แม้ว่าธามจะยอมถอนตัวออกจากสนามรบแห่งความรักอย่างสง่างาม และความสัมพันธ์ระหว่างคีรินทร์กับอลิสาจะดูแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ในอีกมุมหนึ่งของสมรภูมิหัวใจ ภูริชยังคงไม่ยอมแพ้
เขามองเห็นช่องว่างจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกผิดและความกังวลที่อลิสามีต่อนาราและธาม ภูริชยังคงใช้กลยุทธ์ที่สุขุมและแยบยลต่อไป พยายามเข้ามามีบทบาทในชีวิตของอลิสามากขึ้น โดยเน้นการสนับสนุนทางธุรกิจและการแสดงออกถึงความเข้าใจในทุกสถานการณ์
ภูริชติดตามข่าวสารและสถานการณ์รอบตัวอลิสาอย่างใกล้ชิด เขาได้รับรู้ถึงเรื่องราวความรักสามเส้าระหว่างอลิสา คีรินทร์และนารา รวมถึงการถอนตัวของธาม เขานั่งอยู่ในห้องทำงานอันหรูหราของตัวเอง จิบกาแฟเอสเปรสโซ่รสเข้มพลางครุ่นคิดถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
"ความรู้สึกผิด นั่นแหละจุดอ่อน" ภูริชพึมพำกับตัวเองเบาๆ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา เขารู้ดีว่าอลิสาเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยนและใส่ใจผู้อื่น การที่เธอต้องทำให้เพื่อนสนิทอย่างนาราและเพื่อนที่ดีอย่างธามเจ็บปวด ย่อมสร้างรอยร้าวเล็กๆ ในใจของเธอได้
ภูริชเชื่อว่าความสัมพันธ์ที่ต้องผ่านบททดสอบและอุปสรรคมากมายย่อมมีจุดเปราะบางเสมอ โดยเฉพาะเมื่อความรู้สึกผิดเข้ามาเกี่ยวข้อง เขามองว่าความรักระหว่างคีรินทร์กับอลิสาแม้จะแข็งแกร่ง แต่ก็อาจจะยังไม่มั่นคงเท่าที่ควรหากมีปัจจัยภายนอกเข้ามาแทรกแซงอย่างถูกจังหวะ และปัจจัยนั้นก็คือเขาเอง
เขายังคงเชื่อมั่นในแผนการของตัวเองที่เน้นการสร้างฐานะและความน่าเชื่อถือในสายตาของอลิสาอย่างต่อเนื่อง เขาไม่ได้ใช้กลยุทธ์ที่รุนแรงหรือตรงไปตรงมาเหมือนแพรไหม หรือสารภาพรักอย่างเปิดเผยเหมือนธาม แต่เขาเลือกที่จะค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในชีวิตของอลิสาอย่างเงียบๆ และแนบเนียน
หลังจากที่บริษัทของอลิสาเริ่มกลับมาตั้งตัวได้ และเริ่มดำเนินโครงการใหม่ๆ ภูริชก็เริ่มเคลื่อนไหว เขาส่งข้อเสนอทางธุรกิจที่น่าสนใจมาให้อลิสาอยู่เสมอ โดยเป็นข้อเสนอที่ดูเหมือนจะเอื้อประโยชน์ให้อลิสาอย่างเต็มที่ ทำให้เธอปฏิเสธได้ยาก
วันหนึ่ง อลิสาได้รับอีเมลจากบริษัทของภูริช เป็นข้อเสนอการร่วมทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นโครงการที่น่าสนใจและมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จสูง ข้อเสนอมาพร้อมกับเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นและข้อได้เปรียบมากมาย ทำให้อลิสาต้องพิจารณาอย่างจริงจัง
อลิสาส่งอีเมลตอบกลับเพื่อขอนัดประชุมกับภูริช เมื่อทั้งสองได้พบกันในห้องประชุมที่ดูเป็นทางการ ภูริชก็ยังคงแสดงออกถึงความเป็นมืออาชีพและให้เกียรติอลิสาอย่างสม่ำเสมอ เขาอธิบายรายละเอียดของโครงการอย่างชัดเจน และเน้นย้ำถึงศักยภาพที่อลิสาและบริษัทของเธอจะได้รับ
“ผมเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทคุณอลิสาครับ” ภูริชพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่หนักแน่น
“และผมก็เชื่อว่าเราสามารถทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคมได้”
อลิสารู้สึกประทับใจในความเป็นมืออาชีพของภูริช เธอรู้สึกว่าเขาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่น่าเชื่อถือและสามารถพึ่งพาได้ แม้จะมีความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยจากความสัมพันธ์ส่วนตัวในอดีต แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธข้อเสนอที่น่าสนใจนี้ได้
การร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้ทำให้ภูริชมีโอกาสที่จะเข้ามาใกล้ชิดกับอลิสามากขึ้น เขาใช้โอกาสนี้ในการนัดประชุมบ่อยครั้ง เพื่อหารือเรื่องงาน ซึ่งเป็นข้ออ้างที่สมบูรณ์แบบในการพบปะกับอลิสาโดยไม่ทำให้เธอดูอึดอัด
นอกเหนือจากการสนับสนุนทางธุรกิจ ภูริชยังคงใช้กลยุทธ์การแสดงออกถึงความเข้าใจและความห่วงใยในชีวิตส่วนตัวของอลิสาอย่างแนบเนียน เขามักจะส่งข้อความสั้นๆ มาสอบถามความเป็นอยู่ หรือส่งของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มาให้ในโอกาสพิเศษ โดยไม่มีท่าทีคุกคามหรือล่วงเกิน
เมื่ออลิสาต้องเผชิญกับปัญหาในการทำงาน หรือความกดดันจากเรื่องส่วนตัว ภูริชก็จะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับคำแนะนำและกำลังใจที่เหมาะสมเสมอ เขารับฟังปัญหาของเธออย่างตั้งใจ และให้คำปรึกษาที่เป็นประโยชน์ โดยไม่ตัดสินหรือแสดงท่าทีลำเอียง
ครั้งหนึ่ง อลิสาต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในโครงการ เธอเครียดมากจนเกือบจะถอดใจ ภูริชรู้เรื่องนี้จากคนวงใน เขารีบโทรหาอลิสาทันที
“คุณอลิสาครับ ผมทราบว่าช่วงนี้คุณอาจจะกำลังเจอกับความท้าทายอยู่” ภูริชพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ “ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมพร้อมจะอยู่เคียงข้างและสนับสนุนคุณเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจหรือเรื่องส่วนตัว”
คำพูดของภูริชทำให้หัวใจของอลิสาอบอุ่นขึ้น เธอรู้สึกว่าในยามที่เธอกำลังอ่อนแอ ยังมีภูริชที่คอยเป็นกำลังใจให้เธออยู่เสมอ
ภูริชไม่ได้เสนอวิธีแก้ปัญหาโดยตรง แต่เขากลับเสนอช่องทางหรือโอกาสที่อลิสาจะสามารถใช้แก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเอง ซึ่งทำให้อลิสารู้สึกว่าเธอมีความสามารถและสามารถพึ่งพาตัวเองได้ การสนับสนุนในลักษณะนี้ทำให้ภูริชดูเป็นคนที่น่าเชื่อถือและเป็นที่พึ่งพาได้ในสายตาของอลิสา
อลิสารู้สึกขอบคุณในความช่วยเหลือและการสนับสนุนของภูริช เธอรู้สึกว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีและเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ไว้ใจได้ แต่ในใจลึกๆ เธอก็ยังคงมีความระแวงในตัวเขาอยู่บ้าง เธอพยายามที่จะรักษาระยะห่างที่เหมาะสม ไม่ให้ความสัมพันธ์เกินเลยไปกว่าคำว่าเพื่อนร่วมงานหรือคนรู้จักที่ดี
ในขณะเดียวกัน คีรินทร์เองก็เริ่มสังเกตเห็นการปรากฏตัวของภูริชในชีวิตของอลิสาที่ถี่ขึ้น เขารู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ไม่สามารถแสดงอาการหึงหวงออกมาได้อย่างเปิดเผย เพราะเขารู้ว่านั่นอาจทำให้อลิสารู้สึกอึดอัด และดูเหมือนเขาไม่ไว้ใจเธอ
คีรินทร์เลือกที่จะพูดคุยกับอลิสาอย่างตรงไปตรงมา “พี่เห็นภูริชเข้ามาวุ่นวายกับลิซบ่อยขึ้นนะครับ” น้ำเสียงของคีรินทร์พยายามที่จะสงบ แต่ก็ยังคงแฝงด้วยความกังวล
อลิสาเข้าใจในความรู้สึกของคีรินทร์ เธอจึงอธิบายให้เขาฟังถึงความจำเป็นในการร่วมงานกับภูริชในเชิงธุรกิจ และยืนยันว่าเธอไม่มีความรู้สึกพิเศษใดๆ กับภูริช
“ลิซรู้ว่าพี่คีรินทร์กังวล” อลิสาพูดพลางจับมือของคีรินทร์เบาๆ “แต่ลิซรักพี่คีรินทร์คนเดียวนะคะ ภูริชเป็นแค่พันธมิตรทางธุรกิจ และเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้นแน่นอนค่ะ”
คำยืนยันของอลิสาทำให้คีรินทร์รู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง แต่ความระแวงในตัวภูริชก็ยังคงอยู่ เขาตระหนักดีว่าภูริชเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว เพราะเขามีทั้งความฉลาด ความสุขุม และความสามารถในการเข้าถึงอลิสาในรูปแบบที่คีรินทร์เองก็ไม่สามารถทำได้ทั้งหมด
ภูริชยังคงไม่ละความพยายาม เขายังคงใช้กลยุทธ์ที่สุขุมต่อไป โดยเน้นการสร้างความผูกพันทางธุรกิจและทางอารมณ์กับอลิสาอย่างต่อเนื่อง เขารู้ดีว่าความรักไม่ใช่เรื่องที่รีบร้อนได้ และการค่อยๆ สร้างฐานที่มั่นคงในชีวิตของอลิสาจะนำไปสู่ชัยชนะในระยะยาว
เขาไม่ได้คาดหวังว่าอลิสาจะเปลี่ยนใจมารักเขาในทันที แต่เขากำลังสร้างภาพลักษณ์ของตัวเองให้เป็นคนที่อลิสาสามารถพึ่งพาได้ เป็นคนที่เข้าใจเธอในทุกสถานการณ์ และเป็นคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ไม่ว่าเธอจะสุขหรือทุกข์
ภูริชเชื่อว่าเมื่อถึงจุดหนึ่ง หากความสัมพันธ์ระหว่างอลิสากับคีรินทร์ต้องเจออุปสรรคครั้งใหญ่ หรือคีรินทร์ไม่สามารถตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ของอลิสาได้ทั้งหมด อลิสาอาจจะหันมามองเขาในฐานะทางเลือกหนึ่ง และนั่นคือเวลาที่เขาจะสามารถรุกคืบเข้าไปในหัวใจของเธอได้อย่างเต็มตัว
เขาจะยังคงสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคนรอบข้างของอลิสา โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจ เพื่อให้เขามีช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลและการช่วยเหลืออลิสาในทุกๆ ด้าน ภูริชไม่ได้มองว่านี่คือการเอาชนะ แต่เป็นการใช้ทุกโอกาสที่มีเพื่อพิชิตหัวใจของคนที่เขารัก
การที่ภูริชไม่ยอมแพ้และยังคงใช้กลยุทธ์ที่สุขุมต่อไป แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความฉลาดของเขา เขาเป็นตัวละครที่น่าจับตามองในเรื่องราวความรักครั้งนี้ เพราะเขาไม่ได้ใช้กำลังหรืออารมณ์ แต่ใช้สมองและจังหวะที่เหมาะสมในการเดินหมาก
อลิสาและคีรินทร์จะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหม่จากภูริช ซึ่งเป็นความท้าทายที่แตกต่างจากแพรไหมและธามอย่างสิ้นเชิง การรับมือกับความช่วยเหลือและความปรารถนาดีที่แฝงไปด้วยจุดประสงค์ จะเป็นบททดสอบสำคัญของความรักที่แท้จริงของพวกเขา
ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ภูริชได้สร้างสถานการณ์ที่ซับซ้อนและน่าติดตามยิ่งขึ้นให้กับเรื่องราว เขาคืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างคีรินทร์และอลิสาในอนาคต
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่