงอสูรตัวแรก

    ....กลางป่าลึกที่เงียบสงัด เพียงเสียงลมพัดผ่านยอดไม้ก็เหมือนกรีดทิ่มใจ ณ ต้นไม้เซียนที่พ่อปลูก ขณะที่หลินเซียนกำลังทดลองนำเปลือกไม้และใบมาผสมปรุงยาอยู่นั้น หลินเซียนก็ขมวดคิ้วแน่น เพราะเขารู้สึกถึงสายตาลึกลับที่จ้องมองอยู่ตลอด เหมือนเส้นลมหายใจถูกกดทับจนแทบแตกสลาย “ใคร?!”เขาเรียกปราณกระบี่สายนทีวายุขึ้นมา 1 เล่มลอยข้างตัวเขาทันที"ออกมา! ถ้าไม่ออกอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ"พุ่มไม้ข้างหน้าขยับวูบ ราวกับมีเงาดำซ่อนตัวอยู่ หลินเซียนยกมือแตะด้ามดาบ พลังปราณพลุ่งพล่านพร้อมปะทะในพริบตา บรรยากาศหนักหน่วงเข้มข้นจนแทบกลายเป็นเสียงดังก้องในหูแต่อีกวินาที… “ซวบ!”สิ่งที่โผล่ออกมาจากพุ่มไม้กลับเป็นเจ้าลูกหมีแพนด้าตัวน้อยมันมีขนสีขาวดำที่ควรจะนุ่มนวล แต่ตอนนี้กลับมอมแมมเลอะโคลนไปทั่ว ดวงตากลมโตสีดำสนิทช่างฉายประกายใสซื่อไร้เดียงสา มันยืนสองขาโงนเงน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งตุ้บลงไปอย่างงุ่มง่าม กอดท่อนไผ่หักครึ่งท่อนแนบอกไว้แน่นเหมือนสมบัติล้ำค่าเสียง "กรอบๆ" เล็ดลอดออกมาจากฟันเล็กๆ ที่กำลังแทะไผ่ แต่พอเงยหน้าขึ้นมามอง หลินเซียนก็แทบสะดุ้งกับสายตานั้น… มันจ้องด้วยแววตากลมใสไม่กะพริบ ราวกับกำลังสื่อสารว่า

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   สิ่งที่ข้ามีเหนือกว่า

    ....ภายในป่าลึกหลังบ้าน แสงจันทร์สาดส่องลอดกิ่งไม้ลงมาเป็นเส้นสาย ต้นไม้เซียนที่พ่อเคยปลูกตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ใบของมันมีประกายแสงระยิบราวหยดน้ำแข็ง ส่วนผลไม้สีม่วงกลมโตกลับแผ่วพลังปราณออกมาจางๆ จนบรรยากาศรอบตัวอบอวลไปด้วยพลังวิเศษหลินเซียนยืนนิ่ง สายตาจับจ้องต้นไม้นั้น แววตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและหนักแน่น“พ่อ…ท่านปลูกสิ่งนี้ไว้เพื่อข้า ข้าจะใช้มันไม่ให้สูญเปล่า เพื่อปกป้องท่านแม่และตัวข้า”เขารู้ตัวเองดี รากวิญญาณของตนต่ำต้อยกว่าคนทั่วไปมาก หากจะเดินตามตำราอย่างเดียว ย่อมไม่ทันใคร ไม่พ้นจะถูกทิ้งไว้เบื้องหลังตลอดไป ดังนั้นเขาต้องสร้างเส้นทางที่ไม่เหมือนใครมือเรียวของเขาเอื้อมไปเด็ดผลไม้ลูกหนึ่งมากัดช้าๆ น้ำหวานหอมไหลซึมลงลำคอ พลังปราณเย็นไหลเข้าสู่เส้นลมปราณทันที แต่หลินเซียนไม่รีบร้อน เขานั่งขัดสมาธิ ปล่อยให้พลังนั้นซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างระมัดระวัง“ตำราเขียนไว้แค่ผลอวิ๋นฮวานี้(ผลไม้แห่งเมฆาและดวงดาว)เพียงอย่างเดียว แม้จะทรงค่า…แต่เหตุใดตำราจึงมิกล่าวถึงราก กิ่ง ก้าน หรือแม้แต่ใบ? ยังไงเสียมันก็คือต้นไม้ที่มีพลังเซียนทุกส่วน”เขาเริ่มขบคิด"ไก่ 2 ตัว เป็ด 3 ตัวออกไข่ได้ 5 ฟอง

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   ความดีของท่านพ่อ

    ....หลินเซียนเปลี่ยนจากชุดผ้าไหมที่เคยสวมใส่เป็นชุดชาวบ้านสีเทาเก่า ๆ ผ้าขาดตรงชายเสื้อเล็กน้อย พอให้ดูไม่ต่างจากชาวบ้านธรรมดาที่เดินไปมาในตลาด เขาดึงหมวกงอบลงต่ำเพื่อบดบังใบหน้า หัวใจยังคงเต้นไม่เป็นจังหวะยามก้าวผ่านผู้คนเขายังคงครุ่นคิดไม่หยุดถึงความเป็นไปได้สำนักอวิ๋นเจิ้งอาจส่งคนออกมาตามล่าเขาอยู่ทุกย่างก้าว หรือบางทีหลิวเซี่ยง ไอ้อ้วนขี้อิจฉานั่น อาจลงมือเอง ส่งลูกน้องมือดีเฝ้าดักตามทางสายหลักหลินเซียนไม่กลัวตาย แต่สิ่งที่ทำให้เขาหนักใจคือท่านแม่ หากเขาพลาดท่า ศัตรูเหล่านั้นอาจลามไปถึงผู้ให้กำเนิด ความคิดนั้นทำให้ทุกก้าวที่เหยียบพื้นหินเย็นยะเยือกหนักอึ้งยิ่งกว่าภูเขามือเขาเผลอกำแน่นที่ชายเสื้อ หูคอยเงี่ยฟังทุกเสียงรอบด้าน เสียงฝีเท้าคนเดิน เสียงลมพัดกลีบดอกไม้ เสียงใด ๆ ก็อาจแฝงมีดสั้นจากเงามืดได้ทั้งสิ้นสายตาของเขากวาดมองรอบตลาดครั้งแล้วครั้งเล่า แม้เพียงร่างคนเมาสะดุดล้ม หลินเซียนก็สะดุ้งนึกว่าเป็นศัตรูมาโจมตี ความกังวลกัดกินใจ แต่สิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวเขาไว้คือภาพรอยยิ้มอ่อนโยนของมารดาในความทรงจำเขาต้องอยู่รอดให้ได้… ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อปกป้องนางจากเล่ห์กลของคนใจด

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   ไม่เป็นไรลูก

    ....แสงแรกของรุ่งอรุณลอดผ่านปากถ้ำบาง ๆ กระทบหยดน้ำเกาะตามผนังหินหลินเซียนนั่งขัดสมาธิอยู่กลางถ้ำ ความมืดรอบตัวไม่อาจกลบความมุ่งมั่นในดวงตาเขาข้อมือและร่างกายยังมีรอยช้ำจากการเฆี่ยนในคุก แต่เขากลับไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไปทุกความเจ็บปวดคือเชื้อไฟให้หัวใจมุ่งมั่นต่อสู้ในมือ เขารวบรวมปราณวายุให้กลายเป็นคมกระบี่จาง ๆ ที่แทบมองไม่เห็นจากนั้นปราณหมื่นสายนทีเริ่มไหลเวียนในกายละอองน้ำมากมายรวมตัวกันเป็นก้อนน้ำลอยอยู่ระหว่างฝ่ามือทั้งสองของเขาน้ำหยดเล็ก ๆ จากเพดานถ้ำสั่นสะท้านตามจังหวะปราณที่เขาเรียกใช้หลินเซียนค่อย ๆ ผสานสองวิชาเข้าด้วยกันครั้งแรกที่ลอง รวมปราณทั้งสองเข้าด้วยกัน เขารู้สึกพลังปะทะกันรุนแรงเสียงสะท้อนดังก้องในถ้ำ คล้ายกับธรรมชาติทดสอบความเข้มแข็งของเขาเขาสูดลมหายใจลึก ปรับจังหวะลมหายใจให้สอดคล้องกับการไหลของน้ำปราณหมื่นสายนทีพุ่งออกมารอบตัว เป็นเกราะบาง ๆ รอบคมกระบี่วายุคมกระบี่แปรเปลี่ยนเป็นเส้นปราณใสคล้ายลมพายุในละอองน้ำหลินเซียนฟันอากาศ ฝึกซ้ำหลายครั้ง แต่ครั้งแรกยังไม่แม่นยำเสียงลมปราณและน้ำกระทบกันเป็นจังหวะราวกับดนตรีแห่งพลังเขาไม่ยอมแพ้ ล้มแล้วลุกใหม่ ลองปรั

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   แหกคุกด้วยปัญญา

    ....ท่ามกลางความมืดชื้นและกลิ่นสนิมเลือดในคุกใต้ดิน แสงจันทร์ส่องลอดลงมา ภาพรอยยิ้มของมารดาก็ผุดขึ้นมาในใจหลินเซียนอย่างชัดเจนเขาจำได้ถึงอ้อมแขนอบอุ่นและเสียงปลอบโยนที่เคยคอยประคองเขายามบาดเจ็บและท้อแท้อีกด้านหนึ่ง ความทรงจำของย่าผู้เฒ่าที่คอยหุงหาอาหารและเล่านิทานยามค่ำคืน ทำให้หัวใจเขาอ่อนโยนแต่ก็สั่นไหวความคิดเป็นห่วงพวกท่าน กลัวว่ามารดาและย่าอาจถูกผู้คนภายนอกกดขี่หรือได้รับความอัปยศเพราะเขาทำให้ดวงตาที่เคยสิ้นหวังกลับลุกโชนขึ้นหลินเซียนกัดฟันแน่น ราวกับจะสลักคำสัตย์ลงในเลือดเนื้อของตนเอง“ต่อให้คุกนรกนี้กักขังข้าไว้ ข้าก็ต้องรอดออกไป... เพื่อปกป้องแม่และย่าของข้าให้ได้!”เขาเริ่มมองรอบๆตัวอย่าเพ่งพินิจ คุกใต้ดินหนาแน่นราวกับโคลนเหนียวกลิ่นอับชื้นผสมกับกลิ่นเลือดและสนิมเหล็กคละคลุ้งหลินเซียนนั่งพิงกำแพงหินครุ่นคิด ข้อมือและข้อเท้าถูกโซ่เหล็กหนาล่ามไว้แน่น“ในคุกนี้มีอะไร? แล้วตัวข้าตอนนี้มีอะไร? ข้าต้องเก็บข้อมูลให้ครบถ้วนเพื่อใช้สิ่งที่มีทุกอย่างพาข้าออกไปจากที่นี่!”เขาหลับตา สูดหายใจเข้า แม้เจ็บปวดก็ยังบังคับจิตใจให้นิ่งทบทวนวิชาที่เคยร่ำเรียนต่างๆกระบี่วายุปราณ = มันเปล

  • เดินวิถีเซียน (Walking the Immortal Path)   เขียนด้วยมือลบด้วยเท้า

    ....ภายใน หอพิพากษาสำนัก แสงไฟจากคบเพลิงสลัวสะท้อนเงาบนผนังหิน ทำให้บรรยากาศขึงขังและเย็นเยียบ ราวกับทุกลมหายใจถูกพันธนาการด้วยแรงกดดันที่มองไม่เห็น เมื่อบานประตูหินหนักค่อยๆ เปิดออก เสียงก้าวเท้าองครักษ์เกราะดำสิบคนกระแทกพื้นดังก้อง พวกมันกดบ่าหลินเซียนแน่นจนถูกบังคับให้คุกเข่าลงบนลานพิพากษาอันกว้างใหญ่เบื้องสูงสุดของแท่นหินดำประดับหยก เจ้าสำนักชุดคลุมสีครามเข้มประทับนั่ง ดวงตาเรียบเฉย แต่แฝงแรงกดข่มที่ทำให้แม้กระทั่งอากาศรอบตัวสั่นสะท้านสองข้างล่างลงมา อาจารย์เฉิงเสิน และ อาจารย์จื่อหยง นั่งขนาบซ้ายขวาอาจารย์เฉิงเสินมีใบหน้าคมคายแฝงรอยยิ้มเย้ยหยัน ดวงตาเหมือนมองทุกคนต่ำต้อยกว่าตนส่วนอาจารย์จื่อหยงนั้นสายตาเย็นชา ดั่งเฝ้าสังเกตโดยไร้อารมณ์ด้านข้างอีกชั้นคือ ผู้อาวุโสทั้งสาม ผู้ชรานั่งเรียงราย เคราขาวสะบัดตามลมปราณที่พัดไหว บรรยากาศเคร่งขรึมเต็มไปด้วยอำนาจเก่าแก่หลินเซียนถูกองครักษ์เกราะดำกดคุกเข่าลงตรงกลางลานหินเย็นเฉียบ เลือดที่มุมปากยังไม่แห้งสนิท หัวใจเต้นแรง แต่สายตายังคงแข็งกร้าวไม่ยอมก้มหัวให้ใครหลินเซียนเงยหน้าขึ้น ดวงตาอิดโรยแต่ยังพอมีประกายความหวังอยู่เล็กน้อย... เมื

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status