อิงฟ้ากรีดร้องสุดเสียง น้ำตาร้อนไหลอาบแก้มด้วยความหวาดกลัวสุดขีด กวาดสายตาสั่นระริกมองสีหน้าดุดันน่ากลัวของเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งสามคนบนรถได้เพียงแค่แวบเดียว ริมฝีปากบางก็ถูกเทปขนาดใหญ่ปิดทับ ตามมาด้วยถุงผ้าขนาดใหญ่คลุมรอบศีรษะทำให้ไม่อาจจะมองเห็นสภาพแวดล้อมรอบข้างได้ ร่างน้อยสั่นเทิ้ม ถูกแรงกระชากขึ้นมานั่งบนเบาะรถดี ๆ แล้วชายคนขวามือก็นำเชือกป่านขนาดใหญ่มาผูกมัดข้อมือเล็กไพล่หลังเอาไว้ทั้งสองข้าง
หัวใจของอิงฟ้าบีบรัดหนักหน่วง มันกระหน่ำตีอย่างบ้าคลั่ง สะบัดหน้าพยายามส่งเสียงร้องอู้อี้ในลำคอพร้อมน้ำตาไหลอาบใบหน้า แม้ว่าจะดีดดิ้นแค่ไหนเชือกเส้นใหญ่ก็ไม่ได้คลายตัวลงเลยแม้แต่น้อย
“อยู่นิ่ง ๆ ดิ้นรนไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก” น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นมาจากชายคนซ้ายมือ ตอกย้ำความหวังเธอให้ริบหรี่ลงกว่าเดิม
“อื้ออออออ!”
“รีบไป” ชายคนเดิมสั่งคนขับรถ
“ครับ”
หญิงสาวนั่งตัวสั่นระริก ดวงตากลมโตปิดลงช้า ๆ สวดภาวนาในใจขอให้รอดพ้นไปจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ด้วย แม้จะไร้ซึ่งความหวังก็ตาม
ความหวาดกลัวเกาะกินจิตใจมากขึ้นเมื่อรถตู้ที่เธอนั่งยังคงมุ่งตรงไปเบื้องหน้าไม่มีทีท่าว่าจะหยุด และเธอไม่รู้เลยว่ามันจะไปที่ไหน หรือเหตุใดถึงถูกจับตัวมาเช่นนี้
ในหัวผุดข่าวอาชญากรรมร้าย ๆ ขึ้นมาเต็มสมอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบหมดแรง
และแล้วรถตู้ก็ชะลอตัวลง ก่อนจะหยุดจอดนิ่ง ชายข้างประตูก้าวลงเป็นคนแรกพร้อมดึงต้นแขนหญิงสาวโชคร้ายตามมาด้วย
“อื้ออออออ อื้อออ อื้ออ” อิงฟ้าดิ้นพล่าน พยายามกรีดร้องในลำคอ ก้มมองพื้นผ่านช่องว่างของผ้าคลุม ทำให้พอทราบได้ว่าเธออยู่ในสถานที่เปิดโล่ง วินาทีนี้เป็นความหวังเดียวว่าอาจจะมีพลเมืองดีเห็นความผิดปกติแล้วมาช่วย
แต่หญิงสาวก็คิดผิด แม้ว่าจะมีคนอื่นอยู่บริเวณนี้ แต่ก็ไม่มีใครคิดช่วยเหลือ เหล่าชายฉกรรจ์ยักคิ้วเปิดทางให้คนมาใหม่ลากนักศึกษาสาวเข้าสู่ภายในโรงแรมแกรนด์ เดอ ลาส โดยดี
หัวใจในอกซ้ายเต้นเร็วขึ้นและเร็วขึ้น รู้สึกมึนตื้อจวนเจียนจะเป็นลมกับความกลัวถึงขีดสุด เธอแตกตื่นเข้าไปอีกเมื่อถูกชายสองคนลากเข้าสู่ตัวลิฟต์แก้วสุดหรู และพาตัวเธอขึ้นไปยังด้านบน
ต้นแขนซ้ายขวาถูกบีบอย่างรุนแรง เพื่อป้องกันไม่ให้อิงฟ้าหนีไปได้ เธอก็ไม่คิดจะยอมแพ้ต่อโชคชะตา แม้มันจะไร้ประโยชน์แค่ไหนก็ตาม แต่คนตัวเล็กก็ไม่หยุดดิ้นรนขัดขืน น้ำตามากมายไหลออกมา ความหวังของเธอมืดมิดลงเรื่อย ๆ เมื่อประตูเหล็กถูกเปิดออกยังชั้นเป้าหมาย พร้อมแรงกระชากลากเธอไปตามทางเดินยาว
อิงฟ้าสามารถมองเห็นได้เพียงแค่พื้นจากช่องว่างของถุงผ้าคลุมศีรษะที่เผยอขยับตามการก้าวเดินเท่านั้น แต่ถึงแบบนั้นก็พอรู้ได้ว่าเธออยู่ในสถานที่หรู ๆ สักแห่ง อาจจะเป็นโรงแรมหรือคอนโด นั่นจึงทำให้หญิงสาวใช้โอกาสสุดท้ายหวีดร้องขืนตัวสุดชีวิต
“อื้ออออออออออออ”
“อย่าทำเรื่องไร้สาระ ไม่มีใครได้ยินหรอก เดินไปดี ๆ” ชายคนเดิมเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงรำคาญ ราวกับความพยายามของเธอเป็นเรื่องไร้สาระ
“อื้อออ อื้อออออออ”
ใบหน้าสวยสะบัดวืด จิกปลายเท้ากับพื้นไม่ยอมก้าวต่อ แต่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ มีหรือจะสู้แรงของชายฉกรรจ์สองคนได้ สุดท้ายก็ถูกดึงเข้าไปยังห้อง ๆ หนึ่งยังสุดปลายทาง
ร่างเล็กถูกกดให้นั่งลงบนโซฟายาว ผ้าคลุมศีรษะถูกกระชากออก แสงนีออนจากหลอดไฟสว่างจ้าสาดเข้ามากะทันหัน ทำดวงตาเธอพร่ามัวไปชั่วขณะจนต้องหยีตา ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ
ใบหน้าหล่อเหลาของชายชาวต่างชาติคนหนึ่งนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ทำงานสีดำ เป็นสิ่งแรกที่เธอเห็น ร่างกายสั่นระริกราวกับอยู่ขั้วโลกเหนือเพียงแค่ได้สบเข้ากับดวงตาสีฟ้าเข้มแสนลึกล้ำ แม้มันจะสวยงามไม่ต่างจากพื้นมหาสมุทร แต่อิงฟ้ากลับหวาดกลัวจับใจ
เธอกวาดตามองรอบห้องก็พบว่าถูกพาตัวมายังห้องพักที่ไหนสักแห่ง ชายสองคนที่จับตัวเธอมายืนเฝ้าระวังอยู่ด้านหลัง นั่นยิ่งทำให้อิงฟ้าแตกตื่นและงุนงงหนักกว่าเดิม
พรึ่บ
เพียงแค่เสี้ยววินาที ชายแปลกหน้าก็ก้าวถึงตัวเธอ คางมนถูกคนตัวสูงบีบบังคับให้เงยขึ้นเพื่อที่เขาจะได้พิจารณาใบหน้าน่ารักราวตุ๊กตาได้ถนัดขึ้น มุมปากหยักแสยะยิ้มร้ายช้า ๆ ทำใจดวงเล็กเต้นแรงขึ้น ตัวชาวาบรับมือไม่ถูกกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าจริง ๆ
“สวัสดีอิงฟ้า ยินดีที่ได้เจอกัน”
หญิงสาวเบิกตากว้างตกใจที่ชายคนนี้รู้จักชื่อเธอ พยายามเค้นความทรงจำ แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าเธอเคยเจอชายคนนี้มาก่อนในชีวิต
“หึหึ ขนาดทำหน้าตกใจยังน่ารักเลย คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ยอมเสียเงินสิบล้านแลกกับการได้ตัวเธอมา”
“อื้ออออ อื้ออออออ”
ยิ่งฟังสิ่งที่เขาพูด คนตัวเล็กก็ยิ่งงงมากกว่าเดิม ไม่เข้าใจเรื่องเงินจำนวนมหาศาล หรือเหตุผลที่เธอมาอยู่ตรงนี้แม้แต่น้อย
เทปขนาดใหญ่ถูกดึงออก ทำหญิงสาวเบ้หน้าแสบแปลบรอบริมฝีปาก ดวงตาคู่สวยวูบไหว ขยับตัวออกห่างจากชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอ
“คะ...คุณเป็นใคร ทำไมต้องจับฉันมา” เสียงใสสั่นเครือเอ่ยถามออกไปตรง ๆ ยิ่งเห็นสายตาจาบจ้วงอันตราย ก็รู้สึกไม่ดีเข้าไปใหญ่ที่ต้องเผชิญหน้ากับคนน่ากลัวเช่นนี้
“หลังจากนี้เธอเป็นของฉัน”
“มะ...หมายความว่ายังไง”
เควินกรีดยิ้มร้าย หมุนตัวกลับไปคว้ากระดาษบางอย่างบนโต๊ะทำงานยื่นให้เธอดู
นัยน์ตาสีน้ำตาลล้อมด้วยแพขนตายาวราวตุ๊กตาไล่อ่านเอกสารตรงหน้าผ่านม่านน้ำตาทีละตัวอักษร
‘ข้าพเจ้า นายธนัท อมรสิริวาทิน ยินดียกหลานสาว นางสาวสาริสา อมรสิริวาทิน ให้นายเควิน เฮนเดอร์สัน เพื่อเป็นการชดใช้หนี้สินจำนวนสิบล้านบาทถ้วน โดยนางสาวสาริสา อมรสิริวาทิน ต้องทำงานชดใช้เงินทั้งหมดแทนจนกว่าจะครบตามจำนวน แล้วแต่นายเควินเห็นสมควร และนับตั้งแต่นี้ ข้าพเจ้าจะไม่มายุ่งกับตัวนางสาวสาริสา อมรสิริวาทิน อีก และถือว่าหนี้สินทั้งหมดถูกหักล้างหมดแล้ว หากข้าพเจ้าผิดสัญญา จะถือว่าสัญญาเป็นโมฆะและจะต้องจ่ายเงินให้นายเควิน เฮนเดอร์สันเอง’
แถมยังมีลายเซ็นของธนัทกำกับยังท้ายกระดาษ
หัวสมองอิงฟ้ามึนตื้อราวกับถูกของแข็งฟาดเข้ายังศีรษะ ไม่เข้าใจว่าธนัทมีสิทธิ์อะไรถึงนำตัวเธอยกให้คนอื่นเช่นนี้ โดยไม่ไถ่ถามอะไรเลย
“ฉันไม่ยอมรับเด็ดขาด...หนี้อะไร ฉันไม่เกี่ยวข้องด้วยนะ”
“อ่าฮะ รู้แล้วว่าเธอไม่เกี่ยว แต่ทำไงได้ ลุงของเธอมันเหี้ย ถึงได้ใช้ตัวเธอมาล้างหนี้แทน”
“ฉะ...ฉันไม่อยู่นะ ทำไมคุณไม่ไปตามทวงเงินกับลุงธนัทเองล่ะ เก็บตัวฉันไว้จะมีประโยชน์อะไร”
“หึหึ งั้นเหรอ” ร่างสูงแค่นหัวเราะในลำคอ ใช้ปลายนิ้วช้อนใบหน้าหวานขึ้นอีกครั้ง “หน้าตาสวย ๆ แบบนี้ ฉันว่าคุ้มค่าจะตาย คงสามารถใช้เธอทำอะไรได้อีกเยอะเลย”
“อึก...ขอร้อง ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันไม่รู้เรื่อง”
“ชู่ว ~ ไม่ร้อง เรายังต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน จนกว่าเธอจะชดใช้เงินจำนวนสิบล้านบาทคืนฉันจนครบ กว่าจะถึงตอนนั้นเป็นเด็กดีล่ะ แล้วฉันจะได้เอ็นดูมาก ๆ” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาใกล้ ทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งคู่เหลือเพียงไม่มาก แต่หญิงสาวก็สะบัดหน้าหนี
“อึก...จะทำอะไร”
เธอขยับกายหนีไปยังเกือบสุดขอบโซฟา โดยข้อมือทั้งสองข้างยังถูกมัดไพล่หลัง ความกลัวค่อย ๆ แผ่ซ่านไปทุกอณูผิวเมื่อเควินทิ้งกายลงข้างเธอ สายตาคมไล่สำรวจเรือนกายเธออย่างจาบจ้วง แค่นั้นก็ทำให้ขนในกายเธอลุกวาบ หวาดหวั่นหนาว ๆ ร้อน ๆ ตั้งท่าจะลุกหนี แต่ก็ช้ากว่าฝ่ามือหนาที่ตรงเข้ากระชากไหล่เธอให้กลับมานั่งตำแหน่งเดิม แล้วออกแรงกดให้หญิงสาวนอนราบไปกับโซฟาอย่างไม่เต็มใจ
“กรี๊ดดดดดดดดด ~ ปล่อยฉันนะ”
“ใจเย็นสิ ลุงเธอบอกว่าเธอยังไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่เพื่อความแน่ใจ ฉันต้องพิสูจน์เรื่องนั้นก่อน”
“อย่านะ ขอร้อง...อึก...อย่าทำอะไรฉันเลย...กลัวแล้ว”
“ไม่ต้องกลัว เจ็บนิดเดียวเอง”
น้ำตาร้อนไหลพรากเมื่อเควินเริ่มลากไล้ฝ่ามือไปตามเรือนร่างของเธอ บีบเคล้นลงยังหน้าอกหน้าใจขนาดเกินตัวเป็นสิ่งแรก ความรู้สึกแปลก ๆ แทรกเข้ามาพร้อมความหวาดกลัวและรังเกียจผสมปนเปกันจนหัวสมองเธอขาวโพลน
อิงฟ้ากรีดร้องอย่างน่าสงสาร อ้อนวอนขอให้เขาหยุด แต่เควินก็ไม่สนใจ
ร่างใหญ่คร่อมตัวเธอเอาไว้ เย้าแหย่ตามจุดอ่อนไหวอย่างสบายอารมณ์ราวกับราชสีห์กำลังรังแกหนู โดยไม่สนใจเลยว่าในห้องยังมีบอดี้การ์ดสองคนยืนอยู่เบื้องหลัง
หัวใจในอกคนตัวเล็กกระหน่ำตีถี่รัว น้ำตาไหลอาบนองใบหน้าออกแรงดิ้นสุดชีวิต พยายามถดตัวหนีจากการกระทำหยาบโลนนั้น ทำให้กระโปรงทรงเอถูกระเบียบร่นสูงขึ้นมาอย่างน่าหวาดเสียว
ดวงตามาเฟียหนุ่มวาวโรจน์ ลากไล้ฝ่ามืออีกข้างขึ้นไปตามเรียวขาเนียนละเอียด ไม่สนใจสีหน้าหวาดกลัวน่าสงสารของอิงฟ้าแม้แต่น้อย ร่างสูงใช้เข่าบังคับแยกเรียวขาคนตัวเล็กให้อ้าออก ก่อนจะสอดมือเข้าไปใต้กระโปรงนักศึกษาจาบจ้วง ลากปลายนิ้วสากไปตามร่องรอยแยกผ่านชั้นในตัวเล็ก
อิงฟ้าร้อนวาบสลับหนาวเหน็บ น้ำตาหลั่งรินออกมา แม้จะหวีดร้องสุดเสียงแต่ก็ไม่ได้ทำให้มาเฟียหนุ่มรู้สึกเห็นใจ
เธอเบิกตากว้าง มองรอยยิ้มอันตรายของเควินผ่านม่านน้ำตา ก้านนิ้วยาวเกี่ยวชั้นในเธอออกไปไว้ด้านข้าง ก่อนจะแตะต้องจุดอ่อนไหวอย่างที่ไม่เคยมีใครได้สัมผัสมาก่อน ปลุกเร้าให้หญิงสาวคล้อยตาม แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลย ช่องทางรักยังแห้งเหือดไร้ซึ่งน้ำหล่อลื่น แล้วความเจ็บแปลบเกิดขึ้นเมื่อชายหนุ่มกดนิ้วลึกเข้ามาในกายสาว
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด”
อิงฟ้ากรีดร้องออกมาอีกครั้ง พร้อมสติสุดท้ายดับวูบไปทันที ไม่อาจจะรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ได้อีกต่อไป