ตอนที่ 60 เบาะแสที่เริ่มเปิดเผย
ความกังวลที่เกาะกุมในใจของคีรินทร์เพิ่มขึ้นทุกวัน นับตั้งแต่บทสนทนากับอลิสาและเพื่อนๆ อย่างมิ้นท์และปกรณ์ ความรู้สึกว่าภูริชไม่ใช่คนดีอย่างที่แสดงออก และการที่เขามักจะปรากฏตัวในยามที่เกิดปัญหาในโปรเจกต์ของอลิสาเสมอ ทำให้คีรินทร์ไม่อาจอยู่เฉยได้อีกต่อไป เขารู้ดีว่าลำพังการระแวงเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะเปิดโปงใครได้ สิ่งที่เขาต้องการคือหลักฐาน หลักฐานที่หนักแน่นพอที่จะพิสูจน์เจตนาที่แท้จริงของภูริชและเชื่อมโยงเขากับแพรไหม
ในบ่ายวันหนึ่งขณะที่อลิสากำลังวุ่นอยู่กับการประชุมกับทีมวิศวกรที่ไซต์งานก่อสร้าง คีรินทร์ก็ตัดสินใจเด็ดขาด เขายกหูโทรศัพท์ติดต่อ
“คุณชูชาติ” นักสืบเอกชนมือฉมังที่เคยช่วยเหลือธุรกิจของครอบครัวเขาในเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาแล้วหลายครั้ง
“คุณชูชาติครับ ผมมีงานด่วนที่อยากให้คุณช่วย” คีรินทร์กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังและเด็ดขาด
“ผมต้องการให้คุณสืบประวัติและพฤติกรรมของคนสองคนอย่างละเอียด คนแรกชื่อภูริช เป็นนักธุรกิจที่เพิ่งเข้ามามีส่วนร่วมในโปรเจกต์ของบริษัทผม ส่วนอีกคนชื่อแพรไหม เป็นอดีตคนรู้จักของผม ผมต้องการทราบความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองนี้ว่ามีอะไรเชื่อมโยงกันหรือไม่ ทุกการเคลื่อนไหว ทุกการติดต่อ ผมต้องการข้อมูลทั้งหมด” คุณชูชาติรับฟังอย่างเงียบๆ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุขุม
“ได้ครับคุณคีรินทร์ ผมจะเริ่มดำเนินการทันที ขอเวลาสักสามวันทำการ ผมจะส่งรายงานเบื้องต้นให้คุณทางอีเมลนะครับ”
สามวันนั้นช่างยาวนานสำหรับคีรินทร์ ทุกครั้งที่โทรศัพท์ดังขึ้น หรือมีอีเมลเข้า เขาก็จะรู้สึกใจเต้นระส่ำด้วยความคาดหวัง
ในขณะเดียวกัน เขาก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเวลาอยู่ต่อหน้าอลิสา ไม่อยากให้เธอต้องกังวลไปมากกว่านี้ และยังคงให้คำปรึกษาเรื่องงาน รวมถึงพยายามหาทางปกป้องโปรเจกต์จากปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างลับๆ
ในที่สุด เมื่อครบกำหนด สามวันให้หลัง อีเมลที่รอคอยก็ถูกส่งมาถึง คีรินทร์เปิดไฟล์แนบด้วยความตื่นเต้นระคนตื่นตระหนก สายตาของเขากวาดอ่านรายงานทีละบรรทัด รูปภาพทีละภาพ
หัวใจของเขากระหน่ำเต้นแรงเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ รายงานของคุณชูชาติละเอียดและเป็นระบบ มีการรวบรวมข้อมูลอย่างครบถ้วน
ตั้งแต่ประวัติส่วนตัวของภูริชและแพรไหมไปจนถึงเส้นทางการเงิน และที่สำคัญที่สุดคือหลักฐานที่เชื่อมโยงคนทั้งคู่เข้าด้วยกัน มีภาพถ่ายหลายชุดที่แสดงให้เห็นภูริชและแพรไหมนัดพบกันในสถานที่ต่างๆ ทั้งร้านอาหารหรูหราส่วนตัว คาเฟ่เล็กๆ ที่คนพลุกพล่านน้อย หรือแม้แต่ภายในรถยนต์หรูของภูริชในยามค่ำคืน ทุกภาพแสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดและการพูดคุยกันอย่างเคร่งเครียด ไม่ใช่เพียงแค่คนรู้จักทั่วไป
แต่เป็นเหมือนพันธมิตรที่กำลังวางแผนบางอย่าง รายงานการเงินของภูริชยังแสดงให้เห็นถึงการโอนเงินก้อนโตหลายครั้งไปยังบัญชีธนาคารในต่างประเทศ ซึ่งบัญชีเหล่านั้นเชื่อมโยงกับ "บริษัทที่ปรึกษา" แห่งหนึ่งที่มีแพรไหมเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่ไม่มีประวัติการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจนในประเทศไทย
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบันทึกการโอนเงินจำนวนหนึ่งจากบัญชีบริษัทของแพรไหมไปยังบัญชีส่วนตัวของบุคคลที่เคยมีประวัติการจ้างแฮกเกอร์ ซึ่งตรงกับเหตุการณ์ระบบข้อมูลของโปรเจกต์ถูกแทรกซึม และสุดท้าย ยังมีการบันทึกหมายเลขโทรศัพท์และข้อความที่ภูริชและแพรไหมติดต่อกันบ่อยครั้งเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในเวลาที่เกิดปัญหาในโปรเจกต์ของอลิสา
เมื่อเห็นหลักฐานทั้งหมดนี้ คีรินทร์กำหมัดแน่นด้วยความโกรธและความเจ็บใจ เขาไม่เคยสงสัยเลยว่าแพรไหมจะยังคงเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขา แต่การที่เธอร่วมมือกับภูริชอย่างลับๆ เพื่อทำลายโปรเจกต์และแทรกแซงความสัมพันธ์ของเขากับอลิสานั้นเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายและน่ารังเกียจอย่างยิ่ง
คีรินทร์ตัดสินใจที่จะไม่เก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียวอีกต่อไป เขาเดินตรงไปยังห้องทำงานของอลิสา หัวใจเต้นรัวด้วยความกังวลว่าเธอจะรับมือกับความจริงนี้ได้อย่างไร
"ลิซครับ ว่างคุยกับพี่หน่อยไหม" คีรินทร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจังผิดปกติ อลิสาเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ สังเกตเห็นสีหน้าของคีรินทร์ที่เคร่งเครียด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เธอพยักหน้าและบอกให้เลขาพักการประชุมครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตามคีรินทร์ไปยังห้องรับรองส่วนตัว
เมื่อทั้งคู่เข้ามาในห้อง คีรินทร์ก็หยิบแท็บเล็ตขึ้นมาและเปิดไฟล์ภาพถ่าย พร้อมทั้งรายงานการสืบสวนเบื้องต้นให้อลิสาดู สีหน้าของอลิสาเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นภาพของภูริชและแพรไหมนั่งอยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิด ความรู้สึกตกใจและสับสนถาโถมเข้าใส่เธออย่างจัง
“พี่คีคะนี่มันอะไรกันคะ?” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“คุณภูริชกับแพรไหมทำไมพวกเขาถึงอยู่ด้วยกันแบบนี้คะ”
คีรินทร์สบตาอลิสาอย่างจริงจัง
“ลิซครับ พี่บอกลิซเสมอว่าพี่ไม่ไว้ใจภูริช พี่รู้สึกว่าเขาแปลกๆ มาตั้งแต่แรกแล้ว พี่เลยจ้างนักสืบไปสืบเรื่องของเขากับแพรไหม และนี่คือสิ่งที่นักสืบเจอครับ” เขาเลื่อนแท็บเล็ตไปตรงหน้าเธอ ชี้ไปยังภาพและข้อมูลการโอนเงิน “พี่เชื่อว่าแพรไหมกับภูริชร่วมมือกัน เพื่อทำลายโปรเจกต์ของเรา และทำลายความสัมพันธ์ของเราด้วย”
อลิสารู้สึกเหมือนโลกหมุนคว้างไปชั่วขณะ ข้อมูลทั้งหมดที่ประมวลผลในสมองของเธอนั้นขัดแย้งกับภาพลักษณ์ของภูริชที่เธอเคยเชื่อมาตลอด เขาเป็นคนใจดี เป็นคนมีน้ำใจ เป็นคนช่วยเหลือเธอในยามลำบาก แล้วทั้งหมดนั้นเป็นเพียงการหลอกลวงหรือ ความรู้สึกสับสน ความผิดหวัง และความโกรธเริ่มปะปนกันอยู่ในใจ
“ไม่จริงน่าพี่คีเขาดูเป็นคนดีขนาดนั้นเขาช่วยเหลือเรามาตลอดนะคะ” น้ำเสียงของอลิสาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความไม่เข้าใจ เธอรู้สึกเหมือนถูกหักหลังโดยคนที่เธอเคยไว้ใจ
“พี่รู้ว่าลิซอาจจะรับเรื่องนี้ยาก” คีรินทร์ดึงอลิสาเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน เขาลูบผมเธอเบาๆ เพื่อปลอบประโลม
“แต่หลักฐานมันชัดเจนนะครับลิซ ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นในโปรเจกต์ ทุกครั้งที่ภูริชเข้ามาช่วย มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกอย่างถูกจัดฉากไว้หมดแล้ว”
อลิสาเงียบไปครู่หนึ่ง เธอหลับตาลง พยายามรวบรวมสติและทำความเข้าใจกับความจริงที่โหดร้ายนี้ ยิ่งคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา เธอก็ยิ่งเห็นความเชื่อมโยงที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ภาพของภูริชที่แสนดีค่อยๆ จางหายไป เหลือไว้เพียงเงาของนักวางแผนผู้เย็นชาที่คอยบงการอยู่เบื้องหลัง ความตกใจเริ่มคลายตัวลง กลายเป็นความรู้สึกโกรธแค้นที่ปะทุขึ้นมา เธอห่างจากอ้อมกอดของคีรินทร์เล็กน้อย ดวงตาคู่สวยที่เคยเต็มไปด้วยความสับสน ตอนนี้กลับฉายแววเด็ดเดี่ยว
“พวกเขาจงใจทำลายเราเหรอคะพี่คี ทำลายงานของเรา ทำลายชีวิตของเรา?”
“ใช่ครับลิซ” คีรินทร์ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แต่พี่จะไม่ยอมให้พวกเขาทำได้สำเร็จเด็ดขาด”
อลิสาพยักหน้าช้าๆ ความโกรธทำให้จิตใจของเธอแข็งแกร่งขึ้น แทนที่จะจมอยู่กับความผิดหวัง เธอกลับเลือกที่จะลุกขึ้นสู้ “ลิซจะเชื่อพี่คีค่ะ ลิซจะเชื่อพี่คีคนเดียว”
คีรินทร์มองใบหน้าของอลิสาที่แม้จะยังคงซีดเผือด แต่แววตากลับมุ่งมั่นกว่าที่เคย เขาดึงอลิสาเข้ามากอดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นกอดที่แน่นแฟ้นกว่าเดิม เป็นการยืนยันถึงความรัก ความเชื่อใจ และความผูกพันที่ไม่มีอะไรจะมาทำลายได้
ในอ้อมกอดที่แน่นแฟ้นนั้น คีรินทร์ก้มลงจูบหน้าผากของอลิสาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะไล้ลงมายังพวงแก้มและริมฝีปากนุ่มนวล การจูบในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การปลอบโยน แต่เป็นการสื่อถึงความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้ง ความเจ็บปวดและความโกรธที่อลิสาได้รับจากความจริงที่น่าตกใจถูกหล่อหลอมด้วยความรักที่คีรินทร์มอบให้ พวกเขาจูบกันอย่างดูดดื่ม ปลดปล่อยความเครียด ความกังวล และความไม่สบายใจที่สะสมมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา มือของคีรินทร์ลูบไล้แผ่นหลังของอลิสาอย่างอ่อนโยน ดึงเธอเข้ามาใกล้ชิดจนแทบไม่มีช่องว่าง อลิสาเองก็ตอบรับสัมผัสของเขาด้วยความรู้สึกเต็มเปี่ยม เธอซบหน้าลงกับแผงอกแกร่งของคีรินทร์ สูดดมกลิ่นกายที่คุ้นเคย ราวกับจะซึมซับความเข้มแข็งของเขาเข้าสู่ร่างกาย การกอดจูบกันในครั้งนี้คือการยืนยันว่าไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ เข้ามา พวกเขาก็จะจับมือกันผ่านพ้นไปให้ได้ ความแนบแน่นทางกายที่ลึกซึ้งนี้เป็นเหมือนพลังที่เติมเต็มให้ทั้งคู่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูที่กำลังจะเปิดเผยตัวอย่างเต็มรูปแบบ
"พี่จะอยู่ข้างลิซเสมอครับ" คีรินทร์กระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูของอลิสา "เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน"
อลิสาพยักหน้า เธอเงยหน้าขึ้นมองคีรินทร์ ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยน้ำตาบัดนี้กลับเป็นประกายแห่งความหวังและความรัก
เธอรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว เธอมีคีรินทร์อยู่ข้างๆ และนี่คือความจริงเดียวที่เธอต้องการจะเชื่อ
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่