Share

เด็กเลี้ยง
เด็กเลี้ยง
Penulis: ดัชเชสติสต์แตก

1

last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-08 22:40:24

She is half of my soul, as the poets say.

She fell first, I fell harder.

เธอคือครึ่งหนึ่งของจิตวิญญาณฉัน

เธอเริ่มรักก่อน…แต่ฉันกลับถลำลึก

จนหมดหัวใจ

Prologue

กาลครั้งหนึ่ง

“คุณรออยู่ข้างล่างเถอะค่ะ” สุ้มเสียงสงบเย็นตามวัยวุฒิ บอกกล่าวอย่างเคยชินกับบรรดาผู้ติดตาม

“ครับ นาย”

เธอเดินขึ้นเนินด้วยตนเอง ปราศจากผู้ติดตามที่คอยเฝ้าดูความเรียบร้อยอยู่ด้านล่างของเนินสุสาน จนมาถึงหลุมศพที่หมายที่ตั้งอยู่จุดสูงสุด แสงอาทิตย์ยามคล้อยเย็นส่งสีแสงละมุนตาอาบทาทั้งเนินหญ้าให้เป็นสีแสดละมุนอบอุ่น

ครรลองสายตายังคงชัดเจนจนน่าเกลียดต่างจากในฝันนั้น...

ชัดเจนจนสังเกตถึงมือที่เริ่มมีริ้วรอยเล็กน้อยของตนเอง มือที่วางช่อดอกไม้ ยอบตัวลงแผ่วค่อยด้วยเพราะเรี่ยวแรงจากวัยสาวลดหายไปเกือบครึ่ง

“ฉันไม่ใช่เด็กน้อยของคุณแล้วนะคะ” พูดกับเจ้าของป้ายหลุมศพตรงหน้า หยิบใบไม้ใบหนึ่งที่ร่วงหล่นจรดกับเนินหญ้าเขียวชอุ่มออกให้พ้นทาง ที่นี่มีคนคอยดูแลและทำความสะอาดตลอดทว่าเธอก็มิอาจวางใจ จึงคอยเทียวมาเยี่ยมเยียนสม่ำเสมอมิเคยขาดตก

ราวกับขาดจากกันไม่ได้เลย...

สายลมพัดผ่านมา ทุ่งหญ้าโดยรอบเอนไหวส่งเสียงน่าฟัง สงบเย็น...

เส้นผมที่เริ่มมีสีดอกเลาแซมเล็กน้อยพัดทิ้งตัวสลวยไปตามสายลมหนาว

ทว่าในอ้อมกอดยังคงรู้สึกร้อน อบอุ่น ราวกับไออุ่นของคนที่จากไปยังคงประทับตราตรึง

ตราตรึงเช่นเดียวกันกับในความทรงจำ ทุกชั่วขณะจิต ปรากฏอยู่ทั่วทุกตัวตน หนแห่ง...

ราวกับอีกคนยังคงไม่จากเธอไปไหน ยังคงอยู่ตามที่เคยลั่นวาจาไว้

“ตายในสายตาไม้ พี่ว่ามันคุ้ม” รอยยิ้มของหล่อนคนนั้นยังคงเปล่งประกาย ดั่งทิวาที่ยอแสงอบอุ่นให้เธอเสมอ

แม้กระทั่งวินาทีสุดท้ายของชีวิต...

“งานก็ยังวุ่นวายเหมือนเคย พอไม่มีคุณยิ่งแล้วใหญ่ ยังดีที่ได้น้องสาวคุณมาดูให้ เพราะฉันก็ไม่ค่อยเชี่ยวชาญเหมือนกัน” พูดเล่าเหมือนอย่างที่ทำเสมอเมื่อมาพบกัน

“ฉันก็เลยลองคิดเล่น ๆ ว่าถ้าคุณยังอยู่”

ช่อดอกสบันงาที่ถูกวางไว้สงบ พลันกลีบดอกไหวระริกส่งกลิ่นกำจาย คะนึงหาอย่างเข้มข้น...

“ว่าถ้าเป็นคุณ...คุณจะทำยังไงนะ”

สายลมพัดเข้ามาทายทัก ปรากฏรอยยิ้มที่มุมปากของคนพูดคนเดียว เธอเป็นคนยิ้มแล้วจะดูสวยขึ้นมาทันตา...หล่อนคนนั้นเคยบอกเธอแบบนั้น

ดังนั้นเธอจึงยิ้ม

“อีกนานเลยกว่าฉันจะได้ไปหา ก็คุณเล่นดูแลฉันดียิ่งกว่าอะไร...”

สายลมพัดผ่านเข้ามาอีกครั้งอย่างอ่อนโยนและปลอบประโลม

น่าแปลกที่พอเวลาผ่านไปมันกลับไม่ได้เจ็บปวดอย่างที่คิด

จะเหลือก็แต่ความคิดถึงเหลือเกิน...

“คิดถึงคุณจัง...”

.

.

.

เสียงฝ่ามือฟาดเข้าที่ซีกใบหน้าราวรูปวาดนางในวรรณคดีจนดังลั่นก้องโถงสลัว จนคนถูกทารุณด้วยความจำยอมนั่นเอนล้มลงกองกับพื้นเย็นเยียบเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวอีกต่อไป

ที่ที่หล่อนเกลียดหนักหนา ทว่ากลับยินยอมให้ที่นี่กลืนกิน ทั้งที่ที่ผ่านมามิเคยมีใครกล้าดูหมิ่นใส่หล่อนขนาดนี้

ทว่าหล่อนกลับยินยอม ยอมแล้วเพื่อที่จะได้กลับไปหาใครบางคนที่เป็นดั่งแก้วกับอก

มันสำคัญขนาดนั้นเลยรึไง” สุรเสียงทุ้มทรงอำนาจของเจ้าบ้านแห่งนราธิปกดังเข่นเขี้ยวเค้นคอเอากับคนที่ทรุดลงตรงหน้าอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรง เพราะบอบช้ำจากการโดนซ้อมมากเหลือเกิน

กายนั้นไม่เท่าไร ทว่าใจนั้นยิ่งกว่าอะไรทั้งมวล...

“ขนาดที่จะทำให้แกยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อเด็กคนนั้นน่ะรึ”

เสียงหยดน้ำกระทบกับผิวน้ำ ณ บ่อน้ำกว้างใจกลางโถง แสงจันทร์จากหลังคาที่เปิดโล่งสาดส่องเข้ามาให้ความสว่างเล็กน้อย

พลัน...เสียงหัวเราะแผ่วค่อยดังมาจากปากที่บอบช้ำ จากคนที่ทรุดลงท่ามกลางบรรดาสายตาดูแคลนมิคิดให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด ได้แต่มองดูว่าหล่อนจะล่มจมได้ลึกเพียงใด

คล้องกันกับเสียงหยดเลือดที่หยดลงจากใบหน้า ท่ามกลางสายตาเหล่าธารกำนัลที่รอพิพากษาหล่อน

เสียงหัวเราะทุ้มน่าฟังกังวาน ราวกับกำลังทับถม เยาะเย้ยในสิ่งที่คู่สนทนา...คนที่ทำร้ายหล่อนมาตลอดมิคิดเห็นค่า

“อืม สำคัญสิ” เสียงแผ่วค่อยทว่ามั่นคง มันกังวานทุ้มหวานขณะที่พูดก็กำลังคิดถึงเด็กคนนั้นด้วย

คนที่ต้องตกใจแน่นอนหากเห็นสภาพของหล่อนแบบนี้เข้าเมื่อถึงบ้าน

คนคนเดียวที่ดีใจกับการมีอยู่ของหล่อน

คนคนเดียวที่เสียน้ำตาให้กับความเจ็บปวดของหล่อน

คนคนเดียวที่เสียสละชีวิตของตนเอง เพื่อให้หล่อนยังคงอยู่บนโลกเส็งเคร็งนี้

“สำคัญ...ยิ่งกว่าชีวิต” ยิ่งกว่าชีวิตอันไร้ค่าของหล่อนเหลือแสน

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เด็กเลี้ยง   19

    นีรามนเพียงหลับตาฟัง เป็นผู้ฟังที่ดี ดู ๆ แล้วก็เหมือนลูกแมวตัวน้อยที่ถูกจับให้กึ่งนั่งนอนบนตัก แล้วฟังหล่อนระบายความทุกข์ภายใน “เขาโดดเด่นกว่าฉันเสมอ ทั้งที่มาทีหลัง แต่ฉันดันถูกเอาไปเปรียบเทียบกับเขา” น้ำเสียงของศิรินภารวมทั้งสายตาดำมืดลง “ทั้งที่เป็นคนที่ไม่มีใครต้องการแท้ ๆ” ฝ่ามือกำเข้าหากันแน่นจนสั่นเทา น้ำเสียงเจือความต่ำต้อยน้อยใจด้อยค่าตนเองอย่างน่าตกใจ ทว่าเมื่อมีมือหนึ่งของเด็กน้อยเข้ามาทาบทับ เมื่อนั้นความคิดน้อยใจและความคิดลบ ๆ ทุกอย่างก็มลายหายไป เมื่อหันไปมองเจ้าของมือข้างนั้น ศิรินภาจึงให้ชะงักงัน… เมื่อสายตาของเด็กที่คิดว่าเพียงฟังหล่อนแบบผ่าน ๆ เท่านั้นกลับลืมตาขึ้นเพื่อสบสายตากับหล่อน ราวกับตั้งใจฟังทุกคำพูดของหล่อน คำพูดที่มันแทบจะไม่มีผลได้ผลเสียอันใดเลยกับเด็กคนนี้ หรือทำไปเพื่อเอาใจหล่อน? อย่างไรก็ตาม…บอกเลยว่าเด็กคนนี้ทำสำเร็จ “ความพยายามของคุณมันมีค่า อย่าดูถูกความพยายามของตัวเองสิ” ท่ามกลางความสลัวราง สายตาของนีรามนมั่นคงจริงใจ เปล่งประกาย เหมือนดาวท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิด คอยส่องแสงสว่างนำทางใจที่หลงทาง “คุณพยายามเพื่อที่จะทำให้คนที่คุณรักภูมิใจ สำหรั

  • เด็กเลี้ยง   18

    Thinkin Bout You สายตาเจ็บปวดของนีรามน...เด็กคนนั้น ยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงคำนึงของหล่อน หล่อนกำลังรู้สึกผิด? ไม่มีทาง เด็กนั่นมันกำลังแสดง เสแสร้ง ที่ร้องไห้...เพราะอยากให้ฉันสงสาร หรือเพราะเจ็บจริงกันแน่? “เป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้นค่ะ ถึงจะน่ารักจิ้มลิ้มถูกใจแขก แต่เขาก็ยืนยันว่าไม่รับงานอื่นนอกจากงานครัว” ดิษยาเคยกล่าวกับพันทิวาว่าอย่างนั้น และหล่อนก็รับรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ทว่าก็ยังเลือกที่จะรังแกเด็กนั่น ทำให้ตื่นกลัว... ก็แค่เด็กเสิร์ฟ...แค่เด็กเสิร์ฟ แต่ทำไมยังไม่ออกไปจากหัวสักที? “อีกอย่าง...ต่อจากนี้คงจะรับงานอื่นไม่ได้แล้วล่ะค่ะ เจ้าของดุขนาดนั้น” ดิษยาว่าอย่างมีนัย ซึ่งพันทิวาก็รับรู้ดีว่าเพราะอะไร กลับมายังปัจจุบัน ศิลาอยู่ ณ มุมห้อง พันทิวายกไวน์แดงขึ้นจิบ ภายในเพนท์เฮาส์ที่ถูกเปิดเพียงไฟจากด้านนอกดาดฟ้า แสงภายในจึงสลัวราง แสงไฟระยิบระยับจากเมืองหลวงเบื้องล่างสวยงามเหลือเกิน แต่ในอกกลับว่างเปล่าเหมือนเพนท์เฮาส์หลังนี้ที่ไม่มีใครเลย สายตาคมกริบจับจ้องยังทิวทัศน์มหานคร... คืนนี้ไม่มีใครที่จะได้อยู่กับหล่อนทั้งนั้น ไม่มีใคร . . . นีรามนยิ้มแย้ม ยกมือไหว้ตอบก

  • เด็กเลี้ยง   17

    สายตาของนีรามนเปิดมองยังคนมาใหม่ที่ยังคงยืนนิ่ง กอดอก ช่วยเธอหน่อย...นีรามนส่งสายตาเชิงขอร้อง ทว่าหญิงสาวคนนั้นกลับมองตอบตาเธอ แล้วยกยิ้ม นีรามนเกือบจะถอดใจ ทว่าสุดท้ายเธอคนนั้นกลับเข้าหาแขกกิตติมศักดิ์ ซึ่งนีรามนมั่นใจว่าหาใช่เพราะผู้หญิงคนนี้อยากช่วยเหลือเธอไม่ “ดูเหมือนคุณแพรจะเข้าใจผิดนะคะ วินอยู่นี่ค่ะ เด็กคนนั้นก็แค่เด็กเสิร์ฟ...” “เธอจะหาว่าฉันเลอะเลือนงั้นสิ” สุ้มเสียงที่พาให้นีรามนหนาวเยือกไปทั้งสันหลัง กอปรกับที่ได้มองสบสายตาคมสวยที่อยู่ชิดใกล้...ที่ยังคงไม่ห่างไปไหนแม้นีรามนจะพยายามขัดขืนเพียงใดก็ตาม พลันสายตาคมสวย เปลี่ยนเป็นดุดัน ห้ำหั่นคนที่เข้ามาขัดจังหวะไม่ดูตาม้าตาเรือ นีรามนรู้สึกถึงความอันตราย และรู้สึกอยากช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา ทั้งที่ลำพังตนเองนี่แหละที่ยังเอาตัวไม่รอด ทว่า...หญิงสาวคนนั้นกลับทำให้นีรามนรู้สึกเหนือคาด “เปล่านะคะ วินแค่จะเสนอ... ว่าวินน่ะดีกว่าเป็นไหน ๆ” ว่าพร้อมเยื้องย่างเข้าใกล้ หย่อนก้นนั่งลงไม่ใกล้ไม่ไกลอีกฝั่งของโซฟายาวกว้าง “ระดับคุณแพรน่ะเหมาะสมกับสิ่งที่ดีที่สุด หรือไม่ใช่” ความเงียบคลี่คลุมทั้งห้องแอร์เย็นเฉียบ ก่อนน

  • เด็กเลี้ยง   16

    มือบอบบางที่แข็งแรงกว่าที่คาด แยกเรียวขาของนีรามนออก กระโปรงตัวสั้นที่เมื่อนั่งก็ร่นขึ้นจนเห็นต้นขาอยู่แล้วก็ยิ่งเลิกขึ้นเมื่อมือร้อนแทรกเข้าไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ชั้นในเนื้อบางนุ่ม เสียงครางอย่างพยายามกักกลั้น สีหน้าที่นิ่วนั้นช่างน่ามอง ลมหายใจที่ขาดห้วงราวกับจะขาดใจให้ได้นั่น เด็กน้อยพยายามดิ้นออกจากตักราวลูกแมวน้อยในอยู่ในกำมือหล่อน ทว่าเมื่อหาทางรอดให้ตนเองไม่ได้ จึงซุกหน้าเข้ากับไหล่ของเธออย่างต้องการหลบความสะเทิ้นอาย เนื้อตัวสั่นเทา ลมหายใจและเสียงครางแผ่วขาดห้วงเป็นระยะ พันทิวาทอดสายตามองผลงานที่ตนเองบรรจงทำ ริมฝีปากกดจูบที่หัวไหล่นวลของเด็กน้อย ปลายนิ้วเริ่มสัมผัสได้ถึงความชื้นฉ่ำที่คงหวานล้ำ มือจึงละออกจากส่วนนั้นให้เด็กน้อยหวิวเล่น เข้าไปเกี่ยวแก้วบรั่นดีขึ้นมาดื่มอีกหน ก่อนจะโน้มใบหน้าช้อนเข้าหา แล้วจูบเด็กบนตักที่บัดนี้ไม่ทันตั้งตัวกับจูบนี้ จึงเผลอกลืนบรั่นดีรสร้อนแรงเข้าไปเต็มกลืน บางส่วนหยาดหยดหกเลอะเทอะเสื้อยืดสีขาวตัวน้อย จูบยังคงดำเนินต่อไป นีรามนเริ่มต่อต้านน้อยลงเพราะความร้อนรุ่มที่แผดเผาตามลำคอและช่องท้อง ก่อนจะลามไปทั่วทั้งกาย ตัดกับอากา

  • เด็กเลี้ยง   15

    หน้าห้องมีการ์ดถึงสี่คนด้วยกันที่คุมอยู่หน้าประตู ประจำหลักกันคนละทิศ ทว่านีรามนกลับไม่สนใจ เธอสนแค่หน้าที่ของเธอ เพียงแค่เดินเข้าใกล้ หนึ่งในนั้นที่ยืนอยู่ใกล้ประตูจึงถอยให้เธอและเปิดประตูบานหนาหนักให้เสร็จสรรพ นีรามนเดินเข้าไปพร้อมถาดเสิร์ฟผลไม้หลากหลายฉ่ำเย็นมีคุณภาพ แอร์เย็นเฉียบปะทะเข้าใบหน้าและผิวกายที่โผล่พ้นเสื้อสีขาวแขนกุดและกระโปรงสั้นอวดเรียวขา ทว่านีรามนกลับยังทำหน้าที่ของตนเอง ไม่สบสายตากับใครทั้งนั้น แม้จะนึกแปลกใจที่ในห้องนี้โล่ง ไม่มีหญิงสาวสวย ๆ เยอะแยะดังที่เธอคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ทว่ากลิ่นอายอันตรายที่คืบคลานและวนเวียนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนั้นคล้ายจะช่วงชิงลมหายใจของเธอไปได้ทุกเมื่อ เสียงแค่นหัวเราะหวานดังขึ้น “คำว่าศักดิ์ศรีคงใช้ไม่ได้สำหรับเธอหรอกมั้ง นีรามน” นีรามนที่กำลังวางถาดผลไม้ถึงกับนิ่งค้าง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองจึงคล้ายร่างกายถูกสาปให้เย็นเฉียบ กอปรกับที่เห็นรอยยิ้มเย้ยหยันของอีกคนที่ส่งมาทางเธอ ช่างดูถูกเหยียดหยามเธอให้จมดินสิ้นดี นีรามนข่มกลั้นความรู้สึกที่เหมือนหัวใจคล้ายถูกบดบี้ ยิ้มไม่ออก ทั้งควรยิ้มอย่างมีมารยาทต่อแขกคนสำคัญของคลับ “น้องฉันมั

  • เด็กเลี้ยง   14

    มองดูท่าทีของพันทิวา พบว่าเจ้าตัวแค่นยิ้ม...ยิ้มที่ไม่ถึงดวงตา เท่านั้นนีรามนจึงเบาใจ เธอตบตาอีกฝ่ายสำเร็จ ทั้งที่ในใจนั้นเจ็บปวดราวกับโดนน้ำกรดราดรด พันทิวาแค่นยิ้ม “ถ้างั้นก็ช่วยปอกลอกให้มันตลอดรอดฝั่งสิ ช่วยเป่าหูให้น้องฉันมันทำตามที่ฉันสั่งหน่อย ผลประโยชน์เข้าตัวเธอล้วน ๆ เลยนะ” “บอกให้มันทำตามที่ฉันต้องการ แค่นั้น...” พันทิวายกยิ้มหยัน อย่างดูแคลนอย่างถึงที่สุด “ส่วนจะไปกินกันลับหลังยังไง ฉันไม่ขัดอยู่แล้ว” นีรามนยกยิ้ม ไม่พูดอันใด เพราะหากพูดมากกว่านี้อีกฝ่ายคงจับสังเกตถึงเสียงสั่นเครือของเธอเป็นแน่ “ขอบคุณที่เลี้ยงอาหารค่ะ” นีรามนยกมือไหว้หล่อนตามประสาเด็กเคารพผู้ใหญ่ ก่อนจะกระชับกระเป๋าผ้าเดินจากอีกฝ่ายไป น้ำตาหยดหนึ่งรินไหลอาบแก้ม นีรามนใช้หลังมือเช็ดมันออกอย่างไม่ไยดี . . . “หยุด” เสียงเรียบเรื่อยดังจากที่นั่งด้านหลัง ชานนท์ทำตามทันที เขามองสังเกตสายตาของนายจากกระจกมองหลัง นายของเขากอดอก เมียงมองไปยังทางเข้าของห้างไม่ไกลจากถนนใหญ่นัก มองเห็นเด็กสาวในชุดนิสิตเรียบร้อยเดินออกมาจากตัวห้าง พร้อมกับเด็กนักเรียนหญิงวัยมัธยมปลายอีกสองคนที่ยกมือไหว้ติวเตอร์ของพว

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status