งานเปิดตัวคอลเลกชันของ ALISA Design กำลังจะสิ้นสุดลง แขกเหรื่อทยอยเดินทางกลับ เหลือเพียงผู้คนบางตาที่ยังคงพูดคุยสังสรรค์กันอยู่ภายในแกลเลอรี อลิสายืนส่งแขกคนสุดท้ายด้วยรอยยิ้มที่อ่อนล้า แต่แววตาของเธอยังคงฉายแววครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งคืน
นารายืนอยู่ไม่ไกลจากอลิสา เธอมองดูเพื่อนสนิทที่กำลังยืนเหม่อลอย นาราเห็นความสับสนในแววตาของอลิสา เธอรู้ดีว่าเพื่อนของเธอกำลังเผชิญหน้ากับความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นาราตัดสินใจที่จะดึงตัวอลิสาออกมาพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว
"ลิซ นี่งานจบแล้ว ไปหาอะไรดื่มกันไหม" นาราเดินเข้าไปหาอลิสาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
อลิสาหันมายิ้มให้เพื่อนสนิท "อืม ก็ดีเหมือนกันนะนารา ลิซรู้สึกเพลียๆ นิดหน่อย"
ทั้งสองสาวเดินออกมาจากแกลเลอรี มุ่งหน้าไปยังร้านกาแฟเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากสถานที่จัดงาน เมื่อได้ที่นั่งในมุมสงบ นาราก็สังเกตเห็นว่าอลิสายังคงเหม่อลอย ดวงตาของเธอจับจ้องออกไปนอกกระจกราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
"มีอะไรในใจหรือเปล่าลิซ" นาราเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน เธอรู้จักเพื่อนสนิทของเธอดีเกินกว่าที่จะไม่รู้ว่ากำลังมีอะไรเกิดขึ้น
อลิสาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอดึงสายตาจากบานกระจก หันมามองนารา "นารา ลิซไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ"
"ไม่เข้าใจเรื่องอะไร" นาราถาม พลางวางมือลงบนมือของอลิสาเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ
อลิสานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในงานให้เพื่อนสนิทฟัง ตั้งแต่ท่าทีที่โจ่งแจ้งของแพรไหม การที่คีรินทร์แสดงอาการหึงหวงอย่างชัดเจน และความรู้สึกหมั่นไส้ที่ก่อตัวขึ้นในใจของเธอเอง
"ลิซไม่เข้าใจเลยนะนารา ว่าทำไมลิซต้องหมั่นไส้ยัยแพรไหมขนาดนั้นด้วย ทั้งที่ลิซก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคีรินทร์ไปมากกว่าการเล่นเกมเดิมพัน" อลิสาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสับสน "แล้วทำไมคีรินทร์ถึงต้องแสดงอาการหึงหวงลิซขนาดนั้นด้วย ทั้งที่เขาก็เป็นเพลย์บอยตัวพ่อ ไม่น่าจะมาอินกับเกมอะไรง่ายๆ แบบนี้"
นารามองหน้าอลิสาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ "ลิซนารารู้ว่าลิซเป็นคนฉลาด เป็นคนที่มีเหตุผล แต่บางครั้ง 'ความรู้สึก' มันก็อยู่นอกเหนือเหตุผลนะ"
อลิสาขมวดคิ้ว "หมายความว่าไงนารา"
"ก็หมายความว่าบางทีสิ่งที่ลิซกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้ มันอาจจะไม่ใช่แค่การเล่นเกมอีกต่อไปแล้วก็ได้นะ" นาราตอบอย่างตรงไปตรงมา
อลิสาเงียบไป เธอพยายามทำความเข้าใจคำพูดของนารา
"ลิซจำได้ไหมว่าตอนที่เราเริ่มเล่นเกมนี้ ลิซบอกว่าลิซจะเล่นเพื่อพิสูจน์ว่าลิซไม่ใช่ผู้หญิงที่ถูกคีรินทร์จีบได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม" นาราถาม
อลิสาส่ายหน้าช้าๆ "ใช่มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้นแล้ว"
"ลิซเห็นคีรินทร์แสดงท่าทีหึงหวงลิซ แล้วลิซรู้สึกยังไง" นาราถามต่อ
อลิสาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ลิซรู้สึกแปลกๆ นะ เหมือนกับว่ามันทั้งสนุกและก็รู้สึกดีไปพร้อมๆ กัน"
นารายิ้มบางๆ "นั่นไงลิซ นั่นแหละคือสิ่งที่นาราอยากจะบอก"
"หมายความว่าไงนารา" อลิสาถามอีกครั้ง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความต้องการที่จะรู้ความจริง
"ก็หมายความว่าลิซอาจจะกำลัง 'อิน' กับเกมนี้มากเกินไปแล้วก็ได้นะ" นาราตอบ "ลิซกำลังเล่นกับความรู้สึกของตัวเอง โดยที่ลิซอาจจะไม่รู้ตัว"
"แต่ลิซไม่ได้ชอบคีรินทร์นะนารา" อลิสารีบปฏิเสธทันที
"จริงเหรอลิซ" นารามองเข้าไปในดวงตาของเพื่อนสนิท "ถ้าลิซไม่ได้ชอบคีรินทร์ แล้วทำไมลิซถึงต้องหมั่นไส้ยัยแพรไหมขนาดนั้น ทำไมลิซต้องพยายามยั่วโมโหคีรินทร์ให้เขาหึงหวง ทำไมลิซต้องรู้สึกสนุกที่เห็นเขาแสดงอาการเหล่านั้นออกมา"
คำพูดของนาราเป็นเหมือนค้อนที่ตอกย้ำความจริงลงไปในใจของอลิสา เธอเงียบไป ไม่สามารถหาคำโต้แย้งใดๆ ได้เลย เธอเริ่มรู้สึกว่าคำพูดของนารากำลังสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นภายในใจของเธอเอง
"ลิซนาราอยากจะเตือนลิซนะว่าการเล่นเกมกับความรู้สึกมันเป็นเรื่องอันตราย" นาราพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น "บางทีลิซอาจจะคิดว่าลิซควบคุมสถานการณ์ได้ แต่สุดท้ายแล้ว คนที่เจ็บปวดอาจจะเป็นลิซเองก็ได้นะ"
"แต่" อลิสากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกนาราขัดขึ้นเสียก่อน
"นารารู้ว่าลิซไม่เคยเปิดใจให้ใครได้ง่ายๆ ลิซมีกำแพงสูง นารารู้ว่าลิซเคยเจ็บปวดกับความรักมาก่อน" นาราพูดถึงอดีตของอลิสาที่เคยถูกคนรักหักหลัง ทำให้เธอสร้างกำแพงในใจขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเอง "แต่ลิซความจริงใจมันสำคัญกว่าการเล่นเกมนะ"
"การที่ลิซพยายามเอาชนะคีรินทร์ด้วยการเล่นเกม มันไม่ได้ทำให้ลิซมีความสุขหรอกนะลิซ มันอาจจะทำให้ลิซรู้สึกชนะในตอนแรก แต่สุดท้ายแล้ว มันก็อาจจะทำให้ลิซต้องเจ็บปวดมากกว่าเดิมก็ได้" นาราให้คำปรึกษาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวังดี
อลิสาเงียบไปอีกครั้ง เธอหลับตาลง พยายามทบทวนคำพูดของนาราทุกคำ เธอเริ่มมองเห็นภาพตัวเองที่กำลังหลงอยู่ในวังวนของเกมแห่งการเดิมพัน โดยที่ไม่ได้คิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา
"ถ้าลิซมีความรู้สึกดีๆ ให้คีรินทร์จริงๆ ลิซก็ควรจะบอกเขาไปตรงๆ ดีกว่าไหม" นาราเสนอแนะ "การซ่อนความรู้สึกไว้ภายใต้เกมเดิมพัน มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกนะลิซ"
อลิสาค่อยๆ ลืมตาขึ้น เธอเงยหน้าขึ้นมองนารา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสน แต่ก็มีความเข้าใจบางอย่างปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย
"แล้วถ้าลิซไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาจริงๆ ล่ะนารา" อลิสาถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"ถ้าลิซไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาจริงๆ ลิซก็ไม่ควรที่จะเล่นเกมนี้ต่อไปนะลิซ" นาราตอบอย่างจริงใจ "เพราะมันอาจจะทำให้ลิซต้องเจ็บปวด และมันก็อาจจะทำให้คีรินทร์ต้องเจ็บปวดด้วยเหมือนกัน"
คำพูดของนาราเป็นเหมือนน้ำเย็นที่ค่อยๆ สาดเข้ามาในจิตใจที่กำลังร้อนรุ่มของอลิสา เธอเริ่มคิดทบทวนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับคีรินทร์ และความรู้สึกที่แท้จริงที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจเธอ
อลิสาคิดถึงรอยยิ้มของคีรินทร์ สายตาที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และท่าทางที่ดูเป็นธรรมชาติของเขา เธอคิดถึงความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อเขาอยู่ใกล้ๆ และความรู้สึกไม่พอใจที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นเขากับแพรไหม
หรือจริงๆ แล้วเธออาจจะกำลังมีความรู้สึกพิเศษให้กับคีรินทร์โดยไม่รู้ตัว? ความรู้สึกที่เธอพยายามจะปฏิเสธมาตลอด?
อลิสาไม่รู้ว่าคำตอบคืออะไร แต่เธอรู้ว่าคำพูดของนาราได้จุดประกายความคิดบางอย่างขึ้นมาในใจของเธอแล้ว เธอจะต้องใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เพื่อค้นหาคำตอบให้กับความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ และตัดสินใจว่าเธอจะเดินหน้าต่อไปในเกมนี้อย่างไร หรือเธอจะเลือกที่จะยุติเกมนี้ และเผชิญหน้ากับความจริงใจของตัวเอง
"ขอบใจนะนารา" อลิสาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ "ลิซจะลองคิดดู"
นารายิ้มให้เพื่อนสนิท เธอรู้ว่าอลิสาเป็นคนฉลาด และเธอจะสามารถหาทางออกให้กับตัวเองได้แน่นอน เธอหวังว่าอลิสาจะเลือกเส้นทางที่นำพาความสุขมาให้เธอ ไม่ใช่เส้นทางที่นำพาความเจ็บปวด
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่